tekung โพสต์ 2012-5-22 22:20:31

ใครว่าใหญ่แล้วดี (1) : ไอ้ม้า

ใครว่าใหญ่แล้วดี (1) : ไอ้ม้า
เขียนโดย หนึ่ง
ผมได้อ่านประสบการณ์ของคนอื่นมามากแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเล่าว่าเคของตัวเอง (หรือของคู่ขาในเรื่อง) ยาว 7 นิ้วบ้าง 8 นิ้วบ้าง บอกจริงๆผมว่าโม้เป็นส่วนใหญ่ เพราะของคนไทยโดยเฉลี่ยแล้วราว 5 นิ้วเท่านั้นเอง อะไรจะมี 7-8 นิ้วได้มากมายขนาดนั้น

และอีกอย่าง คนที่ว่าใหญ่ๆยาวๆนั้นที่จริงแล้วไม่มีความสุขหรอกครับ มันทรมานมากกว่า อย่างเช่นชีวิตของผมนี่ไง เพราะความที่เคใหญ่จึงทำให้ผมต้องกลายมาเป็นเกย์ ซึ่งถ้าผมเลือกได้หรือย้อนเวลาไปได้ ผมอยากขอมีเคเล็กๆ (หมายถึงขนาดปกติ ไม่ต้องเล็กมาก) แล้วเป็นผู้ชายปกติธรรมดาดีกว่า

จำได้ว่าตอนเด็กๆนั้น (ราว 8-9 ขวบ) เจ้าน้องชายประจำตัวของผมก็ไม่ได้ใหญ่กว่าของคนอื่นหรอกครับ เพราะเคยแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนๆแถวบ้าน (บ้านผมอยู่ติดคลอง) อยู่บ่อยๆ ทั้งตอนที่มันสงบและตอนที่มันตื่นตัว แต่พออายุได้ราว 10 ขวบสิครับ เวลามันตื่นตัวก็ชักจะเริ่มใหญ่โตผิดเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็ยังไม่เท่าไรเพราะเวลาเล่นน้ำในคลองนั้นเล่นเป็นกลุ่ม มีเด็กที่โตกว่าผมก็มี ของผมก็ไปใหญ่ราวเด็กอายุ 12-13

แต่พอผมเริ่มเป็นหนุ่ม อายุได้สัก 12 เจ้าน้องชายของผมมันก็ยาวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก คงจะประมาณ 5-6 นิ้วได้มั้งครับ เพราะตอนนั้นยังเป็นเด็ก ไม่เคยสนใจไปวัดดูหรอก แต่ก็ยาวผิดเพื่อนๆเยอะแล้วล่ะ แถมน้องชายยังอ้วนใหญ่อีกต่างหาก เวลาว่ายน้ำแล้วแข็งตัวทีไรมันจะชี้โด่เป็นลำเลย ในขณะที่เพื่อนๆแข็งแล้วก็ยังไม่ใหญ่กันเท่าไร เพื่อนๆก็เลยชอบล้อเลียนผมกัน ว่ายาวใหญ่เหมือนของม้า แล้วผมก็ได้ฉายา “ไอ้ม้า”

เพื่อนๆคงคิดว่าผมจะภูมิใจในความใหญ่ของตัวเอง แต่ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ เพราะเวลาถูกเรียกว่า “ไอ้ม้า” นั้นมันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย จำได้ว่าผมได้ฉายานี้ตอน ม. 2 หลังจากที่ได้ฉายานี้มาจากคลองหลังบ้าน มันก็เริ่มแพร่เข้ามาในโรงเรียนเพราะเพื่อนที่ร่วมเล่นน้ำด้วยกันนั้นบางคนก็อยู่โรงเรียนเดียวกับผม แต่หลังจากที่ผมได้ฉายานี้ผมก็เลยไม่แก้ผ้าเล่นน้ำที่คลองหลังบ้านอีก หากจะเล่นก็จะนุ่งผ้าขาวม้าหรือใส่กางเกงใน เพราะโตแล้วก็เริ่มมีความอาย อีกทั้งขนเพชรก็เริ่มขึ้นแล้วด้วย ขืนปล่อยให้เพื่อนเห็นมันก็ต้องเอาไปล้ออีก

ยิ่งตอนขึ้นชั้น ม. 3 ในแต่ละปีนักเรียนจะถูกคละห้องเรียนใหม่ เจ้าเพื่อนในห้อง ม.2 เดิมบางคนก็ได้ไปอยู่ร่วมห้องกับผมในชั้น ม.3 ด้วย มันก็เรียกผมว่าไอ้ม้าๆ พวกเพื่อนใหม่ในชั้น ม.3 ก็มักจะถามหาที่มาว่าทำไมถึงชื่อไอ้ม้า ไอ้เพื่อนมันก็จะบอกว่า “ไปถามไอ้ม้ามันดูเองสิ” ส่วนใหญ่ผมก็จะยิ้มๆ ไม่ยอมตอบ แต่ไปๆมาๆเจ้าเพื่อนมันคันปากก็เลยแย้มๆออกไปว่า “บางอย่างมันใหญ่เหมือนม้าว่ะ เลยได้ชื่อนี้” แค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร คราวนี้ผมเลยกลายเป็นตัวตลกประจำห้องเลย โดนล้อเลียนเรื่องนี้เป็นประจำ บางคนก็บอกว่าจะขอยืมไปทำเสาธงบ้าง อะไรบ้าง ทั้งๆที่ไม่มีใครเคยเห็นเคของผมจริงๆเลยนอกจากเพื่อนที่เคยเล่นน้ำคลองด้วยกันเพียงไม่กี่คน

เพราว่าโดนล้อเลียนบ่อยๆ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่าการมีเคใหญ่ผิดเพื่อนๆนั้นมันเป็นปมด้อย ไม่เคยรู้สึกภูมิใจเลยครับ ยิ่งใครต่อใครพยายามขอดู บางทีก็แอบดูเวลาผมฉี่ในห้องน้ำ (ที่จริงตอนไม่แข็งก็ไม่ได้ใหญ่กว่าของคนอื่นเท่าไรนักหรอก) ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามีปมด้อยมากขึ้น

ตอนผมอยู่ ม.5 ผมได้เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อก้อย (ผู้ชายนะครับ โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชายล้วน) เพิ่งคบกันตอน ม. 5 เอง แต่ก้อยนิสัยดีมาก ไม่เคยล้อผมว่า “ไอ้ม้า” เลย แต่จะเรียกผมว่า “หนึ่ง” ซึ่งเป็นชื่อเล่นจริงๆของผมเสมอ ก้อยบอกว่าไม่ชอบล้อเลียนคนอื่น มันไม่ดี นี่เองที่ทำให้ผมสนิทกับก้อยมากขึ้นเรื่อยๆ

อยู่มาวันหนึ่ง พวกเพื่อนๆในห้องคุยกันเรื่องเที่ยวซ่อง มีเพื่อนในห้องบางคนไปเที่ยวแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง คุยแล้วก็เคแข็งเด่ไปตามๆกัน ตอนนั้นผมอายุย่าง 16 แล้ว เคยาวเกือบๆ 8 นิ้ว ใหญ่ราว 8 นิ้ว ใหญ่กว่าตอนอยู่ ม.3 อีก (แต่ไม่เคยมีใครเห็น) ของผมพอแข็งแล้วก็จะตุงเป็นลำในกางเกง มองเห็นได้ชัดเลย ผมเลยต้องนั่งซุกตัวอยู่ในโต๊ะเรียนขณะคุย แต่ก็สังเกตว่าก้อยเหลือบมองมาที่เป้ากางเกงของผมบ่อยๆ...

วันนั้นพวกเรา (มีอยู่ 5 คน) ตกลงใจว่าจะไปเที่ยวซ่องกัน โดยมีคนที่เคยไปมาแล้วอาสาพาพวกเราไปขึ้นครูที่ซ่องในเมือง ผมตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศเลย ไม่เคยแม้แต่จะช่วยตัวเองเพราะทำไม่เป็น อาศัยฝันเปียกเอาเป็นประจำ ผมก็ถามเพื่อนๆไปว่าเข้าไปแล้วจะเอาผู้หญิงยังไง เพื่อนมันก็บอกว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาเขาก็สอนให้เองนั่นแหละ

จำได้ว่าตอนที่ผมเที่ยวซ่องครั้งแรกนั้นตื่นเต้นมาก ผมเลือกได้สาวอายุราว 19 ปีคนหนึ่ง หน้าตาดีทีเดียว แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องของตัว...

ในห้องเปิดไฟสลัวๆ คู่นอนของผมเห็นผมนั่งเซ่ออยู่บนเตียงก็ถามผมว่าจะมานั่งเล่นเหรอ (ถามแบบน่ารักนะครับ) ผมก็บอกว่านี่เป็นครั้งแรก ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เธอก็บอกว่างั้นจะสอนให้ ว่าแล้วเธอก็ถอดเสื้อของผมออก จากนั้นก็ถอดกางเกง แล้วก็กางเกงใน

พอกางเกงในหลุดจากเอวเท่านั้นแหละครับ เคของผมก็ผงาดลำ 8 นิ้วขึ้นมาทันทีเพราะผมเองตอนนั้นเกิดอารมณ์เต็มที่แล้วตั้งแต่เธอเริ่มถอดเสื้อผ้าให้ แต่พอเธอเห็นเคของผมเท่านั้นแหละครับ เธอร้องอุ๊ยออกมาเบาๆ หน้าเสียเลย จากนั้นเธอก็บอกผมว่าของผมใหญ่มาก เธอรับไม่ไหว กลัวเครื่องพัง จากนั้นก็ขอร้องให้ผมเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทน แถมยังบอกอีกว่าอย่าเลือกคนอายุน้อยๆ เพราะคงไม่กล้ารับอีกเหมือนกัน ให้เลือกสาวที่อายุมากหน่อยเพราะผ่านผู้ชายมาเยอะแล้ว คงพอรับไหว

พอผมได้ยินอย่างนั้นเข้าก็หมดอารมณ์ทันที เพราะรู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างมากที่โดนผู้หญิงปฏิเสธ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนสัตว์ประหลาดที่ผิดมนุษย์ ผมเลยแต่งตัวแล้วกลับบ้านทันทีโดยไม่ยอมเปลี่ยนคนใหม่ ไม่ขอเงินคืนด้วยเพราะว่าอายแม่เล้า ทั้งอายทั้งเจ็บใจครับ

วันรุ่งขึ้น เจ้าเพื่อนที่ไปเที่ยวซ่องด้วยกันก็เอามาคุยฟุ้งในห้องถึงรสสวาทที่ได้รับมาจากซ่อง มีแต่ผมเท่านั้นที่นั่งหน้าบูดอยู่เพราะอารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อคืน นอกจากความอับอายแล้วผมยังรู้สึกหงุดหงิดอีกด้วยเพราะความต้องการไม่ได้ระบายออก (ก็อย่างที่บอก ตอนนั้นยังช่วยตัวเองไม่เป็นเลยครับ) เพื่อนมันก็แซวว่าสงสัยผู้หญิงที่นอนกับผมต้องไปพักฟื้นแน่เลยเพราะเครื่องพัง ผมฟังแล้วยิ่งโมโหเลยเดินหนีออกจากกลุ่มไป ทิ้งให้ทุกคนงงในพฤติกรรมของผม ใครมาถามผมก็ไม่ตอบ เอาแต่เงียบลูกเดียว เพราะปกติผมก็เป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว...

เย็นวันนั้น หลังเลิกเรียน ทุกคนออกจากห้องกันไปหมดแล้ว เหลือผมเป็นคนสุดท้าย นั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ก็เห็นก้อยย้อนกลับเข้ามาในห้อง

“เฮ้ย หนึ่ง ทำไมยังไม่กลับวะ” ก้อยทัก

เงียบ ผมไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร

“นายหนึ่ง ทำไมวันนี้หน้าตาไม่ดีเอาเลย เมื่อคืนไปเที่ยวมาน่าจะมีความสุขนะ” ก้อยพูดต่อ ถึงก้อยไม่ได้ไปด้วยแต่ก้อยก็นั่งฟังเจ้าเพื่อนกลุ่มนั้นคุยมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว

“เฮ้ย หนึ่ง เป็นอะไรไปวะ ปล่อยให้เราพูดคนเดียวอยู่ได้”

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบ แต่หนึ่งไม่เชื่อ

“เฮ่ย มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังได้นะ เผื่อว่านายจะสบายใจขึ้นบ้าง” ก้อยพยายามปลอบใจผม แต่ผมก็ยังไม่ยอมเล่าอยู่ดี เรื่องน่าอายแบบนี้จะเล่าได้ยังไง แม้ว่าก้อยจะป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดก็ตาม

“เอา ไม่เล่าก็ไม่เล่าวะ เอายังงี้ นายอย่าเพิ่งกลับบ้านเลย ไปเที่ยวบ้านเราไหม เผื่อจะสบายใจขึ้น”

เมื่อก้อยเปลี่ยนเรื่องพูด ผมรู้สึกขอบคุณก้อยในใจที่ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี และหวังที่จะช่วยผมโดยไม่คิดสอดรู้สอดเห็น ผมก็เลยตอบตกลงว่าจะไปเที่ยวบ้านก้อย

บ้านของก้อยอยู่ในอำเภอซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของคนที่มีฐานะดี เป็นบ้านขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ตกแต่งดี น่าอยู่ ดูก็รู้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะ ต่างจากบ้านของผมที่เป็นครอบครัวชาวสวนอยู่ที่กิ่งอำเภอ

ก้อยพาผมไปไหว้พ่อแม่ของเขา จากนั้นก็เลี้ยงน้ำและขนมผม แล้วพาผมขึ้นไปที่ห้องนอนของก้อย ห้องนอนนอนของก้อยขนาดกะทัดรัด จัดอย่างเรียบร้อย ดูน่าอยู่ ผิดกับห้องของผมที่รกรุงรัง ก้อยเอาเทปเพลงมาให้ผมเลือกเพื่อจะเปิดให้ผมฟัง พลางก็อวดเครื่องเสียงชุดเก่งที่ก้อยภูมิใจมาก ครับ ก้อยเป็นคนชอบฟังเพลงมากทีเดียว รวมทั้งยังหลงใหลเครื่องเสียงอีกด้วย

ก้อยชวนผมคุยนั่นคุยนี่โดยไม่ถามถึงเรื่องที่ผมหน้าบูดตลอดวันอีกเลย จนผมรู้สึกเกรงใจในความดีของก้อย หลังจากนั้นมาผมก็รู้สึกว่าสนิทกับก้อยมากขึ้นกว่าเดิม และมักไปนั่งฟังเพลงจากเครื่องเสียงชุดเก่งของก้อยบ่อยๆ

asian_g โพสต์ 2014-7-21 02:44:18

ขอบคุณครับ{:5_119:}

ivyinvo โพสต์ 2015-3-6 01:01:51

ชอบบบบบ

sshheeeepp โพสต์ 2015-3-7 23:54:49

แจ่ม ๆ {:5_117:}

sunshineyo โพสต์ 2015-3-10 20:33:39

ขอบคุณ

Intra โพสต์ 2015-3-10 21:37:36

ขอบคุณครับ

Nick_dbb โพสต์ 2015-3-10 22:09:58

รอตอนต่อไปนะคับ

tiessium โพสต์ 2015-3-11 12:07:17

ขอบคุณครับ

longkhong โพสต์ 2015-3-11 14:12:31

ขอบคุณครับ

apinna โพสต์ 2015-3-11 14:49:30

ขอบคุณ

robmaung โพสต์ 2015-3-12 21:26:22

ขอบคุณมากๆ ครับ

freezz โพสต์ 2016-2-23 21:30:47

เพิ่งได้อ่าน น่าติดตามมากเลยคับ

Boybonte โพสต์ 2016-5-6 16:17:06

ขอบคุรนครับ

lee001.1 โพสต์ 2016-5-6 21:59:10

ขอบคุณ

yaiwong โพสต์ 2016-5-6 22:11:35

เสียวมากเลยครับ

bear2506 โพสต์ 2016-5-6 22:26:06

ขอบคุณ​ครับ​

Deer651 โพสต์ 2016-6-11 15:26:26

ขอบคุณ

gvdryotn โพสต์ 2016-6-15 09:52:44

ขอบคุณมาก

mydragon123 โพสต์ 2016-12-26 12:45:39

ยินดีด้วยครับ
ครบ 10,000 พอดี
ตอนนี้ ยังไม่ได้อ่าน
ว่างจะมาอ่านครับ
ขอบคุณครับ

Zeroxxx โพสต์ 2016-12-26 12:57:02

ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2 3 4 5
ดูในรูปแบบกติ: ใครว่าใหญ่แล้วดี (1) : ไอ้ม้า