น้ำ กับ ความสมดุลในร่างกายเรา
การที่เราต้องดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ นั่นเพราะน้ำจะช่วยควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกาย และยังมีของแถมคือ ช่วยลดการสะสม
ของเสีย
http://sin.stb.s-msn.com/i/CD/8D671D8925FC3897611DF0B93F4.jpg
ซึ่งหากวันใดคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจก่อให้เกิดความเหนื่อยล้าและน้ำในร่างกายก็จะค่อยๆ สูญเสียไป จนอาจส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของของเหลวในร่างกาย
นอกจากนี้ ความเครียดทางจิตใจ การรับปนระทานยามากเกินพอดี หรือการทานแต่อาหารสำเร็จรูปในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายต้องการน้ำมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากไม่มีการเติมน้ำให้ร่างกายอย่างเหมาะสมและเพียงพอ บรรดาของเสียที่เรานำเข้าไปก็จะยิ่งตกค้างอยู่ในร่างกายและเกิดปัญหาใหญ่ซับซ้อนตามมา ซึ่งท้ายที่สุดการสะสมของของเสียในร่างกายเป็นเวลานานและต่อเนื่อง ก็จะเป็นทางด่วนช่วยเร่งให้เกิดกระบวนการแก่ชราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือคุณอาจแก่ก่อนวัยนั้นเอง
หากจะให้จัดแจงว่า น้ำสามารถรักษาสมดุลให้กับอวัยวะใดบ้างแก่ร่างกายของคนเรา คงต้องตั้งใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเพื่ออ่านตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ถ้าจะยกให้น้ำเป็นพระเอกโดยมีบทบาทที่โดดเด่นในเรื่องการรักษาสมดุล คงต้องยกให้กับหัวข้อดังต่อไปนี้
-น้ำกับระบบหายใจ
ในแต่ละวันเราอาจต้องสูญเสียน้ำโดยไม่รู้ตัวจากการหายใจออกราว 400 ซีซี นั่นเพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญในการหายใจ โดยหายใจแต่ละครั้ง ร่างกายจะนำออกซิเจนเข้าไปในปอด แต่ขณะเดียวกันก็จะไล่คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากปอด ดังนั้น จึงจำเป็นมากที่ปอดจะต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
-น้ำกับไต
น้ำสามารถป้องกันอาการไตวายได้ โดยไตมีหน้าที่ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย เช่น ขับกรดยูริค ยูเรีย และกรดแลคติค ซึ่งสามารถละลายได้ในน้ำ ถ้าร่างกายของคุณมีน้ำผ่านไตไม่เพียงพอ ของเสียเหล่าดังกล่าวก็จะถูกขับออกมาไม่หมด เป็นผลทำให้ไตต้องทำงานหนักและเผาผลาญไขมันได้น้อยลง ร่างกายจึงมีการสะสมของเสียอยู่เสมอๆ จนกระทั่งเกิดเป็นโรคไตพิการหรือไตวาย
-น้ำกับสมอง
แม้ว่า สมองของคนเราจะมีน้ำหนักเพียงร้อยละ 2 ของน้ำหนักตัว แต่น้ำก็เป็นส่วนประกอบหลักของสมองด้วยปริมาณที่มากรองจากเลือด โดยในเนื้อสมองมีน้ำมากถึงร้อยละ 85 ซึ่งถ้าสมองขาดน้ำ ก็จะทำให้ความสามารถทางสมองลดต่ำลง ความคิดเฉื่อยชาลง การสั่งการของส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้สมองก็จะช้าลงไป จนส่งผลให้เกิดอาการเครียดทางจิตใจที่จะต้องตามมาติดๆ
-น้ำกับดวงตา
น้ำในดวงตา เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ ตา เพราะในสภาวะปรกติ น้ำตา มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ช่วยให้มองเห็นภาพอย่างชัดเจน โดยปรับสภาพของกระจกตาให้แสงผ่านได้ นำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงกระจกตา รวมถึงเป็นด่านในการป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอม ดังนั้น หากน้ำตามีความผิดปรกติไป หรือคุณดื่มน้ำน้อยเกินไปก็อาจมีผลต่อดวงตา โดยเฉพาะกระจกตาด้วยเช่นกัน
น้ำตาประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ส่วนคือ
-ไขมัน ทำหน้าที่ป้องกันการระเหยของน้ำตา
-น้ำ ทำหน้าที่นำสารอาหารไปเลี้ยงที่กระจกตา
-เมือก ช่วยให้น้ำตาสามารถเคลือบอยู่บนผิวกระจกตาได้นาน ซึ่งคุณสมบัติของสารเมือกที่สำคัญ คือ โซเดียมไฮยาลูโรเนต ซึ่งหากมีความผิดปรกติใดเกิดที่ชั้นน้ำตาก็จะส่งผลให้เกิดอาการตาแห้งได้
-น้ำกับระบบย่อยอาหาร
น้ำมีส่วนช่วยในระบบย่อยอาหารของทุกระดับ ถ้าขาดน้ำ การย่อยในทางเดินอาหารจะไม่สมบูรณ์ เพราะน้ำและเอ็นไซม์จะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้ามีน้ำไม่เพียงพอ
น้ำจะช่วยในการแตกตัวของอาหารให้ดียิ่งขึ้นและทำให้สามารถซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาการท้องผูกส่วนมากนั้นเป็นเพราะขาดน้ำเรื้อรัง ถ้าเราดื่มน้ำเพิ่มและรับประทานอาหารที่มีกากใย อาการท้องผูกก็จะหายไป นอกจากนี้ การดื่มน้ำมากๆ ยังช่วยบรรเทาอาการกระเพาะอักเสบ ลำไส้อักเสบ ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เนื่องจากน้ำดื่มจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนชื่อ โมติลิน ซึ่งจะช่วยทำให้ลำไส้ทำงานได้ดี และที่สำคัญน้ำยังสามารถละลายสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ใหญ่ให้ออกมาพร้อมกับอุจจาระ ส่งผลให้ระบบขับถ่ายดี และอาการริดสีดวงก็สามารถทุเลาลง
-น้ำกับรูปร่าง
น้ำมีผลต่อการลดน้ำหนัก เนื่องจากน้ำเป็นสารอาหารที่ไม่มีแคลอรี่ จึงมีบทบาทในการลดน้ำหนักการ โดยถ้าคุณดื่มน้ำในปริมาณที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติราว 2-3 แก้ว คือดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ ก็จะช่วยลดความอยากอาหาร เมื่อรับประทานอาหารลดลง ร่างกาย็จำเป็นต้องเผาผลาญไขมันที่เก็บไว้แทน
-น้ำกับการล้างสารพิษ
น้ำช่วยในการเผาผลาญอาหาร ถ้าขาดน้ำการเผาผลาญอาหารเพื่อให้เกิดพลังงานก็ไม่สามารถทำได้ เพราะน้ำเป็นตัวกลางในทุกปฏิกิริยาเคมีในร่างกายและยังเป็นตัวทำละลายที่ดี จึงสามารถพาสารอาหาร ฮอร์โมน ออกซิเจน ฯลฯ ไปยังเซลล์ต่างๆ ผ่านทางเลือดและน้ำเหลืองออกได้
-น้ำกับการนำเซลล์ไปทั่วร่างกาย
น้ำเป็นตัวนำพาสารอาหาร สารอาหารทุกชนิดที่เรารับประทานเข้าไปจะสามารถทำละลายได้ต้องมีน้ำเป็นตัวกลาง โดยสารอาหารจะถูกลำเลียงส่งดูดซึมให้ไหลเวียนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อนำไปสร้างพลังงานให้กับเซลล์ที่อยู่ภายในส่วนต่างๆ ของร่างกาย และก็เป็นน้ำอีกเช่นกันที่ทำหน้าที่ลำเลียงของเสียซึ่งถูกกำจัดออกจากร่างกาย
-น้ำกับข้อต่อ
น้ำเป็นส่วนช่วยหล่อลื่นข้อต่อต่างๆ โดยบริเวณข้อต่อคือ ปลายกระดูกที่ต่อกันเกิดเป็นข้อต่อ เช่น ข้อต่อกระดูกไขสันหลัง ซึ่งถ้ามีน้ำไม่เพียงพอ ข้อต่อจะขยับได้ยาก ถ้าน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อมีมากเพียงพอก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกทำให้การเสียดสีกันมีน้อยมาก และอันตรายจากการถลอกตรงกระดูกอ่อนก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น น้ำจึงลดความเสี่ยงของอาการปวดข้อต่างๆ
ทั้งนี้ การปวดข้อต่อก็เป็นส่วนหนึ่งของภาวะขาดน้ำในบริเวณจุดเชื่อมต่อของกระดูก 2 ชิ้น สำหรับสาเหตุของอาการดังกล่าวคือ โดยปกติแล้วบริเวณส่วนปลายกระดูกทั้ง 2 ชิ้น ในข้อต่อจะมีโครงสร้างป้องกันพิเศษที่เรียกว่า กระดูกอ่อน ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นน้ำมากกว่ากระดูกธรรมดาที่มีความแข็งมากกว่า น้ำในกระดูกอ่อนจะทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่น และช่วยให้ปลายกระดูกที่เชื่อมกันทั้ง 2 ปลาย สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ระหว่างการเคลื่อนไหว เซลล์กระดูกอ่อนบางส่วนจะตายและถูกขจัดออกไป เซลที่ตายเหล่านี้จะถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่ แต่ถ้าในกระดูกอ่อนมีน้ำมีน้อยเกินไป ความสามารถในการหล่อลื่นจะลดลง ส่งผลให้เซลล์ตายมากขึ้น อาการปวดข้อจึงเป็นผลจากการที่มีจำนวนเซลล์ที่ตายแล้วมากว่าจำนวนเซลล์ที่กำลังถูกสร้างขึ้น
-น้ำกับผิวพรรณ
นอกจากน้ำจะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีแล้ว ยังสามารถชะลอความเหี่ยวย่นของผิวหนังได้อีกด้วย เพราะร่างกายประกอบด้วยน้ำถึง 70% โดยในเซลล์มีน้ำ 70% และในดีเอ็นเอก็มีน้ำอีกเช่นกัน ถ้าวันใดร่างกายเกิดขาดน้ำขึ้นมา ปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายจะเสียสมดุล ยิ่งขาดน้ำเรื้อรังด้วยแล้วจะทำให้ผิวหนังแห้งเหี่ยวย่น ส่งผลให้ความต้านทานโรคต่ำลงด้วย
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน
ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info
หน้า:
[1]