李妙金 โพสต์ 2012-2-26 20:46:53

วันวาเลนไทน์แสนหวาน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LimitedEdition เมื่อ 2012-2-27 20:05


“พี่เตอร์”


เสียงของน้องสาวโอดครวญมาจากหน้าประตูห้อง พอหันไปก็เจอว่าร่างเล็กๆ นั้นเกาะกับประตูห้องนอนด้วยท่าทางหมดแรง แล้วมีหรือว่าจะไม่ตกใจ เจ้าของชื่อสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาด้วยความห่วงใย


“เธอเป็นอะไร”


“ฉันท้องเสีย ฮืออ พี่เตอร์” บอกด้วยเสียงอ่อนแรง หนำซ้ำยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จนพี่ชายยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เตอร์รีบเข้าไปประคองน้องสาวเข้าไปภายในห้องนอน และพาไปนั่งบนเตียงก่อนจะนั่งตาม


“เธอเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนี้”


“ฉันนัดกับมินไว้ จะถึงเวลาแล้วด้วย แต่ว่า..”


“เธอก็โทรไปบอกมินสิว่าเธอท้องเสีย ไปตามนัดไม่ได้แล้ว”


“แต่ว่ามินถึงแล้วนะ นัดกับคนอื่นๆ ไว้ด้วย ถ้าไม่ไปล่ะก็ ฉันต้องโดนเฉ่งๆๆๆๆ เละไม่มีเหลือแน่ๆ พี่เตอร์” เกรซเกาะแขนพี่ชาย ทำสายตาเว้าวอนอย่างสุดๆ “พี่ไปตามนัดแทนฉันหน่อยนะ”


“แล้วพี่จะไปแทนเธอได้ยังไงเล่า เพื่อนนัดเธอไม่ใช่นัดพี่”


“แต่อย่างน้อย...” สาวน้อยวัยมัธยมปลายทำตาพริบๆ “ยัยพวกนั้นก็ต้องเห็นใจพี่เตอร์นะ พี่เตอร์ น้า น้า ช่วยฉันหน่อย ฉันไม่อยากโดนยัยมินด่า”


เห็นท่าทางขอร้องพร้อมทั้งปากซีดๆ ของน้องสาว เตอร์ก็ต้องถอนหายใจ ก่อนจะยอมตามใจ


“ก็ได้ เธออยู่บ้านก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย”


“เย่ โอ๊ย” เผลอดีใจมากเกินไปหน่อยเลยต้องมากุมท้องตัวงอ อาการปวดหน่วงๆ ที่ท้องมันมาอีกแล้ว “ขอบคุณมากค่ะพี่ชาย”


แต่ก็ไม่วายยืดตัวขึ้นจูบแก้มนิ่มๆ ของพี่ชายหน้าหวานหนึ่งที และบอกสถานที่ซึ่งเป็นจุดนัดหมาย ทว่าเมื่อมาถึงและกวาดสายตาทั่วร้านจนเจอเป้าหมาย เตอร์กลับต้องแปลกใจ เพราะว่าไม่ใช่แค่มินและเพื่อนของเกรซอีกสองคนที่นั่งอยู่ แต่ฝั่งตรงข้ามยังมีผู้ชายอีกสามคน


“อ้าว พี่เตอร์”


“เอ่อ...” เตอร์ถึงกับกระอักกระอ่วนที่มาปรากฏตัวอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่ชัด ร่างเพรียวโน้มศีรษะเล็กน้อยให้ทางฝ่ายชายที่ดูเหมือนว่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา จากนั้นหันไปทางเด็กนักเรียนหญิงมัธยมปลายพลางส่งยิ้มให้ “พอดีว่าเกรซมาไม่ได้ พี่ก็เลยมาขอโทษแทนน่ะ”


“ไม่เป็นไรค่ะๆ เมื่อกี้เกรซโทรมาบอกฉันแล้วว่าจะให้พี่เตอร์มาแทน”


“มาแทน?”


ค่อนข้างงุนงงเล็กน้อย ทั้งงงเรื่องที่ว่าน้องสาวโทรบอกเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่กลับไม่บอกเขาสักคำ แล้วยังให้เขามาแทนอะไรนี่อีก


“ใช่ค่ะ ก็พวกฉันกำลังนัดบอดกันอยู่ แต่ยัยเกรซดันท้องเสีย มันก็เลยขาดคน พี่เตอร์นั่งก่อนสิคะ อีกฝ่ายก็ยังไม่มาคนนึงค่ะ”


ไม่เพียงแค่บอก แต่ว่าเด็กสาวยังลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่มาดันตัวพี่ชายเพื่อนให้นั่งลง แล้วกลับไปนั่งที่นั่งตัวเองอีกครั้งตามด้วยแนะนำ


“ทุกคนคะ นี่พี่ชายของเกรซค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เกรซมาไม่ได้ หวังว่าพวกพี่ๆ คงไม่โกรธนะคะ”


“เดี๋ยว มิน พี่เป็นผู้ชายแล้วจะมานัดบอดอะไรกับพวกเธอได้ยังไง”


หลังจากถูกแนะนำตัวแล้ว เตอร์ก็รีบค้าน แต่ว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กระเถิบตัวเข้ามากระซิบข้างหู


“พี่เตอร์ช่วยพวกฉันหน่อยนะคะ เพราะว่ารุ่นพี่พวกนี้นัดยากมากเลย ถ้าพลาดวันนี้ไป ไม่รู้ว่าจะนัดได้อีกเมื่อไหร่ แล้วพวกฉันก็ชอบพี่เขามากเลย”


“แต่...”


“นะคะ นะคะ พวกเราเลือกคู่ไว้หมดแล้ว ส่วนคู่ของพี่ พี่ก็ไม่ต้องไปเดทด้วยก็ได้ พอพวกเราแยกย้ายพี่ก็กลับ นะคะ ถือว่าช่วยพวกเราเถอะ”


ประกายตาหวานๆ ที่จ้องมองมาพร้อมกับน้ำเสียงที่อ้อนให้ใจอ่อนทำให้เตอร์ต้องถอนหายใจอีกครั้ง เขาหันไปมองผู้ชายอีกสามคนที่ดูเหมือนจะถูกใจเพื่อนน้องสาวของเขาอยู่ในทีก็ต้องยอมตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้


“ก็ได้ๆ พี่จะช่วย”


“ขอบคุณมากค่ะพี่เตอร์ พวกเราไม่ผิดหวังจริงๆ”


ฉีกยิ้มเสียกว้างอย่างสดใส และมันก็ทำให้เตอร์ไม่สามารถขัดเพื่อนน้องสาวคนนี้ได้จริงๆ เขาหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรเพื่อรอคู่นัดหมายคนสุดท้าย ซึ่งพอได้รับเครื่องดื่มมาและจิบไปเพียงอึก ร่างนั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางมึนหน่อยๆ ผมหยักศกสีดำนั้นค่อนข้างยุ่งเหยิงไม่ต่างจากคนเพิ่งตื่นนอน ชายหนุ่มหันไปสั่งกาแฟร้อนก่อนจะดื่มเข้าไปอึกใหญ่โดยที่ยังไม่ทันทักทายทุกคนเสียด้วยซ้ำ


“เฮ้ย เก็ท มาได้ไงวะ”


เสียงแรกที่ทักเป็นเสียงของผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านในสุด คนมาใหม่จึงได้หันหน้าไปทางนั้นก่อนจะเปล่งเสียงทุ้มเป็นคำตอบ


“ไอ้ชามันแฮงค์ ลุกไม่ขึ้น เลยให้กูมาแทนเนี่ย ว่าแต่พวกมึงนัดมาทำอะไรกันวะ” ถามทั้งที่ไม่ได้หันไปสนใจ นักเรียนสาวฝั่งตรงข้ามแม้แต่น้อย อย่างกับคนไม่รับรู้สิ่งรอบตัวใดๆ จนเพื่อนอีกสามคนอดส่ายหัวไม่ได้


“นัดบอด”


“หือ? นัดบอด พวกมึงเนี่ยนะ” นัยน์ตาคมที่ปรือหน่อยๆ เพราะยังมีอาการมึนๆ อยู่บ้างจากการสังสรรค์เมื่อคืนเบิกขึ้นอย่างงุนงง ก่อนจะหันไปทางฝั่งที่ควรให้ความสนใจตั้งแต่แรก เมื่อเห็นว่าทุกสายตาจ้องมาทางตัวเองก็เกาหัวแก้เก้อ “ไม่เห็นมันบอกกู”


“เออ ไม่บอกก็ไม่เป็นไรหรอก คู่มึงก็คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามนั่นแหละ มาแทนเหมือนกันใช่ไหมครับ”


ประโยคหลังหันไปถามคนที่นั่งอยู่ริมสุดอีกฝั่งของโต๊ะ เตอร์ก็พยักหน้าพลางมองคนมาใหม่ที่น่าจะเป็นคู่ของเขา เห็นแล้วก็คิดว่าคงไม่ยากเท่าไหร่มั้งที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านไป เพราะเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ได้อยากมานัดบอดนี่เหมือนกัน


“คนนี้เหรอ” เก็ทกวาดตามองใบหน้าของคนตรงหน้า กรอบหน้าเรียว แก้มใส ตากลมโต จมูกโด่ง และปากเรียวบาง ส่งเสริมให้ใบหน้านี้หวานน่ามอง แต่... “ผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ”


“ครับ ผู้ชาย ผมมาแทนน้องสาว คุณเองก็มาแทนเพื่อนเหมือนกันใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็คงง่ายถ้าเราจะแยกย้ายกันแล้วปล่อยให้อีกสามคู่ที่เหลือไปเดทกัน จริงไหมครับ”


“อ่า นั่นสิ” เสียงทุ้มครางอย่างเห็นด้วยง่ายๆ ร่างสูงจึงฉุดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันเมื่อครู่นี้ “คุณ ไปกัน”


เล่นเอาง่ายๆ แบบนั้นจนเตอร์งง แต่เพียงครู่เดียวก็เรียบเรียงความคิดได้ จึงลุกขึ้นยืนเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็หันไปล่ำลาเพื่อเปิดโอกาสให้ชายหญิงอีกสามคู่ได้ใช้เวลาร่วมกันในวันแห่งความรัก


“กูไปก่อนนะ ไปก่อนนะครับสาวๆ”


“พี่กลับก่อนนะ โชคดีกันทุกคน กลับก่อนนะครับ”


จากนั้นก็เดินออกจากร้านกาแฟเล็กๆ เมื่อครู่มาเพื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ทว่าเดินมาพักหนึ่ง คนข้างตัวก็ยังไม่เปลี่ยนไปจนเตอร์อดสงสัยไม่ได้


“คุณไม่กลับเหรอ”


“ผมกลับอยู่นี่ไง”


“อ้าว” ถึงกับงง ผู้ชายคนนี้ทำให้เขามึนไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เตอร์คิดพลางก่อนจะเข้าใจความหมาย “อ๋อ ทางเดียวกัน”


เดินผ่านทางเท้าซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ ที่ออกมาเรียกลูกค้าในวันแห่งความรัก บางร้านจัดแต่งร้านเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับเทศกาล บางร้านก็มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจเพื่อให้คู่รักได้เลือกสรรมาสักพัก ฝีเท้าของทั้งคู่ก็ต้องหยุดลงเพราะว่าถูกกีดขวางด้วยรถกระบะคันหนึ่งซึ่งกำลังแล่นผ่านทางข้ามพอดิบพอดี


เสียงประกาศและป้ายโฆษณาใหญ่ซึ่งประดับอยู่บนรถคันนั้นเรียกความสนใจจากผู้คนซึ่งกำลังใช้เส้นทางนี้สัญจรได้ เท่านั้นยังไม่พอ พนักงานสาวในชุดเมดน่ารักยังกระโดดลงมาจากหลังกระบะพร้อมกับโบปลิวโฆษณาโปรโมชั่นสุดพิเศษ


“พิเศษค่ะ บุฟเฟ่ต์เค้กสำหรับคู่รัก เฉพาะวาเลนไทน์วันนี้วันเดียวเท่านั้น”


ใบปลิวถูกแจกจ่ายให้กับผู้คนโดยรอบ เสียงใสๆ ยังเอ่ยถึงความพิเศษของวันนี้ต่อไป


“ถ้าคู่รักมาทานด้วยกัน รับไปเลยค่ะ ส่วนลดห้าสิบเปอร์เซนต์กับเค้กแสนอร่อยของเรา”


แผ่นกระดาษซึ่งอัดแน่นไปด้วยภาพเค้กหลากหลายชนิดถูกยื่นมาให้ เตอร์จึงรับไปอย่างเสียไม่ได้ มองสิ่งที่อยู่ในใบปลิวแล้วก็มองพนักงานหน้าหวาน เสียงนุ่มๆ นั้นย้ำ


“อย่าลืมมาทานนะคะ ลดห้าสิบเปอร์เซนต์สำหรับคู่รักเฉพาะวันนี้เท่านั้นค่ะ”


แล้วสาวน้อยในชุดเมดที่แสนน่ารักนั้นก็เดินจากไป ก่อนรถกระบะคันใหญ่จะแล่นออกไปจากบริเวณที่จอดอยู่เพียงครู่ ซึ่งทำให้เท้าหนาก้าวไปด้านหน้าอีกครั้ง ทว่าชายเสื้อยับๆ ที่ใส่อยู่นั้นกลับถูกคนด้านหลังดึงเอาไว้ พลอยให้ใบหน้าหล่อเหลาที่มีสติมากกว่าเดิมอีกนิดหน่อยจนครบร้อยเปอร์เซ็นต์มองอย่างงุนงง


“...”


ไม่มีคำตอบจากคนที่ดึงเสื้ออีกฝ่ายไว้โดยที่ขาไม่ยอมก้าวไปไหน เตอร์มองหน้าเก็ทอย่างสื่อความหมาย ทว่ามันไม่ได้ทำให้ร่างสูงเข้าใจแม้แต่น้อย สุดท้ายเตอร์ก็จำต้องยื่นใบปลิวเมื่อครู่ให้ร่างสูงดูพร้อมกับส่งเสียงเบาๆ


“ไปเป็นเพื่อนหน่อย”

























.

.

ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเข้ามาในร้านนี้ทำไม ทั้งที่ไม่ได้แตะเค้กสักชิ้น ผิดกับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามที่มีจานเรียงรายอยู่ด้านหน้า และตักชิ้นเล็กๆ นั้นเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ความจริงมองภายนอกแล้วผู้ชายตรงหน้าที่เขายังไม่รู้ชื่อนี่ก็ดูเป็นผู้ชายธรรมดาเหมือนทั่วๆ ไป ติดที่หน้าตาหวานมากกว่าผู้ชายไปสักหน่อยเท่านั้น


เก็ทมองเตอร์ที่ยังมีความสุขกับการกินเค้กพลางจิบชาร้อนไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะแตะเค้กสักชิ้น เพราะแค่เห็นอีกฝ่ายกินก็รู้สึกเอียนแทนแล้ว ไม่นึกเหมือนกันว่าคนคนนี้จะชอบกินเค้กเป็นชีวิตจิตใจขนาดนี้ คงไม่แปลกเท่าไหร่หรอกมั้งที่หน้าจะหวาน เพราะน้ำตาลในเค้กมันไหลไปรวมกันที่หน้าหมด


“คุณไม่กินมั่งเหรอ”


“ไม่ล่ะ ผมไม่ชอบของหวานๆ เลี่ยนๆ” ว่าพลางก็กระดกชาเข้าปากไปอีกหนึ่งอึก


หน่วยตาคมเหลือบมองไปทั่วๆ ร้านที่ติดจะหวานแหววนิดๆ ด้วยบรรยากาศของวาเลนไทน์ มีภาพคู่รักหลายคู่ถูกประดับอยู่ตามกำแพงและถูกห้อยลงมาจากเพดานไม่ต่างจากโมบาย










เป็นร้านที่ไม่ว่ายังไงคนอย่างเก็ทผู้เสพอบายมุขเป็นอาจิณไม่คิดจะเข้าเป็นอันขาด


แต่ตอนนี้เขากลับนั่งซดชาอึกๆ อยู่ในร้านแบบนี้...










“แต่บางชิ้นมันก็ไม่หวานนะ คุณลองทานไหมล่ะ ไหนๆ ผมก็รบกวนให้คุณต้องเข้ามาด้วยแล้ว”


นอกจากจะเสนอให้แล้ว ร่างบางยังเลื่อนจานเค้กพร้อมกับช้อนอีกคันมาให้เสียอีก พานให้เก็ทเบ้หน้านิดๆ ก่อนจะบอกว่า...


“ไม่เป็นไร คุณกินเถอะ ท่าทางจะชอบเค้กมากนี่”


“ก็มันอร่อย” ตอบแบบง่ายๆ แล้วก็เอาเค้กเข้าปากต่อไปเป็นชิ้นเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เก็ทได้แต่มองนั่นมองนี่ไปทั่วๆ พลางจิบชา


“เอ่อ ขอโทษนะคะ” เสียงใสจากพนักงานสาวในชุดเมดเรียกให้ใบหน้าของคนสองคนที่ทำกิจกรรมต่างกันหันไปมอง “ทั้งคู่มาทานในโปรโมชั่นคู่รักหรือเปล่าคะ”


“เอ่อ..”


เสียงของคนที่ติดจะปนหวานนิดๆ ชะงักค้าง เงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ยังถือช้อนอยู่ ตอบอะไรไม่ถูกเพราะจะรับเต็มปากเต็มคำก็กระดากอยู่ แต่ถ้าปฏิเสธส่วนลดห้าสิบเปอร์เซนต์ก็จะหายไป


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


โชคดีว่าคนที่เขาขอให้มาเป็นเพื่อนช่วยชีวิตเอาไว้ เตอร์ผ่อนลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอกที่ไม่ต้องตอบคำถามนั้น ทว่าก็โล่งใจได้ไม่นานเมื่อคำตอบจากคนที่มารบกวนดังขึ้น


“ทางร้านจะขอถ่ายรูปคู่รักที่มาร่วมในโปรโมชั่นพิเศษของเราค่ะ”


พนักงานสาวฉีกยิ้ม แต่คนที่ไม่ยิ้มด้วยคือคู่รักจำเป็น สำหรับเก็ทนั้นยังไม่แสดงออกเท่าไหร่ ติดจะนิ่งๆ เสียมากกว่า ผิดกับเตอร์ที่เบิกตากว้างอ้าปากค้างก่อนจะโพล่งเสียงออกมา


“ไม่ต้องถ่ายไม่ได้เหรอครับ”


“ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่านี่เป็นโปรโมชั่นสุดพิเศษของเรา ถ้ายังไงรบกวนมานั่งคู่กันทางฝั่งนี้ด้วยนะคะ”


มือบางผายมาทางที่ว่างด้านข้างของเก็ท พลอยให้เตอร์ต้องเบนสายตามาตามมือนั้นอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลาของคนผมหยัก เก็ทก็มองกลับว่าจะเอายังไง


เตอร์เม้มปากเข้าหากันนิดๆ กลืนก้อนเค้กที่ติดอยู่ในลำคออีกนิดหน่อย รู้สึกว่ารสชาติมันปะแหล่มกว่าคำอื่นๆ ที่ได้กินมา ก่อนจะคว้าแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อล้างปากแล้วยอมลุกจากที่นั่งของตัวเองมาแต่โดยดี แม้จะรู้สึกกระดากและอายมากๆ ก็ตามทีที่เขาต้องมาถ่ายรูปคู่รักกับผู้ชายด้วยกัน แถมยังเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันวันนี้เสียอีก


“ชิดๆ กันหน่อยค่ะ ให้ดูสวีทๆ กันนะคะ เพราะว่าเราจะเลือกรูปมาประดับร้านด้วยค่ะ”


เพียงคำบอกนั้นก็ทำให้เตอร์กลืนน้ำลายลงเอิ๊ก ขณะที่เก็ทยังคงไม่แสดงท่าทีอะไร หรือจะบอกว่ายังไงก็ได้คงจะเข้าถึงอารมณ์ของผู้ชายคนนี้เสียมากกว่า


ใบหน้าหล่อที่มีตอหนวดรอบๆ ปากนั้นเสริมให้กรอบหน้านี้คมเข้มขึ้นและขับให้ใบหน้าของที่อยู่ข้างๆ หวานขึ้นอีกเท่าตัว พานให้พนักงานสาวที่กลายเป็นตากล้องอมยิ้ม


“คุณผู้ชายหน้าหวานๆ เขยิบเข้าไปอีกนิดนะคะ ไม่ต้องเขินค่ะ โชว์หวานได้เลยเต็มที่ค่ะ”









ก็มันไม่มีหวานจะให้โชว์นี่ครับ









เตอร์กู่ร้องในใจ รู้สึกทั้งเกร็งทั้งประหม่าเพราะทำตัวไม่ถูก มือหนาของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังจึงดึงลำตัวของคนเก้ๆ กังๆ ให้เข้ามาใกล้เสียเอง หนำซ้ำยังกระซิบข้างหูให้ได้ยินเพียงสองคน


“มัวแต่ยึกยัก มันก็ไม่เสร็จสักทีสิคุณ”


“ก็ผมไม่รู้จะทำยังไงนี่”


“ถ้างั้นคุณอยู่เฉยๆ เดี๋ยวผมทำเอง”


เห็นท่าว่าจะไม่รอด เก็ทจึงได้เสนอ ก่อนจะใช้ลำแขนแกร่งโอบรอบเอวคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า จากนั้นโน้มใบหน้าของตนเองลงต่ำเพื่อวางคางบนไหล่ลาด เบนหันหน้ามาทางเรียวหน้าหวาน ทอดสายตามองกรอบหน้าสวยนั้น ผ่อนลมหายใจเข้าออกเบาๆ ตามปกติ ทว่าไอร้อนนั้นกลับปะทะเข้ากับต้นคอเนียนให้ร่างเพรียวรู้สึกวูบวาบแปลกๆ จนใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้










ทำไมหัวใจมันสั่นแบบนี้วะ









“ถ่ายสิครับคุณ ผมพร้อมแล้ว”


เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะยกมือขึ้นจับคางมนและออกแรงนิดหน่อยบังคับให้หน้าซับสีเลือดนั้นเบนหันมา พลอยให้ระยะห่างของริมฝีปากเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพอบอกแบบนั้น จากที่อึ้งๆ กับภาพคู่รักตรงหน้า พนักงานสาวก็ได้สติขึ้นมาแล้วกดชัตเตอร์ให้ จากนั้นเพียงไม่นานกระดาษสีขาวซึ่งมีกรอบสีดำอยู่ตรงกลางก็ถูกดึงออกมา


“อีกสักรูปไหมคะ จะถ่ายให้เก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ”


“ไม่เป็นไรครับ”


เตอร์รีบโพล่งเสียงออกมาทันที เพราะสถานการณ์เมื่อครู่ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ จะแย่อยู่แล้ว มือเรียวดึงมือหนาที่จับคางของตนเองออก ก่อนจะกระเถิบตัวหนีความใกล้ชิดเสียจนแผ่นหลังติดกับอกกว้าง ยังรู้สึกถึงรอยร้อนที่แทรกผ่านมาเสียด้วยซ้ำ


“ไว้ผมจะถ่ายเก็บกันสองคน”


ดูท่าว่าหญิงสาวจะตกใจกับเสียงนั้นและถ้อยคำปฏิเสธหนักแน่นอยู่ไม่น้อย เก็ทจึงได้เอ่ยด้วยเหตุผลที่พอฟังขึ้น คนที่มารบกวนเวลาเดทจอมปลอมจึงได้ขอตัวไป


ทันทีที่ไม่ได้อยู่ในเป้าสายตาของคนอื่นแล้ว ร่างเพรียวก็รีบย้ายตัวกลับไปยังที่นั่งเดิม ก่อนจะกระดกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย ทั้งที่เมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการเสียเหงื่อแม้แต่น้อย ผิดกับเก็ทที่เปลี่ยนมานั่งเท้าคางกับโต๊ะ มองพฤติกรรมแปลกๆ ของอีกฝ่ายอย่างหน้าตาเฉย หนำซ้ำยังเอ่ยคำกระแทกใจ


“เมื่อกี้หัวใจคุณเต้นแรงเชียว”


เตอร์แทบพุ่งน้ำในปากออกมาทั้งหมด ดีกว่าเอามือปิดปากกั้นเอาไว้ได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นเขาคงได้ทำการเสียมารยาทกลางร้านแน่ๆ


“ผมแค่ตกใจแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกเท่านั้นเอง”


“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”


ในตอนนี้ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกปั่นหัวยังไงชอบกล เพราะเขาคิดตามคนหน้านิ่งนี่ไม่ทันเลยสักอย่างว่ากำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายก็ปล่อยมือจากแก้วน้ำ


“ผมอิ่มแล้วล่ะ กลับกันดีกว่า”


ร่างหนาเพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนักแล้วลุกจากโต๊ะไป โดยที่คนกินเค้กไปไม่ต่ำกว่าสิบชิ้นลุกตามมาด้วย ทว่าเมื่อถึงเวลาจ่ายเงินค่าเค้กก็เจอปราการใหม่


“ใช่โปรโมชั่นคู่รักหรือเปล่าคะ”


ไม่ว่าส่วนไหนของร้านก็ดูจะเป็นพนักงานสาวไปเสียหมด และมันก็ทำให้อายหนักยิ่งกว่าเก่าเพราะว่าร่างสูงที่เดินนำหันมามองเหมือนให้เขาเป็นคนตัดสินใจ เตอร์จึงได้แค่อ้อมแอ้มตอบไป


“ครับ”


“ถ้าอย่างนั้นรบกวนเขียนข้อความไว้ที่รูปถ่ายหน่อยนะคะ”


ภาพที่ถ่ายไว้เมื่อครู่ซึ่งวางรวมกับของลูกค้าคู่อื่นๆ ถูกยื่นมาให้ เตอร์ต้องรับมาอย่างจำใจเพราะอีกฝ่ายปล่อยให้เขาจัดการเสียเองทั้งหมด จนในตอนนี้ร่างบางเผลอคิดไปว่าเขาไม่น่าเห็นแก่ส่วนลดครึ่งราคานี้เลย เพราะถึงมันจะคุ้มกับปริมาณที่กินเข้าไป แต่ก็ไม่คุ้มกับความอายของเขาเลย


มือเรียวรับปากกาอะคิลิกสีทองมา ก่อนจะค่อยๆ บรรจงเขียนข้อความลงไป หลังจากตรึกตรองคำที่จะเขียน แม้ว่าจะยิ่งอายนักขึ้นเพราะภาพที่สะท้อนให้เห็นอยู่ตอนนี้เป็นภาพที่มันเหมือนคู่รัก...หวานจริงๆ โดยเฉพาะสายตาหวานๆ ของร่างสูงที่ปั้นแต่งขึ้นมา


“ขอบคุณสำหรับ xxx”


เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ ตามข้อความที่ถูกเขียนลงไป ก่อนจะโน้มตัวลงต่ำอีกนิดหน่อยเพื่อให้กระซิบริมหูของคนตัวเล็กกว่าได้


“เขียนแบบนั้นคนจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นนะคุณ”


แล้วก็เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เตอร์อยากจะลบตัวหนังสือที่ตัวเองเขียนออกไป แต่ว่ามันก็ไม่ทันแล้ว เพราะว่าหมึกแห้งไปเสียแล้ว จึงได้แต่ต่อว่าตัวเองที่ไม่ทันคิดอะไรแบบนี้ ทั้งที่เขาตั้งใจจะสื่อความหมายให้รู้กันเพียงสองคนว่า ‘ขอบคุณสำหรับส่วนลดห้าสิบเปอร์เซนต์’ แท้ๆ


มือหนายื่นรูปถ่ายคืนให้กับพนักงานเพราะตอนนี้ร่างบางทำอะไรไม่ถูกแล้ว ซึ่งเมื่อรับไปและเห็นข้อความที่ปรากฏอยู่ก็ต้องอมยิ้มเขินเล็กน้อย ก่อนจะบอกจำนวนเงินค่าบุฟเฟ่ต์ที่คำนวณส่วนลดเรียบร้อยแล้ว เตอร์รีบควักเงินส่งให้ตามจำนวนก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินออกนอกร้านไปทันที


“เดี๋ยวสิคุณ”


ขาเรียวชะงักพลันเมื่อถูกคนที่เดินตามมาด้านหลังเรียกเอาไว้ ใบหน้าหวานหันกลับมองอย่างสงสัย


“คุณทำผมเสียเวลาตั้งสองชั่วโมงนะ”


“แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรเป็นการตอบแทน... เหรอ”


“ก็นิดหน่อย” ตอบกลับเท่านั้นร่างสูงสมส่วนก็เป็นฝ่ายเดินนำออกไป ให้ร่างเพรียวเดินตามไปอย่างไม่รู้จุดหมาย ทว่าพอรู้แล้วก็ชักจะทำตัวไม่ถูก เพราะว่าเขาไม่เคยเข้ามาสถานที่แบบนี้เลยสักครั้ง


“อ้าวเฮ้ย มาแต่หัววันนะมึง” เสียงเรียกที่ทักมาจากชายร่างใหญ่ซึ่งกำลังก้มลงใช้ไม้ยาวๆ แทงลูกกลมๆ บนโต๊ะสักหลาด ร่างหนาช้อนขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาคมที่เพ่งมามองที่ร่างบางของหนุ่มแปลกหน้า จากนั้นย่างเท้าเข้ามาใกล้ราวกับจะพิจารณา “ว้าว ใครวะเนี่ย เด็กมึงเหรอ”


“เปล่า”


เสียงทุ้มตอบกลับก่อนจะเดินไปหยิบไม้คิวขึ้นมาเตรียมเปิดเกมแรกสำหรับวันนี้


“แน่ใจเหอะมึง หน้าหวานๆ แบบนี้ สเปกมึงไม่ใช่เหรอ”


“กูบอกตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามพร้อมกับโน้มตัวลงไปเพื่อแทงลูกบิลเลียดที่ถูกจัดวางไว้ตั้งแต่ทีแรก


เสียงของลูกบิลเลียดซึ่งผลิตจากพันธุกรรมเคมีหลายชนิดกระทบกันหลายครั้งยามกระจัดกระจายตามแรงกระแทก ดึงความสนใจจากหน่วยตากลมของคนไม่คุ้นเคยสถานที่ได้


“ถ้าไม่ใช่ งั้นกูขอได้ป่ะวะ”


“ถ้าเขายอมมึงอ่ะนะ”


เก็ทตอบกลับโดยไม่แสดงท่าทีอะไร ชายหนุ่มผู้หลงใหลในอบายมุขยังคงเล่นสนุกกับลูกกลมๆ บนโต๊ะพูลต่อไปเหมือนกับจะเป็นการเอาคืนที่เขาต้องนั่งเซ็งๆ หายใจทิ้งไปกับร้านเค้กที่ไม่ได้มีความพิศวาสเสียเท่าไหร่ ผิดกับเตอร์ที่รู้สึกหวั่นๆ ในใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้


เหมือนโดนหลอกให้มาผจญกับอะไรไม่รู้ ที่มันดูน่ากลัวสำหรับเขา เพราะนอกจากสถานที่จะอโคจรแล้วยังมีบุคคลไม่น่าไว้วางใจมายืนมองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกๆ เสียอีก


“ชื่ออะไรเอ่ย หน้าตาน่ารักแบบนี้ สนใจผมมั่งไหม”


“...”


เพราะคำพูดที่ฟังดูไม่น่าไว้ใจ และท่าทางที่ดูอันตรายนี่ทำให้เตอร์ไม่กล้าจะขยับขาไปทางไหน ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิมพลางมองเลยร่างใหญ่ไปยังคนที่เอาเขามาทิ้งไว้ที่นี่แล้วไม่สนใจไยดี


“ว่ายังไงครับ”


ทว่าเสียงทุ้มๆ ของคนตรงหน้าก็ยังเร่งเร้าจะเอาคำตอบ เตอร์จึงคิดจะสลัดหนีแล้วไปอยู่ใกล้ๆ กับคนที่เขาคิดว่าไว้ใจได้มากว่านิดนึง แต่ก็ถูกมือหนาฉุดข้อมือไว้เสียก่อน


“อ้าวๆ ยังไม่ตอบเลย อย่าเพิ่งหนีสิ”


“ผมไม่อยากคุยกับคุณ”


มือบางขยับหนีแต่ก็ถูกรั้งไว้


“ไม่อยากคุย? ทำไมถึงได้ตัดเยื่อใยกันขนาดนั้น เรายังไม่ทันได้รู้จักกันเลย ถ้าได้รู้จักกันเราอาจจะสนิทกันมากขึ้นนะ”


ไม่เพียงแค่คำพูดที่มันส่อแววถึงจุดประสงค์บางอย่าง แต่ว่านัยน์ตาคมก็ยังเป็นเป็นประกายที่บ่งบอกเจตนาอย่างชัดเจน อีกทั้งมือหยาบใหญ่ที่ยื่นมาจับที่คางเสียอีกที่ทำให้เตอร์ไม่พอใจ ตวัดตาใส่ให้รู้ถึงความขุ่นมัว แต่กลับเป็นการกระตุ้นให้มิลนึกอยากจะเล่นสนุกมากกว่าเดิม


“ไม่เอาน่า อย่าทำตาดุแบบนั้น ไม่น่ารักเลยนะ เรามาคุยกันหน่อยดีกว่า”


การรุกรานยังไม่หยุด เพราะจากที่เชยคางตอนนี้ท่อนแขนหนักๆ มาโอบรอบคอเสียแล้ว เตอร์รีบดันร่างของตัวเองออกจากอ้อมกอดที่ไม่พึงปรารถนาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ถูกกระชากกลับไปอยู่ดี


“คุณ ปล่อยผม”


“โหๆ แค่นี้ต้องดุด้วย ผมแค่อยากรู้จักสนิทสนมกับคุณเท่านั้นเอง ถ้าเราได้แนบชิดกัน คุณอาจจะพอใจผมก็ได้นะ”


“ปล่อย ผมไม่ได้อยากรู้จักคุณ”


เตอร์พยายามสะบัดตัวออกแต่ว่ามันก็ไม่ง่าย เพราะว่าอีกฝ่ายมีแรงเยอะกว่ามาก ครั้นมองไปยังคนที่พาเขามา ก็เห็นว่าเก็ทกลับไม่สนใจเลยสักนิด แล้วมันก็พานให้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาจริงๆ ที่อีกฝ่ายทำให้เขาต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้


“ตอนนี้คุณไม่อยากสนิท แต่ถ้าลองสักหน่อย คุณอาจจะลืมไม่ลงก็ได้นะ” ว่าพลางกระตุกมุมปากยิ้มด้วยรอยยิ้มที่แฝงนัยถึงความเลวร้าย หนำซ้ำยังออกแรงดึงให้ร่างเพรียวบางซึ่งดูเล็กลงไปถนัดตาเมื่อเทียบกับขนาดตัวหนาๆ นั้นให้เดินตามตนเองไป


“นี่คุณ หยุดนะ ผมไม่ไปกับคุณ จะพาผมไปไหน”


“ก็ไปเสพความสุขไงครับ แหม เป็นเด็กไอ้เก็ทมาก่อนนี่ เผื่อแผ่กันบ้าง มันไม่ว่าหรอก ใช่ไหมวะ”


มีการตะโกนถามอีกคนเสียด้วย และคราวนี้เก็ทก็ยอมที่จะผละตัวออกจากเกมของตัวเองชั่วคราว


“กูบอกมึงแล้วไงว่าถ้าเขายอม”


“เอาน่า ก็หยวนๆ แบ่งเพื่อนฝูงบ้าง”


“แต่เขาไม่ยอมมึงใช่ไหม”


เจ้าของคำพูดสืบเท้าเข้ามาหาพลางถามอีกครั้ง ซึ่งมิลก็เลี่ยงได้อีกเช่นกัน


“มันก็อย่างนี้แหละ ปากก็บอกไม่เอาๆ แต่พอถึงเวลาก็ครางลั่น ติดใจสิไม่ว่า”


ยิ่งได้ฟังแบบบนี้เตอร์ก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจเจ้าของมือหยาบที่จับแขนของเขาเอาไว้ไม่ปล่อย อยากจะดิ้นให้หลุด แต่ถูกบีบไว้เสียแน่นจนเจ็บ ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะแรงบีบหนักๆ และมันก็ชัดเจนเสียจนเก็ทสังเกตได้โดยง่าย มือหนากระชับไม้คิวก่อนจะยกขึ้นแทงเข้าไปที่ไหปลาร้าด้านซ้ายของร่างที่ใหญ่กว่า


“กูบอกมึงแล้วนะมิล ว่าถ้าเขาไม่ยอม มึงอย่ายุ่ง”


“`ตัวเงินตัวทอง`ไรของมึงวะ แค่นี้ทำหวง เออ เอาคืนไปเลย”


คนโดนทำร้ายว่าอย่างอารมณ์เสียก่อนจะออกแรงเหวี่ยงให้คนตัวบางที่สุดไปกระแทกกับเพื่อนของตนที่แสดงท่าทีไม่พอใจเขาสักเท่าไหร่ ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์ เก็ทจึงถือโอกาสจับมือเตอร์ให้เดินออกไปจากที่นี่ด้วยกัน แต่พอออกจากสถานที่แห่งนั้นแล้วก็ถูกสะบัดออกทันที ตามด้วยกำปั้นหลุนๆ ที่กระทบเข้าหน้าหล่อ


“นี่เหรอที่ผมต้องตอบแทนคุณ คุณไม่พอใจที่ผมชวนคุณไปก็บอกกันตรงๆ ก็ได้ สนุกเหรอที่ทำกับผมแบบนี้”


ยอมรับว่ากลัว เมื่อครู่นี้เขากลัวมากจริงๆ เพราะว่าผู้ชายคนนั้นตัวใหญ่กว่าเขามาก แล้วคนตรงหน้านี่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขาเสียด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าเขาถูกทำร้ายจริงๆ ก็คงเอาตัวไม่รอด


“ผมไม่ได้คิดว่ามันสนุก”


“แต่คุณก็ทำให้ผมเชื่อแบบนั้น”


นัยน์ตาหวานสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวและแค้นเคืองในเวลาเดียวกันจนสะท้อนเป็นหยาดน้ำใสๆ อยู่ภายใน พลันให้เก็ทรู้สึกผิดขึ้นมาเต็มหัวใจ เขาไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายจะกลัวขนาดนั้นเพราะความเคยชินของตัวเอง


“ผมขอโทษ”


“หึ ผมรับคำขอโทษจากคุณก็ได้ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์แย่ๆ แบบนี้”


กระแทกเสียงใส่ไม่พอ ยังก้าวเท้ายาวๆ ไปให้พ้นหน้าผู้ชายคนนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าเก็ทจะเป็นคนที่ดีกว่านี้เสียอีก แต่จริงๆ แล้วไม่เลย


“เดี๋ยว คุณชื่ออะไร”


“ไม่จำเป็นต้องรู้มั้งครับ”


สิ้นเสียงก็ก้าวเดินจากไปเลยและคิดว่าจะไม่พบหน้าผู้ชายคนนี้อีก ให้ลืมๆ ไปเสียหมดกับความทรงจำแย่ๆ ในวันนี้ ทว่ายังไม่ทันพ้นคืนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ยิ่งมองหน้าจอแล้วไม่คุ้นกับเบอร์ก็ทำให้ยิ่งสงสัย


“สวัสดีครับ”


[[สวัสดีครับ เตอร์]]


“ใคร”


เสียงห้วนถามกลับไป กระนั้นในใจกลับรู้สึกว่าน้ำเสียงนี้คุ้นหูอย่างประหลาดและมันก็เป็นอย่างที่คาดเดาไว้ในใจเมื่อเสียงทุ้มตอบกลับมาเพราะคนชื่อนี้ที่เขารู้จักในตอนนี้มีคนเดียวและคงจะลืมไม่ลงง่ายๆ


[[เก็ทครับ]]


“คุณโทรมาทำไม รู้ชื่อผมเบอร์ผมได้ยังไง”


[[ขอมาจากเพื่อนที่ไปเดทกับเพื่อนน้องสาวของคุณอีกที ผมต้องไปหน้าด้านขอมันเลยนะ]]


“ผมขอร้องคุณหรือไง”


[[เปล่า แต่ผมอยากคุยกับคุณ]]


“แต่ผมไม่อยากคุย เท่านี้นะครับ”


[[อย่าเพิ่ง ผมมีอะไรจะบอกคุณอีก]]


หากไม่มีเสียงส่งออกมาจากปลายสายเสียก่อน ปุ่มวางสายบนโทรศัพท์คงถูกกดเป็นแน่ แต่เพราะมันดังขึ้นขัดเสียก่อนเตอร์จึงได้นำมาแนบหูอีกครั้ง


“มีอะไร”


[[ผมขอโทษคุณจริงๆ]]


“คุณพูดไปแล้ว แล้วผมก็ยกโทษให้คุณไปแล้ว ถ้าคุณมีเรื่องจะพูดแค่นี้...”


[[ถ้าคุณยกโทษให้จริงๆ คุณต้องยอมคุยกับผมสิ]]


โดนต้อนมาแบบนี้ทำเอาเตอร์ไปต่อไม่ถูก อยากจะก่นด่าสารพัดแต่ก็นึกคำไม่ออกเลยได้แต่ฟึดฟัดอยู่ในใจ ให้คนปลายสายให้คลี่ยิ้มขึ้นมาบ้าง


[[ออกมาหน้าบ้านหน่อยสิ]]


นัยน์ตากลมเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ ร่างเพรียวสาวเท้ายาวๆ ไปที่หน้าต่างห้องนอนแล้วก็เห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเองจริงๆ


“คุณมาที่บ้านผมได้ยังไง”


[[แหล่งข่าวเดิมครับ]]


“มาทำไม”


[[มาง้อ]]


“...”


เพียงแค่คำสั้นๆ นี้กลับทำให้ใบหน้าที่ขึงให้บึ้งตึงอยู่เมื่อครู่หลุดยิ้มออกมาได้ แล้วพอรู้ตัวเตอร์ก็ต้องหุบยิ้มของตัวเองเอาไว้ แต่ว่ามันก็ไม่ง่ายสักเท่าไหร่ เพราะเสียงทุ้มเอ่ยอ้อนๆ


[[ผมไม่เคยง้อใครเลยนะคุณ คุณเป็นคนแรก]]


“แล้วผมบอกให้คุณมาง้อหรือไง ไม่มีเหตุจำเป็น”


[[ก็ถ้าเป็นคนอื่นผมก็คงปล่อยไปอยู่หรอก แต่เพราะเป็นคุณผมถึงปล่อยไม่ได้ รู้ว่าคุณโกรธ ผมรู้สึกแย่จริงๆ]]


“ทำไมเป็นผมคุณต้องรู้สึกแย่”


[[เพราะผมรู้สึกดีๆ กับคุณไปแล้ว]]


“เหอะ อย่ามาโม้หน่อยเลย ถ้าคุณรู้สึกดีๆ กับผมคุณคงไม่ทำแบบนั้นหรอก”


ผ่อนลมหายใจออกมาพลางนึกถึงช่วงเวลาที่ทำให้เขารู้สึกแย่ ถึงมันจะดีขึ้นมาหน่อยแล้วแต่ก็ยังอดจะโกรธไม่ได้อยู่ดี


[[ผมรู้สึกดีๆ กับคุณจริงๆ อาจจะตั้งแต่ตอนที่เห็นคุณกินเค้ก หรือเป็นตอนที่คุณเขียนข้อความลงไป หรือไม่ก็ตอนที่คุณต่อยผมก็ได้]]


คำอธิบายนั้นทำให้เตอร์เกือบหลุดขำและส่งเสียงถามตัวเองออกไปว่า ‘ไอ้นี่มันประสาทหรือเปล่าวะ’ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปอย่างใจคิด


[[แน่ะ ยิ้มอยู่ล่ะสิ]]


โดนทักมาอย่างรู้ทัน เตอร์ต้องหุบยิ้มฉับพลางเหลือบมองคนที่อยู่หน้าบ้านผ่านทางกระจกหน้าต่าง









สายตาจะดีเกินไปหน่อยหรือเปล่า








[[คุณให้โอกาสผมแก้ตัวได้ไหมเล่า วันวาเลนไทน์ทั้งที จะให้หมดวันไปด้วยความรู้สึกแย่ๆ เหรอ มันไม่ดีมั้งครับ]]


“โอกาสอะไร” ถามพลางก็ลุ้นไปด้วยว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง เพราะในตอนนี้ก็เหมือนเดิมที่เขาไม่สามารถไล่ตามความคิดของผู้ชายคนนี้ได้


[[โอกาสที่... อยากรู้เหรอ ยื่นหูมาใกล้ๆ สิ]]


ถูกบอกอย่างนั้นเตอร์ก็ลืมตัวบ้าจี้ไปด้วย เอาหูแนบกับโทรศัพท์มากขึ้นหนำซ้ำยังกระเถิบตัวไปแทบชิดกับหน้าต่างให้อีกฝ่ายมองขึ้นมาเห็นชัดขึ้นอีก ก่อนเสียงทุ้มจะต่อประโยค


[[พร้อมฟังหรือยัง]]


“เรื่องมาก จะพูดก็พูดมา”


ทั้งที่อยากรู้จะแย่ แต่ก็ทำเป็นเสียงแข็งกลับไป เก็ทจึงได้ยิ้มกริ่มกับท่าทีของร่างบางที่มองเห็นได้ใกล้ขึ้น รวมทั้งความอยากรู้อยากเห็นที่เขาจับได้ ดังนั้นจึงบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงนุ่มๆ อย่างที่ไม่ค่อยได้ใช้กับใคร


[[ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป...]]


“...”


[[ผมจะจีบคุณ]]


ไม่รู้ว่าทำไมพอได้ยินประโยคนี้แล้วเตอร์ถึงรู้สึกว่าหน้ามันร้อนขึ้นมา แถมยังนึกไปถึงรูปถ่ายใบหน้าที่คงถูกแปะเอาไว้บนผนังด้านใดด้านหนึ่งของร้านเค้กขึ้นมาเสียได้ ปากบางงึมงำอยู่กับตัวเองทั้งที่เสียงทุ้มเมื่อครู่ยังก้องอยู่ในหัว









ผมจะจีบคุณ


ผมจะจีบคุณ....งั้นเหรอ?


พูดมาได้


ไอ้บ้า


















แต่ก็ไม่คิดว่าเพราะประโยคบ้าๆ นั้นจะทำให้ทั้งสองคนมานั่งทานเค้กอยู่ด้วยกันในวันนี้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของอีกหนึ่งปีถัดมาแบบนี้


“รูปใบนี้ยังอยู่เลย”


มือเรียวชี้ไปที่รูปถ่ายซึ่งอยู่บนผนังของโต๊ะที่ตนมานั่งทานบุฟเฟ่ต์เค้กครึ่งราคาเช่นเดียวกับเมื่อปีก่อน แต่ผิดกันตรงที่คนที่มาด้วยคราวนี้ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าเหมือนอย่างวันนั้น


“งั้นวันนี้ก็ต้องถ่ายอีกใบหนึ่ง เอาให้ยิ่งกว่านี้”


“พอเลยพอ แค่นี้ยังขายหน้าคนอื่นเขาไม่พอหรือไง” ว่าพลางยังจิ้มเค้กมายัดปากคนพูดมากที่ทำให้เขารู้สึกเขินหน่อยๆ ด้วย เก็ทก็ยอมที่จะกินของที่ตัวเองไม่ชอบเข้าไปแต่โดยดี










กินเหล้ามาทุกวันแล้ว เปลี่ยนมากินเค้กจากมือแฟนบ้างก็ดี










“งั้นก็เอาแบบนี้”


ปากอิ่มเคี้ยวงับๆ ไปด้วยก็พูดไปด้วย หนำซ้ำยังมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยแววตาที่ไม่น่าไว้ใจเสียอีก พลอยให้เตอร์ต้องกระถดตัวออกห่างทั้งที่มันก็ติดพนักพิงแล้ว นัยน์ตากลมองอย่างไม่ไว้ใจ เพราะตลอดเวลาเกือบๆ หนึ่งปีที่คบกันมามันทำให้เขารู้ว่าเก็ทน่ะร้าย!


“อะไร”


“นู่นๆ พนักงานจะเดินมาขอถ่ายรูปแล้ว”


มือกว้างชี้ไปทางประตูของร้านเรียกให้คนที่หวั่นๆ ว่าจะถูกมาขอถ่ายรูปรีบหันขวับไป แต่ว่ามันดันเป็นหลุมพรางหลุมใหญ่ให้คนเอาแต่ได้ฉวยโอกาส เพราะร่างสูงลุกขึ้นแล้วโน้มตัวเข้ามาหาพร้อมกับฉกริมฝีปากแดงๆ ของร่างบางไปเต็มๆ ก่อนจะเลียปากอย่างเอร็ดอร่อยให้คนที่ถูกเอาเปรียบดู


“ยังไงไอ้นี่มันก็อร่อยกว่าเยอะเลย”


แล้วอย่างนี้เตอร์จะทำอะไรได้ นอกจากหน้าแดงฉ่าพร้อมกับสบถคำด่า








โอ๊ยยย ไอ้เก็ท ไอ้ตัวร้าย!!!








เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสถานที่หรือคนใดๆ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมานะครับ ^^
(ปล. อย่าลืมแสดงความคิดเห็นนะครับ)

Medmayom โพสต์ 2012-2-26 21:52:35

แนวของเรื่องดีครับ ขอบคุณนะครับ

fORtUNE` โพสต์ 2012-2-26 22:15:05

ชอบเก็ทอ่าค้าบ :lol
ร้ายเจงๆ อิอิ

thefriday โพสต์ 2012-2-27 17:20:10

ม่ะวานอ่านปายครึ่งเรื่อง เพิ่งมาอ่านต่อจบวันนี้เอง อิอิ^^

นี่สินะ ที่เหมือนกับชื่อหนัง Valentine Sweety (~'_'~)
น่ารักดีค้าบซ่า

ปล. ยังมีชื่อที่แก้ไม่หมด เป็นทงเฮ คิบอมยู่เลย ตอนแรกอ่านไปก็งงๆ 555 อย่าลืมแก้ด้วยนะคับ : )

akeins โพสต์ 2012-5-3 20:37:44

ขอบคุณครับ

daisuke338 โพสต์ 2022-6-7 22:48:14

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: วันวาเลนไทน์แสนหวาน