ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 2792|ตอบกลับ: 21

{นิยาย}~♪•…{ ก่อนรักจะจางไป 2 } ภาค ประธานปากเสียกับเด็กหนุ่มหน้าสวย…•♪~{ตอนที่ 1,2,3,4.1}

 มาแรง.. [คัดลอกลิงก์]

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
69
Zenny
982
ออนไลน์
9 ชั่วโมง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย uchihachin เมื่อ 2011-4-3 09:45



ก่อนรักจะจางไป ภาค ประธานปากเสียกับเด็กหนุ่มหน้าสวย
โรงเรียนสหายวิทยา เป็นโรงเรียนชายล้วนที่แสนธรรมดา ที่ไม่ว่าเด็กนักเรียนที่นั่นจะโง่ขนาดไหน ก็ยังสามารถจบมาได้ แถมยังเหมือนโรงเรียนที่เรียกได้ว่า ดงนักเลง มีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นหนึ่งในใต้หล้า และในวันนี้ผมกำลังจะก้าวเข้าสู่โรงเรียนแห่งนี้เป็นวันแรก อวยพรให้ผมรอดด้วยนะ
นิยามที่ 1 จุดเริ่มของการเริ่มต้น และคู่หูคู่กัด!
ฟองเต้ๆ ตื่นได้แล้วลูก เสียงผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาของพ่อผมเคาะประตูเรียกอีกฟากนึงของประตูของห้องนอน
ครับแม่ ผมตอบกลับไปเสียงนั้นเงียบลง ผมลุกขึ้นมาอย่างงัวเงียเดินเข้าห้องน้ำไป วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกทำให้ผมผู้ซึ่งเป็นประธานนักเรียนต้องตื่นก่อนเวลาอันสมควรเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับรุ่นน้อง

อ้อ ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อ ฟองเต้ สูงร้อยแปดสิบห้า หนักหกสิบห้า หน้าตาถือได้ว่าหล่อขั้นเทพ ออกแนวฝรั่งนิดๆยกเว้นตาที่ตี่ๆเหมือนแม่ ผมเป็นประธานนักเรียน โรงเรียนสหายวิทยา ส่วนเรื่องความรัก ผมรักฝ่ายเดียวกับรุ่นพี่โรงเรียนเก่าของผมที่ตอนนี้จบไปแล้ว แต่ขอยังไม่บอกว่าชื่ออะไร (แต่บางคนอาจจะรู้แล้ว) ผมย้ายโรงเรียนมาเรียนต่อมอปลายชายล้วนที่นี่ วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก ตอนนี้ผมศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกแล้ว ซึ่งการเลือกคณะกรรมการนักเรียนของเมื่อปีที่แล้วผลปรากฏว่าผมได้ ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะผมเป็นมาตั้งแต่มอห้าแล้ว(จะคุยว่าตัวเองแน่ว่างั้นเถอะ)
อีกอย่างนึงผมคิดว่าโรงเรียนผมเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด และผมรักโรงเรียนนี้มาก เอาเป็นว่าฟังประวัติผมแค่นี้พอเดี๋ยวผมจะไปเรียนสาย ตอนนี้ผมขออาบน้ำก่อน
แม่จะมารับตอนเย็นนะลูก เสียงของผู้หญิงที่ห่วงผมที่สุดกล่าวอย่างอ่อนโยน
ครับแม่ ผมรักแม่นะครับ ผมหอมแก้มแม่หนึ่งทีก่อนลงจากรถ
ลูกไม่คิดจะยิ้มบ้างหรอ แม่ว่าเวลาลูกทำหน้าขรึมๆแล้วมันดูขัดกับหน้าสวยๆของลูกนะ
แม่ครับผมพูดแบบเหนื่อยหน่ายกับคำพูดประโยคนี้ของแม่ ที่ยิ่งนับวันยิ่งบ่อยขึ้น
จ๊ะๆแม่ขอโทษ แม่ผมพูดจบแล้วขับรถออกจากหน้าบริเวณที่จอดรถของโรงเรียนใหม่ของผม ผมได้แต่ส่ายหน้ากับประโยคนั้นของแม่

งั้นผมขอแนะนำตัวเลยนะครับ ผมชื่อ รัน สูงร้อยหกสิบ (ใครแอบคิดว่าผมเตี้ยขอให้คุณหยุดสูงแค่นั้น สาธุ) หนักสี่สิบห้า หน้าตาที่ออกไปทางผู้หญิงทำให้ถูกเข้าใจผิดบ่อยๆว่าเป็นผู้หญิง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำหน้าขรึมๆ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมดูหน้าดุขึ้น(มั้ง) ผมได้ฉายาว่าสาวยิ้มยาก(ไม่รู้จะถูมิใจดีรึเปล่า)
เรื่องความรักผมเคยมีมันแค่ครั้งเดียวและผมคิดว่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย ผมเลยหันมาสนใจแต่เรื่องเรียนให้มากขึ้น ที่ผมต้องย้ายมาเรียนที่นี่เพราะแม่ผมถูกย้ายมาประจำสาขาที่นี่
และแม่ผมก็รู้จักกับรองผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ด้วย
ถ้าพูดตามความจริงโรงเรียนนี้ถือว่าแย่มากในสายตาผม เด็กที่นี่ไม่ตั้งใจเรียนแถมยังมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับโรงเรียนใกล้เคียงบ่อยๆอีกด้วย แย่จริงๆ เอาเป็นว่าผมขอเม้าท์เรื่องโรงเรียนนี้แค่นี้ก่อนนะครับ
ผมยืนเข้าแถวกลางสนามหญ้าของโรงเรียนหลังจากที่ผู้อำนวยการจอมบ้าน้ำลายทำการต้อนรับนักเรียนจนน้ำท่วมโลก พวกคณะกรรมการนักเรียนหรืออีกอย่างที่ผมเรียกก็คือ พวกขี้เก๊กบ้าอำนาจ ก็ทำการตรวจเครื่องแบบนักเรียน ผมน่ะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว อยากตรวจก็ตรวจเพราะผมมั่นใจตัวเองเต็มร้อยเรื่องความเป็นระเบียบและการแต่งตัว
นายเข้าใหม่หรอ ผมเงยหน้ามองคนที่ถามผม (คนอะไรสูงชิบ) เค้าเอามือที่บังแสงแดดออกเผยให้เห็นใบหน้าที่...ที่... ขี้เหร่สุด...สู๊ด ผู้ชายอะไร สูงเป็นเปรตหน้าก็ออกจะฝรั่งแต่ตาดันตี่ ดูแล้วหน้าจะกวนทีนน่าดูซ่ะด้วย
ผมถามหน่ะ ไม่ได้ยินรึไง ไอ้เสาไฟฟ้านั่นปลุกผมจากภวังค์ความคิด
แล้วเคยเห็นรึเปล่าหล่ะ ถ้าเคยก็แปลว่าเด็กเก่า ถ้าไม่เคยก็แปลว่าเด็กใหม่ ผมย้อนไอ้เสาไฟฟ้าอย่างเจ็บแสบ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเก่าหรือใหม่ เพราะหน้านายมันโหลๆไอ้เสาไฟฟ้าย้อนตะเข็บผมอย่างเจ็บแสบเช่นกัน ผมได้แต่มองอย่างอึ้งๆ เมื่อคนตรงหน้าไม่หลงเสน่ห์ผม
โหย ใครอ่ะไอ้หรั่ง น่ารักเป็นบ้าเลย เฮ้ยพวกเรามาดูนี่ดิ เพื่อนของไอ้เสาฟ้าเรียกพวกคณะกรรมการนักเรียนให้มาดูผม ผมรู้สึกไม่ชอบใจเลยเพราะมันทำให้ผมดูเป็นตัวประหลาด
โหย น่ารักอ่ะ
เออว่ะ แมร่งน่ารักโคตร
ถามน้องเค้าดิว่ามีแฟนยัง เสียงวิพากษ์วิจารณ์หน้าตาของผมไม่หยุดแค่นั้น ผมไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมาทางสีหน้าและแววตา
ขอโทษนะครับ คือผมมาเรียนต่อมอหกที่นี่ ผมก็มั่นใจว่าที่นี่คงไม่มีนักศึกษาปริญญาตรี เพราะฉะนั้นโปรดใช้สมองที่เหลืออันน้อยนิดพิจารณาด้วยว่า ไม่สมควรเรียกผมว่าน้อง และอีกอย่างผมก็เป็นผู้ชาย และนี่คือโรงเรียนชายล้วน แต่ผมชักไม่เข้าใจว่าที่นี่เป็นโรงเรียนหรือโรงพยาบาลบ้ากันแน่ ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมเดินฝ่าพวกบ้าอำนาจขี้เก๊กออกมาปล่อยให้พวกมันเรียงคำพูดของผม โดยใช้สมองเม็ดทรายนั้นคำนวณ แต่ฝ่าออกมาได้ไม่ไกล ก็
ปากเสียยังไง เค้าก็รักตัวนะ หนึ่งในพวกบ้าอำนาจขี้เก๊กตะโกนบอกผม ตามด้วยเสียงหมาที่เห่ากันเกรียว เซ็งจริงๆนี่แค่วันแรกนะเนี่ย
โหย เป็นอะไรของแกว่ะ หน้าบูดเป็นหม้อข้าวเน่าตั้งแต่ตรวจแถวแล้วนะ ผมถูกไอ้แจ๊คเพื่อนร่วมห้องแสนจะหลงตัวเองถามขึ้นขณะที่นั่งประชุม (นี่ขนาดประชุมมันยังกล้าชวนคุยอีกนะ เดี๋ยวก็ปลดซ่ะนี่) ผมไม่ตอบอะไร แล้วทำการประชุมต่อจนเสร็จ กว่าจะเสร็จก็เล่นซ่ะเกือบเที่ยง ผมเลยเดินตรงไปที่โรงอาหารเพื่อที่จะทำการสวาปามอาหารเที่ยงซ่ะที แต่แล้วผมก็ต้องอารมณ์เสียรุนแรงขึ้นเมื่อ สายตาผมไปจ๊ะเอ๋ เบบี๋ กับผู้ชายหน้าสวยแต่แสนปากร้าย กำลังยืนสั่งข้าวร้านประจำของผมอยู่ ผู้ชายอะไรไม่รู้ผิวขาวนวล หน้าเรียว ปากเรียวเล็ก สีปากสีชมพู
แต่ปากเรียวเล็กนั้นคือปากที่เสียโคตรๆ
ผมเดินไปสั่งอาหารเหมือนไม่เห็นคนๆนั้น นายนั่นก็ไม่มองผมเช่นกัน เชอะ สู้พี่ว่านก็ไม่ได้ ยังจะมาทำหยิ่งอีก

อ๊ายยยยยยย อะไรเนี่ย อย่างนี้ก็รู้แล้วซิว่าคนที่ผมแอบรักฝ่ายเดียวชื่อว่าน
ผมนั่งกินอาหารร่วมกับเพื่อนในกลุ่มผม ถัดจากโต๊ะผมไปสองสามโต๊ะก็พบหมอนั่นนั่งอยู่คนเดียว สมแล้วหล่ะ ปากเสียจนไม่มีใครคบหน่ะซิ
                ผมไม่ได้ตังใจมองนะ แค่..แค่..ตรวจสอบความเป็นระเบียบในโรงอาหารเฉยๆ ผมมองเห็นเด็กรุ่นน้องคนนึงเดินไปที่โต๊ะของไอ้หน้าแต๋วนั่น พร้อมกับยืนเก้ๆกังๆอยู่แถวๆโต๊ะของไอ้หน้าแต๋ว
เอ่อ พี่ครับ พี่มีเบอร์มือถือรึเปล่าครับรุ่นน้องคนนั้นกล่าวแล้วทำตัวบิดเขินอายเหมือนกับกำลังบอกรักสาวสวยอยู่ แต่ไอ้แต๋วไม่ได้ชายหางตามองแม้แต่นิดเดียว เห็นแล้วอยากจะลุกไปกระโดดถีบให้ล่วงแล้วเอาข้าวราดหน้าให้หายหยิ่งซักที
พี่มีแฟนยังครับ
นี่น้องครับ ผมทำเป็นหันหน้ามองไปทางอื่นกลัวไอ้แต๋วนั่นรู้ว่าผมแอบมองอยู่แต่หูผมอ่ะ ชนลิ้นไก่มันแล้ว
พี่เป็นผู้ชายนะครับ
ครับผมชอบผู้ชาย โอ้โห แจ๋วมากน้องนี่นายกล้ามากที่บอกความจริง ดีกว่าไอ้พวกที่เป็นและแอบอยู่ในมุมมืด ไม่กล้าแสดงตัว เห็นพวกมันแล้วเซ็ง ชอบทำเป็นพูดว่า ไม่ได้เป็นครับ ผมไม่ได้เป็น แต่พอตอนกลางคืนออกมาซ่ะยิ่งกว่าพวกที่บอกว่าตัวเองเป็นซ่ะอีก
แต่พี่ไม่ชอบ แล้วน้องก็ควรคิดถึงพ่อแม่น้องด้วยว่า เค้าจะรู้สึกยังไงที่น้องมาชอบผู้ชาย พี่ไปหล่ะ ไอ้แต๋วนั่นตัดพ้อเด็กหนุ่มรุ่นน้องแล้วเดินออกจากโต๊ะอาหารปล่อยให้ไอ้เด็กนั่นยืนเอ๋อทำปากหว๋อเหมือนลิงปากเจ่อเกาเห็บจากหัว ผมรู้สึกขำกับการกระทำของไอ้แต๋วนั่น ดูแล้วคงจะเป็นคนตรงๆ แต่เรื่องปากร้ายนี่ยังไงผมก็รับไม่ได้อยู่ดี (ก็พี่ว่านพูดเพราะอ่ะ) -///-
น้องสวยเรามีคนมาจีบด้วยว่ะ ไอ้แจ๊ครีบพูดเหมือนกลัวใครจะแย่งบท
แบบนี้แหล่ะ พี่ชอบ แล้วทั้งโต๊ะก็คุยแต่เรื่องไอ้แต๋วตลอดเวลา จนผมรู้สึกเบื่อ แทนที่จะเอาเวลามาคุยเรื่องซ้อมบาส ดันมาคุยเรื่องผู้ชาย ผู้ชายโรงเรียนนี้มันกลายพันธุ์หมดแล้วรึไงนะ ผมเดินออกจากกลุ่ม เพื่อไปยังพื้นที่ที่สงบ เป็นพื้นที่ที่เงียบที่สุดในโรงเรียนนี้

ผมรู้สึกรำคาญพวกปากนกปากกาที่ส่งเสียงแซวตลอดเส้นทางที่ผมเดิน คงไม่มีที่ไหนที่จะสงบสุขแล้วในโรงเรียนนี้ เพราะแม้กระทั่งห้องสมุดก็ยังส่งเสียงดังได้แบบที่เรียกว่างานวัด หรือว่าตลาดสดเลยทีเดียว แล้วยิ่งมีไอ้พวกเดินตามเป็นขบวนแล้วร้องเพลงแซวผมยิ่งรำคาญใหญ่แต่ผมเลือกที่จะไม่บ่งบอกสิ่งใดทางใบหน้า จนผมแอบวิ่งมาทางหลังตึกเก่าคร่ำครึ ที่ดูเหมือนน่าจะเป็นตึกเก็บของบรรยากาศ และเสียงที่ไร้มลภาวะ เหมือนเป็นตัวดึงดูดใจให้ผมก้าวต่อไปยังหลังตึกนั่น
โอ้โห OoO ภาพอันสวยงามเหมือนสวรรค์บนโรงเรียนนรกที่นี่ ข้างหน้าผมคือสนามหญ้ากว้างที่ถูกตัดจนสั้นเท่าสนามบอล อากาศถ่ายเท และที่สำคัญมันไม่มีคน ผมนั่งลงอย่างเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องที่ไม่ว่าผมจะอยู่โรงเรียนไหนก็จะเป็นแบบนี้ นี่ยังดีที่มันเป็นโรงเรียนชายล้วน เพราะตอนที่ผมเรียนโรงเรียนสหะผมเคยโดนผู้หญิงตบ เพราะแฟนของเธอชอบผม แล้วบอกเลิกเธอ มันไม่ใช่ความผิดของผมเลยที่จะต้องโดน ผมหยิบเอาหนังสือที่จะเรียนในคาบต่อไปมากางอ่าน ลมเย็นๆพัดผ่านตัวผม ความสูงของตึกเป็นกำบังแดดที่ร้อนจ้าได้อย่างดี ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะเอาที่นี่เป็นฐานทัพลับของผม
ผมว่าที่นี่เป็นความลับของผมนะ เสียงยียวนดังมาจากด้านหลังผม ผมหันหลังเพื่อมองเจ้าของเสียงปริศนานั่น แล้วก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดเมื่อคนที่พูดเมื่อกี้คือไอ้เสาไฟฟ้า
ไม่เห็นมีใครเอาป้ายมาติดนี่ว่าเป็นสถานที่ส่วนตัวของนาย ผมตอบด้วยน้ำเสียงยียวนเช่นกัน
นายมันปากเสียชะมัด ไอ้เสาไฟฟ้าด่าผม
แต่ปากนายมันเน่า
ถ้าเป็นเมื่อก่อน นายคงลงไปนอนจมกองเลือดแล้วไอ้เสาไฟฟ้าโฆษณาสรรพคุณความเป็นนักเลงของตัวเอง
แต่ขอโทษนะที่นายตอนนี้ไม่ใช่นายเมื่อก่อน
คนอย่างนายมันไม่เห็นใจใครอยู่แล้ว อยากจะตอกหน้าหรืออยากจะด่าใครก็ไม่คิดจะเห็นหัว พูดกับนายก็เปลืองน้ำลาย ปล่อยนายนั่งหน้าตายแบบนั้นดีกว่า ไอ้เสาไฟฟ้าไม่พูดอะไรต่อล้มลงนอนไม่ไกลจากตัวผมมากนัก ผมก็เลยก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เราอยู่ตรงนั้นด้วยกัน แต่มันเหมือนเป็นเวลานานเมื่อมีคนพูดทำลายบรรยากาศที่แสนสงบนั่นอีกครั้ง
นายชื่ออะไร
ฮะ @_@” ผมรู้สึกงง และผมไม่ค่อยแน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินเลยพยายามที่จะทวนคำถามอีกครั้ง    ไอ้เสาไฟฟ้าลุกขึ้นมานั่งแล้วมองหน้าผม
นาย ชื่อ อะ ไร ไอ้เสาไฟฟ้าทำเป็นพูดช้าๆเน้นๆทีละตัว
ทำไมจะจีบผมหรอ ผมเย้ยใส่ไอ้เสาไฟฟ้าอีกที มาไม้นี่กันหลายคนแล้วทำเป็นไม่ชอบๆแต่สุดท้ายก็แกล้งเพื่อมาตีสนิท ผมไม่ใช่นางเอกในนิยายการ์ตูนน้ำเน่าที่จะมาชอบอะไรประมาณนั้น ถ้าผมเป็นนางเอกแล้วละก็ นิยายเรื่องนั้นคงไม่มีพระเอก
หลงตัวเองไปหน่อยรึเปล่า ที่ผมถามเพราะต้องการทำความรู้จักเพราะเป็นเด็กโรงเรียนเดียวกัน เพล้งๆ เสียงอะไรก็ไม่รู้แตก จะอะไรซ่ะอีกก็หน้าของผมหน่ะซิผมรีบเก็บเศษหน้าแตกๆ แล้วซ่อนมันไว้ในใบหน้าที่เรียบเฉยทันที ผมไม่เคยเจอคนที่กล้าตอกหน้าผมแบบนี้ ไอ้เสาไฟฟ้านายแน่มาก
ผมชื่อรัน
ชื่อก็เพราะดี ไม่เหมาะกับปากนายเลยนะ โธ่ ไอ้เสาไฟฟ้าปากเสีย
แล้วหรั่งนี้ หมายถึง หรั่งเร็วรึเปล่า ผมตอกกลับไอ้เสาไฟฟ้าทันที
เปล่าความจริงผมชื่อ ฟองเต้ หรั่งเป็นแค่ฉายา
ชื่อดูดีกว่าหน้าบานเลยเนาะ หมายถึงชื่อดูดีกว่าบานนะ และหน้านายก็บานด้วย
ผมก็เข้าใจนายนะรัน เพราะปกติแล้วคนแคระมักจะทำตัวเป็นคนปากเสียเพื่อปกปิดปมด้อยของตัวเอง จบประโยคนั้นผมก็นั่งหน้าราบเรียบและไม่มีประโยคใดๆกล่าวขึ้นมาจากปากของเราสองคนอีก ไอ้หรั่งบ้ามาว่าเราเตี้ย ขอให้มันสูงเฉียดฟ้า มือใหญ่เท่าใบลาน ปากจู๋เท่ารูเข็มเถอะ สาธุ! - -*
ออดๆๆๆๆๆเสียงออดดังเป็นสัญญาณของการเข้าเรียน ผมลุกขึ้นปัดเศษหญ้าที่ติดกางเกงแล้วเดินออกมาจากจุดนั้น ปล่อยให้ไอ้หน้าแต๋วหรือนายรันนั่งเป็นหนอนหนังสืออยู่คนเดียว แต่พอผมเดินมาได้ไม่นาน ไอ้แต๋วนั่นก็ยังเดินตามผมอยู่ จนผมกำลังขึ้นบันไดของตึกที่ผมเรียน ผมเลยหันที่จะไปถามตรงๆว่าตามผมมาทำไม
นายตามผมมามีอะไรผมยืนกอดอกถามในสิ่งที่ต้องการคำตอบ
หลงตัวเองไปหน่อยรึเปล่า ผมก็เรียนที่ตึกนี้เหมือนกัน ไอ้แต๋วนั่นตอบเสร็จก็เดินผ่านแล้วเอาไหล่กะทบกับหน้าอกผมเพราะว่ามันเตี้ย (แล้วยังไม่เจียม) ขึ้นไปยังห้องที่ผมจะเรียน ผมเดินตามขึ้นไปแล้วได้แต่คิดทบทวนกับคำพูดของไอ้หน้าแต๋ว เรียนห้องนี้เหมือนกันหรือว่า ม่ายยยยยยยยยนร๊า T_T แล้วมันก็เป็นไปตามที่ผมคิดเมื่อเราสองคนก้าวเข้าห้องเดียวกัน
เฮ้ยๆ พวกเรา น้องรันมาแล้วเงียบๆหน่อย เสียงไอ้แจ๊คสั่งเพื่อนในห้องผมให้เงียบและก็เป็นผลทุกคนในห้องเงียบหมดทันทีผมเป็นประธานนักเรียนสั่งให้เสียงแหบยังไงพวกมันก็ไม่ยอมเงียบ (ไอ้เพื่อนเฮงซวย)
น้องรันจ๊ะ วิชานี้มีที่นั่งรึยัง ถ้าไม่มีมานั่งในใจพี่เอามั๊ยจ๊ะ หนึ่งในนักเรียนในห้องผมปล่อยมุขเห่ยๆ จนสามารถเรียกเสียงโฮ่ได้ทั้งห้อง สงบได้แปปเดียวจริงๆไอ้พวกลูกลิง
ไม่ปรากฏความรู้สึกใดๆบนใบหน้าของนายรัน แต่ผมว่าเค้าคงจะเบื่อหน่ายกับการแซวอยู่เหมือนกัน ผมนั่งลงที่ประจำของผม ซึ่งโต๊ะข้างๆก็ไม่มีใครนั่งประจำอยู่แล้วเนื่องจากผมไม่ชอบเสียงดังหรือคุยกับใครเวลาเรียน ถึงผมจะเรียนไม่เก่งแต่ผมก็ตั้งใจเต็มที่ ผมไม่มีพรสวรรค์ แต่ผมก็มีพรแสวงหาความรู้
ไอ้นนท์ แกไปนั่งกับไอ้หรั่งเลย ข้าจะนั่งกับน้องรัน
อะไร แกนั่นแหล่ะลุกไปนั่งกับไอ้หรั่งเลย ส่วนน้องรันเดี๋ยวพี่นาวคนนี้จะเป็นคนจัดการเอง ไอ้นาวไม่พูดเปล่ายังทำหน้าหื่นๆใส่ไอ้หน้าแต๋วหรือที่พวกมันเรียกว่าน้องรัน อึ๋ยๆ พูดแบบนี้แล้วขนลุก แค่นั้นยังไม่พอ โต๊ะอื่นๆก็ยังคงหยอดไอ้เด็กใหม่หน้าแต๋วตลอดเวลา ไอ้หมอนั่นก็ไปยืนทำหน้าตายให้เค้าแซวอยู่ได้แทนที่จะหาที่นั่ง แต่น่าแปลกพอคนเยอะมากๆหมอนี่จะไม่พูดหรือไม่ด่าอะไร หรือว่าจะกลัวโดนรุมสกรีนยี่ห้อรองเท้านักเรียนทั้ง บาทา นานยัง เบรกเก๋ โธ่เราก็นึกว่าแน่ที่แท้ก็กลัวตรีนนี่หว่า ผมก้มลงฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียน เพราะอาจารย์ยังไม่มา ขอซักงีบก็ยังดี ก็คนมันปรับตัวไม่ทันนี่พึ่งเปิดเรียนวันแรกก็ต้องตื่นเช้า
ว่าแล้ว ก็ คร่อกๆๆฟี้
- - zZZ
นายวรวุติๆ เสียงอาจารย์ประจำวิชาเรียกไอเสาไฟฟ้าที่ก้มหน้านอนน้ำลายไหลยืดอยู่ข้างๆตัวผม ที่ผมต้องมานั่งตรงนี้เพราะว่าทั้งห้องไม่มีที่ว่างแล้วนอกจากโต๊ะข้างๆบุคคลสังคมรังเกียจคนนี้ ตอนแรกที่ผมยืนให้ไอ้พวกบ้านั่นแทะเล็มจนตัวเหลือแต่กระดูกก็เพราะผมชั่งใจไม่อยากจะนั่งใกล้ไอ้หมอนี่ ไม่รู้ว่าสวรรค์แกล้งหรือนรกสั่งให้เหลือที่นั่งตรงนี้แค่ที่เดียว อาจารย์ยังเรียกไอ้หนุ่มขี้เซาต่อ ผมเลยอาสาที่จะช่วยอาจารย์โดยที่ไม่บอกกล่าว แล้วเอามืออันนุ่มนิ่มแต่แฝงพลังนั่นฟาดเข้ากลางกบาลหมอนั่นอย่างแรง (แบบใส่หมดแม๊ก)
ใครตีว่ะ ได้ผลไอ้เสาไฟฟ้าลุกขึ้นมาโวยวาย ผมทำเป็นตั้งใจอ่านตำราต่อ พอมันเห็นว่าอาจารย์อยู่ตรงหน้าก็ทำหน้าจ๋อยทันที โดนอาจารย์เทศน์ไปหนึ่งจบก่อนจะกลับเข้ามาสู่บทเรียน แต่จะว่าไปอาจารย์ที่นี่ก็สอนเข้าใจดีกว่าโรงเรียนหลายๆโรงเรียนที่ผมเรียน เรียนจบคาบนี้ก็เป็นเวลากลับบ้าน ผมทำการเก็บอุปกรณ์การเรียนที่อยู่บนโต๊ะ แล้วไอ้เห่ยก็เดินมาหาผมพร้อมกับเสยผมแล้วยืนทำตาปิ๊งๆจนผมรู้สึกขนลุก
น้องรันครับ กลับบ้านยังไงให้พี่แจ๊คไปส่งดีรึเปล่า ไอ้เห่ยหรือไอ้แจ๊คพูดเสียงเกือบจะหล่อออกมาพร้อมกับแนะนำชื่อตัวเองไปในตัว (ไม่ได้อยากจะรู้เลย รกสมองจริงๆ)
ไม่เป็นไร แม่มารับ ผมบอกปัดความปารถนาดีไป
โอ้ โห ดีเลยพี่จะได้ไปถามแม่เรื่องสินสอดทองมั่น ว่าจะเรียกเท่าไหร่
@_@
นี่นาย ก็บอกแล้วไงว่าผมเป็นผู้ชาย ผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดที่แทะโลมผมมากลงทุกทีจนแทบจะแสดงออกมาทางสีหน้าแต่ต้องเก็บมันไว้จะไม่ให้ใครเห็นผมในหลายแง่มุมเด็ดขาด ผมเดินฝ่าฝูงแร้งออกมายังคงมีเสียงแซวเป็นระยะๆพอให้ผมได้ยิน ผมเลือกที่จะรอแม่ตรงประตูสอง เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องน่ารำคาญผมนั่งรอในขณะที่ทำการบ้านที่อาจารย์สั่งไปด้วย จนกระทั่งถึงเวลาหกโมงเย็น กับอีกสามสิบนาที
ทำไมแม่ยังไม่มาอีกนะ ผมหยิบมือถือจากกระเป๋านักเรียนเปิดเครื่องแล้วทำการติดต่อกับภรรยาของพ่อทันที
แม่ครับ รันรอแม่อยู่นานแล้ว แม่ทำไมไม่รีบมาซักที ผมกรอกเสียงใส่หูโทรศัพท์เมื่อมีผู้รับสาย
แม่ขอโทษนะลูก แม่ยังประชุมไม่เสร็จเลยนี่ก็ขอออกมาเข้าห้องน้ำว่าจะโทรหาลูก แต่พอดีว่าลูกโทรมาก่อน แม่คงจะอีกนานกว่าจะกลับลูกนั่งรถกลับเองได้รึเปล่าจ๊ะ แม่ขอโทษจริงๆนะ
ไม่เป็นไรครับแม่ ผมเข้าใจเดี๋ยวผมนั่งรถกลับเองก็ได้ครับ งั้นแค่นี้นะครับแม่
แม่รักลูกนะ
ผมก็รักแม่ครับ ผมกดวาสายแล้วมานั่งคิดว่าจะนั่งรถอะไรกลับบ้าน ก็ผมพึ่งย้ายมาอยู๋ที่นี่ยังไม่รู้ซ่ะด้วยซ้ำว่ารถไหนสายไหนไปที่ไหน ผมเลยคิดที่จะรอแม่จนกว่าจะประชุมเสร็จแล้วค่อยให้แม่มารับ ผมไม่โกรธแม่หรอกเพราะผมเข้าใจว่าแม่ทำงานหนักเพื่อใคร แสงตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า พื้นดินเหมือนกำลังกลืนกินดวงตะวันให้หายไปภายใต้โลก เมื่อไร้ซึ่งแสงตะวันตรงที่ผมนั่งก็พลันมืดมีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวเท่านั้นที่เปล่งแสงออกมาให้ผมได้มองเห็นอะไรลางๆ สภาพโรงเรียนที่ดูเก่าแก่ ทำให้ในช่วงเวลากลางคืนดูน่ากลัว สำหรับคนตาขาวอย่างผมแล้วมันไม่ใช่เรื่องดีเลย ผมนั่งกดโทรศัพท์เล่นท่ามกลางความมืด
นายยังไม่กลับอีกไงเสียงหนึ่งทักผมจากด้านหลัง ทำเอาผมสะดุ้งหันไปมองต้นเสียง
แล้วนายทำไมยังไม่กลับหล่ะ ผมถามกลับบุคคลที่ทักผมเมื่อครู่
อยู่ซ้อมบาสน่ะ กลับดึกแบบนี้ทุกวัน หมอนั่นตอบผมพร้อมนั่งลงกับโต๊ะมาหินตรงข้ามกับผม
รอใครมารับหรอ ผมเลือกที่จะเปิดประเด็นหาเรื่องคุยก่อน เพราะอย่างน้อยก็ยังดีที่มีเพื่อนคุย ดีกว่านั่งกลัวผีอยู่คนเดียว (ถึงจะเป็นไอ้ปากเสียนี่ก็เถอะ)
เปล่าหรอก มานั่งพักเอาแรงเดี๋ยวก็จะกลับแล้ว ผมเอามอไซค์มา
อื้ม
และนายหล่ะ แม่ยังไม่มารับไง
มาแล้วก็เห็นซิ อึ๋ย ผมห้ามปากตัวเองที่จะตอบกวนๆไปยังคู่สนทนาที่มีหน้าตาที่กวนๆไม่ได้
อืม สงสัยแม่นายคงจะมีธุระมั้ง แปลกไม่มีคำตอกกลับที่เจ็บแสบเหมือนดังเคย
( _ _ ) ( - -) ( _ _ ) ( - -)”ผมได้แต่พยักหน้าไม่อยากพูดอะไรกลัวคู่สนทนาจะทิ้งผมไว้คนเดียว (ขอพักศึกไว้ชั่วคราว)
บ้านนายอยู่แถวไหนหล่ะ
อยู่ซอยฮาราจุ๊กกุหน่ะผมตอบชื่อซอยบ้านผมที่พึ่งย้ายมาใหม่
เฮ้ย จริง อยู่ห่างจากซอยบ้านผมไปแค่สองซอยเอง
อื้ม หรอ ดีใจอะไรถ้าอยู่ซอยเดียวกันนายไม่ฉลองเลยรึไงฮะ
อ่ะ ครั้งนี้ผมไม่ได้พูดนะ แค่คิดเฉยๆ
อื้ม
งั้นนายตามมา เดี๋ยวพาไปส่งบ้านหมอนั่นลุกขึ้นยืนแล้วส่งมือมาทางผม เพื่อฉุดผมที่นั่งรากงอกติดอยู่บนโต๊ะม้าหิน ผมเลือกที่จะลุกด้วยตัวเอง หมอนั่นอามือกลับไปเช็ดกางเกงแบบเก้อๆ
มันจะดีนะ เอ๊ย มันจะดีหรอ รบกวนนายรึเปล่า
ก็รบกวนอยู่นะ
แต่ยังไงนายก็ต้องไปส่ง ผมออกเสียงสั่งอย่างเผด็จการ ก็ปกติถ้าผมไม่มีรถกลับบ้านก็จะมีผู้ชายที่เข้ามาจีบผมนี่แหล่ะที่เป็นโชเฟอร์จำเป็นของผม แต่ถึงยังไงก็อย่าหวังว่าจะได้ยินคำขอบคุณจากปากผมเลย แค่ผมนั่งบนรถของพวกนั้นก็ถือว่าเป็นบุญขนาดไหนแล้ว
นายขอร้องคนอื่นแบบนี้ไง
แล้วนายจะให้ผมลงไปกราบเท้าเลยรึเปล่าหล่ะ ผมออกเสียงประชดหมอนั่น พร้อมกับรู้สึกประหลาดใจ ผมไม่เคยเจอใครที่ไม่ยอมไปส่งผมโดยที่ผมออกคำสั่งแล้วซักที ไอ้หมอนี่เป็นคนแรกมันทำให้ผมหัวเสียน่าดู
ไม่ต้องถึงขนาดนั้น แค่นายพูดว่า ฟองเต้สุดหล่อได้โปรดช่วยไปส่งผมหน่อยนะครับ แค่นั้นก็พอโธ่ ไอ้เราก็นึกว่าต้องการอะไร แล้วนึกหรอว่าผมจะทำ ผมก็เลยสะบัดหน้าแล้วเดินออกมาจากจุดที่เรายืน โดยไม่หันหลังกลับไปมอง
นายจะไปไหน
เดินกลับบ้านผมตอบคำถามไอ้เสาไฟฟ้าแล้วเดินจ้ำอ้าวต่อไป
โธ่ รู้แล้วๆ ไปๆไม่ต้องพูดก็ได้เดี๋ยวไปส่ง แค่นี้ก็หมดเรื่อง ชอบทำให้เป็นเรื่องใหญ่
นายนี่นะ งั้นรออยู่ตรงนี้แปบ ไปเอารถก่อนพอไอ้เสาไฟฟ้าพูดจบก็เดินไปยังลานจอดรถหลังโรงเรียน เสียงสตาร์ทรถดังมาพร้อมกับแสงไฟของรถที่ค่อยๆเข้ามาใกล้ จนมาจอดอยู่ข้างหน้าผม
รถนายสวยดีนะ ผมมองรถของไอ้เสาไฟฟ้าที่ถูกแต่งอยางสวยงามเหมือนรถในทีวีเลยทีเดียว มันเป็นรถฟีโน๋สีส้มรถคันนี้ปลุกความทรงจำที่ผมฝังมันไว้กลับขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผมนึกขึ้นมาทีไร ก็อยากจะร้องไห้ทุกที
จะยืนมองมันให้ขึ้นเงาเลยรึไง ขึ้นมาซักทีซิ ผมรู้สึกไม่สบอารมณ์นิดหน่อยกับคำพูดที่พ่นออกมาจากปากของไอ้เสาไฟฟ้าแต่ผมก็ต้องจำยอมขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันงามของไอ้เสาไฟฟ้าไป
เกาะให้แน่นๆนะ เดี๋ยวร่วงไปแล้วไม่อยากเอาหนังสือพิมพ์ไปคุม ไอ้เสาไฟฟ้ายังกวนบาทาไม่หยุด ผมกำลังจะเอ่ยปากด่ากลับนายหรั่งก็บิดรถเคลื่อนที่อออกมา ทำเป็นพูดว่าเกาะให้แน่น แต่ขับอย่างกับเต่า ผมคิดได้อย่างนั้นไม่นานพอตัวรถพ้นประตูของโรงเรียนนายหรั่งก็บิดคันเร่งแบบมีเท่าไหร่ใส่หมดจนผมเผลอกอดร่างสูงนั่นอยางไม่ได้ตั้งใจ ก็ผมกลัวนี่นา ขนาดทางโค้งไอ้หมอนี่มันยังไม่คิดที่จะเบรกเลย ผมยิ่งกอดเหมือนยิ่งแกล้งรู้สึกเหมือนความเร็วมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมอยากจะคลายแขนที่โอบกอดหน้าท้องอันแข็งแรงนั้น แต่ความกลัวที่จะร่วงแล้วโดนหนังสือพิมพ์คุมมันมีมากกว่า ผมจึงไม่สามารถคลายอ้อมกอดนั่นได้ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ รถก็ผ่อนความเร็วลง จนจอดสนิท
บ้านนายหลังไหนหล่ะ ไอ้เสาไฟฟ้าถามผม ผมลืมตาตัวยังไม่หายสั่นจากการนั่งรถที่มีโชเฟอร์เป็นคนมือผี (เพราะมันใช้มือบิดรถ) หมอนั่นมองผมขำๆ (เจ็บใจโว๊ย)
ผมกลับเองได้ผมลงจากรถด้วยขาที่ยังไม่หายสั่นทำให้ผมจะล้มด้วยสติที่มีอยู่ทำให้ผมเอามือคล้องคอไอ้เสาไฟฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ไอ้หมอนั่นก็เอามือมารับตัวผมไว้ เราทั้งสองสบตากัน ภายในดวงตาที่แสนตี่นั่น ทำให้ผมหลงใหลชั่วขณะนึงก่อนที่จะหลบสายตา แล้วร่างผมก็ร่วงลงกับพื้นอย่างแรง
โอ๊ยเจ็บ นายปล่อยผมทำไมเนี่ยผมโวยเสียงดังเมื่อร่างกายของผมกระทบกับปูนซีเมนต์เพียวๆ ผมลุกขึ้นมาสบตาอย่างเอาเรื่อง
นายปล่อยทำไม เจ็บนะโว๊ย ไอ้เสาไฟฟ้า
นายเรียกผมว่าไงนะ
ไอ้ เสา ไฟ ฟ้า ได้ยินชัดรึเปล่า ไอ้ เสา ไฟ ฟ้า ผมเน้นแล้วเรียงตัวอักษรให้ไอ้เสาไฟฟ้าได้ยินและได้ฟังชัดๆ
หรอ ไอ้ หน้า แต๋ว
แกว่าใครไอ้เสาไฟฟ้า ผมโวยวายเมื่อได้ยินศัพท์นามที่ไอ้เสาไฟฟ้าตั้งให้ผม
ไปดีกว่า ไม่อยากอยู่ทะเลาะกับนายไอ้หน้าแต๋วไอ้เสาไฟฟ้าขับรถออกไปโดยไม่หันกลับมามองปล่อยให้ผมยืนด่าอย่างหัวเสียและหมดอารมณ์ พอผมด่าจนหนำใจแล้วจึงเดินเข้าซอยเพื่อกลับเข้าบ้าน
พรุ่งนี้นายเจ็บตัวแน่ไอ้เสาไฟฟ้า ผมแอบพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะเปิดประตูเข้าบ้านไป

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
691
Zenny
3628
ออนไลน์
56 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-1-26 23:42:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โพสต์ 2011-1-30 02:09:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หมายเหตุ: ผู้โพสต์ถูกแบนหรือถูกลบ โพสต์นี้ถูกปิดโดยอัตโนมัติ
โพสต์ 2011-1-30 02:25:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หมายเหตุ: ผู้โพสต์ถูกแบนหรือถูกลบ โพสต์นี้ถูกปิดโดยอัตโนมัติ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
3272
Zenny
8039
ออนไลน์
439 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-1-31 19:34:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณคับผมที่แบ่งปัน

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
69
Zenny
982
ออนไลน์
9 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-2-2 09:26:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด



<center>นิยามที่ 2 ความอ่อนแอใต้ความแข็งแกร่ง และน้ำตา!</center>



“ไอ้เสาไฟฟ้า” ผมตะโกนเรียกศัตรูตัวฉกาจของผม ตัวต้นเหตุที่เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ กว่าผมจะได้หลับก็ล่อไปซ่ะเกือบตีสาม ถ้าตาผมเป็นหมีแพนด้าหล่ะก็ ผมจะเอาหนังกะติ๊กยิงตามัน ไอ้เสาไฟฟ้ายังคงนั่งอยู่กับเพื่อนมันที่โต๊ะม้าหินหน้าโรงเรียน หมอนั่นไม่ได้หันมาในทันทีที่ผมเรียก ส่วนเพื่อนหมอนั่นก็มองหน้ากันเหรอหรา ไม่รู้ว่าผมเรียกใคร
“ไอ้เสาไฟฟ้า หูหนวกรึไง เรียกอ่ะไม่ได้ยินหรอ” ผมรู้สึกอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อคู่สนทนาไม่มองผม เห็นแล้วอยากเอามือสัมผัสหัวมันอีกซักครั้ง ม่ใช่ไม่กล้านะแค่กลัเจ็บมือเฉยๆ แน่จริงไปเอาปืนมาคนละกระบอกเลยเดี๋ยวจะหาว่าพ่อไม่โหดจริง
“ได้ยินแล้ว แต่ไม่อยากคุยกับนายมีอะไรป่ะไอ้หน้าแต๋ว” ไอ้เสาไฟฟ้ายังกวนบาทาผมไม่เลิก ไอ้หมอนี่สงสัยจะเข้าสุภาษิต แกว่งปากหาเท้า (เค้ามีแต่แกว่งเท้าหาเสี้ยนนิ)
“ผมก็ไม่อยากจะคุยซักเท่าไหร่หรอก แต่นายต้องเลิกเรียกผมว่า เอ่อ...เอ่อ”
“ไอ้หน้าแต๋วอ่ะหรอ” ไอ้เสาไฟฟ้าโพลงขึ้นมาเนื่องจากคำนั้นผมไม่อยากพูดให้เสนียดปาก
“ใช่ คำนั้นแหล่ะ”
“เมื่อไหร่ที่นายเลิกเรียกผมว่าไอ้เสาไฟฟ้า ผมก็เลิกเรียกนายเมื่อนั้นแหล่ะ”
“ไม่มีทางมันเป็นสิทธิ์ของผม”
“งั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของผมเช่นกัน”
“นาย...มัน....มัน”
“เฮ้ย ไอ้หรั่งแกไปเรียกน้องเค้าแบบนั้นได้ไงว่ะ เสียหายหมด” เพื่อนไอ้เสาไฟฟ้าคนที่ดูน่าจะมีสมองมากกว่าคนอื่นๆในกลุ่ม (เพราะมันใส่แว่น) กล่าวขึ้นมา ดีมากเดี๋ยวจะให้กระดูกนะ
“ทำไมไอ้โอม อยากจะเป็นเจ้าชายปกป้องเจ้าหญิงไง”
“มันแน่นอนอยู่แล้วเมื่อเจ้าหญิงเดือดร้อน จ้าชายสุดหล่อก็ต้องเข้ามาช่วยมันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต” อ้าวเวรกรรม เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะไม่ต้องเสนอหน้าขี้เหร่ๆกับแว่นเสล่อๆนั่นมายุ่งกับชิวิตข้าพเจ้าเลยจะดีกว่าเห็นแล้วขนลุก
“เออ พอพูดถึงเรื่องเจ้าหญิงเจ้าชาย ห้องเราจะส่งใครประกวด ‘เจ้าหญิงเจ้าชายเพชรในตม’ เจ้าชายก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไอ้หรั่ง แต่เจ้าหญิงนี่ซิจะเอาใครดี” พอไอ้คนที่เมื่อวานแนะนำตัวกับผมว่าชื่อแจ๊คพูดจบ ทั้งโต๊ะก็หันมามองที่ผม ถ้าผมเดาไม่ผิดนะสายตาแบบนี้บ่งบอกได้แค่สองอย่างเท่านั้น อย่างแรกคือจะขอยืมเงินผม อย่างที่สองคือจะให้ผมประกวดเจ้าหญิงบ้านั่น
“มองทำไม ไม่เคยเห็นคนไง”
“เคยน่ะเคย แต่ไม่เคยเห็นใครที่สวยขนาดนี้มาก่อน”
“ด้วยเหตุผลว่าน้องหน้าตาสวยที่สุดในห้อง ผมและเพื่อนๆลงความเห็นแล้วว่าจะส่งน้องเป็นตัวแทนประกวดเจ้าหญิงของห้องเรา” ไอ้แว่นหรือไอ้โอมวางอำนาจเสร็จสัพโดยไม่ได้ถามความสมัครใจของผมแม้แต่คำเดียว
“เรื่องไร้สาระแบบนั้นผมไม่ยุ่งหรอก” ผมกล่าวปฏิเสธเวทีนรกที่เอาผู้ชายไปแต่งเป็นชิมแปนซีให้คนอื่นหัวเราะเยาะเล่น ใครอยากเป็นก็เป็นไป ผมคนนึงที่ขอบาย
“ได้เป็นคนดังเลยนะ” เพื่อนของไอ้เสาไฟฟ้าพยายามจูงใจผม
“ผมไม่สน” - - *
“ได้ทุนการศึกษาด้วย”
“ผมไม่เอา” - - *
“รุ่นน้องเคารพด้วยนะ”
“ผมไม่ชอบ” - - *
“ได้เข้าคณะกรรมการนักเรียนและมีสิทธิ์เป็นควีนมีอำนาจมากกว่าประธานนักเรียนอีกนะ”
“ก็บอกแล้วว่า....ฮะ...เมื่อกี้นายว่าไงนะ”
“ถ้าน้องชนะจะได้เข้าคณะกรรมการนักเรียนและมีสิทธิ์เป็นควีนมีอำนาจมากกว่าประธานนักเรียน” หูผมที่ฟังคงไม่ได้อื้อไปชั่วขณะใช่รึเปล่า โรงเรียนนี้มันช่างแปลกประหลาด แหวกแนว ใช้กฎเกณฑ์อะไรแบบนี้เพื่อให้ได้ผู้มีอำนาจ และ และ และ อ๊ากกกกกกกกกก ผมจะต้องชนะให้ได้เพื่อทำการยึดอำนาจจากไอ้เสาไฟฟ้า และทำให้ไอ้เสาไฟฟ้านั่นหมอบแทบเท้าผม
“ตกลง ผมจะประกวด” พอผมพูดจบพวกเพื่อนไอ้เสาไฟฟ้าก็เฮกันลั่น มีแต่ไอ้เสาไฟฟ้าเท่านั้นที่มัน
“ฮ่าๆๆก๊ากๆๆๆโอ๊ย ตลกเป็นบ้า” ไอ้เสาไฟฟ้าไม่ขำธรรมดามันยังตัวบิดตัวงอเป็นไส้เดือนเต้นฮิพฮอพอีกต่างหากเห็นแล้วอยากช่วยเอาน้ำกรดราดให้ดาวดิ้นจริงๆ
“นายขำอะไรนักหนาฮะ”
“เปล่าๆ ฮ่าๆ แค่สงสัยว่า ก๊ากๆ อย่างนายคิดหรอว่าจะชนะหน่ะ” ไอ้เสาไฟฟ้าพูดไปขำไปสำหรับคนอื่นมันดูเป็นเรื่องตลกแต่สำหรับผมในตอนนี้มันทำให้ผมฉุนกึก
“นี่นายกำลังดูถูกคนอื่นอยู่นะ”
“เปล่านะ เปล่า ผมแค่พูดความจริง”
“นายจะรู้ได้ไงนายเป็นคณะกรรมการรึไง ถึงตัดสินได้ว่าผมไม่ควรเข้าประกวด”
“ผมใช้สายตา และก็จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวานเป็นตัวตัดสิน ควีนหน่ะ ต้องงามทั้งภายนอกและภายใน ส่วนนายอ่ะภายนอกก็พอดูได้แต่ภายในมัน อืมๆ....เรียกว่าอะไรดีนะ ประมาณว่าข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง เข้าใจป่ะ”
“ไอ้...ไอ้”
“รู้มั๊ยว่าควีนปีที่แล้วน่ารักขนาดไหน คนๆนั้นเค้างามทั้งภายในและภายนอก ขนาดคิงคนก่อนยังต้องยอมเค้าเลย รุ่นน้องก็นับถือทุกคน แล้วนายมีอะไรไปเทียบกับเค้า”พอหมอนั่นพูดจบประโยค เสียงออดเข้าแถวก็ดังไอ้เสาไฟฟ้าเดินไปเข้าแถวพร้อมเพื่อนๆของหมอนั่น ตอนนี้ตรงนี้ไม่เหลือใครแล้ว แต่ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดในที่โล่งแบบนี้ ผมเลยตัดสินใจเดินแต่ไม่ได้เดินไปเข้าแถวผมเดินเข้าห้องน้ำปิดประตูล๊อกห้อง พอล๊อกห้องน้ำเสร็จน้ำตาผมก็ไหลอาบสองแก้ม มันไม่ได้เป็นหยาดน้ำตาของความเสียใจ แต่มันเป็นหยาดน้ำตาแห่งความแค้นต่างหาก ไม่เคยมีใครว่าผมแบบนี้ ไอ้เสาไฟฟ้านั่น มันนิสัยแย่เกินไปสำหรับผม ถึงผมจะนิสัยไม่ดียังไงก็ ไม่น่าจะว่ากันรุนแรงขนาดนี้ ตำแหน่งควีนอะไรนั่นผมจะคว้ามันมาให้ได้เพื่อลบคำสบประมาทของหมอนั่น
T_T Y_Y T_T

“ไม่มาเข้าแถวไปไหนของเค้านะ”ไอ้แจ๊คพูดถึงไอ้หน้าแต๋วความรู้สึกห่วงใยส่งผ่านออกมาทางสายตาจนผมเห็นได้ชัดเจน ปกติมันก็แค่แซวพวกผู้ชายหน้าสวยๆเล่น แต่ไม่น่าเชื่อว่าไอ้หมอนั่นมันจะทำให้เพื่อนผมบ้าได้ขนาดนี้
“คงแอบไปนั่งร้องไห้มั้ง” ผมพูดไปยิ้มไป ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนอย่างหมอนั่นจะร้องไห้  
“ไอ้หรั่งแกไม่ต้องยิ้มเลย ถ้าน้องเค้าร้องจริงๆรับรองว่ามีศพลงหน้าหนึ่งแน่”
“เอ้า ฉันเพื่อนแกนะโว๊ย”
“นั่นแหล่ะ แฟนกับเพื่อนมันแทนกันไม่ได้เว้ย” ผมถึงกับส่ายหัวแล้วเดินออกห่างเมื่อได้ยินประโยคนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่ชินกับเรื่องเกย์ หรือพวกรักเพศเดียวกัน เพราะผมก็เป็นแบบนั้น แต่ผมขอเรียกตัวผมเองว่า “ผู้ชายที่รักผู้ชายด้วยกันดีกว่า’ (ต่างกันมั๊ยเนี่ย) แต่ว่าผมไม่เข้าใจไอ้แจ๊คว่าไปชอบคนแบบนั้นได้ยังไง ปากเสียเป็นที่หนึ่งไหนยังจะไม่เห็นหัวคนอื่น เอาแต่ใจ แล้วอีกสารพัดข้อเสียที่ยังไม่รู้อีก น่าสงสารพวกที่เข้าไปตกหลุมบ่ออุจจาระ เอ๊ย หลุมรักของไอ้หน้าแต๋วจริงๆ
“คาบแรกเรียนอะไรว่ะ”ไอ้นาวถามผมขณะที่กำลังจะขึ้นเรียน จะไปยืนจ่ออยู่หน้าห้องแล้วยังไม่รู้เลยว่าเรียนอะไร เพื่อนผมมันโง่ หรือมันโง่เนี่ย
“จะถึงห้องแล้วยังไม่รู้อีกไง ว่าเรียนอะไร ฉันว่านะ แกเลิกเรียนแล้วไปขายลูกชิ้นปิ้งกับพี่สาวแกดีกว่าว่ะ” ผมแควะไอ้นาวทีนึง ไอ้นั่นก็พึมพำๆเหมือนบ่นอะไรซักอย่างก่อนที่จะเข้าห้องไป ผมก็เดินตามเข้าไปและก็เหมือนเดิมผมนั่งคนเดียวไร้คู่เพื่อเส้นทางการศึกษาของผม
“น้องเค้าไปไหนว่ะถึงยังไม่มาขึ้นเรียน” ไอ้แจ๊คหันมาถามหาแฟนมัน ทำอย่างกับผมกับไอ้หน้าแต๋วนั่นเกิดมาตัวติดกันซ่ะงั้น
“เดี๋ยวก็มามั้งอีกตั้งห้านาทีกว่าจะถึงเวลาเข้าเรียน”
“( _ _ ) ( - -) ( _ _ ) ( - -)”ไอ้แจ๊คพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนๆต่อ
แล้วทำไมหมอนั่นยังไม่ขึ้นนะ หรือว่าไอ้หมอนั่นจะเรียนไม่รู้เรื่องก็เลยไม่ขึ้นเรียน เมื่อวานผมก็มัวแต่ตั้งใจเรียนไม่ได้สนใจไอ้หน้าแต๋วซ่ะด้วย ถ้ารู้ว่าตัวเองเรียนไม่เก่งก็น่าจะรู้จักถามคนอื่นไม่ใช่นั่งเงียบหยิ่งไม่คุยกับใครแบบนี้ น่าสงสาร ดีแต่หน้าตา แต่ดันไม่มีสมองซ่ะนี่
“นักเรียนทำความเคารพ”
“สวัสดีครับคุณครู”
“สวัสดีครับนักเรียน วันนี้เราจะเริ่มเรียนเป็นวันแรก ครูจะขอแจกแผนการเรียนและ บลาห์......บลาห์.....บลาห์....”  - -*
ผมฟังอาจารย์พูดแต่ช่วงแรกๆ สมองไม่สั่งการให้หูได้ยินมันสั่งให้ทุกอย่างประมวลเหตุผลที่ไอ้หน้าแต๋วยังไม่เข้าเรียน นี่ขนาดวันที่สองก็กล้าที่จะบันจี้จัมพ์(แค่โดดก็พอมั้ง) แล้ว ไม่ต้องนึกถึงวันที่สาม สี่ และห้า
“เอ่อ อาจารย์ครับ”
“ว่าไง มีปัญหาเรื่องแผนการเรียนหรอครับ”
“เอ่อ คือ เปล่าครับ พอดี คือ ผมปวดท้องน่ะครับ ผมขออณุญาติไปห้องน้ำได้รึเปล่าครับ”
“เป็นอะไรมากรึเปล่า ไปห้องพยาบาลดีกว่ามั๊ย” อาจารย์ถามผม พร้อมเอามือมาอังหน้า ผมถอยหลังจนตัวเองแทบจะล้ม ไม่ใช่อะไรก้อาจารย์คนนี้ขี้หลีจะตาย ขึ้นชื่อเรื่อง “นอนเกรด” (นอนกับอาจารย์และได้เกรด) พออาจารย์มาแตะตัวผม ร่างกายเลยเกิดอาการต่อต้านอัติโนมัติ
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะครับ”ครั้งนี้ผมเลือกที่จะไม่รอคำตอบใส่ตีนหมีแพนด้าแล้วโกยแน่บออกมานอกห้อง ไอ้หน้าแต๋วนี่ก็ทำเรื่องกับผมจัง ที่ผมออกมาตามไม่ใช่เพราะเป็นห่วงนะ แต่ห้องผมเรื่องเกรดเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเวลาตัดเกรดผลรวมทั้งห้องก็จะมีแข่งด้วยว่าแต่ละระดับห้องไหนได้เกรดดีที่สุด ที่แรกที่ผมจะไปตามก็คือ ก็คือ ก็คือ ที่ไหนว่ะเนี่ย ไม่รู้ซ่ะด้วยซิว่าหมอนั่นชอบไปไหน ผมเลือกที่จะวิ่งไปที่โรงอาหารก่อนเป็นอันดับแรก และมันก็เป็นไปตามที่ผมคิด
“ไม่อยู่” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ
สนามบอล “ไม่อยู่”
โรงยิม      “ไม่อยู่”
สนามบาส “ไม่อยู่”
ห้องสหกรณ์ “ไม่มี”
“อยู่ไหนว่ะเนี่ย” ผมพูดออกมาอย่างหัวเสีย หาแทบทั้งโรงเรียนแล้วก็ไม่เจอไปมุดหัวอยู่ตามถังขยะที่ไหนก็ไม่มี ผมรู้สึกอย่างยิงกระต่ายขึ้นมาเลยกะว่าจะเดินเข้าห้องน้ำตรงโต๊ะม้าหินประจำของผม เพราะที่นั่นเป็นห้องน้ำที่สะอาดที่สุด ผมก้าวเข้าห้องน้ำอย่างห้าวหาญ เดินอกพายไหล่พึง (เว่อร์และ) >>>>> 0///0
“แกร๊ก” โอ้ว พระเจ้ามันล๊อกเป็นไปได้ยังไงมันไม่ได้ล๊อกประตูห้องน้ำแต่มันล๊อกประตูนอกหรือประตูทางเข้าใหญ่เลย จะมีใครที่ทั้งมึนทั้งไม่รู้เรื่องเหมือนไอ้หน้าแต๋วถึงขนาดปิดประตูใหญ่เลย เอ๊ะ หรือว่า
“ปังๆ” เหมือนมือไวกว่าความคิด
“รันๆ ไอ้หน้าแต๋ว”
“ปังๆ”
“อยู่ในนั้นรึเปล่าเปิดซิ ทำไม่ไม่ยอมขึ้นเรียน”
“แกร๊ก” เสียงกลอนประตูที่ถูกเปิดผมถอยหลังเพื่อให้ประตูที่ดันออกมาเปิดได้สุด และผมก็ได้เห็นในสิ่งที่ไม่คาดคิด มันคือ *0*
“หนู มาหาใครน้าล้างห้องน้ำอยู่ เคาะซ่ะเสียงดังเชียว” แป๊ว เพล้งๆ ใครก็ได้ยืมกาวมาต่อหน้าหน่อย ผมได้แต่ทำมือไหว้แบบสัปหงกอาการอยากยิงกระต่ายหายไปในทันใด ผมเดินออกมานั่งที่โต๊ะมาหินตัวเก่งของกลุ่มผม แล้วทำไมผมจะต้องมาตามหมอนั่นด้วยเนี่ย แล้วไอ้หมอนั่นมันหายไปไหนของมัน ทันใดนั้นสมองที่ชาญฉลาดของผมก็คิดสถานที่ ที่นึงออกมาได้

สายลมเอื่อยๆพัดผ่านร่างกายผมที่นั่งอยู่บนสนามหญ้าความรู้สึกสดชื่นแพร่ผ่านทุกอนูขุมขน เหมือนเสียงลมกำลังหยอกเย้าเราเพื่อให้เราปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมัน พิ้นหญ้าที่เหมือนเป็นที่นอนที่ธรรมชาติสร้างขึ้นทำให้ผมอดที่จะเอนกายนอนราบไปกับมันไม่ได้
“วันที่สองก็โดดเรียนเลยเรา” ผมแอบพึมพำกับตัวเองเบาๆ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำการเรียนหรือศึกษามาผมไม่เคยแม้แต่จะโดด แค่คิดยังไม่เคย คิดดูซิครับว่าไอ้หมอนั่นมันทำเรื่องไว้กับผมขนาดไหน คอยดูนะผมจะตามองเวรจองกรรมมันทุกชาติทุกภพไป (คิดดูอีกทีไม่เอาแล้วเบื่อขี้หน้ามัน แค่สองวันก็เกลียดขนาดนี้ไม่ต้องคิดถึงชาตินี้ทั้งชาติเลย)
“อยู่นี่จริงๆด้วย” เสียงเหมือนหมาวิ่งหอบยืนอยู่หัวผม ผมลุกขึ้นนั่งหันไปมองต้นเสียงที่ทำท่าเป็นหมาเหนื่อย (ได้เหมือนมากๆ)  ^ ^*
“ไอ้เสาไฟฟ้า” ผมตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อเจ้ากรรมนายเวรผมยืนอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่ามันจะมาหาเรื่องอะไรผมอีก ผมตัดสินใจที่จะลุกขึ้นยืนและเดินหนีหมอนั่นมาจากจุดนั้น ผมคิดว่ามันคงเป็นทางที่ดีที่สุด
“นายจะไปไหน” ไอ้เสาไฟฟ้าเอามือเก้งก้างนั่นมาจับข้อมือผม
“เรื่องของผม” ผมพยายามสะบัดข้อมือนั่นแต่ยิ่งทำรอบมือนั่นกับจับผมแน่นขึ้น
“นายจะไปไหน ไปขึ้นเรียนเดี๋ยวนี้” ไอ้เสาไฟฟ้าออกคำสั่งพร้อมพยายามดึงผมให้เดินตามมันไป >>>>>>  _ _*
“ปล่อยนะโว๊ย” ผมสะบัดข้อมือตัวเองแรงขึ้น ไอ้เสาไฟฟ้าคงไม่รู้หรอกว่ามันคือต้นเหตุที่ผมไม่อยากจะขึ้นเรียนเพื่อที่จะได้ไม่ไปเห็นหน้ามัน หมอนั่นหยุดดึงผมแล้วแต่ไม่ยอมปล่อยข้อมมือของผมตรงกันข้าม มันกับยิ่งรัดผมรุนแรงขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บ
“นายจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปถึงไหน ถ้านายไม่คิดที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่น หรือไม่คิดที่จะเรียนแล้วหล่ะก็ ช่วยไปยื่นใบลาออกได้มั๊ย คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อนเพราะนายอีก นายนี่มันเหลวไหลจริงๆ รีบๆออกไปซ่ะ” หมอนั่นปล่อยข้อมือผมแล้วแต่ร่างกายของผมไม่สามารถที่จะเดินหนีออกมาได้ มันเหมือนมีการสั่งการว่าถ้าผมขยับร่างกายแม้นิดเดียวสิ่งบางสิ่บางอย่างจะถูกเปิดเผย สิ่งที่ผมไม่อยากให้ใครหน้าไหนเห็นทั้งนั้น
“ว่าไง จะขึ้นเรียนหรือลาออก”
“เงียบ!” -_-
“จะขึ้นเรียน หรือลาออก”
“เงียบ!”-_-
“จะขึ้นเรียน หรือ”
“ผมเกลียดนาย” ผมเอากระเป๋าเรียนที่อยู่ในมือโยนใส่ไอ้เสาไฟฟ้าขอบตาของผมสัมผัสได้ถึงความร้อน หยดน้ำใสไหลรินออกมาจนได้ ผมหันหลังจะวิ่งหนีออกจากจุดนั้นแต่โดนมือของหมอนั่นจับไว้ก่อน ผมพยายามดิ้นดิ้นเท่าไหร่ไอ้เสาไฟฟ้าก็ไม่ยอมไป ตอนนี้ผมหมดเรี่ยวแรงที่จะดิ้นแล้ว ผมทรุดตัวลงนั่งอีกครั้งเอามือเช็ดน้ำตาตัวเองที่ไหลไม่ยอมหยุด สิ่งที่ผมไม่อยากให้ใครเห็นโดยเฉพาะกับไอ้หมอนี่ยังคงไหลอาบริมสองแก้มไม่หยุด หมอนั่นปล่อยข้อมือของผมแล้ว ผมเงยหน้ามองมันอย่างเคียดแค้นแต่น้ำตาที่ไหลออกมาพร่ามัวจนผมมองไม่เห็นอะไร ผมรู้สึกหายใจติดขัด ภาพข้างหน้ายิ่งเลือนลางขึ้นทุกทีๆ จนสุดท้ายก็เหลือเพียงความมืด >>>>>>>>>>T_T

“รัน นายเป็นอะไรรึเปล่า” ผมเรียกชื่อบุคคลตรงหน้าผมเสียงดังแม้ว่าเค้าจะอยุ่ในอ้อมแขนของผมก็ตาม นี่ผมทำอะไรลงไป คำพูดของผมถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแต่ผมก็ไม่สมควรพูดผมไม่รู้ว่าคำพูดของผมทำรันเสียใจขนาดไหน ผมเอามือเช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นสายผ่านทางข้างแก้มเนียนนุ่มนั่น ผมปฎิเสธไม่ได้จริงๆที่ผมจะบอกว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมสวยงามเพียงใด ใบหน้าที่ดูสงบของรันดูสวยงามยิ่งกว่าดอกไม้ ในใจของผมเริ่มคิดแล้วว่าผมสมควรที่จะปกป้องรักษาดอกไม้งามนี่หรือไม่
“ไอ้หรั่ง แกทำอะไรรัน” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างเกี้ยวกราด หมอนั่นเดินมากระชากคอเสื้อของผมแล้วปล่อยหมัดหนักๆใส่หน้าของผม
“แกทำอะไรรัน” เจ้าของเสียงเกี้ยวกราดนั่นคือไอ้แจ๊คเพื่อนรักของผม ความเค็มของเลือดที่มุมปาก ทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของหมัดนั่น
“ว่าไง แกทำอะไรรัน”
“ฉันขอโทษว่ะ” ผมพูดเพียงแค่นั้น ไอ้แจ๊คก็ปล่อยมือที่จับคอเสื้อผมลง เนื่องจากคำขอโทษของผมไม่ใช้พร่ำเพื่อ แจ๊คคือเพื่อนคนแรกที่ได้ยินคำพูดของผมคำนี้ เพราะผมคิดว่าครั้งนี้ผมผิดจริงๆ
“ขอโทษว่ะ ที่ต่อยนาย”
“ไม่เป็นไร” ผมไม่โกรธไอ้แจ๊คหรอกมันคงทำเพื่อปกป้องคนที่มันชอบ ถ้าเป็นผมก็คงจะทำแบบนั้นเหมือนกัน ผมลงไปอุ้มร่างเล็กนั่น ขาสั่งการก้าวให้วิ่งให้เร็วที่สุด ไม่นานผมก็มาหยุดยืนที่หน้าห้องพยาบาล อาจารย์ไม่อยู่ เวลาแบบนี้ไปไหนนะ ผมวางรันลงบนเตียงพยาบาลที่ไม่รู้มีคนตายบนนั้นบ้างรึเปล่า (ซึ้งได้ไม่นานเนาะ) ผมเอามือังหน้าผากของรัน หน้าอกยังคงกระเพื่อมตามจังหวะการหายใจ คงจะแค่สลบไป คราบน้ำตายังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้า มือผมสั่งการตัวเองให้เช็ดคราบน้ำตานั่น กลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำหอมของรันเหมือนมันเป็นสิ่งดึงดูดใบหน้าของผมก้มลงเพื่อที่จะสัมผัสกับใบหน้าเนียนนุ่มนั่น มันห่างกันเพียงแค่ฝ่ามือคั่น
“ไอ้หรั่ง รันเป็นไงบ้างว่ะ” ไอ้แจ๊ควิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องพยาบาลในมือถือขวดน้ำมาสองขวดคงจะแวะซื้อตอนที่ผมวิ่งมาที่ห้องพยาบาล ผมรีบผละออกจากตัวของรันมานั่งข้างๆเตียง
“คงจะแค่หลับน่ะ” ผมตอบแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำในมือของไอ้แจ๊คแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา ไอ้แจ๊คก็เดินตามมานั่งข้างๆผม
“เออ ว่าแต่ แกรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นั่น”
“ก็พอดีเห็นแกไปนานก็เลยว่าจะออกมาดู พอดีเห็นแกวิ่งไปทางหลังตึกนั่น ฉันก็เลยตามไป ว่าแต่ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“คือฉันไปว่ารันเรื่องโดดเรียนหน่ะ”
“แกไปว่ารันว่าไง”
“ฉันบอกว่าถ้าไม่อยากเรียนก็ให้ไปลาออกซ่ะ”
“หลังจากนั้น...”
“หลังจากนั้นรันก็ร้องไห้แล้วก็สลบไป”
“แกนี่นะ” ไอ้แจ๊คส่ายหัวไปมาเหมือนเหนื่อยหน่ายผมเต็มที โธ่ ทำเป็นพระเอก พระเอกหน่ะตามโครงเรื่องทุกเรื่องแล้วต้องหล่อโว้ย (ยกเว้นเรื่องนี้ป่าว)   _ _*
ผมยกขวดน้ำกระดกขึ้นด้วยความกระหายที่ผมต้องแบกคนทั้งคนแถมวิ่งมาอีกต่างหากถึงคนๆนั้นจะตัวเล็กและตัวเบาแค่ไหนแต่มันก็ทำให้ผมเหนื่อยไม่น้อย
“ฉันชอบรันหว่ะ”
“แค่กๆ” น้ำแทบพุ่ง วันหลังจะพูดอะไรก็หัดดูจังหวะบ้างนะโว้ย เดี๋ยวหน้าก็ได้เป็นกระดานโต้น้ำลายข้าพจ้าหรอก
“เอาจริงหรอ” ผมเอ่ยถามเพื่อนรักเพื่อความมั่นใจ
“อื้ม ฉันว่ารันใช่เลยว่ะ” ไอ้แจ๊คกล่าวอย่างมั่นใจ แววตาบ่งบอกถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม เหมือนมีแสงออร่าอยู่รอบๆตัว มันสว่างจนแทบแสบตา แว๊กกกกกกกกก กลัวแสง
“แกไม่บอกรันหล่ะ” #_#
“ว่าจะบอกอยู่ ขอให้แน่ใจกว่านี้หน่อย ไม่รู้ว่าเค้ารียกว่ารักหรือเปล่า แต่รันคือคนที่ฉันอยากปกป้องว่ะ” โอ๊ย ยิ่งคุยแสงออร่านั่นยิ่งแรงกล้าขึ้น
“โชคดีแล้วกัน”
“อื้ม”
ผมยกขวดน้ำขึ้นบรรจดกับปากตัวเองอีกครั้ง รู้สึกอยากปกป้องหรอ ถ้าความรู้สึกนั้นคือความรัก ผมก็คงจะ คงจะ จะบ้าตายนี่ผมชอบรันหรอเนี่ย มิน่าหล่ะตอนที่ไอ้แจ๊คบอกผมผมรู้สึกใจหวั่นๆแปลกๆ แต่ผมจะไม่ยอมแย่งของๆเพื่อนเด็ดขาด อีกอย่างผมอาจจะแค่รู้สึกแค่ชั่วขณะก็ได้ ก็ผมไม่ชอบรันขนาดไหนใครๆก็รู้
“พวกคณะกรรมการมาห้องพยาบาลมีอะไรรึเปล่า” อาจารย์ที่ประจำอยู่ห้องพยาบาลก้าวเท้าเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยปากถามผมทั้งสองคน โหยอาจารย์ครับกางเกงอ่ะมีฟิตกว่านี้ป่าว โอ้โห เสื้อนี่มีกระดุมสามเม็ดพอมั้ง ปลดกระดุมมบนออกซ่ะขนาดนั้น เสื้อกราวด์ก็เอามาคล้องมือไม่ใส่ ผมว่าไปเป็นเอลวิสดีกว่านะครับอาจารย์รุ่งกว่าเยอะ
“เพื่อนผมเป็นลมหน่ะครับ เลยขอให้มาพักห้องนี้” ผมโกหกอาจารย์ไปเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาถ้าผมพูดความจริง >>>>> %o%o%o% #_#
“คนนั้นๆ หรอ” อาจารย์ชี้นิ้วไปที่รันที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาล
“( _ _ ) ( - -) ( _ _ ) ( - -)”
“อื้ม แล้วปากเธอไปโดนอะไรมา” อาจารย์ย้ายมือที่ชี้รันมาชี้ที่มุมปากของผม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ อุบัติเหตุหน่ะครับ”
“ทำแผลมั๊ย” โธ่ อาจารย์ผมก็อยากที่จะทำอยู่หรอกนะ แต่อาจารย์ช่วยเก็บหน้หื่นๆนั่นลงซักสามสิบเปอร์เซ็นได้ป่าวครับ แววตานั่นมันแววตาความกระหายเลยนะนั่น ไม่ใช่แวตาอยากทำแผล
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวไปเรียนต่อนะครับ” ผมพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนฉุดไอ้แจ๊คที่นั่งรากงอกแล้วเดินออกมาจากห้องพยาบาล อาจารย์เดินออกมาจาห้องแล้วเดินมุ่งไปยังห้องสหกรณ์ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก จะมีอาจารย์กี่คนในโรงเรียนนี้นะที่ไม่หื่น ผมก็กลัวว่ารันจะโดนข่มขืนเหมือนกันนะแต่ถ้าอาจารย์เค้าสนใจรันก็คงจะไม่เดินออกจากห้องหรอก แสงออร่าของไอ้แจ๊คยังคงแผดแสงใส่ผมไม่หยุด เห็นแล้วอยากจะกระโดดถีบจริงๆ
ในที่สุดผมก็เดินกลับมายังห้องเรียน นี่ก็ใกล้จะหมดคาบแล้วไม่โดดก็เหมือนกับโดดแหล่ะ
เฮ้อ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าไอ้แจ๊ชอบรัน รันสลบ แล้วไอ้ผมคนนี้ก็โดด เซ็งจิต!
“ก่อเรื่องอีกแล้วนะ ไอ้หน้าแต๋ว” ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนที่จะเดินเข้าห้องเรียนที่ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างหลังจากเข้าไปแล้ว

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1762
Zenny
13145
ออนไลน์
808 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-3-3 16:29:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
707
พลังน้ำใจ
18146
Zenny
402602
ออนไลน์
758 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับมงกุฎสมาชิกระดับเพชรบริหาร

โพสต์ 2011-3-8 21:17:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Love Me Love G4Guys!

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
6
Zenny
5
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-3-11 09:37:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ -20 Zenny -40 ย่อ เหตุผล
yahoo -20 -40 ห้ามโพสEMOอย่างเดียว.

ดูบันทึกคะแนน

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
69
Zenny
982
ออนไลน์
9 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-3-19 13:41:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด


                             นิยามที่ 3 อยากจะฆ่ามันนัก และร้าน’คุณซื้อเราขาย’!

“อื้ม” - - >>>>> 0-0
ผมพยามลืมตาอย่างยากลำบากรู้สึกหนักๆที่หัว และหนักไอ้ผ้าห่มกลิ่นสาบเสือที่อยู่บนตัวผมเนี่ย ผมพยายามดันผ้าห่มที่น่าจะหนาประมาณสิบฟุต (เว่อร์จริงๆ) ออกจากตัวอย่างยากลำบาก ริมฝีปากแห้งผากเหมือนคนขาดน้ำ ผมพยายามมองรอบๆห้องมันเป็นห้องที่ผมรู้สึกไม่คุ้นเคยแต่ดูจากเครื่องใช้ เตียง พวกนี้น่าจะเป็นของที่อยู่ในห้องพยาบาล
“คงเป็นห้องพยาบาลของโรงเรียนนี้มั้ง” ช่ายยยยย มันคงเป็นห้องพยาบาลของโรงเรียนนี้แน่นอน แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเป็นห้องพยาบาลของโรงเรียนนี้หล่ะก็ *o*
แว๊กกกกกกก แบบนี้เชื้อโรคไม่เข้าไปฝังอยู่ในตัวผมแล้วหรอ มันคงจะแอบเข้าตามรูขุมขนของผมตอนที่ผมหลับ และมันจะไป รักแท้รักคืออะไร ตับไตไส้พุงผมแน่นอน ไหนจะเตียงที่ผมนอนอีก ไม่รู้ทำคนตายไปกี่คนแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าที่ของเตียงจะโหด มันส์ ฮา รึเปล่า เดี๋ยวเพื่อเค้าเหงาขึ้นมาแล้วมาเอาผมไปอยู่ด้วยมันคงไม่น่าจะอภิรมย์เท่าไหร่ โอ้วโน้ว อย่ามาเอาผมไปอยู่ด้วยเลยนะ ผมกลัว ถ้าจะเอา เอาไอ้เสาไฟฟ้าไปแทนได้รึเปล่า ผมลุกนั่งพรวดเดียวทันที
“ตื่นแล้วหรอ” เสียงห้วนๆดังผ่านหูข้างซ้ายของผมแต่มันไม่ยอมออกหูขวา ผมหันไปมองต้นเสียงนั่นว่าเป็นเสียงที่ออกมาจากใคร ก็พบกับ ย๊ากกกกกก ผู้สูงอายุที่ไหนเนี่ย อายุน่าจะประมาณสามสิบ สี่สิบได้แล้ว หรือว่าจะเป้นเจ้าของเตียง ไม่นร๊า ถ้าเหงาก็เอาไอ้เสาไฟฟ้าไปแทนผมเถอะ
“นี่ยา ทานซ่ะ แล้วก็ออกไปได้แล้วถ้าคนอื่นเค้าป่วย เค้าจะได้มานอนพัก นอนไปได้สองสามชั่วโมง” อ้าวไอ้ผีแก่นี่เป็นหมอหรอเนี่ย ผีแก่ตนนั้นส่งยามาวางที่หัวเตียงพร้อมน้ำแก้วนึง แล้วเอ่ยปากไล่ผมออกจากห้อง
“เอ่อ เป็นอาจารย์ประจำห้องพยาบาลหรอครับ” ผมเอ่ยถามเพื่อที่จะไขข้อแจ้งแถลงไข
“บัดนี้ จักได้ขยายความตามกระทู้ธรรมสุภาษิตที่ตั้งไว้ ณ เบื้องต้น เพื่อเป็นแนวทางในการปะ...” เย้ย ไม่ใช่ ถึงอาจารย์คนนี้จะโกนหัวครึ่งเดียว (หัวโล้น) ก็เถอะก็คงไม่พูดแบบนั้นหรอก
“แล้ว เธอคิดว่าใครจะมาอยู่ในห้องนี่ได้นอกจากอาจารย์ที่ดูแลห้อง คงไม่ใช่ภารโรงหรอก แล้วเธอก็รีบๆกินยาและออกไปได้แล้ว” อาจารย์ครับใครจะไปรู้หล่ะ ไม่แน่อาจารย์อาจจะเป็นคนบ้าแล้วนึกว่าตัวเองเป็นหมอเหมือนที่ผมดูในละครบ่อยๆก็ได้ ผมรีบทานยาแล้วเอาน้ำกระดกเข้าปากจนหมด โหย โส๊ดชื่นนนนนนนนนน ^o^
“ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไร แต่รีบๆออกไปได้แล้ว” โอ้โห นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นอาจารย์นะ จะกระโดดกัดหูให้ขาดเลย แง่งๆๆๆๆๆ
“ครับ” ผมเดินออกจากห้องด้วยอาการมึนงงกับตัวเองที่มานอนอยู่ในห้องพยาบาลได้ไง ผมเลยออกมานั่งม้านั่งข้างอาคารหนี่ง แล้วพยายามเรียกความทรงจำที่หายไปหลายปี (ไม่ใช่และถ้านอกเรื่องอีก จะโดนเตะ >>>>> _ _*) ภาพเริ่มปรากฎที่หน้าจอการแสดงผลของสมองผมหลับตาเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ไอ้เสาไฟฟ้าด่าผม >>> ไอ้เสาไฟฟ้าทำผมร้องไห้ >>> ไอ้เสาไฟฟ้ามาตามผมขึ้นเรียน >>> ไอ้เสาไฟฟ้าด่าผมอีกครั้ง >>> ไอ้เสาไฟฟ้าทำผมร้องไห้อีกครั้ง >>> ไอ้เสาไฟฟ้าทำผมสลบ _ _* #_# @_@
แว๊กกกกกกกกกก นี่มันอะไรกันเนี่ยไอ้เสาไฟฟ้าทำอะไรกับผมนักหนาเนี่ย แถมมันยังได้เห็นผมร้องไห้ตั้งสองครั้ง แถมยังทำผมสลบอีกต่างหากและผมก็แน่ใจแน่นอนว่ามันคงจะไม่มีวันอุ้มผมมาส่งที่ห้องพยาบาลแน่นอน ผมคิดว่ามันต้องเป็นฝูงมดขนาดใหญ่แบกผมมาส่งที่เตียง เอิ๊กๆๆ (พระเอกมันบ้าไปแล้ว) ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาดู ขณะนี้เป็นเวลาสามโมงสามนาทีสามวินาทีกับสิวสามเม็ด เอ๊ย ไม่เกี่ยว ยังไม่เลิกเรียนผมคิดว่าน่าจะขึ้นไปด่าไอ้เสาไฟฟ้าซักหน่อยเลยเดินขึ้นเตียง อุ๊ยผิด ขึ้นตึกเรียนที่มีไอ้ศัตรูตัวฉกาจนั่งเรียนอยู่ที่นั่น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมก็เลยด่าตั้งแต่เดินจนถึงห้องเรียนซ่ะเลย อิอิ ^^


“ฮาด...ฮัด ฮัด ฮาดเช่ย” ผมจามออกมาอย่างดังจนทุกคนหันมามองผมทั้งห้อง ไม่รู้ว่าใครบ่นคิดถึงผมอยู่ (เค้าด่าแกซิไม่ว่า) จนทำให้ผมจาม ถ้าบ่นคิดถึงจนผมจามน่ะไม่ว่าแต่ถ้ามาด่าผมหล่ะก็รับรองผมไม่จามอย่างเดียวแต่จะเอาขวานจามหัวไอ้คนที่บ่นด้วย
“เป็นอะไรว่ะ แพ้ฝุ่นไงคุณชาย” ไอ้นาวหรือไอ้ไม้เสียบผีหันมาแควะผม ถ้าไม่กลัวว่าตบมันแล้วกระดูกจะโผล่มาทิ่มผมหล่ะก็ป่านนี้มันได้หน้าทิ่มโต๊ะไปแล้ว _ _*
“เออ ฝุ่นเยอะคันไปทั้งตัวแล้วเนี่ย” ผมทำเป็นเกาที่แขนตัวเองประมาณว่านั่งไม่ได้มันมีฝุ่นไอ้นาวทำหน้าแหยๆ แล้วหันกลับไปเรียนต่อ มันต้องโดนแบบนี้พวกกวนบาทาเนี่ย
ผมนั่งเรียนต่อ ไอ้นาวทำให้ผมไม่ได้เรียนไปสองนาทีหนึ่งวิหนึ่งจุดสองวิของวินาที ผมจะฆ่ามัน
“ขออนุญาติครับอาจารย์” เสีงหนึ่งเอ่ยขึ้นหน้าประตูของห้องเรียนทุกคนหันไปจับจ้องกับบุคคลที่เข้ามาตอนใกล้เลิกเรียน ผมได้แต่อ้าปากค้างพยายามหลบหน้าหลบตาหันไปทางอื่นเมื่อนึกถึงความผิดที่ตัวเองทำไว้
“ทำไมเธอมาตอนนี้”
“คือผมไม่สบายมากน่ะครับอาจารย์ ผมไปอยู่ห้องพยาบาลมารุ้สึกว่าจะเป็นเพราะโดนหมาบ้ามันด่า เอ๊ย หมาบ้ามันกัดหน่ะครับ แต่ผมฉีดวัคซีนแล้วไม่ต้องห่วงนะครับ” เอื๊อก เสียงผมกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกแทบจะทะลักออกปาก แหม มันแควะกันชัดๆ รู้งี้เอาไม้หน้าเก้า (ไม้หน้าสามตีสามที) ทุบตอนที่หลับให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก็ดีหรอก = =*
“งั้นไปนั่งเถอะอาจารย์สั่งการบ้านแล้ว ไปถามคู่นั่งเธอเอานะ” โอ้โห อาจารย์ครับ ไม่เอามีดเสียบผมเลยหล่ะครับ โต๊ะไหนๆก็ไม่ว่างทั้งนั้นแล้วจะเหลือหรอมันก็มีที่ข้างผมเนี่ยแหล่ะที่ว่าง ไอ้หมอนั่นเดินย่างก้าวเข้ามาใบหน้าแอบๆยิ้มแต่มันเหมือนมีลมหนาวพัดผ่านร่างกายของผมด้วย ยิ้มนั่นช่างเหมือนกับฆาตกรโรคจิต ไม่รู้ว่าวิญาณเจสัง หรือเฟรดเด๋อมาเข้าสิงรึเปล่า (กลัวว่าจะเป็นกระสือยัยสายมากกว่า) หมอนั่นนั่งข้างผมยังมีรอยยิ้มที่ทำเอาขนที่สันหลังลุกอย่างรุนแรงอยู่ ได้โปรดเถอะหน้าตายเหมือนเดิมได้ป่าว T_T
“นายมันเลวมาก” เสียงรอดผ่านไรฟันของรันทำผมสะดุ้ง
“นายมันชั่วมาก”
“นายมันไม่ใช่คน”
“เกลียดๆๆๆๆๆ”
“ไปตายไป”
“ไอ้คนไม่ใช่คน” และอีกสารพัดถ้อยคำที่ไอ้หน้าแต๋วด่าผมจนหมดคาบก็ยังไม่เลิกด่ามันเดินตามผมไปด้วยด่าไปด้วยจนหูผมแทบหนวกตอนแรกในห้องเรียนก็ด่าแบบรอดไรฟันอยู่หรอกแต่พอเลิกเรียนแล้วก็ด่าแบบเต็มเสียงแถมยังเขย่งเท้าให้มันใกล้หูผมซ่ะด้วย (เตี้ยแบบนี้เค้าไม่ให้เขย่งหรอกต้องไปหารองเท้าส้นสูงมาใส่)
“นายจะเลิกด่าได้ยังเนี่ย”
“ยัง”
“โธ่ แล้วจะให้ผมทำไง ผมไม่ได้ตั้งใจนะ”
“ไม่ได้ตั้งใจ แล้วทำไมนายไม่ขอโทษผมหล่ะ”
“คำขอโทษผมไม่พูดพร่ำเพื่อหรอก”
“แต่นายต้องขอโทษ”
“เพราะ”
“เพราะนายเป็นคนผิด พ่อแม่ไม่ได้สอนไงว่าทำผิดต้องขอโทษ”
“โอเคๆ ขอโทษก็ขอโทษ ขอโทษครับผมผิดไปแล้ว”
“ขอโทษแล้วหายจะมีตำรวจไว้ทำไม”
“อ้าว ยังไงเนี่ย” ผมเริ่มรู้สึกอารมณ์เสียเมื่อไอ้หน้าแต๋วยังคงทำหน้ากวนบาทาแถมมาบอกให้ขอโทษแล้วยังจะมากวนทีนอีก วุ้ย ไอ้หมอนี่มันคงต้องโดนกัดหูล่ะมั้งถึงจะหายบ้า
“ไม่ยังไง แต่ตอนนี้ผมหิวแล้ว นายต้องเลี้ยงข้าว” กรรม นี่มันคนบ้าหรือขอทานเนี่ย
“ถ้าเลี้ยงแล้วจะหายโกรธรึเปล่า”
“ขอคิดดูก่อน” โอ๊ย ถ้านายสวาปามแล้วมาบอกว่า นึกว่าเอาของกินมาแทนคำขอโทษได้หรอ หรือ ของกินหน่ะไม่เกี่ยวอะไรเลย ประมาณนี้ผมไม่เสียตังค์ฟรีหรอครับ
“ไม่ต้องคิดแล้ว เดี๋ยวพาไปกินไอติมรับรองเด็ด” ผมเอ่ยชวนไอ้หน้าแต๋วให้ไปกินไอติมเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ตัวเองทำผิดไว้  ผมรีบวิ่งไปเอารถทันทีแล้วฉุดไอ้หน้าแต๋วให้ขึ้นรถมาอย่างรวดเร็ว แล้วขับทะเยอทะยานออกมาจากโรงเรียน (แว๊ก ผมโดดไม่ไปคุมแถว แถมยังกลับก่อนด้วย พรุ่งนี้จะโดนอะไรบ้างเนี่ย)


“คุณซื้อผมขาย” ผมอ่านป้ายชื่อร้านไอติมที่ไอ้เสาไฟฟ้าพาผมมาด้วยอาการแปลกใจกับชื่อของร้าน ตอนนี้ผมเดาไปถึงหน้าตาเจ้าของร้านคงจะหน้าตาแบบกวนทีนๆ ไว้ผมทรงเฮดร๊อค อะไรประมาณนั้น เพราะว่าคนที่ไม่หน้าเรียกบาทาจริงๆคงไม่กล้าตั้งชื่อร้านแบบนี้ ไม่รู้เอาสมองหรือตาตุ่มคิดเนี่ย
“ติ๊ง ต๊อง” ผมก้าวเข้าร้านให้ประตูมันด่าว่าติ๊งต๊อง ไอ้ประตูปากเสีย(นี่ขนาดประตูยังหาเรื่องเลยหรอ ไอ้คนขวางโลก) เข้าไปนั่งในร้านผมมองบรรยากาศรอบตัว โอ้โห *O*
หรูมาก ร้านถูกทาสีแบบอาร์ตแนวขาวดำ เก้าอี้มีสองสีสีขาวดำ เอาเป็นว่าร้านถูกแต่งในโทนขาวและดำและกัน
“นายจะกินอะไร” ไอ้เสาไฟฟ้าที่เงียบมาตั้งแต่ขับรถ นี่ยังไม่ได้ด่าที่ขับรถซิ่งจนผมแทบจะร่วงรถเลย ดีนะที่เคยนั่งมาแล้วเมื่อวานไม่งั้นคงจะล้มอีกตอนลง
“เอ่อ เอา เอา” สายตาผมกวาดเมนูในมือด้วยเรด้าพิเศษแต่ผมไม่ได้หาไอติมที่ดูน่ากินนะ ผมหาไอติมที่มันแพงต่างหาก ให้มันจุกอกตายหรือไม่ก็ต้องนั่งขอทานไปโรงเรียนไปเลย
เหอะๆ ^^ >>>>>> อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
“รับอะไรดีครับ”
“เดี๋ยวซิหาอยู่” ผมตอบไอ้เสาไฟฟ้าที่ถามผมซ้ำอีกครั้ง เอ๊ะ แต่ รับอะไรดีครับ ไอ้เสาไฟฟ้าพูดแบบนี้ด้วยหรอ ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปดู แล้วสายตาผมก็พบกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
O_O    *o*  +0+
โอ้วโน้ว ใครกันเนี่ย หล่อมาก หล่ออะไรขนาดนี้ หน้าขม คิ้วเข้ม ปากหนาได้รูป สายตาเยิ้มหวานเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา หุ่นสูงกำลังพอดีไม่เตี้ยไม่สูงจนเกินไป เพอเฟ็คแมน แว๊กๆๆๆ นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย ผมเป็นผู้ชายนะ (แล้วมันผิดตรงไหนทีเมื่อก่อนยัง)
“ขอโทษครับ ผมนึกว่าหมอนี่เป็นคนถาม” ผมชี้ไปที่ไอ้เสาไฟฟ้าแล้วทำหน้าแบบสำนึกผิด ชั่วโมงนี้ช่างมันไม่ทำหน้าตายแล้ว เอ๊ย หน้าเฉยชา
“ครับ แล้วจะรับอะไรดีครับ”
“เอ่อ ช่วยแนะนำได้รึเปล่าครับ”
“ได้ครับ ช่วงนี้ร้านเรานำไอศกรีมตะไคร้เข้ามาใหม่กลิ่นหอมชวนรับระทาน และช่วงนี้มีโปรโมชั่น โคโคนัทแซทเทิ่ลเดย์ด้วยนะครับ และตอนนี้ไอศกรีมรสปลากรอบก็ลดเหลือเพียงถ้วยละห้าสิบเก้าบาทเท่านั้น ไม่ทราบว่าสนใจแบบไหนครับ”
“เอ่อ อะไรที่แพงที่สุดน่ะครับ” $_$
“ก็เป็นไอศกรีมบานาน่า โอ้ลัลล่า บนแอปเปิ้ลไพน์ สอดไส้ด้วยโคโคนัทมิลค์ครับ”
“งั้นผมเอาอันนี้”
“ครับ แล้วคุณฟองเต้จะรับอะไรดีครับ” บ๋อยหน้าหล่อหันไปถามไอ้เสาไฟฟ้า คุณฟองเต้หรอ เรียกซ่ะอย่างกับคุณชาย สงสัยมากินบ่อย
“ผมขอเหมือนเดิมแล้วกันนะครับ”
“ครับงั้นผมขอทวนรายการนะครับ มี ไอศกรีมบานาน่า โอ้ลัลล่า บนแอปเปิ้ลไพน์ สอดไส้ด้วยโคโคนัทมิลค์ และไอศกรีมโอเอซิดสตอเบอร์รี่ ปักร่มเชอร์รี่ ถูกต้องมั๊ยครับ”
“ครับถูกต้อง” พอไอ้เสาไฟฟ้าพุดจบบ๋อยก็โค้งนิดนึงแล้วเดินไปยังหลังเคาท์เตอร์พนักงานร้านนี้มารยาทดีเหมือนผมเลย (มีกับเค้าด้วยหรอ) แต่ว่าร้านนี้ชื่อแปลกยังไม่พอยังคิดชื่อไอติมได้แปลกประหลาดอีกด้วย ไม่รู้ไอติมออกมาหน้าจะประหลาดเหมือนชื่อรึเปล่า ถ้าออกมาแล้วเหมือนอุนจิหล่ะก็พ่อจะเอาปาหน้าไอ้เสาไฟฟ้าให้ดู
“ตกลงหายกันรึยังเนี่ย” ไอ้เสาไฟฟ้าทวงข้อตกลงที่พาผมมากินไอติม
“ก็ได้ แต่มีข้อแม้ห้ามนายเอาเรื่องวันนี้ไปบอกใครทั้งนั้น”
“รู้แล้ว ไม่ปากสว่างหรอก ไอ้แจ็คก็คงไม่เอาไปคุยหรอกเพราะนิสัยมันไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ก็ดีแล้ว เอ๊ะแต่ แจ๊คเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้” ผมรู้สึกงงไอ้คนที่ชื่อแจ๊คมันมาเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์นี้ด้วยเนี่ย
“ก็พอดีมันเห็นตอนที่ผมวิ่งมาตามนายไปเรียนมันเลยวิ่งตามมาแล้วเห็นเหตุการณ์เข้าน่ะ”
กรรมเวร แล้วไง มีบุคคลที่สามมาเห็นผมร้องไห้ด้วย โอ๊ยพ่ออยากจะบ้า โกรธอีกรอบได้มั๊ยเนี่ย
“ขอโทษนะครับที่ทำให้รอ นี่รายการไอศกรีมที่สั่งไปครับ” บ๋อยหน้าหล่อเอาไอศกรีมหรือที่เรียกแบบพื้นๆก็ ไอติมวางให้ผมและไอ้เสาไฟฟ้า แล้วโค้งให้พวกผมนิดนึงก่อนเดินไป ไม่มานั่งกินด้วยกันหรอ T_T โอ้โห ประหลาดใจอีกแล้ว มันเป็นไอติมที่เรียกว่าอลังการงานสร้างรายได้ถล่มทลายบ๊อกๆๆ ไอติมถูกวางอย่างสวยงามเจ็ดลูกหลากสีมีกล้วยหอมถูกผ่าครึ่งวางสี่มุมของแต่ละด้านของจาน มีสัปปะรดที่ถูกผ่าเป็นชั้นอยู่สามชั้นวางอยู่บนไอติม แล้วตรงกลางของไอติมก็มีวิปครีม (รสมะพร้าวด้วย) ถูกวางลงบนสัปปะรด มันช่างเป็นอะไรที่น่ากินขนาดนี้ ส่วนของไอ้เสาไฟฟ้าก็เป็นไอศกรีมสตอว์เบอร์รี่ (ผู้ชายอะไรกินสะตอ เอ๊ย สตอว์เบอรรี่) หนั่งก้อนแต่ขี้เกียจบรรยายเพราะดันไปเห็นหน้าไอ้เสาไฟฟ้าด้วยไอติมเลยหมองไปเยอะ
“กินให้หมดนะ” ไอ้เสาไฟฟ้าพูดเหมือนประชดกับขนาดของไอติมของผม นี่มันขนาดครอบครัวใหญ่ๆเลยนะเนี่ย หุหุ แต่ผิดแล้วสำหรับรันคนนี้ไอติมถ้วยนี้ถือว่าเด็กๆกินกัน เอิ๊กๆๆ ไม่ได้เห็นแก่กินนะ เพราะผมเรียนหนักเลยต้องกินเยอะเพื่อทดแทนพลังงานที่ใช้ไป (ตะกละซิไม่ว่า) >>>> ไอ้วงเล็บนี่มันชอบด่าจังอยากรู้ว่ามันเป็นใคร _ _* ผมลงมือสวาปามไอติมอยากไม่คิดชีวิตไม่ใช่แค่เป็นไอติมที่ดีแต่หน้าตาเท่านั้นแต่รสชาติมันอร่อยมากด้วยอีกต่างหากสงสัยต้องพาแม่มากินมั่งดีกว่า
“ห่อใส่ถุงกลับบ้านได้ป่าวอ่ะ” ผมละหน้าจากไอติมแสนอร่อยเงยหน้าถามไอ้เสาไฟฟ้าที่ค่อยๆละเมียดกินไอติมทีละน้อย ตกลงผมมากินกับนางแบบหรือเปล่าเนี่ย
“จะบ้าไง นี่มันไอติมนะ จะห่อกลับยังไง”
“ห่อได้ดิ เอ่อ ขอไอศกรีมบานาน่า โอ้ลัลล่า บนแอปเปิ้ลไพน์ สอดไส้ด้วยโคโคนัทมิลค์ห่อกลับบ้านด้วยครับ” ผมตะโกนสั่งบริกรอีกคนที่อยู่ตรงเคาท์เตอร์ไม่รู้บ๋อยหน้าหล่อคนนั้นไปไหน เฮ้อ
“ครับ” เห็นป่ะบอกแล้วว่าห่อกลับได้ชิส์ ตามยุคตามสมัยมั่งนะเราอ่ะ ผมเลยกลับมาใส่ใจกับไอติมตรงหน้าผมต่อ แหมอร่อยอะไรเยี่ยงนี้ โอ้พระเจ้าจอร์จ และแล้วไอติมของผมก็อันตทานหายไปในเวลาไม่ถึงสิบนาที ส่วนไอ้เสาไฟฟ้าก็ละเมียดไอติมก้อนนั้นไปถึงครึงรึเปล่าก็ไม่รู้เพราะเห็นมันละลายจนจะเต็มแก้วแล้วพอไอ้เสาไฟฟ้าเงยหน้าขึ้นมาหาผม
“เฮ้ย นี่กินหรอเนี่ย” อ้าว นี่นายคิดว่าข้าพเจ้าเอาตามองจนมันระเหยเข้าจมูกแล้วใช้เส้นเลือดย่อยรึไงฮะ ทำไมมาถามแบบนี้หรือว่านายย่อยอาหารแบบนี้จริงๆ บรึ๋ยๆ
“ก็กินอ่ะเด้”
“ไอติมเลอะปากอ่ะ” ไอ้เสาไฟฟ้าเอามือยื่นมาหาผมช้าๆ ใจของผมเต้นรัวด้วยความเร็วสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ปากจะขยับถามว่าจะทำอะไรแต่พูดไม่ออก ผมได้แต่หลับตาปี๋กลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“หลับตาทำไม เอ้านี่กระดาษทิชชู่” ผมลืมตาเห็นไอ้เสาไฟฟ้าหยิบเอากระดาษทิชู่ยื่นมาให้ผม อ้าว หยิบกระดาษทิชชู่หรอเนี่ย ให้เราคิดไปไกล ย๊ากๆๆๆ ผมจะฆ่ามัน ผมไม่ได้คิดอะไรนะ ที่หลับตาเพราะกลัวฝุ่นเข้าตา (แน่ใจนะว่าฝุ่น) >>>> แน่ใจเด้  _ _*
ผมหยิบเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดไปมาให้หมดคราบหน้าอาย พอเช็ดเสร็จไอติมที่ผมสั่งก็มาพอดี
“ขอบคุณนะครับ ทั้งหมดหนึ่งพนสามร้อยสี่สิบบาทครับ” หุหุ พอผมได้ยินราคาก็ยิ้มอย่างมีชัย ก๊ากๆๆ ไอ้เสาไฟฟ้าได้กลับไปเป็นขอทานแน่
“ใช้บัตรนี่จ่ายนะครับ” ไอ้เสาไฟฟ้ายื่นบัตรอะไรไม่รู้ไปจ่าย ผมอยากจะเอ่ยปากถามอยู่เหมือนกันว่าบัตร อิอ๋อน หรือว่าบัตรเฟิสช๋อย กานแน่ แล้วมันจ่ายค่าไอติมได้ด้วยหรอ
บ๋อยหน้าหล่อเดินกลับมาอีกแล้วพร้อมกับถาดใส่ตังค์ในมือ
“ครับขอบคุณนะครับ นี่คือใบเสร็จนะครับ” บ๋อยคนนั้นยื่นใบเสร็จกับบัตรคืนให้ไอ้เสาไฟฟ้า ผมเลยทำตัวเป็นคนมีมารยาทโดยการหยิบบัตรกับใบนั่นจากมือไอ้เสาไฟฟ้ามาดู
แล้วตาผมก็โตเป็นไขห่าน บัตรเครดิตไม่ธรรมดาซ่ะด้วย แบบโกลด์การ์ดอีกต่างหาก โอ้โห แบบนี้แผนที่ผมวางไว้ก็หมดกันซิ
“มีมารยาทน่าดูเลยนายเนี่ย” ไอ้เสาไฟฟ้ากล่าวชมผม ความจริงไม่ต้องบอกก็ได้เพราะใครก็ชมผมว่าแบบนั้น (คนไหนว่ะ จะเอาหนังกะติ๊กไปยิงปากมัน)
“เอ้า คืนไป” ผมส่งบัตรพร้อมกับใบเสร็จคืนไอ้เสาไฟฟ้าไป ผมและไอ้เสาไฟฟ้าเดินออกจาประตูให้มันด่าติ๊งต๊องอีกครั้ง อยากเอาระเบิดมาปาประตูนี่จัง _ _*
แล้วผมก็ต้องนั่งเกร็งบนรถไอ้เสาไฟฟ้าอีกครั้ง ไอ้นี่ก็ไม่รู้จะรีบไปขึ้นสวรรค์ที่ไหน (บอกว่าไปลงนรกไม่ได้เพราะผมซ้อนมาด้วย) บิดซ่ะหัวแทบปลิวไปตามแรงลม
“แพร่ดๆ” ไมใช่เสียงใครเอาพุงถูถนนเล่นแต่เป็นเสียงอาการงอแงของรถเอาไฟฟ้า
“เวรกรรมมาเป็นอะไรตอนนี้เนี่ย”
“รถเป็นอะไรอ่ะ”
“ไม่รู้ดิมันบิดไม่ขึ้น”
“โหย รถตัวเองไม่รู้ได้ไง”
“นี่ผมซื้อมานะ ไม่ได้ประกอบเองจะได้รู้”
“อ้าว ใครจะไปรู้นึกว่าจะอ่านคู่มือมา”
“รถที่ไหนเค้ามีคู่มือหล่ะฮะ" อ้าว รถเค้าไม่มีคู่มือแถมมาให้เหมือนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าหรอ
อ่าซ์ อายจังนึกว่ามันมี >////<
“นายทำอะไรอยู่หน่ะ” ผมถามไอ้เสาไฟฟ้าที่ลงไปนั่งก้มมองใต้รถคันสวยของมัน
“เก็บตังค์อยู่มั้ง ก็เห็นอยู่ว่าเช็คอาการรถอยู่”
“นายนี่มันปากเสียจัง”
“อ้าว ก็เห็นอยู่ว่าคนกำลังเช็ครถยังจะถามอีก” อ้าว พูดซ่ะเรารู้สึกผิดเลยนะนั่น
“เออๆ แล้วรถเป็นอะไรมากป่าวอ่ะ”
“ไม่รู้ดิ ดูไม่เป็น” แว๊กกกก ย๊ากกกก อ๊ากกกก แล้วแกจะก้มดูหาพระแสงเลเซอร์อะไรฮะ โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าดูเป็นเห็นทำเป็นก้มดู เดี๋ยวพ่อก็จับฆ่าหมกศพไว้ในรถซ่ะหรอก
“ดูไม่เป็นแล้วจะก้มไปดูทำไม นายนี่มันบ้าหรือมันโง่เนี่ย”
“ไม่บ้าไม่โง่ ผมไม่ใช่นายนะ” โอ๊ย ไอ้นี่มันปากเสียเป็นสิบเท่าของผมเลยนะเนี่ย
“โอ๊ย ขี้เกียจทะเลาะกับนายแล้ว” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดโทรหาแม่ มองดูรอบๆตัวก็ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ค่อยยังชั่ว
“แม่ครับ มารับรันหน่อย”
“รันไปไหนมาลูก แม่ไปรับที่โรงเรียนไม่เห็นลูกอยู่” กรรมผมลืมบอกแม่เลยว่าจะออกมากินไอติมให้มารับช้าหน่อย ขอโทษคร๊าบแม่ ไอ้เสาไฟฟ้าแกผิดหลายเรื่องแล้วนะ (เกี่ยวอะไรกับเค้าหล่ะความผิดนายล้วนๆ)
“ขอโทษครับแม่ พอดีผมไปกินไอติมมาครับ แล้วนั่งรถมาแต่รถมันเกิดเสีย แม่ช่วยมารับตรงหน้าทางเข้าหน่อยนะครับ”
“จ๊ะๆ แม่จะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ”
“ครับ ขอบคุณครับแม่”
“จ๊ะ ลูกรอแม่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวแม่ก็ถึงแล้ว”
“ครับ แค่นี้นะครับ” ผมกดวางโทรศัพท์ แล้วนั่งรอแม่ตรงหน้าทางเข้าของแต่ละซอยความจริงถ้าเดินก็แค่สี่ห้าโลเอง แต่ผมไม่เดินหรอกเพราะผมมีเหตุผลที่ดี ผมเรียนเก่งเลยไม่เดิน เป็นไงเหตุผลดีใช่ป่ะ (ตรงไหน) >>>> ยังข้องใจไอ้วงเล็บนี่อยู่ _ _* รอไม่นานแม่ผมก็ขับรถมาถึง ร๊ากกกกกแม่ที่สุดเลย
“สวัสดีครับแม่” ผมยกมือไหว้แม่ตัวเองอย่างนอบน้อม แต่ไม่ถึงขั้นนางสาวไทยนะ เพราะไม่ได้ย่อตัว
“สวัสดีครับคุณน้า” ไอ้เสาไฟฟ้าแทรกตัวผมมาไหว้แม่ผม ใครใช้ให้แกมาเสนอหน้าเนี่ย
“จ๊ะ สวัสดี เพื่อนเราหรอลูกรัน”
“เปล่าครับแม่ คนบ้าหน่ะครับ”
“อ้าวหรอ แม่ก็นึกว่าเพื่อนเรา” อ่าฮะ ต้องแบบนี้ซิแม่
“แหมตัวเอง ชอบหยอกเค้าจังเลยนะ เดี๋ยวเค้าก็งอนเลยนิ” ไอ้เสาไฟฟ้าทำท่าแบบงอนๆเล่นเอาผมได้แต่ขนลุกกับอาการแต๋วบึกบึนของหมอนี่ โหย หน้ากลัวกว่ากอริลล่าใส่เกาะอกอีก
“งั้นผมไปและ” ผมกล่าวก่อนก้าวขึ้นรถไป เหอะๆ เป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้ผมจะทิ้งให้ไอ้เสาไฟฟ้านอนอยู่ตรงนี้แหล่ะ ก๊ากๆๆ สมน้ำหน้าเล่นกับใครไม่เล่น (อกตัญญู)
“อ้าวแล้วเพื่อนรันจะกลับยังไง” ไอ้เสาไฟฟ้ามันได้โอกาส รีบตีหน้าเศร้าทันทีผมเห็นสถานการณ์ไม่ดีเลยต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมซ่ะก่อน ฮัดช่า
“เค้าเอารถมาครับแม่”
“อ้าวหรอ”
“แม่ครับ แถวนี้พอจะมีร้านทำรถรึเปล่าครับ” ไอ้เสาไฟฟ้าพูดแทรกขึ้นมา มันต้องการอะไรเนี่ย
“อ้าว หนูหาร้านทำรถทำไมหรอจ๊ะ”
“คือผมมาส่งรันแล้ว รถเกิดเสียหน่ะครับ”
“อ้าว แล้วนี่รันจะปล่อยให้เพื่อนนั่งอยู่ตรงนี้รึไง มันไม่ดีเลยนะรัน” แงๆๆ ไอ้เสาไฟฟ้ามันทำให้แม่ว่าผม ไอ้เสาไฟฟฟ้าแค้นนี้ต้องชำระจำไว้ แว๊กกกกกกกก พ่นไฟใส่หน้ามันได้ป่าวเนี่ย
“งั้นไปบ้านน้าก่อนนะจ๊ะ”
“รบกวนด้วยนะครับ” ก่อนที่ไอ้เสาไฟฟ้าจะขึ้นรถผมเห็นรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์นั่นยิ้มให้ผมนิดนึงก่อนจะกลับไปทำหน้าเศร้าดังเดิม หมอนั่นเข้ามานั่งเบาะหลังของรถตลอดทางก็คุยกับแม่ผมไม่หยุด แม่ก็ไม่รู้เป็นอะไรปกติเพื่อนของผมแม่ก็ไม่ค่อยจะมาคุยด้วยแบบนี้ซักเท่าไหร่ ขนาดเดินเข้าบ้านยังคุยไม่หยุด จนเสียงเงียบไปก็ตอนที่แม่ผมไปเอาของว่างมาให้แขกที่ไม่พึงประสงค์ที่นั่งหน้าเจี้ยมๆเหมือนกับเด็กทารกหรือเด็กโข่งก็ไม่รู้
“นายมาทำไม”
“แล้วนายจะปล่อยให้ผมยืนอยู่ตรงนั้นไง”
“( _ _ ) ( - -) ( _ _ ) ( - -)”
“ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยไง”
“แล้วทีนายว่าผมหล่ะ ไหนจะไล่ให้ไปลาออกอีก”
“ก็ขอโทษแล้วไง แล้วก็พาไปเลี้ยงไอติมด้วย”
“ของกินมันแลกกับน้ำตาได้หรอ”
“เอ้า ก็บอกว่าขอโทษไง”
“มาแล้วจร๊า คุ๊กกี้ฝีมือแม่ แม่อบทิ้งไว้ตอนกลับมาหน่ะ” แม่ผมวางคุ๊กกี้สีนวลที่ส่งกลิ่นตลบอบอวลหอมฟุ้งเหมือนเป็นการเชื้อชวนจนผมได้ยินเสียงคุ๊กกี้พูดว่า กินผมเถอะ กินผมเถอะ แพร่บ น้ำยายไหย ผมกำลังจะส่งมือไปหยิบคุ๊กกี้ก็โดนแม่ฟาดที่มือหนึ่งทีผมเลยพยักหน้าแล้ววิ่งไปล้างมือแล้วจะหยิบคุ๊กกี้แต่แม่ก็ยังเอามือตีที่มือผมอีก
“อะไรอ่ะครับแม่ รันจะกินคุ๊กกี้อ่ะ” ผมงอแงเมื่อผมไม่ได้กินคุ๊กกี้เพราะโดนมือของแม่ฟาดเพี๊ยะมาสองทีและเมื่อไหร่จะได้กิน
“บอกมาเลยทำไมถึงจะไปทิ้งเพื่อนไว้แบบนั้น” อ่าซ์แม่อ่ะ แม่ใจร้าย T_T
“ก็ ... เอ่อ...ก็”
“คุณน้าครับ มันเป็นความผิดของผมเองแหล่ะครับ พอดีรันเค้าโกรธผมหน่ะครับ เค้าเลยจะลงโทษผมคุณน้าอย่าไปว่าอะไรรันเลยนะครับ” ผมสาบานได้นะว่าหน้าไอ้หมอนั่นถึงจะทำหน้าแฝงความรู้สึกผิดขนาดไหนแต่ผมก็เห็นรอยยิ้มซาตานที่เพยอเล็กน้อยตรงมุมปากของไอ้เสาไฟฟ้า
“รันนี่ก็โกรธเพื่อนไม่เข้าเรื่อง ห้ามไปโกรธเพื่อนอีกนะ แล้วก็คืนดีกันซ่ะ”
“แม่อ่า”
“ไม่ต้องมาแม่อ่า ขอโทษเพื่อนเดี๋ยวนี้เลย”
“แม่อ่ะ ก็ได้ ขอโทษ” ผมพูดไปแบบไม่เต็มใจ เสียงนั่นบ่งบอกได้อย่างดี ชิส์
“แม่ว่าไม่ไม่ได้สอนเราให้เป็นคนแบบนี้นะ” แม่ผมทำหน้าเศร้าเหมือนคนที่รู้สึกผิดที่สอนลูกมาไม่ดี แม่อ่ะใช้ไม้นี่อีกแล้ว
“ก็ได้ๆ หรั่งผมขอโทษ” ฮึ้ย จำไว้เลยไอ้เสาไฟฟ้า เดี๋ยวพอแจกรางวัลออสก้าเสร็จแล้วข้าพเจ้าจะเอาไฟเผาหัวแกเอง
“เราก็ขอโทษนายเหมือนกันนะ รัน” โหย พอแล้วแค่นี้คุณก็ทำผมเป็นคนผิดมากพออยู่แล้วจะเอาให้ได้ดาราระดับโลกเลยรึไง
“กินคุ๊กกี้ได้ยังครับแม่”
“( _ _ ) ( - -) ( _ _ ) ( - -)” พอแม่ผมพยักหน้าผมก็รีบสวาปามคุ๊กกี้ปล่อยให้แม่กับไอ้หรั่งคุยกันอย่างออกรสชาติส่วนผมก็นั่งเป็นชูชกกินอย่างเดียว ไอ้เสาไฟฟ้า อยากจะฆ่ามันนัก  _ _*



“คุณน้าครับ ผมห่วงรถจังเลย” ผมเอ่ยถึงรถคันโปรดของผมที่ใช้เวลาและเงินเก็บส่วนตัวซื้อมา มันเหมือนเป็นหยาดเหงื่อแรงงานของผม ถึงแม้ว่าผมจะแค่บอกแม่ผมก็ได้มันเลยภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่ผมเลือกที่จะซื้อมันมาด้วยกำลังของตัวเอง ผมจึงรักมันมาก
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ น้าโทรให้ช่างไปดูให้แล้วคนนี้น้าขายของให้ภรรยาเค้าบ่อยๆรับรองซ่อมดีที่สุดในละแวกนี้เลย” ผมรู้สึกชื่นชมแม่ของไอ้หน้าแต๋วที่สามารถยืนหยัดด้วยขาของตัวเองคนเดียว ผู้หญิงคนนึงที่โดนผู้ชายทิ้งปล่อยลูกสองขวบไว้กับเธอแต่เธอก็สามารถผ่านมันมาได้แถมเธอยังประสบความสำเร็จอีกด้วย พอดีคุยไปแม่ไอ้หน้าแต๋วก็เล่าประวัติตัวเองไปด้วย
“แล้วบ้านหนูอยู่ไหนหรอจ๊ะ”
“บ้านผมอยู่อีกทางนึงหน่ะครับ ห่างจากนี้ประมาณยี่สิบกิโล” ผมไม่ได้โกหกแม่รันนะครับเพราะบ้านผมอยู่ไกลจากนั่นจริงๆ แต่ที่ผมบอกไอ้หน้าแต๋วนั่นผมกลัวว่าเค้าจะเกรงใจแล้วไม่ยอมให้ผมไปส่ง เห็นนั่งรอจนดึกก็ไม่มีใครมารับ เลยสงสารเห็นป่ะว่าผมเป็นคนดี (เออ พ่อพระ) >>>>> ผมว่าเอาไอ้คนที่พิมพ์ในวงเล็บมาต่อยกันดีกว่า พ่ออยากจะซัดหน้าสักเปรี้ยง #_#
“ต๊าย แล้วมาส่งรันแถมยังอยู่ไกลอีกต่างหาก น้าต้องขอบคุณแทนรันด้วยนะจ๊ะ” โอ้โห ถ้าไอ้หน้าแต๋วนั่นได้นิสัยของแม่ไปซักนิดนะรับรองจะดีกว่านี้เยอะ นี่อะไรปากก็เสียหน้าตาดีซ่ะเปล่า
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้ววันนี้จะกลับยังไงหล่ะจ๊ะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“งั้นนอนที่นี่กับรันก็แล้วกันนะ”
“พร่วด แค่กๆๆ” ไม่ต้องถามว่าเสียงนี้มาจากใคร ก็ไอ้หน้าแต๋วหน่ะซิเห็นมูมมามกินคุ๊กกี้ไม่หยุดปาก ตกลงไอ้หมอนี่มันมีดีแค่หน้าตาใช่ป่าวเนี่ย
“แม่ครับ รถคงเสร็จแล้วให้เค้าขับกลับก็ได้นี่ครับ” ไอ้หน้าแต๋วพยายามไล่ผมให้กลับ โฮ่ๆ ผมจะกลับทำไมหล่ะครับ เมื่อได้โอกาสจะต้องแกล้งหมอนี่ให้เข็ดหราบทั้งเรื่องไอติมที่คิดว่าจะกินของแพงๆจนจะเหยียบผมให้จมดิน ไหนจะทิ้งให้ผมนั่งง่อยอยู่ตรงนั้นอีก
“แม่ไม่ให้ไปหรอก มันมืดแล้วด้วยจะขับรถกลับยังไงบ้านก็อยู่ตั้งไกล หนูนอนบ้านน้านี่แหล่ะนะจ๊ะ”
“ขอบคุณมากเลยนะครับ คุณน้านี่ใจดีที่สุดในโลกเลย” ผมกล่าวชมแม่ของไอ้หน้าแต๋ว ที่สามารถทอดสะพานให้ผมสามารถไปแกล้งลูกของเค้าได้ ขอบคุณนะครับ
“งั้นรันพาเพื่อนเอาเสื้อผ้าไปซักหน่อยนะ หนูตามรันไปนะจ๊ะ” แม่ของไอ้หน้าแต๋วสั่งให้หมอนั่นพาผมไปซํกผ้า หมอนั่นทำเป็นฟึดฟัดๆแต่ก็ไม่กล้าขัดใจแม่แล้วเดินนำผมไปหลังบ้าน หมอนั่นเปิดฝาเครื่องซักผ้าขึ้น
“เอ้า คุณชาย” แหมเรียกแบบนี้ค่อยเข้าหูหน่อย แต่ๆๆ นายจะเดินไปไหนอ่ะ
“นายจะไปไหน”
“อ้าว ก็แม่สั่งให้พามา ก็พามาแล้วนี่ไง”
“แต่ ผมซักไม่เป็นนี่”
“โอ้โห แล้วนี่ใส่เสื้อผ้าไม่ซักเลยรึไง”
“เปล่า ที่บ้านมีแม่บ้านเอาไปซักให้น่ะ” ก็ไม่เคยทำเลยอ่ะ ปกติก็แค่ถอดใส่ตะกร้าแค่นั้นไม่ต้องทำอะไรมาก
“นายนี่นะ” ไอ้หน้าแต๋วส่ายหัวไปมาเหมือนละอากับผม อะไรอ่ะ ก็คนมันไม่เคยนี่หว่าผู้ชายที่ไหนเค้าจะมาสนใจเรื่องงานบ้านกันเล่า (ขี้เกียจมากกว่า ระวังจะเป็นอัมพาตนะ)
“เอ้า งั้นถอดเสื้อผ้ามา” ผมก็ว่าง่ายดิบอกให้ถอดผมก็ถอดเริ่มจากถอดเสื้อก่อน แล้วก็ แกร๊กๆๆๆ ถอดเข็มขัด แล้วก็กางเกง
“เฮ้ย อะไรอ่ะ นายจะทำอะไร” ไอ้หน้าแต๋วรีบเอามือปิดตาตัวเองทันทีเมื่อผมกำลังทำท่าจะถอดกางเกง
“เอ้าก็ถอดเสื้อผ้าไง”
“แล้วนายจะถอดตรงนี้เลยไง”
“ผมใส่บ๊อกมา” พอผมพูดจบไอ้หน้าแต๋วเลยเอามมือลงและพยักหน้า ผมก็เลยถอดกางเกงต่อแล้วก็ถอดถุงเท้าโยนใส่เครื่องซักผ้าไป
“นายจะบ้าไง ยังไม่ได้ใส่น้ำยังไม่ได้ใส่ผงซักฟอกปั่นก่อนเลย” ไอ้หน้าแต๋วไม่พูดเปล่าเอาเสื้อผ้าออกจากเครื่องซักผ้ามาโยนกองไว้ที่พื้นแล้วเอาสายยางเอาน้ำใส่เครื่องซักผ้า แล้วใส่ผงซักฟอกปั่นซักแปปแล้วค่อยเอาเสื้อผ้าผมใส่กลับเข้าไปในเครื่องอีกครั้ง
“ก็แค่เนี่ย” ไอ้หน้าแต๋วพูดจบก็หันหน้าเดินมาไม่ได้มองว่าผมยืนมองการซักผ้านั่นอยู่ใกล้ๆ เลยชนเข้ากับหน้าอกผมเต็มๆ ไอ้หน้าแต๋วรีบผละออกจากผมทันที หน้าหมอนั่นแดงจัดจนเห็นได้ชัด
“นายเป็นอะไร”
“เปล่าๆ”
“แล้วนายหน้าแดงทำไม”
“เปล่าหน้าแดงซ่ะหน่อย หนีซิจะกลับไปกินคุ๊กกี้” ผมหลบให้หมอนั่นเดินผ่านตัวไป ในสมองเริ่มคิดแผนรังแกไอ้หมอนี่ โอ๊ย รอไม่ไหวแล้ว โหย แต่หนาวอ่ะยืนไม่มีเสื้อผ้าเนี่ย อึ๋ย หนาวโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย + +
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรบริหาร

โพสต์ 2011-3-28 22:39:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากนะครับ

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
6
Zenny
5
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-3-29 00:25:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
มาต่อไวๆน่ะคับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1161
Zenny
4802
ออนไลน์
103 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-3-31 00:12:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
69
Zenny
982
ออนไลน์
9 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-2 23:04:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด



[center]นิยามที่ 4 ไม่ต้องเกร็งนะอยู่ข้างๆผมไว้ และไอ้หื่น![/center]


“หง่ำๆๆ” อย่าเข้าใจผิดคิดว่าหมาที่ไหนแทะโซฟาอยู่นะครับ ความจริงแล้วมันคือเสียงผมที่กำลังสวาปามคุ๊กกี้ฝีมือแม่ของผมอยากจะบอกว่าอร่อยมาก ผมรีบสวามปามให้ลืมภาพไอ้เสาไฟฟ้าตอนที่แก้ผ้าออกจากหัว เวรกรรม คิดอีกแล้วแล้วจะลืมมั๊ยเนี่ย
“หนาวเนาะ” ไอ้เสาไฟฟ้าเดินมานั่งข้างๆโซฟาตัวใหญ่ของผม ตรงอื่นก็มีตั้งเยอะตั้งแยะไม่นั่ง จะมาเบียดหากระดูกแทะรึไง
“แล้วมานั่งอะไรตรงนี้” ผมนี่ก็ไม่รู้เป็นอะไรทำไมใจมันเต้นแรง โอ๊ยมันจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกแล้ว เกิดอะไรขึ้นเนี่ย &_&
“ก็มันหนาวอ่ะ” หนาวแกก็ไปใส่เสื้อผ้าซิมานั่งเป็น ปอเอเป รอโอะดอรด อะไรตรงนี้
“หาเสื้อให้ใส่มั่งดิ” ไอ้เสาไฟฟ้าเรียกหาเสื้อ เอิ๊กๆ ใครจะเอามาให้มันเล่าปล่อยให้มันหนาวตายตรงนี้แหล่ะ ก๊ากๆๆๆๆ (พระเอกเรื่องนี้มันบ้าไปแล้ว) ^ 0^
“ขอโทษนะ ผมไม่ชอบใส่เสื้อผ้ารวมกับใคร” โว๊ยซ่ะใจรับรองได้มีคนหนาวตายแน่ๆ
“หรอ” พอไอ้เสาไฟฟ้าพูดจบมันก็เอามือแข็งๆนั่นมากอดเอวผม แว๊ก ไอ้บ้าแกกล้าดียังไงมากอดเค้าเนี่ย เค้าอายนะตัวเอง เอ๊ย ไม่ใช่ ไอ้บ้า เอามือแกออกจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ ผมรีบเอามือแกะมือนุ่มๆแต่แรงเยอะเป็นบ้าของไอ้เสาไฟฟ้าออกแงะเท่าไหร่ก็ไม่ออกซักที (รู้ตัวรึเปล่าว่าเผลอชมเค้าว่ามือนุ่มหน่ะ) >>>>> = =* พูดเล่นเว้ย มือสากอย่างกับ อย่างกับ โว๊ย ช่างมันเถอะขี้เกียจเถียงไอ้วงเล็บนี่ แงๆ T_T
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
“ก็มันหนาวนี่”
“ก็ไปใส่เสื้อผ้าซิ” = =*
“มันมีให้ใส่รึเปล่าหล่ะ”
“รู้แล้วๆ เดี๋ยวไปเอามาให้”= =*
“ไม่เอาและ แบบนี้อุ่นกว่าใส่เสื้อผ้าอีก” >///< ไอ้เสาไฟฟ้าแกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ พูดอะไรเนี่ยไปแอบกระดกยาดองที่ไหนจนเมารึเปล่า แต่ยังไงก็ช่างแกรีบเอามือออกเดี๋ยวนี้นะ มัน...มัน...อึดอัด (ฮันแน่เขินอ่าเด้ เอิ๊กๆๆ)>>>>> _ _+
“จะบ้าไง ปล่อยนะโว๊ย ไอ้เสาไฟฟ้า” ผมพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกมาจากตัวไอ้เสาไฟฟ้านี่มันจะกอดผมให้ตัวผมเป็นแฝดสยามติดกับมันเลยรึไงเนี่ย
“ปล่อยทำไมอ่ะ อุ่นออก”
“ก็บอกให้ปล่อยไง” - -:
“ไม่ปล่อย”
“บอกให้...”
“แม่อาบน้ำเสร็จแล้วนะ ใครจะอาบต่อรึเปล่าจ๊ะ” ผมไม่ทันจะพูดจบแม่ก็ตะโกนออกมาทางหลังบ้าน ไอ้เสาไฟฟ้ารีบผละออกจาตัวผมทันที ขอบคุณครับแม่ ผมร๊ากกแม่ที่สู๊ดเลย
“เดี๋ยวรันอาบต่อครับแม่” ผมรีบลุกจากโซฟาแล้วเดินหนีออกห่างจากไอ้เสาไฟฟ้าตัวอันตราย ไม่รู้ว่าเชื้อโรคอะไรมั่งที่เข้ามาในตัวผมตอนที่ไอ้บ้านี่กอดผม สงสัยต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่แล้วมั้งเนี่ย ~ ~&
“นายรออยู่นี่แหล่ะ เดี๋ยวไปเอาเสื้อให้”
“ไม่เอาแล้วหล่ะ” ไอ้เสาไฟฟ้าตอบผม เรื่องมากจริง เดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา
“แล้วอย่ามาขอทีหลังแล้วกัน” ผมเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อไปหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องไป เรื่องมากนัก อย่าได้มาขออีกรอบเชียว พ่อจะเตะให้ขาดสองท่อนเลย ย๊ากแต่ตอนนี้ขอเข้าห้องน้ำก่อน ย๊ากกกกกก ข้าศึกบุกแล้ว



“เดี๋ยวก็รู้ว่าทำไมถึงไม่เอาเสื้อ” ก๊ากๆๆ ผมแอบพึมพำกับตัวเองเบาๆ ผมรู้สึกซ่ะใจกับปฏิกิริยาของไอ้หน้าแต๋วที่ทั้งหน้าแดง ทั้งแอบน่ารัก (ไอ้นี่ก็อีกคนเผลอชมศัตรูซ่ะงั้น) >>>> _ _* เออ
ผมเดินเข้าห้องของไอ้หน้าแต๋วโดยอาศัยมารยาทที่มีเหลืออยู่น้อยนิดเปิดประตูเข้าไป โอ้โห
*0* นี่มันห้องหรือเนี่ย ทำไมมันสะอาดขนาดนี้อ่ะ วุ้ย จริงอยู่ว่าห้องผมก็สะอาดแต่ที่ห้องผมสะอาดก็เพราะแม่บ้านของที่บ้านผม แต่นี่ หมอนี่ห้องเรียบร้อยกว่าแม่บ้านผมจัดอีก เอ๊ะ หรือว่า แม่หมอนั่นเป็นคนเก็บให้
“นั่นอะไร” ผมเห็นสมุดเล่มนึงโผล่พ้นกองหนังสือที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเหมือนกับว่าเป็นหนังสือที่ใช้บ่อยที่สุด (อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการ์ตูนแนวสอบสวนนะครับ มันก็นิยายเกย์เนี่ยแหล่ะ)
ผมก็เลยต้องใช้มารายาทน้อยนิดที่เหลือตัดสินใจอย่างง่ายดายหยิบหนังสือนั่นจะเปิดอ่าน แต่
“มีกุญแจซ่ะด้วย” ใช่ มันมีกุญแจ ยิ่งมันลึกลับเท่าไหร่ผมก็ยิ่งอยากรู้มากเท่านั้นไม่แน่นะ ไอ้หน้าแต๋วอาจจะบันทึกรายชื่อบรรดาแฟนๆของหมอนั่นไว้ก็ได้ อุ๊ย ยิ่งคิดยิ่งอยากรู้
(ใครมีหนังสือเกี่ยวกับมารยาทมั่ง มาต้มให้พระเอกเรื่องนี้กินหน่อย) >>>>> รำคาญเว้ยไอ้วงเล็บบ้า = =*
ผมเริ่มสอดส่ายสายตามองหาไอ้กุญแจตัวปัญหาที่ทำให้ผมเจือกเรื่องของชาวบ้านไม่ได้ พยายามหาแล้วหาอีกก็หาไม่เจอ ผมเลยเอาหนังสือวางที่เดิมแบบเนียนๆเหมือนไม่เคยมีใครไปยุ่งกับมันมาก่อน แล้วผมก็เริ่มค้นหากญแจเจ้าปัญหานั่นอีกรอบ
“อยู่ไหนว่ะ”
“หาอะไรอยู่”
“หากุญแจอ่ะเด้”
“เอาไปทำอะไรหล่ะ”
“แล้วมายุ่งอะไรเนี่ย เอ๊ะ  แต่ว่า... เสียงนี้” จ๊าก ว๊าก ย๊าก ไอ้หน้าแต๋วออกมาจากห้องน้ำตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วนี่ผมหลุดปากบอกอะไรไปมั่งรึเปล่าเนี่ย แต่ไอ้หน้าแต๋วคงจะไม่รู้เรื่องหรอกมั้ง แล้วผมจะแก้ตัวยังไงดี
“หากุญแจอะไร” ไอ้หน้าแต๋วส่งสายตาพิฆาตมาทางผม อย่ามองอย่างนั้นได้มั้ย นี่มันจะมากินตับผมรึเปล่าเนี่ย ~ ~
“อ๋อ กุญแจรถมอไซค์ไง” ผมรีบตอบเลี่ยงไปเป็นหากุญแจของมอเตอร์ไซค์คันโปรดของผม แหม มันนี่ช่วยผมได้ทุกเรื่องจริงๆ
“แล้วไป”
“ฟู่ว์” ไม่ใช่เสียงใครอื่น ผมเองแหล่ะ รู้สึกโล่งใจเลยเผลอเป่าปากออกมา ไอ้หน้าแต๋วก็ทำหน้าสงสัยแต่ก็เดินไปยังตู้เสื้อผ้า ผมเลยพึ่งได้สังเกตว่าไอ้หมอนี่มันเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนข้างในห้องน้ำทั้งๆที่มีห้อง สงสัยจะขี้อายซ่ะด้วย แบบนี้ต้องแย้ เอ๊ย แหย่ ซักหน่อยแว้ว
“ไปอาบน้ำนานจัง คิดถึงแทบแย่” ผมเอาแขนไปกอดเอวไอ้หน้าแต๋ว ไอ้หน้าแต๋วไม่ดิ้นแต่ตัวสั่น เอ๊ะ ทุกทีมันต้องผลักผมออกแล้วก็กระทืบๆ แถมด้วยศอก ตีด้วยเข่า อัปเปอร์คัท อีกที แล้วก็กระโดดขึ้นขอบเวทีแล้วกระโดดเอาศอกมากระแทก (เว่อร์ไปและ ทำเป็นนักมวยปล้ำเชียว) >>>>>คนอ่านจะได้สงสารไง เรียกคะแนนความสงสาร ป่านนี้คนอ่านคงเกลียดไอ้หน้าแต๋ว แล้วแน่นอน ก๊ากๆๆๆๆ (เค้าจะเกลียดแกน่ะซิ)>>>>>แว๊กไม่จริง ใช่ป่ะท่านผู้อ่านที่ร๊ากกกก จุ๊ฟๆ ^3^ ไอ้หน้าแต๋วยังคงยืนตัวสั่นลมหายใจรุนแรง มันเป็นอะไรของมันเนี่ย ของขึ้นรึเปล่าว่ะ
“หุ...หู..อ๊อ..ออกไป” ไอ้หน้าแต๋วพูดอะไรไม่รู้ตะขิดตะขัดผมเลยเอาหน้าเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมอีก และแล้วหมอนั่นก็ทรุดตัวนั่งลงไปกับพื้นเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง โอ้ว โน้ว นี่ผมคงไม่ได้ทำให้มันเป็นโรคหัวใจกำเริบหรอกนะ ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ผมมันหล่อเกินไปแบบนี้แหล่ะไปหาหมอหลายที่แล้วเค้าบอกช่วยไม่ได้จริงๆ เฮ้อ กลุ้ม (หลงตัวเองชะมัด)>>>>ว่าใครว่ะ _ _*
“เฮ้ย นายเป็นอะไร ผมรีบนั่งลงจะพยุงไอ้หน้าแต๋วลุกขึ้นยืนแต่หมอนั่นดันหน้าผมออก
“ลมหายใจของนายเอาออกไปไกลๆหูผมนะ” กรรมไอ้เราก็นึกว่าหลงความหล่อเราจนจะเป็นลมซ่ะอีกที่แท้เป็นพวกไวต่อความรู้สึกนี่น่า แบบนี้จังซี่มันต้องถอน ผมเอาปากกดที่ติ่งหูของไอ้หน้าแต๋วมันตอนที่มันเผลอ หวานแหะ ไอ้หน้าแต๋วหน้าแดง ลมหายใจหอบเหมือนคนหายใจไม่สะดวก ตาปรือเหมือนคนกำลังง่วงนอน มองผมด้วยสายตาน่าสงสาร แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้ผม เอ่อ ผม แว๊ก แย๊ก อ๊าก โน้ว ผมรีบวิ่งออกมานอกห้องพยายามทำสมาธิ ยุบหนอ พองหนอ เอ๊ย ยุบอย่างเดียวพอ ไอ้นี่ก็มาทำพ่อมันขายหน้าได้ไงเนี่ย ไม่เอาๆ เค้าไม่ใช่ของเรา ท่องไว้เค้าไม่ใช่ของเรา แล้วจะท่องอะไรก่อนดี ระหว่างยุบหนอ กับไม่ใช่ของเรา งั้นท่องมันสองอย่างนี่แหล่ะ ประหยัดเวลาดี

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
3214
Zenny
12585
ออนไลน์
453 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-8-3 15:30:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ยาวมากๆเลยน่ะ
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2011-8-29 00:18:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกดีครับ
รอตอนต่อไปคับ
ชินกับการถูกลืมแต่กลับไม่เคยลืมว่าเคยรักมึง

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
753
Zenny
8855
ออนไลน์
113 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-8-29 21:32:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกดีครับ
รออ่านต่ออยู่
เสียตัวไม่เป็นไร ..... อย่าเสียใจก็เป็นพอ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
2621
Zenny
10139
ออนไลน์
431 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-11-26 19:31:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกม๊ากมาก รีบๆมาต่อน๊

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1800
Zenny
11699
ออนไลน์
267 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-3-2 00:09:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดีครับๆ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
31948
Zenny
4759
ออนไลน์
3070 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-1 14:06:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-25 07:39 , Processed in 0.154117 second(s), 31 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้