อันดอร์รา แดนสวรรค์แห่งขุนเขาและแม่น้ำ
หากเอ่ยถึงประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เราคงต้องนึกถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างประเทศลาวอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นประเทศในแถบยุโรปหล่ะ คุณพอจะทราบหรือเปล่า...http://images.thaiza.com/38/38_201008231936361..jpg
http://images.thaiza.com/38/38_201008231936362..jpg
เราจึงเดินทางไปยังตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ในที่สุดก็พบประเทศเล็กๆอย่าง อันดอร์รา (Andorra) ประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการ ท่องเที่ยว และมีดีที่มีการเก็บภาษีที่ต่ำมากๆอีกด้วย
อันดอร์รา เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา พิเรนีส (Pyrenees) ระหว่างประเทศฝรั่งเศส (ทางทิศเหนือ)และสเปน (ทางทิศใต้) ที่ระดับความสูงระหว่าง 838 - 2,946 เมตร โดยมีเมืองหลวงที่ชื่อว่า อันดอร์รา ลา เวลลา (Andorra la Vella) นั่นเอง
สำหรับการท่องเที่ยวอันดอร์รา เราอาจไม่ค่อยคุ้นเคยเนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มทางยุโรปเสียมากกว่าค่ะ และเนื่องจากเป็นประเทศเล็กๆจึง ไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่จริงๆแล้วประเทศเล็กๆแห่งนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งไม่แน่ว่าคุณอาจเป็นหนึ่งในผู้ที่สนใจอยากจะไป เที่ยวเมื่ออ่านบทความนี้จบลง
http://images.thaiza.com/38/38_20100823193843..jpg
http://images.thaiza.com/38/38_201008231938431..jpg
ก่อนอื่นเราคงต้องมาเริ่มกันที่เมืองหลวงของประเทศกันเสียก่อน สำหรับ กรุงอันดอร์รา ลา เวลลา นั้นตั้งอยู่บนเทือกเขาพิเรนีส โดยมีแม่น้ำ Gran Valira ไหลผ่านตัวเมือง นอกจากนี้แล้วเมืองหลวงแห่งนี้ยังเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่สูงที่สุดของยุโรปอีกด้วย
สำหรับตัวเมืองหลวงนั้นจะแบ่งเป็นสองส่วนค่ะ ส่วนแรกจะอยู่ทางตอนเหนือ ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์ ส่วนทางด้านทิศใต้และทิศตะวังตก ซึ่งอยู่ในย่านที่ใกล้กับแม่น้ำ Gran Valira จะเป็นเมืองเก่า สถานที่ราชการ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆนั่นเอง
http://images.thaiza.com/38/38_201008231938432..jpg
http://images.thaiza.com/38/38_20100823194129..jpg
เราจึงตัดสินใจลงมาทางใต้แทน ซึ่งสถานที่แรกที่เราไม่ควรพลาดมาเยือนก็คงจะเป็น โบสถ์ Sant Esteve (Sant Esteve's church) โบสถ์เก่าแก่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันกับอาคารรัฐสภาของอันดอร์รา
จากนั้นไปชม สะพาน la Margineda (Bridge of la Margineda) เป็นสะพานหินที่สร้างขึ้นในยุคกลาง มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมัน และยังถือว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานมาแล้ว โดยสะพานแห่งนี้ได้สร้างขึ้นเหนือ แม่น้ำ Gran Valira ซึ่งเบื้อล่างเป็นสายน้ำที่ค่อนข้างเชี่ยวกรากมาก
http://images.thaiza.com/38/38_201008231952392..jpg
http://images.thaiza.com/38/38_20100823195248..jpg
ต่อมาเราก็มาถึง จัตุรัสกลางกรุงอันดอร์รา ลา เวลลา(The town square) สถานที่ที่คุณจะตื่นตาตื่นใจไปกับทัศนียภาพของหุบเขา ที่ห้อมล้อมเมืองหลวงแห่งนี้เอาไว้อย่างสวยงาม ก่อนจะมืดค่ะหาโรงแรมดีๆพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เราจะไปชมสถานที่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของอันดอร์ราอย่าง หุบเขามาดริอู-เปราฟิตา-คลารอร์ (Madriu-Perafita-Claror Valley)นั่นเอง
รับอรุณเช้าวันใหม่ที่อันดอร์รา หลังจากอิ่มท้องกันถ้วนหน้าก็ออกเดินทางไปยัง หุบเขามาดริอู-เปราฟิตา-คลารอร์ หุบเขาที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในปี คศ.. 2004นั่นเอง
http://images.thaiza.com/38/38_20100823194947..jpg
โดยหุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอันดอร์รา โดยมีสภาพภูมิประเทศอันน่าตื่นตาตื่นใจของหน้าผาขรุขระและธารน้ำแข็ง (glaciers) ทุ่งหญ้าบนที่สูงและหุบเขาลึกที่เต็มไปด้วยหมู่ไม้ที่เหมาะแก่การเลี้ยงปศุสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเลี้ยงแกะ
นอกจากนั้นยังมี บ้านที่สร้างจากหินแกรนิตที่น่าสนใจ ซึ่งถูกใช้เป็นที่พักอาศัยในช่วงฤดูร้อน และยังทุ่งเกษตรกรรมขั้นบันได ทางเดินหิน และหลักฐานของการถลุงเหล็ก ในบริเวาณพื้นที่หุบเขามาดริอู-เปราฟิตา-คลารอร์อีกด้วย
http://images.thaiza.com/38/38_20100823195239..jpg
http://images.thaiza.com/38/38_201008231952391..jpg
เพียงเท่านี้คุณก็คงจะทราบแล้วว่าอันดอร์รานั้นเป็นประเทศที่น่าเที่ยวขนาดไหน หากมีโอกาสก็ควรมาเยือนประเทศเล็กๆนี้สักครั้ง แล้วคุณจะประทับใจอย่างแน่นอน
ขอบคุณมากมาก
หน้า:
[1]