ท่าเรือพิศดาร
ท่าเรือพิศดารวันนี้ก็เป็น อีกวันหนึ่งที่ผมต้องทํางานล่วงเวลา ก็เพื่อปากท้องของผมเอง แม้จะได้เงิน เพิ่มเพียงเล็กน้อยก็ตาม ช่วงนี้ผมต้องกลับบ้านล่วงเวลามาหลายวันติดต่อกัน ซึ่งต้องใช้ทาง กลับบ้านทางที่ผมไม่ค่อยชอบนัก คือ ทางนํ้า เพื่อข้ามกลับไปทางบ้านซึ่งเป็นทางด้านหลังบ้าน ซึ่งตัวผมเลือกจะใช้หนทางนี้เป็นทางสุดท้ายในทางกลับบ้าน เพราะเหตุที่ว่าผมว่ายนํ้าไม่เป็น จึงไม่อยากอยู่ใกล้นํ้าเท่าไหร่นัก หลังจากการหลับบนรถเมล์ระหว่างทาง ผมเดินเลียบเข้าตรอก ซึ่งไม่ไกลจากถนนใหญ่ เท่าไหร่นัก ถ้ามองจากถนนใหญ่ก็จะเห็นท่านํ้าได้อย่างชัดเจน ผมเดินเรื่อยๆลัดเลาะตรงไปที่ ท่านํ้า สภาพของท่านํ้านี้ นานๆผมถึงได้ผ่านมาสักครั้งหนึ่ง เป็นท่านํ้าเล็กๆที่มี_"โป๊ะรอเรือ" ขนาดปานกลางมีหลังคา และมีที่นั่งพักรอเรือ อยู่ทางด้านข้างสองฝั่งของโป๊ะ ไม่มีไฟในโป๊ะ ที่รอ แต่ผมสังเกตุว่ามีหลอดไฟติดอยู่แต่ไม่ได้เปิด อาจคงเป็นเพราะว่าดึกมากแล้ว ยังไงก็ เถอะมันก็ไม่มึดจนเกินไปนัก เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ จันทร์ส่องกระจ่างไปทั่วเลยทีเดียว เรือที่นี่จะผ่านมาไม่แน่นอนนัก ตามที่ผมเคยรอ บางครั้งรอนานร่วม 45 นาที ทีเดียว วันนี้ก็เช่นกันผมรออยู่นานพอดูจนเคลิ้มๆจะหลับ ก็บังเอิญได้ยินเสียงคุยกันอยู่อีกทางฝากหนึ่ง ของโป๊ะ "ตามจริงเค้าไม่น่ากลับบ้านดึกเลยนะลุง" ชายคนแรกพูดขึ้น "น้านซิ.....ยังหนุ่มแน่น อยู่แท้ๆ กะอีแค่เงินเพิ่มเพียงเล็กน้อย" เสียงชายชราพูดขึ้น "ตาย ตั้งแต่ ยังหนุ่มอยู่แท้ๆเลย" "ตาย"เหรอ.....ผมนึกในใจ เขาทั้งสองคงเพิ่งกลับ จากงานศพ หรือ โรงพยาบาลแน่ๆ เลย....... แต่ เอ....เค้าสองคนมาตอนไหนกันนะ ผมไม่ยักกะรู้สึกว่าเขาสองคนมาเมื่อไหร่เลยสักนิด คง เพราะความง่วงและ อ่อนเพลียของตัวผมเอง ผมพยายามมองหน้าเค้าสองคนแต่ด้วยความมึด และความห่างกันมาก ผมจึงมองเห็นเค้าหน้าไม่ชัดนัก แต่พอดูรู้ว่าเป็น คนมีอายุคนหนึ่ง กับชาย หนุ่มท่าทาง ทะมัด ทะแมงอีกคนหนึ่ง "ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่เหงา" ผมนึกอยู่ในใจ "น่าสงสาร ทางบ้านเค้านะ ป่านนี้คงยังไม่รู้เรื่องแน่ๆเลย" ชายคนหนุ่มกล่าวต่อ " เค้าคงง่วงมากนะ ตอน ขึ้นเรือถึงก้าวพลาด" "อื่ม..คงเพราะความอ่อนเพลีย จากที่ทํางาน ก็ทํางานซะดึกดื่น" เอ...นี่เค้า กําลังกล่าวถึงใครนะ ผมนึกย้อนถึงตัวเอง "ตอนที่เค้าก้าวขึ้นเรือ ผมเห็นเค้าตกลงไป เค้านี่ร้อง เสียงลั่นเชียว" "ก่อนที่เรือจะเข้ามา ผมเห็นเค้าตะเกียก ตะกาย พยายามขึ้นมาบนโป๊ะ" ชาย หนุ่มพูดเสียงสั่นๆ "คงเพราะเค้าว่ายนํ้าไม่เป็น ไอ้เรือเจ้ากรรมก็ ดันบีบเข้ามาซะเร็วเลย"ชาย ชราพูดแล้วหยุดนิดนึง " เฮ้อ.....ดูสิ เลือดยังนองอยู่ตรง นั้นอยู่เลย " คุณพระช่วย ................... พิ้นโป๊ะ ตรงหน้าผม มันนองไปด้วย เลือดดดดดด เลือดสดๆ กลิ่นคาวเหม็นฟุ้งกระจาย เข้า จมูกเต็มที่ เมื่อมีลมอ่อนๆ พัดมา ผมพงะด้วยความ ตกใจ ชายสอง คนหัวเราะดังลั่น....... " ผี " คําแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง ผมออกวิ่งจากจุดนั้น ขึ้นมาบนฝั่ง จะด้วยความบังเอิญหรึอ โชคช่วย บังเอิญมี รถแท๊กซี่คันหนึ่ง ผ่านมาพอดี. .......พอผมขึ้นไปอยู่ในรถผมจึงมองกลับมาที่ โป๊ะเรืออีกครั้ง เรือกําลังเข้าเทียบท่า ในเรือว่างปล่าว บนโป๊ะก็ว่างปล่าว ............... ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกจากจุดนั้น ตาผมก็ไป สะดุดกับสิ่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากโป๊ะเรือ เท่าไหร่นัก เป็น "ศาลเก่าๆ" ที่ดูแล้วท่าทางจะไม่ค่อยมีคนดูแล เท่าไหร่นัก ครับเช้าวันรุ่งขึ้นผม กลับมาที่นั้นอีกครั้ง พร้อมด้วยดอกไม้ ธูปเทียน พวงมาลัย และเครื่องมือทําความสะอาดอีก สอง สามอย่าง ........ แล้วผมก็ พบกับสิ่งที่ สะดุดตาอีกครั้ง ใน "ศาล" มีตุ๊กตาดินปั้น อยู่ สองตัว ตัวหนึ่งเป็นคนแก่และอีกตัวหนึ่งเป็นผู้ชายหนุ่ม ครับเดี๋ยวนี้ ศาลนั้นมีคนดูแล แล้วครับ
หน้า:
[1]