ของขวัญ 7 ปี <หนุ่ม IT กับ DJ สุดหล่อ>(45)
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับ และขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกทีความดิมตอนที่แล้ว
พวกนั้นก็นอนเรียงกันยาวบนศาลาวัดผมหันไปทางคุณแม่เห็นนั่งคุยอยู่กับพวกอาอี๊ทั้งหลาย ในใจก็คิดถึงว่าคุณแม่กับเจ้าโอ๊ตจะได้กินอะไรบ้างหรือเปล่านะ ว่าแล้วก็จะเดินลงไปหาพวกแม่บ้านที่ทำงานในบริษัทให้ไปหาซุปไก่สกัดมาอุ่นร้อนๆให้คุณแม่กับเจ้าโอ๊ต
ผมเดินลงมาเจอแม่บ้านคนหนึ่ง ไม่ทันเอ่ยปากบอก เขากลับถามขึ้นก่อนว่ามีอะไรให้ช่วยไหมผมเลยบอกเขาไป เขารีบไปทำทันที แล้วผมก็มองไปที่ลานจอดรถ เห็นเจ้าโอ๊ตกำลังเก็บชุดขาวที่ใส่ไว้หลังรถ ผมเดินไปหาทันที
“อ้าวพี่เอ ยังไม่นอนเหรอ”โอ๊ตถามผม
“ยัง แล้วโอ๊ตยังไม่นอนเหรอ”ผมถามคืน
“ว่ากำลังจะไปนอน เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จพี่เอไม่เปลี่ยนเหรอเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ใส่อีก”โอ๊ตตอบ (ชุดขาวต้องใส่ทุกคืนแขกกลับแล้วก็ใส่ขาวดำได้)
“อืม เดี๋ยวเปลี่ยน พรุ่งนี้พาเพื่อนพี่ไปซื้อเสื้อผ้าซื้อชุดขาวแบบนี้มาเพื่ออีกสองชุดด้วยนะของตัวเองด้วยล่ะ”ผมบอก
“ครับ”โอ๊ตรับคำ
“โอ๊ต คุณพ่อเป็นอะไรถึงจมน้ำ”ผมถามพร้อมเดินนำไปนั่ง
“หมอที่ชันสูตรศพเขาบอกว่าเป็นตะคริวที่ขา”โอ๊ตเล่าไม่เต็มเสียง
“แล้วไม่มีคนช่วยเหรอ เป็นตะคริวมันก็ต้องมีคนช่วยซิ”ผมถาม
“เลขาคุณพ่อบอกว่า หลังเสร็จประชุม เห็นคุณพ่อนั่งดื่มอยู่ที่ริมสระคนเดียวตอนสี่ทุ่มพอสี่ทุ่มครึ่งเดินมาก็ไม่เจอแล้วแต่เห็นเห็นชุดคลุมก็นึกว่าคุณพ่อลงไปว่ายน้ำเพราะเห็นบอกว่าเสาร์อาทิตย์จะไปเกาะล้านจะไปว่ายน้ำแข่งกับลูกๆเดี๋ยวไม่ฟิตต้องซ้อมไว้ก่อน”โอ๊ตเล่ามาถึงตรงนี้แล้วก็หยุด น้ำตาเริ่มไหลผมตบบ่าน้องเบาๆ
“แล้วเขาก็ไปดูที่ริมสระมองไปเห็นคุณพ่อจมอยู่ในน้ำเขาเลยเรียกคนของโรงแรมมาช่วยเพราะเขาเองก็ว่ายน้ำไม่เป็นแต่พอเอาคุณพ่อขึ้นมาได้ก็..ฮื้อ..ฮื้........อ....ไม่ทันแล้ว”โอ๊ตเล่าจบพร้อมปล่อยโฮ
“คุณพ่อไปสบายแล้วโอ๊ต .....”ผมก็พูดได้แค่นั้นเพราะกลัวน้ำตามันจะไหลออกมาอีก
“ถ้าคุณพ่อไม่ดื่มคงมีสติกว่านี้คุณพ่อออกจะว่ายน้ำเก่งเป็นตะคริวแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอก”โอ๊ตพูด
“ใช่ พี่เอก็คิดว่าอย่างนั้น แต่มันเป็นอดีตแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่ตอนนี้เรายังมีคุณแม่นะ เราต้องช่วยกันดูแลคุณแม่ห้ามร้องไห้ให้คุณแม่เห็นนะ”ผมบอก
“ครับ พี่เอก็เหมือนกัน ชอบร้องไห้ให้คุณแม่เห็น ขี้แยกว่าโอ๊ตอีก”โอ๊ตบอกผมคืน แล้วเราสองพี่น้องก็พากันเดินขึ้นไปบนศาลาใหญ่เช้าวันต่อมาหลังจากถวายอาหารเช้าพระเสร็จเจ้าโอ๊ตก็พาเพื่อนผมไปหาซื้อเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัวโดยไปรถตู้ที่นั่งมาจากขอนแก่น ตอนแรกผมคิดว่าถ้าไม่มีเพื่อนๆอยู่ด้วยผมจะเหงาแต่ไม่เลยพอเพื่อนออกไปได้ซักพักก็มีอาแปะที่มาจากสมาคมไตรคุณธรรมบอกว่ามีคนไปติดต่อให้มาช่วยดูในเรื่องพิธีแบบจีนกับพิธีกงเต็กแล้วอาแปะก็เดินไปคาราวะศพก่อนที่จะเดินดูนั่นดูนี่แล้วบอกว่ายังขาดอะไรอีก จัดตรงไหนไม่ถูกแล้วต้องทำอะไรผมจดไว้แล้วให้คนไปงานไปซื้อมาเพิ่มตามที่อาแปะแกบอกแล้วแกก็บอกว่าผมในฐานะลูกชายคนโตต้องทำอะไรบ้าง
ตั้งแต่เอาข้าวให้คุณพ่อ(จัดใส่ถาดแล้วตั้งที่โต๊ะไหว้หน้าศพ)มื้อเช้าต้องเอาให้ก่อนเจ็ดโมง มื้อเย็นต้องให้ก่อนห้าโมงเย็น ห้ามเกินนี้ เวลาเอาให้ ให้ตักข้าวให้พูนๆชามเป็นภูเขาสูงๆจะได้มีเหลือกินเหลือใช้แล้วให้เอาเต้ากัว (เต้าหู้แผ่นสีขาว)วางทับบนชามข้าวแล้วให้เอาตะเกียบหนึ่งอันปักไว้ตรงกลางห้ามใช้ตะเกียบคู่ห้ามใส่ช้อนกับข้าวให้ใส่เป็นถ้วยห้ามเป็นจานให้ใส่เป็นเลขคี่ห้ามผลไม้ที่มีสีแดงและรถหวานทุกชนิด(บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าต้องทำไปทำไมเพราะอะไรเขาบอกให้ทำก็ทำตามเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย)
ต่อมาก็ต้องเอาคนรับใช้(ตุ๊กตากระดาษชายหญิงคู่หนึ่งที่ใช้ในพิธีกงเต็ก)มาทำการตั้งชื่อและเจาะตาเจาะบอกแล้วบอกให้ไปรับใช้คุณพ่อการตั้งชื่อการห้ามตั้งชื่อซ้ำกับญาติพี่น้องของเรา ผมเลยให้ชื่อว่า นายร่ำกับนางรวย แล้วก็เอาธูปมาทำท่าเป็นเขียนชื่อให้เขาที่หน้าอกของตุ๊กตาทั้งสองตัวพร้อมกับเอาธูปจี้ที่ตา ที่หู ที่ปากแล้วบอกว่าให้เห็นให้ได้ยินให้พูดเพื่อไปรับใช้คุณพ่อแล้วก็เอาไปตั้งข้างๆโลงข้างละตัว
จากนั้นก็ให้เอาของที่จะเผาไปให้คุณพ่อทั้งหมดในพิธีกงเต็กมาเปิดออกดูถ้าเห็นว่ามีช่องว่างหรือรูให้พับกระดาษเงินกระดาษทองยัดใส่ไปจนเต็มอย่างเช่นบ้านกระดาษมันจะมีช่องว่างอย่างนั้นก็ต้องพับกระดาษเงินกระดาษทองใส่ให้เต็มห้ามมีพื้นที่ว่าง แล้วของกงเต็กทุกชิ้นจะต้องติดใบส่งของที่เป็นใบเหลืองๆยาวๆให้เขียนชื่อคุณพ่อลงไปแล้วให้ผมเอานิ้วโป้งด้านซ้ายไปประทับหมึกพิมพ์สีดำแล้วมากดทับชื่อคุณพ่อที่เขียนไป
นอกจากนี้ยังมีงานและรายละเอียดปลีกย่อยอีกแยะแยกมากมายที่ผมต้องทำ ทำให้ผมไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องคุณพ่อมากนักผมเลยคลายความเศร้าไปได้บ้าง ยิ่งมีเพื่อนๆตั้งเยอะอยู่ด้วยแล้วยิ่งทำให้มีกำลังใจผมเองดูคุณแม่กับเจ้าโอ๊ตก็เข้มแข็งเกินกว่าที่ผมคาดไว้ งานศพของคุณพ่อผ่านไปด้วยดีจนมาถึงก่อนวันสุดท้ายที่จะมีการฌาปนกิจศพวันนี้จะมีการทำพิธีกงเต็กตอนบ่ายโมงยาวไปถึงหกโมงเย็น แล้วทุ่มครึ่งมีพระมาสวดศพหลังจากนั้นก็ทำพิธีกงเต็กกันต่อ (เนื่องจากเป็นกงเต็กพิธีใหญ่เลยใช้เวลาเยอะ)วันนี้ตั้งแต่เช้าผมและญาติๆที่จะร่วมพิธีต้องใส่ชุดกระสอบทำให้ผมเดินเหินไม่คล่องตัวเลย ดูขัดๆแปลกตัวเอง
“เอๆ พวกพี่ๆองค์การมากันแล้ว”เสียงป่านบอกผมหลังแต่งชุดกระสอบเสร็จ
“อ้าวไหนว่าจะพากันมาวันเผาไง”ผมถามแล้วเดินตามออกไปเห็นคุณแม่กำลังรับพวงหรีดขององค์การนักศึกษาจากพวกพี่ๆ มีพี่นิคพี่หมอทีพี่เก่ง พี่แป้ง พี่ปอพี่ริช พี่แหวว พี่คิม พี่ตี๋แล้วก็พี่ที่รู้จักกันอีกสามคนที่ทำงานในองค์การผมยกมือไหว้พวกพี่แล้วทักทายกันนิดหน่อยแล้วพาเข้าไปไหว้ศพคุณพ่อพี่ปอถามขึ้นว่าต้องไหว้ยังไง ไหว้แบบจีนหรือเปล่าผมบอกว่าไหว้แบบที่พี่สะดวกนั่นแหละแล้วพวกพี่ๆก็พากันไปนั่งพับกระดาษเงินกระดาษทองกับกลุ่มเพื่อนๆผมผมเลี่ยงออกมาเพื่อจะไปห้องน้ำ ไปถึงห้องน้ำผมก็เจอกับพี่นิค
“เอ พี่เสียใจด้วยนะครับเรื่องคุณพ่อ”พี่นิคบอก
“ครับ ขอบคุณครับ”ผมตอบกลับไป
“เอครับ พี่อาจจะยังไม่รู้นะครับว่าความรู้สึกที่เอรู้สึกอยู่ตอนนี้เป็นยังไงแต่พี่รู้ได้ว่ามันต้องหนักมากสำหรับเอ ถ้าเอแบกรับมันคนเดียวไม่ไหวบอกพี่ก็ได้นะครับพี่ยินดี”พี่นิคบอกพร้อมจับที่ไหล่ผมบีบเบาๆ
“ขอบคุณครับ”ผมบอก แต่ในใจตื้นตันจะร้องไห้
“ผอมไปนะเราน่ะ หรือเป็นเพราะชุดนี้”พี่นิคพูกแล้วเอามือออกจากไหล่ผมมาจับชุดกระสอบที่ผมใส่
“ทานอะไรไม่ค่อยลงครับพี่”ผมบอก
“เอ เอฟังพี่ดีๆนะครับ สิ่งที่สูญเสียไปแล้วเราเอากลับคืนมาไม่ได้ แต่สิ่งที่เรามีอยู่ต้องทำให้มันดีที่สุดรู้ไหมครับเอยังมีคุณแม่ มีน้องอย่างทำให้เขาทั้งสองเป้นห่วงเอนะครับอีกอย่างเอก็ยังมีพี่ด้วย”พี่นิคบอก
“ครับ ขอบคุณครับ”ผมบอกแล้วชวนพี่เขาขึ้นไปบนศาลา
“พี่แหววทำไมถึงพากันมาวันนี้ล่ะเห็นป่านบอกกับเอว่าจะพากันมาวันสุดท้าย”อ๊อฟถามขึ้นในวงที่กำลังนั่งพับกระดาษเงินกระดาษทองกัน
“ก็ถามคุณนายก กับคุณอุปนายกหมายเลขสองดูซิคะเร่งพวกพี่ทำรายงานสรุปค่ายให้เร็วๆ จะได้มาไวๆสองคนนั้นเขาทำกันทั้งวันทั้งคืนเลยแทบไม่ได้หลับได้นอน”พี่แหววหมายถึงพี่นิคกับพี่หมอที
“แล้วนี่จะฟังสวดคืนนี้แล้วกลับเลยหรือว่ายังไงครับ”ผมถามขึ้น
“พวกพี่ว่าจะเผาเสร็จแล้วค่อยกลับ เพราะว่าทำเรื่องขอรถมาได้สองวัน”พี่นิคบอก
“งั้นคืนนี้พวกพี่ไปนอนที่บ้านผมนะครับ เดี๋ยวผมให้น้องพาไป”ผมบอก
“เห็นพวกเพื่อนๆเอบอกว่านอนกันที่นี่ไม่ใช่เหรอแป้งขอนอนที่นี่ด้วยคนนะ”แป้งเสนอตัวแล้วทุกคนก็ไม่มีใครไปนอนที่บ้านอีกตามเคยไม่รู้ว่ากลัวคุณพ่อผมไปหาที่บ้านหรือติดเพื่อนกันแน่
หลังทานข้าวเที่ยงก็เริ่มทำพิธีกงเต็ก ผมกับญาติๆเข้าร่วมในพิธี ผมต้องคอยถือกระถางธูปกับตะเกียงน้ำมันเพราะถือว่าเป็นตัวแทนคุณพ่อโดยมีคนคอยถือโคมที่มีเสื้อขาวของคุณพ่อที่เคยใส่เอามาหุ้มโคมอันนั้นไว้อยู่ข้างๆเจ้าโอ๊ตถือรูปคุณพ่อ(ที่จริงอาแปะแกถามหาลูกสาวหรือลูกสะใภ้แต่ไม่มีเลยได้ให้เจ้าโอ๊ตแทน)พิธีเป็นไปอย่างเรื่อยๆ เดี๋ยวกราบ เดี๋ยวโค้ง เดี๋ยวคำนับ ก้มๆเงยๆเป็นว่าเล่นแล้วก็ตั้งขบวนเดินไปเดินมาอยู่บนศาลานั้นแหละโดยสมมติว่าพาดวงวิญญาณของผู้ตายไปส่งตามที่ต่างๆก่อนที่จะข้ามสะพานไปเมืองปรโลกแล้วไปแดนสุขาวดีพวกพี่กับเพื่อนๆผมแปลกตากับพิธีนี้มาก พี่เก่งถ่ายรูปไม่หยุดเลยกว่าจะเสร็จพิธีในช่วงแรกทำเอาผมเหนื่อยหอบเลย
ชุดกระสอบทั้งร้อนทั้งหนักจนผมคิดว่าจะทำไม่ตลอดลอดฝั่งซะแล้วแต่คิดว่าถ้านี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้คุณพ่อผมก็กัดฟันทำจนแล้วจนรอดจนได้ ผมมานั่งพักก่อนที่จะไปอาบน้ำเพื่อมาฟังพระสวดแล้วทำพิธีกงเต็กหลังพระสวดอีก
“ดื่มนี่หน่อยซิครับ น้องเอ ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”พี่หมอทีพูดพร้อมส่งแก้วมาให้ผม
“อะไรอ่ะครับ”ผมถาม
“เป็นผงกลูโคสชงน่ะ ดื่มแล้วจะได้มีแรงน้องเอยิ่งน้ำตาลในเลือดน้อยอยู่”พี่หมอทีบอก
“ขอบคุณครับ”ผมรับแก้วมาดื่ม
คืนนี้เป้นคืนสุดท้าย แขกมามากเป็นพิเศษเรียกว่าที่นั่งสำหรับจัดไว้ไม่พอเลยพวกพี่ๆกับเพื่อนๆผมก็รู้งานช่วยกันหาเก้าอี้มาเสริมชวนแขกขึ้นมานั่งข้างบนศาลาบ้าง ส่วนผมหลังพระสวดเสร็จก็เข้าพิธีกงเต็กต่อเสร็จพิธีก็ห้าทุ่มเห้นจะได้ผมรีบถอดชุดกระสอบออกแล้วนั่งลงอย่างหมดแรงทันที
“เอ ดื่มเก็กฮวยเย็นๆนะ จะได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง”พี่เก่งส่งน้ำเก็กฮวยให้ผม แล้วก็เดินไปถ่ายรูปต่อผมดื่มแล้วก็นั่งหลับตากะว่าหายเมื่อยแล้วจะไปดูแขก
“เอ ทานนี้หน่อยนะ เอยังไม่ทานอะไรเลยนี่”พี่แป้งเดินเข้ามาพร้อมถ้วยกระเพาะปลาน้ำแดงอาหารที่เลี้ยงแขกคืนนี้
“ขอบคุณครับ แป้งวางไว้เลย เดี๋ยวเอทาน”ผมบอกแล้วหลับตาต่อ
“ไม่ได้ เพื่อนๆบอกว่าเอไม่ค่อยทานอะไรเลย อ่ะอ้าปาก”พี่แป้งตักกระเพาะปลาน้ำแดงขึ้นมาเป่า แล้วมาป้อนผม
“ไม่เป็นไร เอทานเองได้”ผมหันไปดูรอบๆข้างเห็นคุณแม่ที่นั่งอยู่กับเจ้าโอ๊ตมองมาทางผมแล้วยิ้มออกมาเป็นยิ้มแรกของคุณแม่และโอ๊ตที่ผมเห็นตั้งแต่กลับบ้านมาถึงแม้ว่ามันจะเป็นยิ้มบางๆน้อยๆก็ผมก็มีกำลังใจขึ้นอีกเยอะผมเลยหันไปให้พี่แป้งป้อนอีกห้าหกคำแล้วผมก็บอกว่าพอแล้ว
แล้วเช้าวันสุดท้ายก็มาถึงเช้าวันที่ผมจะได้อยู่กับร่างอันไร้วิญญาณของคุณพ่อหลังจากถวายอาหารเพลเสร็จ เวลาประมาณบ่ายสองโมงก็มีพิธีออกศพ คาราวะผู้ตายในพิธีนี้จะให้ญาติและคนสนิทมาร่วมพิธีโดยคนที่มาจะต้องมีผลไม้ห้าอย่างพร้อมกับธูปหนึ่งห่อและตั่วกิม(กระดาษทองใบใหญ่)ผลไม้ที่นำมานั้นจะถูกจัดเรียงเพื่อตั้งไหว้หน้าศพถัดจากของที่เจ้าภาพจัดไว้โดยมีซาแซ(เป็ด ไก่ หมูต้มอยู่ในถาดเดียวกัน) น้ำชาข้าวเปล่า ซาลาเปา ขนมคดก้วย ใช้ก้วย ฯลฯ
พอได้เวลาอาแปะก็จะเรียกชื่อ(เป็นภาษาจีน)ไปที่ละสายเครือญาติเริ่มจากลูกก่อนแล้วไปพี่ชายน้องชายของคุณพ่อ พี่ชายน้องชายของคุณแม่พี่สาวน้องสาวของคุณพ่อ พี่สาวน้องสาวของคุณแม่สลับอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนหมดแล้วค่อยเป็นแขกที่มาร่วม
ของขวัญ 7 ปี <หนุ่ม IT กับ DJ สุดหล่อ>(48) ขอบคุณครับ ขอบคุนคราบ ขอบคุณครับ เหนื่อยแทนเลย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ เสร้า
หน้า:
[1]