คุณเชื่อว่าผีมีจริงไม๊???
คุณเชื่อว่าผีมีจริงไม๊???ปกติแล้วเราเป็นคนที่กลัวผีเอามาก ๆ ไม่เคยเจอนะ แต่ก็กลัวและเชื่อมาตลอดว่า ผีมีจริงแน่ ๆ ยังเคยคิดว่าถ้าสมมติว่าเจอผี ผีจะน่ากลัวไม๊ แล้วเราจะทำยังไง ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย หนังผีก็ดูมันซะแทบจะทุกเรื่อง ดูเสร็จก็เก็บมาคิดมากลัว ได้ยินเสียงอะไรนิดนึงก็หัวใจเต้นตูมตาม แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเป็นผีจริง ๆ หรอกเพราะเราอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิด เลยมั่นใจว่าอะไรก็ตามที่ได้เห็น(แว๊บๆ)ได้ยินมันไม่ใช่ผีแน่นอน ที่บ้านเรามีห้องนอนอยู่ 3 ห้อง มีห้องป๊ากับแม่เรา ห้องเรานอนกับพี่สาว และห้องคุณตา อยู่ด้วยกัน 5 คน มาตั้งแต่เราจำความได้แล้วล่ะ คุณตาเราเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยได้พูดกันหรอก ด้วยอายุและอะไรต่าง ๆ นา ๆ ก็เลยไม่สนิทกัน วัน ๆ คุณตาจะอยู่แต่ในห้อง พี่สาวเราเค้าแต่งงานไปเมื่อปีที่แล้ว เราเลยได้ครองห้องคนเดียว สบายใจมาก ๆ แต่ประสบการณ์ที่น่ากลัวที่สุด ที่เราไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเราก็เริ่มขึ้น
พี่เราเค้ากลับมาเยื่ยมบ้าน เอาของฝากมาเต็มเลย เค้าไปเที่ยวฮันนีมูนกันมา ที่เกาะทางใต้ของประเทศเรานี่แหละ แล้วก็มาขอนอนค้างคืนนึง เห็นบอกว่าคิดถึงป๊ากับแม่ แต่พี่มานเกรงใจเราอ่ะ เลยขอให้คุณตาไปนอนห้องป๊ากับแม่ แล้วมานก็ไปนอนห้องคุณตาแทนไม่นอนห้องเรา ก็ดี เราไม่ชอบนอนกับคนเยอะ ๆ อ่ะ พอเย็น ๆ ของวันถัดไปมานก็กลับบ้านมาน อยู่ร่มเกล้าอ่ะ ไกลบ้านเราเหมือนกันเคยไปแค่ 2 ครั้งเอง จากวันนั้นก็ผ่านไปซัก 2-3วัน คุณตาเริ่มมีอาการแปลก ๆ เราได้ยินเสียงร้อง เอะอะตอนกลางคืนบ่อย ๆ จากห้องคุณตา และปกติคุณตาแทบไม่เคยออกมาจากห้องนอกจากกินข้าวอาบน้ำ กลับอยู่แต่นอกห้อง บางวันก็หลับที่หน้าทีวีซะงั้น เรากลัวว่าคุณตาจะตายอ่ะ บอกให้แม่พาคุณตาไปหาหมอ แม่ก็พาไป หมอบอกว่าคุณตาอ่อนเพลีย เพราะพักผ่อนไม่พอ เราก็ งง คุณตาเรานอนทั้งวันเลยนะปกติอ่ะ พอกลับมาถึงบ้าน คุณตาก็นั่งอยู่หน้าทีวีอีก ไม่ยอมขึ้นไปนอน ป๊าเราก็ต้องบังคับให้ไปนอนเหมือนเด็ก ๆ เลย แต่คุณตาก็ไม่ยอม แล้วบอกกับป๊า ว่าขอย้ายห้อง จะนอนห้องเรา ให้เราไปนอนห้องคุณตาแทน ไม่งั้นจะนอนข้างล่าง ป๊าก็มาถามเรา ว่าเราจะยอมไม๊ เรายังไงก็ได้นะ ขอแค่มีห้องส่วนตัวก็พอก็เลยยอมแลก ก็ขนข้าวขนของเท่าที่จำเป็นพอ ดึกแล้วขี้เกียจขนไรมาก นอนให้รอดไป 1 วันก่อน พอปิดไฟนอนได้ไม่เท่าไหร่ เราก็ได้ยินเสียง ตึก ๆ ๆ เบา ๆ เสียงเหมือนคนเดินลงส้นเท้าอยู่ขวามือเรา เลยลืมตาดู ไม่เห็นอะไรเพราะมันมืด ตาก็ยังไม่คุ้นกับแสง มืดสนิท เราก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว แค่มองเฉย ๆ ตามปกติ นอนไปซักพักก็ได้ยินเสียงเดิมอีก เสียงบ้านข้าง ๆ มั๊ง เสียงโน่นมั๊งนี่มั๊ง คิดไปเรื่อยจนหลับไป ตื่นมาก็ลืมแล้วก็ไปเรียน กลับมาบ้านเราก็ดูทีวีกินข้าวเล่นไปเรื่อยจน 4 ทุ่ม ขึ้นมาอาบน้ำ เตรียมนอน เปิดประตูห้องปั๊บก็ งง ไปเลย ห้องเราโดนค้น ของส่วนมากเป็นของคุณตา โดนค้นกระจุยกระจายเลย เราก็เรียกที่บ้านขึ้นมาดู ก็แจ้งตำรวจ คิดว่าขโมยขึ้นบ้านพอตำรวจกลับไปก็ตี 1 แล้วอ่ะ ง่วงก็ง่วง ห้องก็ยังไม่ได้เก็บ แต่ก็ต้องนอน พอเริ่มเคลิ้ม ๆ จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ก็ได้ยินเสียงเดิมเลย แต่ตอนนั้นเราไม่สนแล้วอ่ะ เพราะง่วงจัด ๆ เลย คิดในใจว่าจะเดินอะไรนักหนาวะ แค่คิดนะ ไม่ได้พูดเลย อยู่ ๆ เสียงเดินก็เงียบ กลายเป็นเสียงหายใจ ฟืดดด ฟาดด แบบคนโมโหอยู่ข้าง ๆ หูเรา ตัวเราชาไปหมด เพราะมั่นใจแล้วว่า ตอนนี้เราไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องแน่ แล้วเสียงหายใจก็หยุดไป ใจเราอยากวิ่งออกนอกห้อง แต่แค่เอามือเอื้อมไปหยิบผ้าห่มมาคลุมโปงยังไม่กล้าขยับเลย เรานอนนิ่ง ๆ หลับไม่ลง คิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะเช้าซักที "คุยกับชั้นหน่อย...." เราได้ยินประโยคนี้เต็ม 2 รูหู จากตัวชาก็สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย หลับตาปี๋คิดถึงป๊ากับแม่มาก ๆ "คุยกับชั้น....หน่อยย....." ครั้งที่สองแล้ว ที่เราได้ยิน ครั้งแรกบอกได้เลยว่าเราประมวลผลแทบไม่ได้ว่าเค้าพูดอะไรเสียงผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ครั้งนี้ชัดเจนมาก เสียงผู้หญิง เย็นเยือก.. "แกจะไม่คุยกับชั้นหรอ....." เราอยากหนีไปให้พ้น ๆ จากห้องนี้มาก ๆ แต่ขยับไม่ได้เลยไม่รู้ว่าเพราะกลัวหรือโดนผีอำ อย่างที่เค้าบอก ๆ กัน เสียงครั้งนี้บอกได้เลยว่าเค้าโมโหเรามาก เราไม่รู้จำทำยังไง ก็เลยพูดออกไป ไม่รู้ว่าพูดหรือคิดนะจริง ๆ รู้แต่ว่าเราบอกกับเค้าอ่ะ ว่าอย่ายุ่งกับเราเลยเรากลัว หายใจจะไม่ออกแล้ว "ทำไมแกไม่คุยกับชั้น..." เตียงมันยวบ ๆ เหมือนมีคนเดินไปเดินมาอยู่บนเตียง เราทำอะไรไม่ถูกแล้ว หายใจติด ๆ ขัด ๆ สวดมนต์! พอคิดได้เราเลยเริ่มท่อง นะโม อะระหัง ท่องมั่วมาก มันกลัวเกินกว่าที่จะนึกได้ว่าอะไรมาก่อนอะไร ก็เลยท่องอยู่แค่ นะโม นะโม นะโม "นะโม.........ฮี้ฮี้ฮี้" มันเป็นเสียงหัวเราะที่น่ากลัวที่สุด ที่เราเคยได้ยินมาในชีวิต เสียงหัวเราะของผีในหนัง ไม่เย็น ไม่เคยเสียดแทงหูเราเท่านี้เลย หูเราไม่ได้ฝาด เค้าท่องนะโม แล้วหัวเราะเยาะเย้ยเรา "กูไม่กลัวหรอก นะโม....ฮิฮิฮิ" ตอนนั้นเราทนไม่ไหวแล้ว คือกลัวมากจนหอบ หายใจไม่ออก สั่นไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนผมมันตั้ง เย็นไปทั้งหัว น้ำตาก็ไหลไม่หยุด หูอื้อ ได้ยินเสียงหัวเราะของเค้าคนนั้นตลอด.... แต่ก็ไม่รู้ว่าเราหลับไปตอนไป จะบอกว่าหลับก็คงไม่ใช่ เราว่าเราสลบมากกว่ารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว รีบวิ่งออกจากห้องไม่คิดชีวิตไปหาเคาะห้องแม่ ร้องไห้ไปเรียกแม่ไป ป๊ากับแม่เราตกใจกันหมด เราก็เล่าให้เค้าฟัง แม่เราเค้าเชื่อเรื่องบาปบุญ นรกสวรรค์อยู่แล้ว (แม่นี่แหละทำให้เราเชื่อว่ผีมีจริง ทำชั่วจะตกนรก) เค้าก็เลยไปที่วัดแถวบ้านไปนิมนต์พระมาที่บ้าน พระท่านมาก็เอาสายสินมาพัน ๆ ๆ ในห้อง แล้วก็สวดมนต์ เรารออยู่ข้างล่าง กับแม่กับคุณตา ส่วนป๊าเราอยู่กับพระข้างบน เราสงสัยอ่ะ เลยถามคุณตา ว่าเพราะงี้ช่ายไม๊ คุณตาเลยไม่นอนในห้อง คุณตาไม่ตอบ แต่เรารู้ว่าคุณตาก็เจอแบบที่เราเจอ แต่ที่เราโกดเพราะว่าทำไมไม่บอกกันตรง ๆ ทำให้เราต้องเจอผีหลอกไปด้วย บาปก็บาป แต่ตอนนั้นเราโกดคุณตามาก พระท่านลงมาคุยกับแม่พักนึงแล้วป๊าก็พาท่านกลับวัด แม่เล่าให้เราฟัง ว่าพระท่านบอกว่า เป็นวิญญาณผีตายโหง ที่ตามพี่เรามา แล้วเค้าติดอยู่ในห้องนี้ออกไปไม่ได้ พระท่านเลยแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้เค้า แล้วเค้าก็ไป (ไปนี่ไม่รู้ว่าไปไหนนะคะ) แต่เราก็ไม่กล้านอนห้องนั้นแล้ว เลยต้องไปนอนกับแม่พักใหญ่ จนคุณตากลับไปนอนที่ห้องอ่ะ เราเลยได้ห้องของเราคืน จนทุกวันนี้เรายังไม่กล้าเข้าห้องคุณตาอยู่เลย มีหลายอย่างที่เราไม่เข้าใจ เค้าไม่กลัวการสวดมนต์ด้วยอ่ะ......แล้วถ้าตอนนั้นเราใส่สร้อยพระเค้าจะกลัวไม๊ เรื่องจริงก็ต่างกับหนังผีตรงนี้นี่แหละ
หน้า:
[1]