เสือสมิงกับความเชื่อล้านนา
เสือสมิงกับความเชื่อล้านนาชาวล้านนามีความเชื่อในเรื่องของ เสือในฐานะเป็นสัตว์นักษัตรประจำปีเกิดวันตามความเชื่อ เสือเย็น(เสือสมิง) เขี้ยวเสือ หนังเสือไฟ คาถาและยันต์เสือ
คนเกิดปียี (ขาล) หรือปีเสือนั้นชาติก่อนเป็นผีอารักษ์ในเมืองลังกา จากนั้นเกิดเป็นโจร เกิดเป็นหัวหน้าคนเป็นเสือเย็น(เสือสมิง) เกิดในนรกภูมิ ๓ ชาติ เกิดเป็นควายป่า เมื่อจุติจากควายป่าวิญญาณลงมาพักอยู่ณ พระธาตุช่อแฮ แล้วเข้าสู่ต้นผีเสื้อซึ่งมีงูและผีอารักษ์อยู่เฝ้ารักษา
จากนั้นเข้าสถิตอยู่ที่กระหม่อมของบิดาเจ็ดวันจึงปฏิสนธิในครรภ์มารดา คนเกิดปีนี้ จุติจากบ่าขวาของพระพรหม อังคารเป็นปาก มักพูดจาโผงผางไม่เกรงใจใครแต่เป็นที่ถูกใจคนฟังส่วนมาก การพูดจามักคุยเรื่องกามารมณ์
หากเป็นหญิงมักมีเสน่ห์ พฤหัสเป็นใจมีจิตใจเมตตาชอบทำบุญกุศล อาทิตย์เป็นที่นั่ง มักมีใฝหรือปานในที่ลับเป็นที่พึงใจต่อเพศตรงข้าม พุธและศุกร์เป็นมือ จึงมีฝีมือเชิงศิลปะ มีสติปัญญาดี เสาร์กับจันทร์เป็นเท้ามักได้เดินทางเป็นนิจการให้ทาน ควรถวายผ้ากั้นเพดาน สร้างศาลาหรือถวายข้าวพันก้อน จึงจะเจริญหากไม่ทำบุญตามนี้ จะยากจนถึง ๑๓ ชาติ
จากนั้นเกิดเป็นช้างจึงจะได้เกิดเป็นคนอีก หากให้ทานตามที่ได้กล่าวมาจะได้เกิดเป็นโอรสของกษัตริย์เมืองมัทราช เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้วเกิดในเมืองจัมปา ในที่สุดจะประสบกับความสงบสุขด้วยความเกื้อหนุนของพระอรหันต์๘ รูป สุดท้ายได้เข้าถึงพระนิพพานในสำนักพระศรีอริยเมตไตย
คนเกิดปีนี้ให้ระวังภัยจากคมหอกคมดาบไม่ควรเดินทางในยามค่ำคืน อายุได้ ๒๐ ปี จะประสบเคราะห์กรรมถึง ๓ ครั้ง อายุ ๓๓ ปีจะมีลาภ อายุ ๔๔ ปี จะมีคนใส่ร้าย อายุ ๖๐ ปี จะได้ลาภสักการะและจะสิ้นอายุขัยเมื่ออายุ ๗๐ ปี ในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือนเกี๋ยงเหนือ (เดือน ๑๑ ของภาคกลาง)เวลาเที่ยงวัน ผู้ที่เกิดปีนี้ลงด้วยเสือ ธาตุไม้ ค่อนข้างขัดสนเงินทองทำคุณคนไม่ขึ้น
คู่ ครองควรเป็นคนที่เกิดในปีมะเมียและปีจอ คนที่เป็นศัตรูได้แก่คนที่เกิดปีมะแม และปีระกา ถึงปีกุนให้นำน้ำจากแม่น้ำ๗ แห่ง ไปรดต้นศรีมหาโพธิ และในชีวิตควรหาโอกาสไปไหว้พระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดจะเจริญสุขสวัสดี รัตนชาติประจำตัวคือ มรกต ถุงบรรจุทรัพย์สินควรเป็นถุงสามชั้นชั้นนอกสีแดง ชั้นกลางขาวและชั้นในสีเขียว ชุดออกศึกสีเขียวสัตว์เลี้ยงประจำตัวคือม้า หรือวัวตัวเมียสีน้ำตาลเข้มจึงจะดี
วันตามความเชื่อ
วันตามความเชื่อที่เสือมีบทบาทเช่นวันเสือตาย และวันเสือหลับตา เป็นต้น โดยเฉพาะวันเสือหลับตา ถือเป็นวันที่เสือไม่คอยจ้องมองหรือหาช่องทางที่จะจับวัวควายเป็นอาหารจึงเหมาะสำหรับเป็นวันสร้างคอกวัวควาย โดยเชื่อว่า เสือจะไม่เข้าไปขโมยวัวควายในคอกที่สร้างในวันดังกล่าวซึ่งได้แก่ วันในระบบ "วันไท" ดังนี้
เดือนเกี๋ยง วันเหม้า
เดือน ยี่ วันเป้า
เดือน ๓ วันเร้า
เดือน ๔ วันสี
เดือน ๕ วันเป้า
เดือน ๖ วันเร้า
เดือน ๗ วันสี
เดือน ๘ วันเม็ด
เดือน ๙ วันสัน
เดือน ๑๐ วันเหม้า
เดือน ๑๑ วันเป้า
เดือน ๑๒ วันเร้า
เสือ เย็น
เสือเย็น คือ เสือสมิง ซึ่งเป็นเสือที่เชื่อกันว่าแต่เดิมเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้าโดยเฉพาะอาคมเกี่ยวกับเสือ เมื่อถึงวัยชราหรือควบคุมอาคมไม่อยู่ จะกลายร่างเป็นเสือในยามค่ำคืนขณะที่บางท่านกล่าวว่าเป็นเสือที่กินคนมาก ๆ เข้าจนวิญญาณคนเข้าสิงร่าง จึงสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้ในบางโอกาส
เรื่อง ของเสือเย็นมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาหลายสำนวน เช่น สำนวนหนึ่งเล่าว่า ชายคนหนึ่งมีลูกสาวสวย ในคืนที่เขาออกไปทำธุระนอกบ้านมักมีชายหนุ่มมานั่งคุยกับลูกสาวคืนหนึ่งขณะที่เขากลับเข้าบ้านก็เหลือบเห็นงูก่านปล้อง (งูสามเหลี่ยม) เลื้อยอยู่บนชานเรือนจึงเอามีดฟันทันทีพลันได้ยินเสียงคนร้อง "โอ๊ย!" และคนที่ร้องนั้นคือชายหนุ่มที่มานั่งคุยกับลูกสาวซึ่งเป็นเสือเย็นแปลงกาย งูนั้นคือหางของเสือเย็น ทันทีที่ถูกฟันมันตกใจกระโดดหนีลงเรือนไป
สำนวนต่อมาเล่าว่า พรานป่าคนหนึ่งมีเมียท้องแก่คืนหนึ่งไปนั่งห้างดักยิงสัตว์ พอดึกสงัด พระธุดงค์แบกจ้อง (กลด) มาเรียกให้ลงจากห้างบอกว่าเมียจะคลอดลูก เหตุการณ์ที่มีคนมาเรียกเขาเคยได้ยินมาบ้าง และเคยทราบมาว่า เสือเย็นมักถอดจิตไว้นอกกายยิงไม่ตายง่ายๆ ในขณะที่พรานลังเลอยู่บังเอิญมีนกตัวหนึ่งส่งเสียงร้องว่า "จิกจ้องๆๆ"หมายถึง "ยอดกลด" เขาเฉลียวใจจึงใช้ปืนยิงไปที่ยอดกลด ปรากฏว่า พระธุดงค์รูปนั้นล้มลงกลายเป็นเสือลายพาดกลอนนอนตายอยู่ด้วยจิตของเสือเย็นถูกถอดไว้อยู่ที่ยอดกลดนั่นเอง
นอกจากนี้ อีกสำนวนเล่าว่ามีวัดแห่งหนึ่งสมภารร่ำเรียนคาถาอาคมจนแก่กล้าเกินขนาด ควบคุมตนเองไม่ได้ในที่สุดก็กลายเป็นเสือเย็น (เสือสมิง) โดยที่กลางวันมีร่างเป็นคน ตกกลางคืนมีร่างเป็นเสือกัดกินพระเณรและเด็กวัดจนหมดครั้งหนึ่งมีพ่อค้าต่างแดนคนหนึ่งรอนแรมมาจวนค่ำ ณ วัดนั้น จึงคิดจะขอพักค้างคืนชาวบ้านเห็นดังนั้นจึงพากันห้ามปราม พร้อมชี้แจงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นแต่พ่อค้าก็ไม่ยอมฟังเสียงทัดทาน ได้เข้าไปขอพักกับสมภาร
โดยอาศัยนอนในวิหาร พอถึงกลางคืน พ่อค้าก็เริ่มสานวัวธนูพร้อมตั้งสมาธิจิตบริกรรมคาถาไปเรื่อยๆส่วนสมภารก็แวะเวียนมาถามตรงประตูว่า "หลับหรือยัง" พ่อค้าก็ตอบ"ยังไม่หลับ" ยิ่งดึกสมภารก็ยิ่งเดินมาถามบ่อยขึ้นพ่อค้าก็ตอบดังเดิม สุดท้าย พ่อค้าสานวัวธนูเสร็จพอดี เมื่อสมภารมาถามพ่อค้าจึงเงียบ ทันใดนั้น ประตูวิหารก็เปิดออกพร้อมปรากฏร่างของเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่กระโจนเข้าสู่วิหาร
ขณะเดียวกันพ่อค้าก็ปล่อยวัวธนูพุ่งทะยานออกไปเสียงแห่งการต่อสู้ดังอึกทึกตลอดคืน รุ่งเช้าชาวบ้านมาดูก็พบว่า สมภารมีรอยถูกขวิดตามตัวจนมรณภาพจมกองเลือดอยู่ที่แปลกก็คือสมภารมีร่างเป็นคน แต่ที่ก้นมีหางยาวงอกออก หางนั้นคือหางเสือเย็น
เขี้ยวเสือ
คน ทั่วไปเชื่อว่าเขี้ยวเสือ โดยเฉพาะเขี้ยวของเสือเจ้าป่า เสือที่คงกระพันและตายเองโดยธรรมชาติสามารถป้องกันศาสตราวุธ ผีป่าและสัตว์ร้ายทั้งปวง จึงนิยมนำมาถักด้วยเส้นลวดปลุกเสกพกพาติดตัวหรือห้อยคอบางคนอาจแกะเป็นพระเครื่องหรือทำเป็นด้ามมีดหมอ ก็มีปรากฏให้เห็นเสมอ
หนังเสือไฟ
หนังหรือแม้กระทั่งขนของเสือไฟ ชาวล้านนาเชื่อว่าสามารถป้องกันภูตผีปีศาจและโรคร้ายในสัตว์จึงนิยมนำมาเป็นเครื่องรางแขวนคอให้เด็กเล็ก และนำมาตอกติดคอกสัตว์ และเล้าเป็ดเล้าไก่ เป็นต้น
คาถาเสือโคร่ง
คาถาเสือโคร่งเป็นคาถาที่โบราณท่านผูกไว้สำหรับท่องบ่นขณะเดินทาง ไกลหรืออยู่ในสภาวะคับขันตลอดจนเข้าศึกสงคราม เชื่อว่าจะสามารถป้องกันภัยอันตรายได้ บทคาถามีอยู่ว่า
"โอมเสือโคร่งตัวหลวง โอมเสือเหลืองสอดเสี้ยวแสนตา เสียงกูแรงดั่งช้างกูนี้มีแรงดั่งช้างพลายโขลง กูออกบ้านกูกินแสนเยื่อง กูออกเมืองกูกินแสนโขลงเสียงกูดังคระครื้นพื้นธรณี เสียงกูมีอำนาจ ข้าเสิกขาดใจตาย โอม สวาหะ เถ็กฯ"
ยันต์ เสือ
ยันต์ของชาวไทยวนส่วนหนึ่งนิยมลงยันต์เสือโคร่งลงบน แผ่นผ้าหรือแผ่นโลหะพกติดตัวเมื่อออกศึกสงครามแต่ก็พบว่าชาวไทใหญ่นิยมสักลายบนผิวหนังด้วยยันต์ประเภทคงกระพันต่างๆ อาทิ ยันต์เสือ๓ ป็อด เสือ ๗ ป็อด เสือสองหาง เสือหัวอาง และเสือเย็น.
ที่ มา http://www.lannacorner.net/
ขอบคุณครับๆๆ โฮ้ เสือนี่ก็มีความเชื่อจิงๆ แต่อันแรกงงมาก ขอบคุณคับที่เล่าหนุกดี ขอบคุณคับน่ากลัว ขอบคุณคับผมที่แบ่งปัน น่ากลัวเเต่ชอบ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากนะครับผมที่แบ่งปัน ตอบกระทู้ ภูตะวัน ตั้งกระทู้
ขอบคุณครับ ขอบคุณคราฟสำหรับเรื่องดีๆอย่างนี้ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย omeoooo เมื่อ 2011-3-29 20:07
ขอบคุน ค๊าฟฟฟฟ ขอบคุณครับ..เอามาลงอีกนะ ขอบคุณครับผม ขอบคุณความรู้ดีๆจ้า ขอบคุนที่แบ่งปัน
หน้า:
[1]