ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 904|ตอบกลับ: 18

มัมมี่...

 มาแรง [คัดลอกลิงก์]
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kindaieiji เมื่อ 2012-2-2 14:46





===> เรื่องจริงของมัมมี่ <===


      ผู้เขียนเชื่อแน่ว่า คำว่ามัมมี่
คงเป็นที่คุ้นหูหรือเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับท่านผู้อ่านเกือบทุกคน
และเป็นศัพท์ที่พูดแล้วก็นึกภาพออกได้ทันที
ว่ารูปร่างหน้าตาของมัมมี่เป็นอย่างไร
เมื่อนึกถึงมัมมี่ก็มักจะนึกถึงปิรามิด
สถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์
ที่ตั้งสูงทมึนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างคู่ไปด้วย
เพราะว่าสิ่งสองสิ่งนี้มันเป็น
สิ่งมหัศจรรย์
ที่เป็นสมบัติแห่งความลึกลับของชนชาวอิยิปต์โบราณ
        แม้จะมีการศึกษาเรื่องราวของมัมมี่มาเป็นเวลานานแล้ว  
แต่จนถึงปัจจุบันนี้การศึกษาความลับของมัมมี่ก็ยังคงกระทำอยู่
เพราะวิทยาการที่สูงขื้น
เครื่องไม้เครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพขึ้น
ยิ่งทำให้สามารถเจาะลึกเข้าไปสู่ความลับในประวัติศาสตร์นี้ได้มากขึ้น
เราสามารถเห็นนักวิทยาศาสตร์
และนักโบราณคดีเป็นจำนวนมากก้มหน้าก้มตาศึกษา
เรื่องราวของมัมมี่อย่างจริงจัง เช่น
ที่โรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
ที่พิพิธภัณฑ์ศูนย์วิทยาศาสตร์ประยุกต์แห่งโบราณคดี
ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย หรือว่า ที่สถาบัน -ศิลปศาสตร์แห่งเมืองดิทรอยท์ เป็นต้น
การศึกษานอกจากจะใช้วิธีผ่าศพมัมมี่โดยตรง
ก็ยังมีการนำเอาระบบการถ่ายภาพจากแสงเอกซเรย์ 3 มิติ
ที่เรียกว่า
Computerized Axial Tomography (CAT)
มาใช้ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องทำลายมัมมี่ที่ใช้ศึกษาอยู่แล้ว
ยังสามารถให้รายละเอียดได้อย่างชัดเจนด้วย
        จากความเชื่อของมนุษย์นับเป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปีมาแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องของร่างกาย และวิญญาณ
โดยที่เชื่อว่าการตายก็คือการที่วิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างที่เคยอาศัยอยู่
ความเชื่อถือของชาวอียิปต์โบราณ
คิดว่าวิญญาณที่ได้หลุดลอยออกจากร่างเมื่อถึงเวลาหนึ่งได้เข้าไปสู่โลกอีกโลกหนึ่ง
ซึ่งอาจจะเรียกว่า “โลกของพระเจ้า” และในวันหนึ่งข้างหน้าวิญญาณนั้นก็จะกลับมา
ข้อสำคัญเมื่อวิญญาณกลับมาแล้วก็ต้องอาศัยร่างกายอยู่
และร่างกายที่จะอาศัยอยู่ได้ก็คงจะต้องเป็นร่างกายของตนเอง
ซึ่งครั้งหนึ่งตนได้เคยอาศัยอยู่แล้ว จากความเชื่อถือนี้
การรักษาร่างกายให้คงสภาพไว้
เพื่อรอการกลับมาของเจ้าของเดิม
จึงเป็นสิ่งที่ชาวอียิปต์โบราณหาวิธีการทีจะทำให้ได้
        ทุกสิ่งมีวิวัฒนาการ มัมมี่ก็เช่นกัน
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของอียิปต์โบราณ
ร่างกายของคนตายได้ถูกห่อไว้ด้วยผ้าหรือเสื่ออย่างลวก ๆ
และถูกฝังไว้ในหลุมแคบ ๆ
ภายใต้พื้นทรายลึกลงไปไม่กี่ฟุต
หลุมที่ฝังก็อาจจะขุดกันอย่างหยาบ ๆ
อาจจะมีการก่ออิฐหรือปูด้วย ไม้กระดานบ้าง
แต่ก็ไม่มีศิลปะอะไร
การฝังศพแบบนี้ชาวอียิปต์ในยุคนั้นก็ได้พบความจริงข้อหนึ่งว่า
ภายใต้ความร้อนระอุของพื้นทรายที่ถูกแสงแดดอันแรงกล้าเผาอยู่ตลอดเวลา
ศพภายในหลุมหยาบ ๆ นั้นมีสภาพเหมือนถูกอบหรือตากแห้ง
และมีผลทำให้ศพนั้น ยังคงสภาพอยู่ได้เป็นเวลานาน
การที่ศพไม่เน่าเปื่อยและจากความคิดความเชื่อถือที่ว่า
วันหนึ่งวิญญาณที่จากไปก็จะกลับคืนมาอีก
ญาติพี่น้องก็เลยกลัวว่าถ้าศพฟื้นขึ้นมาเมี่อไร
ก็อาจจะกลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกไปก็ได้
ก็เลยฝังพวกหม้อข้าวหม้อแกง
เพชรพลอยหรือแม้แต่เครื่องใช้เครื่องมือในการทำมาหากินเอาไว้ให้ด้วย


        เมื่อนานวันเข้า  
ความตายเป็นสิ่งมนุษย์เริ่มพิถีพิถันกันกับมัน
พิธีรีตองเกี่ยวกับคนตายก็ชักจะมีมากขึ้น
หลุมฝังศพชนิดที่ว่าสักแต่ขุดให้มันเป็นรูปเป็นโพรงก็ชักจะไม่เข้าทีเสียแล้ว
หลุมศพจึงเริ่มพัฒนาตัวมันเอง
เริ่มจากการที่ต้องขุดอย่างมีศิลปะ มีการก่ออิฐทำผนังหลุม
และก็พยายามจัดทำให้เหมือนกับเป็นห้องๆ หนึ่ง
และเพื่อให้คนตายได้นอน อย่างสบาย ๆ
เหยียดแข้งเหยียดขาได้เต็มที่
แทนที่จะต้องถูกมัดให้คุดคู้อยู่ในหลุมรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ซึ่งผู้ตายพูดได้ก็คงจะบ่นว่าอึดอัดเหลือทน
หลุมที่ฝังก็เลยแปรเปลี่ยนมาเป็นลักษณะรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ศพเลยสามารถที่จะเหยียดร่างได้เต็มที่
ไม่จบเพียงแค่นั้น เพื่อให้คนตายมีความรู้สึกว่าอาศัยอยู่ในบ้านจริง
เหนือหลุมฝังศพก็เลยต้องก่อสร้างให้รูปทรงคล้ายกับบ้าน
มีหลังคามีฝาผนังทำนองนั้น
ที่มีฐานะหน่อยก็อาจจะสร้างให้คล้ายๆ กับวังไปเลย
เมื่อหลุมศพถูกวิวัฒนาการมาเป็นอย่างนั้น
ศพที่เคยถูก “อบแห้ง” โดยธรรมชาติภายใต้ผิวทรายร้อน ๆ
ก็เลยเป็นอันว่าจบกัน ปัญหาเรื่องศพเน่าเปื่อยก็เลยตามมา

        ในยุคของราชวงศ์อียิปต์แรก ๆ
(ก็ราวๆ เกือบ 3000 ปีก่อนคริสตศักราช)
ศพจะถูกห่อ และมัดอย่างแน่นหนาด้วยผ้าลินินซึ่งอาบน้ำยา
ศพถูกห่อไว้ด้วยผ้าหนามากจนแลดูกลมกะลุกปุ๊ก ถ้าจะเรียกว่ามัมมี่ก็คงเป็นมัมมี่ตุ๊ต๊ะ
        ล่วงเลยมาจนถึงราชวงศ์ที่สองแห่งอียิปต์
(ประมาณ 2800 ปีก่อนคริสตศักราช)
ความพยายามที่จะแต่งตัวให้มัมมี่ดูหล่อขึ้นก็เริ่มกันตอนนี้
มีการห่อศพด้วยผ้าลินินชุบน้ำยาอย่างพิถีพิถัน
การห่อก็ไม่ใช่สักแต่ว่าห่อ ๆ ไป
มีการพัวหัวพันขาแขน หรือพันรอบหน้าอก
หน้าท้องเป็นส่วน ๆ พูดง่าย ๆ
ก็คือพันให้เห็นเป็นรูปทรงของคน
ไม่ใช่พันแบบให้ต้องเดาว่าภายในห่อผ้านั้นเป็นหมูหรือเป็นคน
แม้แต่นิ้วมือนิ้วเท้าก็พยายามพันเน้นให้เห็นนิ้วทั้ง 5
(จะได้ไม่เข้าใจผิดว่าก่อนตายอ้ายหมอนี่นิ้วด้วนหรือเปล่า)
        ความพยายามของการศึกษาของนักแต่งศพชาวอียิปต์
ค้นพบว่าสาเหตุของการเน่าเปื่อยของศพ
อวัยวะภายในมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาก
ดังนั้นการทำความสะอาดภายใน
จึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ศพถูกรักษาให้คงทนได้ยาวนานขึ้น
ดังนั้นในปลายราชวงศ์ที่สามแห่งอียิปต์โบราณ
(ราว 2600 ปีก่อนคริสตศักราช)
การล้วงตับล้วงไส้ ของศพ-ออกมา
จึงเป็นกรรมวิธีสำคัญของนักแต่งศพชาวอียิปต์
        ในหลุมฝังศพของราชินีที่สี่แห่งราชวงศ์อียิปต์โบราณ
พระนาม “ราชินีเฮเตเฟเรส” (Hetepheres)
ซึ่งเป็นพระชายาแห่งสเนฟรู (Snefru)
หรือว่าเป็นพระชนนีของกษัตริย์คืออปส์
ได้มีการค้นพบภาชนะหินปูน ซึ่งภายในบรรจุอวัยวะภายในของราชินี
แช่ไว้ด้วยของเหลวที่เรียกว่าเนตรอน (Natron)
ซึ่งเป็นสารละลายของโซดาชนิดหนึ่ง
เป็นที่น่าทึ่งที่ว่าภาชนะนี้มีการปิดผนึกอย่างดีจนของเหลวดังกล่าว
อยู่ในนั้นได้เป็นเวลา 4000 ปี
ดอง
เครื่องในของพระราชินีให้คงสภาพไว้ได้อย่างนานแสนนาน
        ในช่วงประวัติศาสตร์ของอียิปต์โบราณตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 4-5
(2570-2450 ปีก่อนคริสตศักราช)
เทคนิคของการทำมัมมี่ได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างมัมมี่ของเพตริค (Peric)
ซึ่งค้นพบโดยนักอียิปต์วิทยาชาวอังกฤษชื่อ วิลเลี่ยม เอ็ม เอฟ เพตริค (William M.F.Petric)
แสดงให้เห็นถึงเทคนิคของการทำมัมมี่ในยุคของราชวงศ์ที่ 5
ศพจะถูกพันมัดด้วยแถบผ้าลินินอย่างประณีต
มีการแสดงถึงรูปลักษณะภายนอกด้วยยางสนชนิดหนึ่ง
ซึ่งมีความคงทนถาวรมาก
ขนาดคิ้ว หรือหนวดของผู้ตายก็ยังแสดงออกให้เห็น
สภาพมัมมี่อยู่ในลักษณะเหยียดตรงเต็มส่วนสูง
อวัยวะภายในถูกคว้านออก
มีการทำความสะอาดแล้วอัดให้แน่นด้วยก้อนผ้าลินินอาบน้ำยา
เทคนิคต่างๆ ที่ใช้ก็มีผลในการรักษาอวัยวะทุกส่วนในร่างกายให้คงสภาพอยู่ได้อย่างถาวร
แม้แต่รูปลักษณ์ที่ปรากฏภายนอกก็พยายามจัดทำให้คงสภาพไว้
(มัมมี่ของเพตริคนี้ได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่วิทยาลัยศัลกรรมหลวงในกรุงลอนดอน
แต่เป็นที่น่าเสียดาย
ว่าถูกทำลายไปในสงครามโลกคราวที่กรุงลอนดอนถูกโจมตีทางอากาศในปี ค.ศ. 1941)
        หลักฐานมัมมี่มีอีกชิ้นหนึ่ง
ที่แสดงถึงความเจริญของวิชาการด้านนี้ในยุคราชวงศ์ที่ 5
ค้นพบโดยนักอียิปต์วิทยาชาวอเมริกันชื่อ ยอร์ช เอ ไรส์เนอร์
ซึ่งขุดเจอที่ปิรามิดแห่งกิซา
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า
มัมมี่ที่พบนี้เป็นศพของเยนตี้ (Yenty) อัครมหาเสนาบดีในยุคนั้น
มัมมี่ได้ถูกประจุไว้ในโลงศพที่ทำด้วยหินแกรนิต
ถึงแม้ว่าสภาพของมัมมี่จะถูกทำลายไปโดยฝีมือของคนร้าย
ที่ทำมาหากินกับการขุดสมบัติในสุสานของอียิปต์โบราณ
แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยของเทคนิคชั้นสูงในการทำมัมมี่ให้เห็นอยู่
โดยเฉพาะเค้าหน้าของมัมมี่ถูกรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพเดิมได้อย่างน่าทึ่ง
        ที่นี้ก็มาถึงยุคราชวงศ์ที่ 6 บ้าง
(ราวปี 2340 ก่อนคริสตศักราช)
เริ่มมีการใช้ปูนปลาสเตอร์ฉาบหน้าหรือศีรษะ
บางทีก็พอกมัมมี่ทั้งตัว
ใบหน้าที่พอกฉาบด้วยปลาสเตอร์
มีการรเขียนและตกแต่งเป็นรูปใบหน้าอย่างสวยงาม
หลังจากพอกหนัก ๆ เข้า
สัปเหร่อปัญญาชนก็เลยมองเห็นลู่ทางอื่นในการตกแต่งใบหน้าของมัมมี่
ด้วยการทำเป็นหน้ากากสวม
หน้ากากที่ว่านี้ทำด้วยสารคาร์ตันเนจ (Cartonnege)
ซึ่งเป็นส่วนผสมของกระดาษปาปีรับ (Papyrus) ผ้า และปลาสเตอร์รวมกัน
หน้ากากที่ทำนี้มีน้ำหนัก แข็งแรง และความคงทนมากกว่า
รวมทั้งสามารถตกแต่งให้สวยงามได้
ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าสมัยนั้นจะมีการทำหน้ากากคาร์ตันเนจออกขายหรือเปล่า
ใครตายแล้วอยากจะสวมหน้ากากแบบไหนจะได้หาซื้อไว้
ภายหลังไม่ใช่แต่เฉพาะศีรษะหรือใบหน้าเท่านั้นที่ปกปิดไว้ด้วยหน้ากากคาร์ตันเนจ
เทคนิคนี้ลามลงไปจนถึงปิดไปทั่วตัวและนี่คือที่มาของโลงศพรูปคน
เทคนิคของมัมมี่ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นในช่วงราว 2050-1990 ก่อนคริสตศักราช
หรือที่เรียกว่าเป็นช่วงอาณาจักรยุคกลางของอียิปต์โบราณ
        จวบจนถึงยุคอาณาจักรของพระเจ้าทีบส์ (Thebes)
ในราว 1550 ปีก่อนคริสตศักราช
เทคนิคของมัมมี่พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด
นอกจากอวัยวะการภายในจะถูกนำออกมาแล้ว
จัดกลับเข้าไปด้วยผ้าอาบน้ำยายังมีการดูดมันสมองออกจากกะโหลกอีกด้วย
เทคนิคของการใช้สารเคมีต่าง ๆ มีมากขึ้น
สารเคมีบางอย่างถูกฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง
เพื่อที่จะรักษาสภาพของผิวหนังให้เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลอยู่ได้นาน ๆ
        จากการฝังศพลงไปในหลุมที่ขุดอย่างหยาบ ๆ
ภายใต้พื้นทรายอันร้อนระอุ
ค่อยเปลี่ยนแปลงมาเป็นหลุมที่มีการตกแต่งผนังให้ดูเรียบร้อย
เหนือหลุมฝังศพก็มีการก่อสร้างจำลองเป็นรูปบ้าน
ลักษณะของหลุมศพในยุคอียิปต์ต้น ๆ ค่อนข้างเล็ก
ซึ่งคิดว่าศพคงต้องนอนคุดคู้อยู่ภายใน
ต่อมาก็จึงเปลี่ยนมาเป็นหลุมรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ซึ่งกว้างยาวพอที่ศพจะนอนเหยียดได้อย่างเต็มที่
ต่อมาศพก็ค่อยเลื่อนขั้นขึ้น
มีการบรรจุลงในหีบศพซึ่งมีทั้งหีบไม้ หินปูน จนถึงหินแข็งอย่างหินแกรนิต
        ความคิดของชาวอียิปต์ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่
จากหีบศพที่เรียบ ๆ  เริ่มมีการตกแต่งจัดทำรอบ ๆ หีบศพให้ดูมีลักษณะเหมือนพระราชวัง
บวกกับความเชื่อถือทางศาสนา
หีบศพบางอันจึงมีการเขียนรูปดวงดาวคู่หนึ่งไว้ด้วย
ด้วยเกรงว่าเจ้าของหีบศพไม่สามารถทัศนาโลกภายนอกอันสดใสได้
ภายหลังหีบศพไม่เพียงแต่แกะสลักหรือวาดรูปแต่เฉพาะภายนอก
แม้แต่ภายในก็มีการตกแต่งประดับประดาด้วย
คงจะคิดว่าบ้านจะน่าอยู่ไม่ใช่แต่จะแต่งเฉพาะภายนอก
ภายในก็ต้องหรูด้วย และสิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือ
คำจารึกเหนือ -หีบศพ
เป็นคำสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้าได้ช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่อยู่ในหลุมนั้นด้วย
        แน่นอน ถ้าหีบศพเปรียบเสมือนบ้านก็คงจะมีแต่ตัวบ้านเฉย ๆ ไม่ได้
ก็มีการวาดภาพเครื่องใช้ เสื้อผ้า เครื่องมือ เฟอร์นิเจอร์
ตลอดจนอาวุธที่ใช้ป้องกันตัวบนแผ่นหินข้างหีบศพด้วย
ทั้งนี้เพื่อเอาไว้ให้ผู้ตายได้ใช้สอย
        จะเห็นว่าความคิดทีจะจัดเตรียมของใช้ต่าง ๆ ไว้ให้สำหรับคนตาย
ยังมีอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ในพิธีกงเต๊กของคนจีน
บรรดาเครื่องใช้ไม้สอยที่ทำด้วยกระดาษถูกเผาในพิธีเพื่อจัดส่งให้คนตายนำไปใช้ในภพหน้า
และก้าวหน้าจนถึงขั้นในปัจจุบันนี้สิ่งที่เผาส่งไปให้นอกจากบ้านพร้อมที่ดิน แล้ว
ยังมีรถคันใหญ่ ๆ (บางทีก็ระบุยี่ห้อเบนซ์หรือวอลโว่ลงไปด้วย)
ที.วี. สีตลอดจนตู้เย็น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
คิดว่าในอนาคตข้างหน้าโรงไฟฟ้าในเมืองผีมีหวังต้องขยายโรงงานแน่
และน้ำมันก็คงจะต้องขึ้นราคาเพราะใช้รถกันเยอะ
        ต่อมาหีบศพก็เริ่มเปลี่ยนแปลงมาทำจำลองเป็นรูปคน
มีการแกะสลักหน้าตาอวัยวะต่าง ๆ
ส่วนใหญ่มักจะทำเป็นรูปคนยืนเหยียดตรง
มือทั้งสองผสานไว้ที่หน้าอก
หีบศพรูปคนเหล่านี้เก็บไว้ภายในหลุมฝังศพที่ก่อสร้างเป็นรูปอาคารอีกทีหนึ่ง
บางทีอาจมีหลาย ๆ หีบรวมอยู่ในหลุมเดียวกันก็ได้
        ภายหลังเมื่อมีการคว้านเอาอวัยวะภายในของศพก่อนจะทำเป็นมัมมี่
อวัยวะเหล่านี้ก็ต้องถูกเก็บรักษาด้วย
จึงจะต้องมีการจัดทำภาชนะเพื่อที่จะเก็บอวัยวะเครื่องในเหล่านี้
ภาชนะพวกนี้มีชื่อเฉพาะเรียกว่า
คาโนปิค (Canopic) มาจากชื่อของคาโนปัส (Canopus) นักรบแห่งเมนาเลียส (Menaleus)
ซึ่งศพของเขาถูกเก็บไว้ในภาชนะรูปทรงคล้ายตุ่ม
(คือป่องกลาง)
มีฝาครอบทำเป็นรูปหัวคน
ด้วยเหตุนี้คาโนปิคจึงมีลักษณะคล้ายตุ่มมีฝาครอบ
แต่มีทั้งหมด 4 ฝาด้วยกัน
เนื่องจากตัวภาชนะบรรจุเครื่องในเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
แต่ละส่วนก็บรรจุอวัยวะสำคัญ 4 อย่าง ด้วยกันคือ
ตับ กระเพาะ ปอดและลำไส้ใหญ่
(ถ้าเป็นเครื่องในหมูฟังแล้วชวนให้หิวข้าว)
และ แต่ละช่วงที่บรรจุ -เครื่องในเหล่านี้
มีน้ำยาที่เรียกว่าเนตรอน (Natron) อยู่ด้วย
เป็นที่น่าสังเกตว่าอวัยวะดังกล่าว 4 อย่างนี้
ไม่มีหัวใจอยู่ด้วย
เนื่องจากนักแต่งศพชาวอียิปต์ถือว่า
ห้ามควักหัวใจ-ออกจากตัวศพ
        ในตอนต้น ๆ ฝาครอบหรือฝาปิดของคาโนปิคทำเหมือนๆ กันหมด
ต่อต่อมาฝาครอบเหล่านี้เริ่มมีการแกะสลักเป็นรูปของ
ผู้คุ้มครองทั้ง 4
ซึ่งได้แก่อิมเซตี้ (Imsety) แกะสลักเป็นรูปหัวคน
เดวาอุเตฟ (Dewau-mautef) แกะสลักเป็นรูปหัวหมา
ฮาปิ (Hapy) แกะสลักเป็นรูปหัวลิงและ
สุดท้ายเคเบห์สเนเวท (Kebehsnewet) แกะสลักเป็นรูปหัวเหยี่ยว
(แต่ละห่านล้วนแต่ออกชื่อยาก ๆ ทั้งนั้น ขออภัยด้วย)
ผู้ปกป้องทั้งสี่ก็ดูแลอวัยวะสำคัญแต่ละอย่างไป
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่คนเป็นทำให้คนตายในความเชื่อถือของอียิปต์โบราณก็คือ
คนใช้
เพราะคิดว่าถึงแม้คนตายจะมีเครื่องใช้ไม้สอยที่จัดทำไว้ให้แล้วมากมาย
แต่ถ้าขาดคนรับใช้ชีวิตก็คงไม่สุขสบายเท่าที่ควร
ดังนั้นในพิธีศพสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือจัดหาคนใช้ให้กับผู้จากไปด้วย
ในตอนแรก ๆ ก็ใช้วิธีการวาดภาพเอา
ต่อมาก็จัดทำเป็นรูปปั้นซึ่งอาจจะทำด้วยดินเหนียว สีผึ้ง หรือแกะสลักด้วยไม้
ต่อมาในราวยุคราชวงศ์ที่ 12 แห่งอียิปต์โบราณ
ตัวแทนที่จะส่งไปเป็นคนรับใช้ของผู้ตาย ก็ทำเป็นรูปมัมมี่ด้วย
มีการพันด้วยผ้าลินินและบรรจุไว้ในหีบศพจำลองขนาดเล็ก ๆ
รูปลักษณ์เหล่านี้มีชื่อเรียกว่า “ชาวับติ” (Chawabti)
ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้ขานรับ
เพื่อที่ว่ายามใดที่ต้องการใช้เมื่อเรียกขึ้นมาแล้ว
ผู้รับใช้นี้ก็จะขานรับคำสั่ง
ชาววับติมักทำเป็นรูปมัมมี่บางทีมือทั้ง 2 ข้างประสานไว้ที่อก
หรือบางทีก็ทำเป็นรูปเครื่องมือต่าง ๆ เช่น จอบ เสียม ตะกร้า ให้ถือเอาไว้
และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือคำจารึกคำสวดที่พอจะแปลได้ตามความหมายว่า

“โอ..ชาวับติเจ้าเอ๋ย
ถ้านาย..(ออกชื่อคนตาย) เรียกใช้เจ้าเมื่อไร
ไม่ว่าจะให้ทำไร่ไถนา
ทดน้ำขนส่งทราย
เพื่อเห็นแก่พระเจ้าก็ขอให้เจ้าขานรับว่า..
ข้าพร้อมที่จะทำแล้วขอรับ”

        จากความเชื่อของชนชาวอียิปต์โบราณ
ในเรื่องของชีวิตหลังความตายว่าวันหนึ่งชีวิตนั้นจะกลับคืนมา
เป็นแรงบันดาลใจให้ชาวอียิปต์โบราณคิดค้นหาวิธีจะรักษาร่างกายเอาไว้
เพื่อรอการกลับมาชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
และชาวอียิปต์โบราณทำได้ด้วยวิทยาการสมัยโบราณ
ที่แม้คนสมัยนี้ซึ่งเวลาได้ล่วงเลยมาแล้วสี่พันปีก็ยังต้องทึ่ง
และจากการศึกษาเราทราบว่า
กว่ามัมมี่จะวิวัฒนาการจนถึงสูงสุดของมัน
มันก็ต้องใช้เวลาในการทำเหมือนกัน
และถึงแม้จนถึงขีดสูงสุดของมันก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาเหมือนกัน
และถึงแม้จนถึงปัจจุบันนี้
มัมมี่จากหลุมตลอดจนจากปิรามิดต่างๆในอียิปต์
ไม่มีสักร่างเดียวที่จะฟื้นขึ้นมา
เพื่อบอกความลับในยุคนี้กับนักวิทยาศาสตร์ของเรา
จากเรือนร่างที่คงทนต่อสู้กับ ความเน่าเปื่อยมาจนถึงเดี๋ยวนี้ก็พอเพียงแล้ว
นักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีของเรา
พยายามอ่าน ถึงประวัติศาสตร์ในยุค
และเดี๋ยวนี้วิทยาการทางด้านการวิเคราะห์ด้วยแสงเอกซเรย์
ทั้งแบบธรรมดา และ axial tomography
ถูกนำมาใช้ด้วย
ก็ยิ่งทำให้เราศึกษาและรู้เรื่องราว ของชนชาติอียิปต์โบราณได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งทางด้านโบราณคดีหรือ -นิเวศน์วิทยา เช่น
จากการศึกษามัมมี่ของเซเคเนนเรที่ 2 ของนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ (Erhard Metnel)
โดยการใช้แสงเอกซเรย์พบว่า สมองของเซเคเนเรที่ 2 ได้รับบาดเจ็บจากรอยแผลที่เกิดขวาน
ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่าเขาบาดเจ็บจากสนามรบ
และพบต่อไปว่าแขนข้างหนึ่งของเขาเป็นอัมพาตไป
ซึ่งก็คงเนื่องจากบาดแผลที่สมอง
แต่จากการวิเคราะห์ที่ละเอียดพบว่ามีบาดแผลที่เกิดจากหอกปรากฏอยู่ที่หลังใบหูซ้าย
จึงช่วยสงสัยว่าเซเคเนนเรที่ 2 อาจถูกลอบสังหารทางข้างหลังก็ได้
        นอกจากนี้การศึกษาด้วยแสงเอกซเรย์ทำให้เรารู้ว่าฟาโรห์แต่ละคนในอดีต
มีสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง เช่น
เราสามารถนึกถึงภาพว่าฟาโรห์ซิบตาห์ (Siphtah)
คงจะไม่สามารถเสด็จไปไหนมาไหนด้วย ลำพังพระองค์เอง
หรือไม่ก็อาจจะต้องมีไม้เท้ายัน
เพราะจากแสดงเอ็กเรย์พบว่าฟาโรห์ซิปตาห์เป็นโรคโปลิโอ
หรือนึกถึงภาพของฟาโรห์ราเมเสสที่ 2 (Ramessesll)
พระองค์ต้องเป็นคนที่แข็งแรงกระฉับกระเฉง
เพราะตรวจพบว่าพระองค์มีเส้นโลหิตที่แข็งแรงมาก
แถมฟันก็คงทนถาวร
รับกับประวัติศาสตร์ที่ระบุว่าฟาโรห์ราเมเสสที่ 2 มีชีวิตยืนยาวถึง 90 ปี
โดยสิ้นพระชนม์ในปี 1216 ก่อนคริสตศักราช
        หรือจากการวิเคราะห์ซากมัมมี่นิรนามที่เรียกว่า PUM ll
(มัมมี่ตัวที่ 2 ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย)
พบว่ามัมมี่ตัวนี้เป็นโรคปอด
ซึ่งเกิดจากสารคาร์บอนและซิลิกาที่เกาะแน่นสะสมอยู่
ซึ่งก็พอจะเชื่อได้ว่าชาวอียิปต์โบราณคงจะเป็นโรคปอดกันมาก
อันเนื่องมาจากต้องสูดหายใจเอาละอองทรายและเศษผงของหินเข้าปอดเป็นประจำ
ส่วนคาร์บอนที่ค้นพบในปอด ก็สันนิษฐานว่ามาจากควันของการก่อกองไฟ
และจากควันของตะเกียงน้ำมัน
        ใน PUM ll
ยังค้นพบไข่ของพยาธิตัวกลมอีกด้วย
(บางท่านอาจจะสงสัยว่าไข่ของพยาธิทำไมถึงอยู่อึดนัก
ทนอยู่ได้เป็นเวลาตั้งหลายพันปี
ทั้งนี้เนื่องมาจากยางที่สัปเหร่อปัญญาชนใช้ในการรักษาศพมัมมี่
มีผลทำให้ไข่ของพยาธิเหล่านี้ถูกรักษาเอาไว้ได้ด้วย)
ซึ่งพยาธิตัวกลมนี้เป็นพยาธิที่พบได้ทั่วไปในประเทศร้อน
ซึ่งมีลักษณะดินชื้น และไข่ของมันแพร่หลายได้ดีโดยติดไปกับอุจจาระ
แสดงว่าสุขาภิบาลในยุคของอียิปต์โบราณก็ยังไม่ดีนัก
        นอกจากนี้การใช้เทคนิคของแสงเอกซเรย์
ยังเป็นการช่วยลำดับญาติโกโหติกาของฟาโรห์ในประวัติศาสตร์อีกด้วย
อย่างเช่นจากการวิเคราะห์ของ
อาจารย์เจมส์ อี. แฮร์ริส (James E. Harris)
แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนด้วยการใช้เทคนิคการฉายแสงเอกซเรย์
เพื่อถ่ายภาพของกะโหลกศีรษะในรูปของ 3 มิติ
พบว่ามัมมี่ตัวหนึ่งที่ขุดพบในหลุมฝังศพของฟาโรห์อมุนโฮเตปที่ 2 (Amunhotep ll )
ซึ่งเดิมทีไม่ทราบว่าเป็นมัมมี่ของใคร
จากการวิเคราะห์นี้เขาลงความเห็นว่ามัมมี่นี้คือราชินีไทย (Tiye)
ก็คือพระชายาของฟาโรห์อมุนโฮเตปที่ 2
เนื่องจากมีการเปรียบเทียบโครงสร้างของกะโหลกศีรษะของพระนางกับพ่อแม่
และเมื่อยิ่งมีการวิเคราะห์สารเคมี ในเส้นผมเ
ปรียบเทียบกับเส้นผมที่เก็บไว้ในล็อคเกต
ซึ่งฝังไว้ในหลุมศพของตุตันคามัน (Tutankhamun)
พระญาติของเธอด้วยแล้ว ยิ่งแน่ใจเข้าไปใหญ่
        มัมมี่ในสุสานแห่งอียิปต์โบราณ
ไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักโบราณคดีเท่านั้น
แต่ยังเป็นยอดสนใจของเหล่ามิจฉาชีพที่ต้องการจะค้นหาสมบัติจากมัมมี่และสุสานที่ฝังอีกด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือพวกเหล่านี้หากินกับผี
ทั้ง ๆ ที่สถานที่เหล่านั้นวังเวง ลึกลับ น่าสะพรึงกลัว
แต่ความโลภซะอย่างสามารถทำอะไรต่อมิอะไรก็ได้
แม้แต่จะเลื่อยเศียรพระพุทธรูปแบบที่เราเคยเห็นมาแล้วหลายราย
โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปต่อกรรม






คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 2พลังน้ำใจ +30 Zenny +119 ย่อ เหตุผล
dumdark + 39 กระทู้นี้ยอดเยี่ยม!.
ธรรม + 30 + 80

ดูบันทึกคะแนน

เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
77
พลังน้ำใจ
7243
Zenny
49613
ออนไลน์
536 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-2-10 08:56:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
101
พลังน้ำใจ
43917
Zenny
105062
ออนไลน์
7156 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกต

โพสต์ 2012-3-19 16:22:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ยาวมากๆ กว่าจาอ่านจบ
อยากไปมากอียิปตื ยังม่ะเคยไปเลย
อยากไปดูมัมมี่ 555+

แสดงความคิดเห็น

ครับผม....แล้วเราไปด้วยกันนะครับ...  โพสต์ 2012-3-22 15:59
ชื่อ Saint ฮะ~ ถ้าเรียกชื่อไม่ถนัด งั้นเรียกที่รักก็ได้ครับ 5555
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

 เจ้าของ| โพสต์ 2012-5-26 13:58:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ต้นฉบับโพสต์โดย dumdark เมื่อ 2012-5-23 03:13
ขอบคุณหลายๆเด้อครับ

ขอบคุณเช่นกันครับ...แต่จะดีกว่านี้ถ้ามีพลังน้ำใจติดปลายนวมมาด้วยครับ...
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
4
พลังน้ำใจ
5962
Zenny
1547
ออนไลน์
421 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-5-26 20:38:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมาก ๆ จร้าา
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

 เจ้าของ| โพสต์ 2012-5-27 18:26:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ต้นฉบับโพสต์โดย bb23593935 เมื่อ 2012-5-26 20:38
ขอบคุณมาก ๆ จร้าา

ครับผม...ขอบคุณเช่นกันนะครับ...
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
25
พลังน้ำใจ
1063
Zenny
5454
ออนไลน์
262 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-5-27 19:49:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
รัฐธรรมนูญ แก้วกำเนิด
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

 เจ้าของ| โพสต์ 2012-5-27 20:03:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
2924
Zenny
5093
ออนไลน์
73 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-5-27 21:36:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ต้องมีใบทานาลี ด้วยปะคับ

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +20 Zenny +260 ย่อ เหตุผล
kindaieiji + 20 + 260 แทนคำขอบคุณครับ.

ดูบันทึกคะแนน

 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

 เจ้าของ| โพสต์ 2012-5-28 09:36:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...

นิสิตสัมพันธ์

อยากมีเพื่อนคุยกินเที่ยวกัน

กระทู้
594
พลังน้ำใจ
30581
Zenny
218541
ออนไลน์
3227 ชั่วโมง

สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2012-5-28 15:29:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ไปๆ ดูมัมมี่ตัวจริงๆกัน  ฮ่าๆๆ  ขอบคุณครับ

ตบท้ายดีจัง
"ความรัก!เกิดจากความเข้าใจของคนสองคนและมักจบลงด้วยค ...
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

 เจ้าของ| โพสต์ 2012-5-29 19:23:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ต้นฉบับโพสต์โดย Medmayom เมื่อ 2012-5-28 15:29
ไปๆ ดูมัมมี่ตัวจริงๆกัน  ฮ่าๆๆ  ขอบคุณครับ

ตบท้ายดีจ ...

แงะ...พี่มะยม...ชวนไปดูยังดีนะ...อย่าชวนไปเป็นนะครับ...
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

 เจ้าของ| โพสต์ 2012-5-30 15:55:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
328
พลังน้ำใจ
35558
Zenny
41204
ออนไลน์
943 ชั่วโมง

สมาชิกระดับไพลินสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2012-6-18 16:41:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
เธอ, อยู่เป็นรอยยิ้มของฉันอย่างนี้, ตลอดไปนะเธอ :)
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

 เจ้าของ| โพสต์ 2012-6-18 17:49:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ต้นฉบับโพสต์โดย 李妙金 เมื่อ 2012-6-18 16:41
ขอบคุณครับ

ครับผม...ขอบคุณครับ...
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1720
Zenny
5578
ออนไลน์
525 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-7-4 17:40:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ได้ความรู้มากมายจริง ๆ
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม

 เจ้าของ| โพสต์ 2012-7-5 13:32:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ต้นฉบับโพสต์โดย matsuoka เมื่อ 2012-7-4 17:40
ได้ความรู้มากมายจริง ๆ

ขอบคุณนะครับ...และยินดีครับที่ให้ประโยชน์กับเพื่อน ๆ ครับ...
เกิดหนึ่งชาติ วาดความหวัง ดังที่หมาย...
เกิดแล้วตาย กลายเป็นผง ลงพื้นผา...
เกิดแล้วดับ ลับแล้วสิ้น ดินกลบตา...
เกิดเป็นข้าฯ คุ้มแผ่นดิน ก็ยินดี...
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-12-23 21:04 , Processed in 0.253846 second(s), 33 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้