กินทุเรียนให้เปี่ยมสุข (ไร้กังวล) ทำไงล่ะ
หลายคนชอบกินทุเรียน แต่หลายคนไม่ชอบ บ้างก็ว่ากลิ่นเหม็น กลัวอ้วน ดังนั้นคนที่จะให้คำตอบในเรื่องนี้คงหนีไม่พ้น นพ.กฤษดา ศิราม พุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
http://sin.stb.s-msn.com/i/F8/EC8F1B8252CA82B5EABC1AC96B7EB8.jpg
นพ.กฤษดา บอกว่า ในเนื้อเหลืองอวบของทุเรียน ประกอบด้วย 3 อย่างหลัก คือ 1.แป้ง จากเนื้อเหลืองแน่นที่กินแล้วหวานมันอร่อยลิ้น 2.ไขมัน มีปนมาอยู่บ้างซึ่งมากกว่าพืชทั่วไป แต่การมีไขมันนี้ทำให้ทุเรียนมีวิตามินอีเยอะ 3.วิตามินแร่ธาตุและกำมะถัน หรือซัลเฟอร์ โดยกำมะถันตัวนี้เองคือตัวร้อน เป็นผู้ร้ายที่ทำให้เกิดอาการร้อนในและกลิ่นไร้เทียมทาน
สรรพคุณของทุเรียน มีดังนี้ 1.ช่วยฆ่าเชื้อ จากกำมะถันในเนื้อเป็น เสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ 2.ช่วย เผาผลาญ จากความร้อนของกำมะถัน และน้ำตาลในเนื้อ 3.ช่วยระบาย จากกากที่เป็นเส้นใยยุ่บยั่บในเนื้อ
นอกจากนี้ทุเรียนยังมีฤทธิ์ไล่พยาธิได้ ด้วยกำมะถันที่รุ่มร้อนทำให้ลำไส้ไม่เป็นบ้านแสนสุขของพยาธิอีกต่อไป อีกทั้งกากใยในเนื้อที่ช่วยขัดล้างลำไส้ด้วย
ส่วนที่หลายคนสงสัยกันว่า จะกินได้มากน้อยแค่ไหนใน 1 วันหรือ 1 สัปดาห์นั้น นพ.กฤษดา บอกว่า ทุเรียนแค่พูย่อม ๆ ประมาณ 1 ขีด ให้พลังงานพอ ๆ กับกินข้าวสวยถ้วยย่อม ๆ หรือราว 150 กิโลแคลอรี ดังนั้นถ้าจะกินก็ยึดหลักไว้ไม่เกินวันละ 1 พู และใน 1 สัปดาห์ไม่ควรกินเกิน 2 พู โดยเฉพาะในรายที่ไม่ออกกำลังกาย แต่ถ้าออกกำลังกายเป็นประจำก็อาจกินได้มากกว่านั้น
ทั้งนี้ทุเรียนสุก มีน้ำตาลหวานฉ่ำอยู่แล้ว ทำให้เกิดร้อนในและอ้วนได้ การกินให้ดีคือให้จำกัดปริมาณและขออย่ากินแบบ เพิ่มหวาน นั่นคือทำน้ำกะทิ ส่วนทุเรียนกวนนั้นก็ทานได้แต่สู้กินสดไม่ได้เพราะไม่มีกากไฟเบอร์เหลืออยู่มาก แถมเวลากวนก็ต้องผสมน้ำตาลลงไปอีกส่วนหนึ่งด้วย
ใครที่ไม่ควรกินทุเรียน? นพ.กฤษดา บอกว่า 1.คนเป็นเบาหวาน น้ำตาลและแป้งในทุเรียนจะทำให้น้ำตาลขึ้นกระฉูด 2.นักกีฬากำลังจะลงแข่ง เพราะจะทำให้เหมือนกับแบกถุงข้าวสารลงแข่งด้วย 3.คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เพราะทุเรียนมีความร้อนอาจทำให้อาการกำเริบขึ้นมา 4.เด็กเล็กและทารก เพราะกำมะถันอาจทำให้เกิดร้อนในลำไส้แปรปรวนได้ และ 5.ผู้สูงวัย กินได้แต่อย่าให้อิ่มแปร้นัก เพราะมันจะทำให้เหนื่อยง่ายไม่สดชื่นได้
แล้วใครที่ควรกินทุเรียน? นพ.กฤษดา บอกว่า ทุเรียนเป็น ราชาแห่งผลไม้ ที่จริงแล้วกินได้ทุกเพศวัย โดยอาจแบ่งตามวัยได้ดังนี้ 1.วัยรุ่น กินทุเรียนได้ดีเพราะมีธาตุอาหารให้พลังงานเยอะทั้ง 3 อย่างที่กล่าวไป 2.วัยผู้ใหญ่ กินได้แต่อย่ากินแล้วนอนเลยเพราะจะได้ความอืดมาแทนที่ ต้องมีวิธีกินแล้วตั้งกฎว่าจะออกกำลังกายต่อ ไม่อย่างนั้นได้มีโอกาสนอนพุงหลามคาหนามทุเรียนแน่ และ 3.ผู้สูงวัย ทุเรียนเนื้อสวยช่วยระบายท้องได้ดี เพราะมีกากใยสำคัญที่ปัดกวาดเศษซากอาหารในช่องท้องได้
ปัจจุบันเห็นมีการนำทุเรียนมาตำส้มตำ หรือทอด? นพ.กฤษดา กล่าวว่า บางอย่างก็ดีช่วยให้น้ำตาลไม่มากแต่บางอย่างก็น่าทำให้อ้วนหนัก เช่น ทุเรียนดิบ เนื้อแข็งขาวมีแป้งเยอะมาก อย่างทุเรียนทอดนั้นเป็นแหล่งอุดมของธาตุเค็มและแป้งกินแล้วอ้วนไม่แพ้มันฝรั่งทอด แต่ถ้านำมาตำส้มนั้นก็ยังพอทำเนาเพราะมีแอนตี้ออกซิแดนท์จากผัก มะเขือเทศและถั่วฝักยาวมาช่วยบวกลบกลบหนี้กันอยู่บ้าง
ท้ายนี้ขอแนะนำเคล็ดในการกินทุเรียนให้เปี่ยมสุข คือ 1.เลือกทุกเรียนห่ามจะดีเพราะมีน้ำตาลน้อย แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็กินทุเรียนสุก เนื่องจากงานวิจัยพบว่า ทุเรียนมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อเคอซิทิน ซึ่งเป็นตัวเดียวกับในหอมใหญ่และองุ่น ทั้งนี้พลังต้านอนุมูลอิสระของทุเรียนสุกจะมีมากกว่า มังคุด ลิ้นจี่ ฝรั่ง มะม่วง ตามลำดับ 2.ถ้าจะกินเพื่อสุขภาพก็ให้กินได้ครั้งละไม่เกิน 2 พูต่อสัปดาห์ และถ้ามื้อไหนกินทุเรียน ก็ไม่ต้องกินข้าวมาก 3.ถ้ากินทุเรียนน้ำกะทิ ขอให้อย่าใส่ข้าวเหนียวเยอะน้ำตาลแยะเพราะจะเพิ่มร้อนในหนัก 4.ขอให้กินทุเรียนกับผลไม้เนื้อเย็นน้ำเยอะ เช่น มังคุด ลองกอง แตงโมเพราะจะช่วยดับร้อนได้ดี และ 5.อย่ากินทุเรียนร่วมกับเหล้า แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะจะทำให้ยิ่งร้อนจัดขาดน้ำและช็อกได้เนื่องจากกำมะถันในทุเรียนละลายได้ดีในแอลกอฮอล์
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]