จังหวะของหัวใจ เร็วไป ช้าไป ไม่น่าจะดี
จังหวะของหัวใจ เร็วไป ช้าไป ไม่น่าจะดี
by Samitivejhospitals ,“อยู่ๆ ใจก็ตึ๊ก ตั๊ก ก็เพราะเธอนั้นน่ารัก…” คุณบี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว ร้องเพลงนี้ได้อย่างสนุกสนานมากเลยทีเดียว ถ้าคุณปิ๊งใครอยู่แล้วใจเต้น ตึ๊ก ตั๊ก ก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าอยู่ดีๆ หัวใจเต้น ตึ๊ก ตั๊ก เวียนหัวจะเป็นลมละก็ ต้องอ่านตรงนี้ดีๆ ค่ะหน้าร้อน เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยเพราะจะได้ หยุดพักไปเที่ยวให้เพลิดเพลินใจในบรรยากาศ ที่อบอวลด้วยแสงสีที่สดใส แต่ในความสดใสนั้นก็ตามมาด้วยความร้อนที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกปีๆ จนไม่สบายกันไป ไอเกิล ได้รับเกียรติจากคุณหมออรพิน ชวาลย์กุล หรือคุณหมอพิน อายุรเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและระบบไฟฟ้าของหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท อธิบายถึงโรคหัวใจใกล้ตัวที่เราอาจนึกไม่ถึงนั่นคือ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะhttp://www.aiglemag.com/home/wp-content/uploads/2012/04/feature.jpg“โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ Cardiac Arrhythmia เป็นโรคที่มีมานานแล้ว โดยปกติหัวใจเราจะเต้น ประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที แต่ถ้าออกกำลังกาย หรือ ตื่นเต้นตกใจ อาจเต้นเร็วขึ้นบ้างนิดหน่อย ถ้าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติจริงๆ แล้ว จะมีอาการใจสั่น มึนงง เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลมหมดสติไปได้ ทั้งในกรณีที่หัวใจเต้นเร็วเเละเต้นช้า ซึ่งอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็น อัมพฤกษ์อัมพาต ในกรณีหัวใจเต้นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) หรือหัวใจวายซึ่งจะอันตรายและยากต่อการรักษาให้ผู้ป่วยมีสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีได้เหมือนเดิม”คุณหมอพินบอกว่าอาการต่างๆ เหล่านี้เกิดได้จากทั้งปัจจัยภายในเเละภายนอกร่างกาย จะขอกล่าวถึงปัจจัยภายในร่างกายของเราก่อน อาทิ• ความเสื่อมตามวัยหรือ degenerative change• เกลือเเร่ในร่างกายขาดความสมดุล (electrolyte imbalance)• รูปร่างหัวใจผิดปกติ (Structural Heart Disease) ซึ่งประกอบไปด้วยหัวใจพิการเเต่กำเนิด,กล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ, กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ฯลฯ• โรคไหลตาย (Brugada Syndrome)• ฮอร์โมนในไทรอยด์ต่ำหรือสูงจนเป็นพิษปัจจัยภายในเหล่านี้ อาจมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ได้ในบางกรณี ส่วนสาเหตุภายนอกก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น ความร้อนของอากาศ ความเครียด ทำงานหนักเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ นอกจากนี้ โรคบางโรคที่ไม่ใช่สาเหตุหลักเเต่เป็นเพียงทางอ้อม ที่อาจนำไปสู่โรคของระบบไฟ้ฟ้าหัวใจคือ ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะนี้สามารถตรวจ หาความผิดปกติเบื้องต้นได้จากการตรวจกราฟหัวใจ หรือ ที่เรารูจักกันดีว่า EKG หรือ ECG (Electrocardiography) ซึ่งจะบอกได้คร่าวๆ ว่า หัวใจของเราเต้นปกติไหม “ตามปกติแล้ว หมอก็แนะนำทุกคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไปให้ตรวจสุขภาพประจำปีอยู่แล้ว ซึ่ง ECG ส่วนใหญ่จะเป็นหนึ่งในรายการที่ต้องตรวจ แต่ถ้าหากหัวใจไม่ได้เต้นผิดจังหวะในช่วงที่ตรวจด้วยเครื่อง ECG ก็อาจตรวจไม่พบ ดังนั้นคนที่เริ่มมีอาการใจสั่น หน้ามืด เป็นลม มึนงง หรือวิงเวียน ควรเข้ามารับการตรวจ เพื่อหาสาเหตุ เช่น เจาะเลือด นอกจากนี้ยังมีการตรวจที่ละเอียดกว่า ECG นั่นก็คือการติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง(Holter Monitor) เพื่อดูความผิดปกติของกราฟหัวใจให้ชัดเจน”http://www.aiglemag.com/home/wp-content/uploads/2012/04/feature21.jpgการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดปกตินี้ ต้องดูจากสาเหตุ และความรุนแรงของโรค เช่น“ในรายที่เกิดจากไทรอยด์ฮอร์โมนตํ่า หรือเป็นพิษ หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ถ้ารักษาอาการต้นเหตุนี้หายแล้ว อาจป้องกันไม่ให่เกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ส่วนคนไข้ที่เป็นโรคนี้จากสาเหตุอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้น ถ้าไม่มีอาการรุนแรงมากนักอาจจะรักษาด้วยการรับประทานยา ซึ่งต้องมีการติดตามรักษา และปรับยาไปเรื่อยๆ คือต้องมาโรงพยาบาลเป็นประจำ อาจจะทำให้หลายคนหมดกำลังใจ”คุณหมอพินคงเห็นทีมงานหงอยลงไปทันทีเลยรีบเสริมทันทีว่า “แต่เดี๋ยวนี้มีการรักษาที่สามารถทำให้ชีวิตปกติสุขได้หลายวิธีเช่น การจี้ด้วยไฟฟ้า สำหรับคนที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ จะได้ไม่ต้องมาพบเเพทย์บ่อยๆ และรับประทานยาประจำ” การจี้ด้วยไฟฟ้า หรือ Radiofrequency Ablation ซึ่งเหมาะสำหรับการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดเร็ว “วิธีการรักษาด้วยการจี้ไฟฟ้านี้ จะต้องมีการตรวจที่เรียกว่า Electrophysiology Study ซึ่งเป็นการศึกษาระบบไฟฟ้าในหัวใจและต้องทำในห้อง Cath Lab เพื่อจะหาสาเหตุของการเต้นผิดปกติว่ามาจากส่วนไหนของหัวใจให้แน่ชัดก่อน แล้วจึงจะทำการจี้ไฟฟ้าที่บริเวณนั้น”พอได้ฟังวิธีการ ทีมงานก็จะเริ่มหน้าหุบ แต่คุณหมอพินอธิบายซะจนเรารู้สึกสบายอกสบายใจขึ้นมาทันที “การรักษาโดยการจี้ไฟฟ้า หรือ Radiofrequency Ablation นี้หลังจากตรวจพบว่าส่วนใดของหัวใจที่มีปัญหาแล้ว เราก็จะทำการสอดสายที่ใช้ในการจี้กระแสไฟฟ้าขึ้นไปโดยใส่ผ่านบริเวณขาหนีบข้างขวา คือพบความผิดปกติด้านใดก็สอดลวดที่เส้นเลือดแดงหรือดำข้างที่จะไปถึงส่วนที่ผิดปกติ จะเป็นการทำหัตถการแบบ minimal invasive Procedure ซึ่งหลังการรักษา ใช้เวลาพักฟื้นใน รพ.หนึ่งคืนเท่านั้น วิธีนี้คนไข้ก็ไม่ต้องกังวลกับการลดยาหรือเพิ่มยาอีกต่อไป”นั่นเป็นเรื่องของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดเร็ว เเต่ในบางรายโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดเร็วเพราะดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่หรือ ทานยาบางชนิด คุณหมอพินแนะนำให้ลดๆ เพลาๆ หรือ เลิกไปเลยก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว สำหรับโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดช้านั้นอาจมีสาเหตุจากความเสื่อมของระบบการนำกระเเสไฟฟ้าหัวใจ “การรักษาคนไข้ที่โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดช้านั้น ในปัจจุบันเครื่องกระตุ้นหัวใจรุ่นใหม่ๆ ที่มีขนาดเล็กลงมาก และสามารถฝังไว้ในตัวคนไข้ได้เลย จะทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม”คุณหมอพินอธิบายต่อไปว่าการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบถาวร หรือ Permanent Pacemaker นั้น เป็นการผ่าตัดแบบ minimally invasive surgery เหมือนกัน โดยผ่าตัดเปิดเเผลที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายแล้วสอดเส้นลวดเข้าไปทางเส้นเลือดดำที่เข้าไปถึงหัวใจ ตัวสายนี้จะนำมาต่อเข้ากับตัวเครื่อง Permanent Pacemaker ซึ่งมีความกว้างยาวประมาณ 0.5-3 เซนติเมตร นั้นจะถูกฝังไว้ที่หน้าอกด้านซ้าย ดังนั้นคนไข้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปค่ะ เครื่อง Permanent Pacemaker จะทำงานโดยคอยกระตุ้นให้หัวใจทำงานเป็นปกติ เครื่องทำงานโดยใช้แบตเตอรี่ซึ่งมีอายุการทำงานตั้งแต่ 5-10 ปี เรียกได้ว่าใส่จนลืมกันไปเลย และถ้าแบตเตอรี่หมด ก็มาเปลี่ยนโดยผ่าออกเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างง่ายๆ พูดถึงต้องมีผ่าตัด ต่อให้ผ่าตัดแบบ minimally invasive ก็เถอะ ใครๆ ฟังแล้วก็อดหน้าเบ้ไม่ได้ แถมยังมาทำที่หัวใจอีก จะไม่น่ากลัวได้อย่างไร“สมัยนี้การผ่าตัดแบบนี้ บางครั้งเพียงแค่ฉีดยาชาเฉพาะที่ก็ทำได้แล้วถ้าต้องฉีดยาสลบ จะเป็นแบบให้อ่อนให้หลับพอสบายๆ และต่อให้เป็นผู้สูงอายุที่ต้องมาผ่าตัดจะเป็นการใส่เครื่อง หรือ เปลี่ยนแบตเตอรี่ก็ตาม เท่าที่ผ่านมาcomplication ถือว่าพบน้อยมาก ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะจะเป็นผู้สูงอายุอยู่เเล้ว”ใครที่ไม่มีอาการก็โชคดีไปแต่ถ้ามีอาการคุณหมอพินจะพยายามตรวจหาสาเหตุให้ และรักษาให้จนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติที่สุดเเต่ถึงแม้จะมียาชนิดเลิศ เครื่องทันสมัยใหม่แค่ไหนก็ตาม แต่คนไข้ควรดูแลตนเอง เพื่อช่วยบรรเทาอาการด้วย คุณหมอยํ้ามาว่าเหล้า บุหรี่ และยาบางชนิด ตลอดจนความเครียดถือเป็นสาเหตุบั่นทอนความปกติของหัวใจเพราะฉะนั้นเลี่ยง หรือ งดไปเลยจะเป็นการป้องกันการเสื่อมของหัวใจ โถ…แค่ตึ๊กตั๊ก ตอนเจอคนถูกใจก็พอแล้ว อย่าตึ๊กตั๊กแบบป่วยเลย ไม่สนุกจริงๆ นะคะhttp://www.aiglemag.com/home/wp-content/uploads/2012/04/feature_d.jpgแพทย์หญิง อรพิน ชวาลย์กุล
อายุรเเพทย์ทั่วไปและอายุรเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและระบบไฟฟ้าของหัวใจ
(Internal Medicine, Cardiologist and Electrophysiologist) โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิทคุณหมอคนเก่งของไอเกิลฉบับนี้คือ แพทย์หญิง อรพิน ชวาลย์กุลค่ะ หรือ คุณหมอพินค่ะ คุณหมอสมเป็นหมอรักษาหัวใจจริงๆ นะคะ เพราะจะดูเป็นคนสงบๆ ท่าทางบอกว่าต้องมือเบามากๆ เลยล่ะค่ะ คุณหมอพินเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรเเพทย์ทั่วไปและอายุรเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและได้รับการศึกษาเพิ่มเติมด้านการรักษาระบบไฟฟ้าของหัวใจ (Electrophysiologist) โดยเฉพาะเลยล่ะคะ คุณหมอพินอยากให้ท่านผู้อ่านไอเกิลที่รักทุกท่านรักษาหัวใจของตัวเองให้ดี คุณหมอบอกว่า primary prevention คือ การป้องกันเบื้องต้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ ก้อหัวใจของเราทำงานตลอดเวลาไม่มีวันหยุดเลย ถนอมกันไว้บ้างจะดีนะคะ ง่ายๆ ก็คือ ออกกำลังกาย (อีกแล้ว) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่เครียด คุณหมอบอกว่าวิธีของคุณหมอ คือ นอกจากออกกำลังกายแล้ว คุณหมอชอบท่องเที่ยวและอ่านหนังสือธรรมะค่ะ จะไปดริ้งค์ หรืออะไรนอกลู่นอกทางก็ลองไปขอยืมหนังสือ คุณหมอมาอ่านนะคะ อาจจะทำให้ใจเย็นแบบคุณหมอได้ค่ะ ขอบคุณมากครับ
หน้า:
[1]