airline โพสต์ 2011-1-29 00:54:24

บาปรัก

บาปรัก….ตอนที่ 1ความเป็นหนุ่มของผมช้ามากอายุเกือบจะเบญจเพศแล้วยังไม่เคยเสียตัวให้กับใครเลย ทั้งที่ร่างกายของผมก็ปกติดีทุกอย่าง ออกจะสมส่วนด้วยซ้ำ สาว ๆ บางคนมองผมจนเหลียวหลังก็มีมกราคม 2539 ผมมีโอกาสลาพักร้อน 1 สัปดาห์ผมวางแผนที่จะไปเที่ยวยังภูกระดึง ความที่เป็นคนเงียบ ๆ และสันโดด การไปเที่ยวครั้งนี้ผมจึงไม่ปริปากให้เพื่อนๆ ร่วมงานได้รับรู้เลย ไม่แน่ใจถ้าเอ่ยปากชวนจะมีใครไปด้วยกับผมหรือเปล่าก็ไม่รู้เลยไม่ชวนดีกว่าผมขับรถออกจากกรุงเทพประมาณหกโมงเช้า ถึงเมืองเลยประมาณ หนึ่งทุ่มเห็นจะได้ผมเข้าพักที่โรงแรมภูหลวงเพื่อเตรียมตัวขึ้นภูกระดึงในวันรุ่งขึ้น เมืองเลยเป็นเมืองเล็ก ๆ ในหุบเขา รู้สึกถนนนกแก้วเป็นถนนเส้นเดียวที่มีสินค้ามากหน่อยนอกนั้นก็กระจัดกระจาย ขับรถออกมานอกเมืองมาไม่กี่นาทีก็มืดสนิดไม่ค่อยมีคนอาจเป็นเพราะอากาศค่อนข้างเย็นก็เป็นได้ผมตื่นขึ้นมาประมาณตีห้ามองออกไปนอกหน้าต่างยังมืดสนิดเหมือนเดิมผมรีบอาบน้ำแต่งตัวและเก็บสัมภาระต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวขึ้นขึ้นภูกระดึงผมขับรถผ่าสายหมอกของเมืองเลยไปยังอำเภอภูกระดึงทันที สองข้างทางมองไม่เห็นอะไรเลยทั้งที่เจ็ดโมงเช้าแล้วมีแสงไปจากรถยนต์ที่วิ่งสวนไปมา เพราะหมอกลงจัดมากนั่นเองผมถึงเชิงภูกระดึงประมาณเจ็ดโมงกว่า ๆ ผมไปฝากรถกับเจ้าหน้าที่และจองที่พักพร้อมกับจ้างเขาแบกสัมภาระที่จำเป็นขึ้นไปก่อนผมเริ่มเดินไปเรื่อย ๆ และเดินชมธรรมชาติและถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ แบบไม่เร่งรีบ จนมาถึงถึงซัมแฮ็ก ซึ่งเป็นที่พักจุดแรกในการเดินขึ้นภูกระดึงซึ่งก็แฮ็กสมชื่อ เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ผมสังเกตมีแม่ค้านั่งขายมะขามป้องและน้ำดื่มซึ่งคงเป็นหญิงชาวบ้านสองคนนั่งขายอยู่ข้างทาง ผมหาที่นั่งพักเหนื่อยได้สักครู่พลันสายตาผมก็ไปเจอเข้ากับเด็กหนุ่มอายุประมาณ 17 นุ่งกางเกงเดินป่าขาสั้นสีครีมกับเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ๊ดลายสก็อต นั่งนวดข้อเท้าตัวเองอยู่ด้วยหน้าตาที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด จริงอย่างที่ผมคิดเด็กหนุ่มคนนั้นข้อเท้าแพลงแน่นอน พลันเด็กหนุ่มคนนั้นก็เงยหน้าแล้วมองมาทางผมพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ผมหันหน้าหันหลังมองหาคนว่าเขายิ้มให้ใครแต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากแม่ค้าขายมะขามป้อมและเครื่องดื่มที่นั่งอยู่ไกลออกไป ผมหันกลับไปยังเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วก็ยิ้มตอบกลับไปและก็ไม่ได้สนใจอีกเลยสักครู่เด็กหนุ่มคนนั้นก็มานั่งข้าง ๆ ผมเมื่อไรไม่รู้“ขอโทษครับพี่”“มีอะไรหรือครับ”“พี่พอจะมียาหม่องมั้ยครับหรือยานวดมั้ยครับ ผมเดินพลาดหกล้มข้อเท้าแพลง”ผมก้มมองดูที่ข้อเท้าเด็กหนุ่มข้างที่ปวดเนื่องจากเป็นเด็กผิวขาวจึงเห็นเป็นรอยแดง ๆ ชัดเจนมาก“สงสัยกล้ามเนื้อฉีกด้วยนะดูเป็นทางยาวตามน่องนี่”“ครับพี่ปวดมากเลย”“ผมมีแต่ยาหม่องนะคงจะใช้ได้”ผมล้วงลงไปในเป้ใบเล็กที่สะพายหลังมาหยิบยาหม่องให้กับเด็กหนุ่มทันทีผมเห็นท่าทางแล้วคงไม่ได้เรื่องเพราะเด็กหนุ่มทางเพียงเบา ๆ เท่านั้นเองคงจะปวดมากนั่นเอง“ทาเบา ๆ อย่างนั้นมันไม่คลายกล้ามเนื้อหรอกครับต้องนวดแรง ๆ ”“มันปวดมากเลยครับพี่”“มาเดียวผมนวดให้ครับ เออ…แล้วเพื่อน ๆ ไปไหนละครับถึงอยู่คนเดียว”ผมถามเด็กหนุ่มพร้อมกับทายาหม่องลงไปที่น่อง“ผมมาคนเดียวครับ โอ้ย”“ขอโทษ…เจ็บมากเหรอครับมันต้องนวดแรง ๆ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ”“ครับ”“ทนอีกนิดนะเดี๋ยวกล้ามเนื้อก็คลายแล้วก็จะไม่ค่อยปวด”“ขอบคุณพี่มากครับรู้สึกร้อน ๆ และค่อยยังชั่วแล้วครับ”เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ผม“ผมเอ้ครับ มาจากขอนแก่น”“ผมชื่อต๊ะครับมาจากกรุงเทพ”“ผมขอเรียกว่าพี่ต๊ะนะครับ”“ได้ครับ”“พี่ต๊ะมาคนเดียวหรือครับผมเห็นพี่นั่งอยู่คนเดียว”“ครับ….พี่หนีเขามา”“พี่หนีใครมาหรือครับ”เอ้ถามขึ้นด้วยใบหน้าตื่น ๆ “หนีน้ำท่วมครับ”เพราะปีนั้นเป็นปีอะไรไม่รู้กรุงเทพน้ำท่วมอย่างหนัก ที่ไม่เคยท่วมก็ท่วม ส่วนที่เคยท่วมกลายเป็นทะเลไปเลย“ฮ่า ฮ่า พี่เล่นมุกก็ไม่บอก”“หัวเร๊าะได้แสดงว่าหายเจ็บแล้วซิ”“ยังจี้ด ๆ อยู่เลยครับ”“แล้วนี่เอ้จะทำยังไงครับจะไปต่อหรือถอยกลับ”

airline โพสต์ 2011-1-29 00:57:39

บาปรัก…..ตอนที่ 2
“ผมอยากจะไปต่อครับ แต่กลัวไปไม่ถึงยอดภูกระดึงครับ และนี่เป็นครั้งแรกของผมด้วยถ้าพลาดครั้งนี้คงอีกนานทีเดียวกว่าจะออกมาได้ กว่าจะขอพ่อแม่ออกมาได้ต้องยกแม่น้ำทั้งประเทศมาอ้าง และยังโกหกอีกว่ามากับเพื่อน ๆ ”
“แล้วเป็นไงละครับผลของการโกหก”
“เข็ดจนตาย บาปตามทันตาเห็นเลยครับ”
“งั้นถ้าจะขึ้นต่อพอไหวมั้ยเดียวพี่จะค่อยพยุงไป ไม่อยากให้เสียความตั้งใจ”
“ลำบากพี่เปล่า ๆ ครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่เองก็จะได้มีเพื่อนคุยด้วย เดินไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก”
“ขอบคุณครับพี่ต๊ะ”
เอ้พูดจบก็ยกมือไหว้ผมอีกครั้งเห็นสีหน้าของเอ้ดูสดชื่นขึ้น และดีใจจนออกนอกหน้า
“ไม่ต้องยกมือไหว้แล้วครับขี้เกียจรับไหว้”
ผมให้เอ้เอามือข้างซ้ายเกาะมาที่ไหล่ผมแล้วค่อยพยุงตัวลุกขึ้นอย่างช้า ๆ จุดมุ่งหมายของเราคือยอดภูกระดึง
“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”
“ดีขึ้นมากเลยครับ”
ความสูงของเราสองคนใกล้เคียงกันซึ่งผมสูง 175 ซม.ส่วนเอ้เตี้ยกว่าผมประมาณ 5 ซม.เห็นจะได้ ผมชำเลืองดูเอ้เดินกระเผลก ๆ เหมือนเด็กเพิ่งหัดเดิน แล้วนึกขำอยู่ในใจ ว่าเราทำไมต้องอาสาช่วยเด็กคนนี้ด้วย
เราเดินคุยกันไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบเพราะกลัวเอ้จะเจ็บ จึงรู้ว่าเอ้เรียนอยู่ ม.5 โรงเรียนประจำจังหวัดสอบเทียบ ม.6 ได้จึงหยุดเรียนออกมาอ่านหนังสือและติวเข้มเพื่อเตรียมสอบเอ็นทราน เพราะพ่ออยากให้เรียนวิศวะจึงติวเข้มเป็นพิเศษ และขอมาเที่ยวครั้งนี้เพื่อเป็นการคลายเครียส
เราถึงสำนักงานของภูกระดึงประมาณหนึ่งทุ่มผมรีบติดต่อขอที่พักที่ได้จองไว้ตั้งแต่ข้างล่างทันที
“เอ้ พักที่เต๊นไหนละเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ผมยังไม่ได้จองเลยครับพี่”
“อ้าว…….แล้วนี่จะนอนที่ไหนครับเขาให้จองที่พักข้างล่างโน่น”
“เหรอครับผมไม่รู้นี่ครับแล้วนี่จะทำยังไงดีครับนี่ก็มืดแล้วผมทำอะไรไม่ถูกเลย”
“เอาอย่างนี้แล้วกันคืนนี้พักกับพี่เพราะเต๊นพี่นอนได้สองคนพอดี”
“ขอบคุณครับพี่”
เอ้พูดพร้อมกับยกมือไหว้ผมอีกครั้ง
“ไม่ต้องไหว้บ่อยนักหรอกขี้เกียจรับไหว้ เดี๋ยวก็ปล่อยทิ้งตรงนี้เลย”
คงเป็นเพราะช่วงเวลาหลายชั่วโมงที่เราเดินคุยมารู้สึกเอ้จะเป็นคนสนุกสนานจึงทำให้ผมกล้าที่จะพูดเล่นกับเอ้อย่างสนิดสนม แล้วผมก็พยุงเอ้เดินไปที่เต๊นที่จองไว้
ถึงเต๊นซึ่งเป็นลักษณะใช้ผ้าใบกางคลุมง่าย ๆ เป็นรูปหน้าจั่วสามเหลี่ยม สูงประมาณ 1 เมตร กว้างประมาณ เมตรครึ่ง ซึ่งขนาดสองคนนอนพอดี เรียงเป็นแถวห่างกันพอประมาณ โดยมีหมายเลขสีขาวเขียนไว้ที่หลังคาเต็น โครงด้านในเป็นเหล็กฉากที่ใช้สำหรับทำชั้นวางของ ข้างในเต๊นไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นไม้ยกพื้นสูงประมาณ 5 เซนติเมตรที่วางเรียงไว้ สำหรับรองนอนเพื่อไม่ให้เปียกน้ำเวลาฝนตก
ผมค่อย ๆ พาเอ้นั่งนี่พื้นไม้
“หิวมั้ยเอ้”
“พอพี่พูดก็เริ่มหิวเลยครับ”
“งั้นลืมที่พี่พูดเมื่อสักครู่นี้ซ๊ะ”
“แฮะ แฮะ ล้อเล่นนะครับไปกินข้าวที่ไหนครับนี่”
“”เอ้รออยู่ที่นี่นะเดี๋ยวพี่มา พี่จะไปดูว่ามีอะไรกินบ้าง”
“ขอบคุณครับ”
“อ้า….ไม่ต้องยกมือไหว้อีกนะ”
ผมพูดดักคอเอ้อย่างเป็นกันเอง
ผมเดินไปที่ร้านค้าซึ่งปลูกลักษณะเป็นเพิงหมาแหงนแต่ดูแน่นหนามีโต๊ะสำหรับนั่งกินข้าวอยู่ด้านหน้า ดูแล้วมีประมาร 5 – 6 ร้านขายของเบ็ดเตล็ดทั่วไปพร้อมทั้งมีอุปกรณ์จำเป็นบางอย่างให้เช่าด้วย เช่น เสื่อปูนอนผ้าห่ม ผมซื้อข้าวราดแรงมาสองจาน และขนมกินเล่นอีกสองสามอย่าง และน้ำดื่มสองขวดและก็เช่าผ้าห่มมาสี่ผืนสำหรับผมกับเอ้ ซึ่งทางร้านคิดผืนละสิบบาท คิดว่าคืนนี้คงหนาวแน่ ๆ และเสื่อสำหรับปูนอน 1 ผืน ผืนละ สิบบาทเช่นเดียวกัน
ผมเดินมาถึงเต็นเห็นเอ้นั่งรออยู่ที่เต็นเหมือนคนกำลังจะหลับ
“เอ้…เอ้”
“ครับพี่”
“ทานข้าวได้แล้วเดี๋ยวจะได้ทานยาแก้ปวด”
ผมยื่นจ้านข้าวให้เอ้ซึ่งเป็นข้าวราดผัดผักแบบง่าย ๆ พร้อมน้ำดื่มหนึ่งขวด
“ขอบคุณครับ…..พี่ต๊ะนี่รอบคอบจังเลยนะครับเตรียมพร้อมทุกอย่าง”
“ก่อนออกเดินทางเราต้องศึกษาสถานที่ที่เราจะไปและเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าเกิดอะไรฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้”
“แล้วพี่ต๊ะทานข้าวหรือยังครับ”
“ยังหรอกนี่ไงข้าวพี่ เอ้ทานก่อนนะเดี๋ยวพี่ก่อไปก่อน เปิดไฟฉายอย่างนี้เดี๋ยวถ่านหมด”
“ผมช่วยครับ”
“อย่าทำเป็นเก่งเลยน่า…….พี่ทำเองดีกว่าเอ้ทานข้าวไปเถอะ”
ผมเดินไปหาเศษไม้ใกล้ ๆ เต๊นเพื่อนำมาก่อไฟเพื่อให้แสงสว่างและเพิ่มความอบอุ่นเพราะอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ
ผมหาได้เศษไม้มาพอประมาณเริ่มจุดไปอย่างช้า ๆ เพราะอากาศชื้นจึงติดช้ามากต้องใช้น้ำมันช่วย ผมกำลังเป่าเพื่อให้ไฟติด เอ้ก็กำลังทานข้าวอย่างช้า ๆ
“พี่ต๊ะครับ”
“ฮือ”
ผมขานรับโดยไม่มองหน้าเพราะกำลังตั้งใจก่อไฟอยู่
“พี่ต๊ะมีแฟนหรือยังครับ”
ผมเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วหันไปทางเอ้
“ทำไมอยู่ ๆ ถึงถามขึ้นมา”
“ขอโทษครับ………พี่ไม่ตอบก็ได้ครับ”
เอ้กล่าวขอโทษอย่างรู้สึกว่าตัวเองผิด
“ยัง……” ผมเงยหน้ามองเอ้แล้วตอบเอ้ไป
“ทำไมละครับพี่ก็ออกจะหล่อ”
“อยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว อีกอย่างพี่เพิ่งเริ่มทำงานยังสนุกกับงานและอีกอย่างพี่ยังไม่พร้อมด้วย แต่พูดไป อยู่คนเดียวอย่างนี้ก็ดีนะไม่มีภาระ อีกอย่างการมีครอบครัวมันจะต้องมีปัจจัยอีกหลายอย่างมาประกอบกัน ไม่ใช่แต่งไปได้สักพักก็เล็กเป็นการสร้างปัญหาให้สังคมเปล่า ๆ ”
ผมร่ายยาวให้เอ้ฟังจากใจจริง ๆ เพราะเรื่องแฟนหรือแต่งงานไม่เคยอยู่ในสมองผมเลย
“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วทานยาพาราสักสองเม็ดนะอยู่ในกระเป๋านั่นคืนนี้จะได้ไม่ปวด เดี๋ยวไปอาบน้ำ จะได้นอนหลับสบายเหงื่อชุ่มมาทั้งวัน”
“ครับ แล้วอาบน้ำที่ไหนครับ”
“ตรงโน้น” ผมชี้มือไปทางด้านซ้ายของเต๊น
“โอ้โฮตั้งไกลผมจะเดินถึงมั้ยเนี่ย”
“อะไรจะปานนั้นทีเดินขึ้นมาตั้งเป็นสิบกิโลยังเดินมาได้ นี่ไม่กี่เมตรเอง ไม่ต้องมองหน้าเดี๋ยวจะพาไป พี่ว่าเอ้กลัวหนาวมากกว่ามั้ง ถ้าไม่อาบน้ำก็นอนนอกเต๊นแล้วกันนะ”
“แฮะ ๆ มันเริ่มเย็น ๆ เข้ามาทุกทีแล้วนี่ครับ”
“ยิ่งดึกยิ่งหนาวนะจะบอกให้”
ผมค่อย ๆ พยุงเอ้เดินไปที่ห้องน้ำซึ่งไม่ไกลมากประมาณร้อยกว่าเมตรเห็นจะได้ ห้องน้ำมีทั้งอาบรวมกันและเป็นห้อง ๆ ประมาณ 7-8 ห้องข้างในมีถังน้ำซึ่งทำจากถังน้ำมันขนาดสองร้อยลิตร และขันพลาสติก 1 ใบ มองดูไม่มีคนเลย สงสัยจะซักแห้งกันเป็นส่วนมาก(คนที่ไม่อาบน้ำก่อนนอนมักจะถูกเรียกว่าซักแห้ง) แสงไฟขนาด40วัตต์ส่องสว่างอยู่ข้างนอกแต่ในห้องน้ำแต่ละห้องไม่มีไฟเลยคงจะพร้อมที่จะให้ทุกคนแก้ผ้าอาบมากกว่าเพราะการมาเที่ยวป่าสัมภาระน้อยชิ้นเท่าไรยิ่งดี
ผมจัดแจงกับเสื้อผ้าตัวเองจนเหลือผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายอยู่ ส่วนเอ้ค่อย ๆ ถอดออกทีละชิ้นอย่างเก้งก้างคงเพราะยังไม่หายเจ็บขานั่นเอง ผมจ้องมองหุ่นของเอ้อย่างพินิจผิวของเอ้เมื่อกระทบกับแสงไฟจึงขาวนวลน่าดู หุ่นเด็กอายุ17 ถึงแม้จะไม่มีกล้ามแต่ก็ดูดีหน้าท้องเรียบหัวนมเป็นสีชมพูรูปร่างของเอ้สมส่วนมาก ถึงแม้จะเป็นลูกคนจีนแต่ตาเอ้กลมโต ขนตารึ๊ก็งอนยาวคิ้วดกเข้ม ปากแดงได้รูป ผมตลึงกับรูปร่างของเอ้อยู่นาน
“พี่ต๊ะครับ พี่ต๊ะ”
ผมตื่นจากผวังเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเอ้
“มีอะไรเหรอ”
“ผมถอดกางเองไม่ได้ครับขามันตึงไปหมดเลย”

airline โพสต์ 2011-1-29 00:58:23

ฝากด้วยนะคับผม

backman โพสต์ 2011-1-29 09:47:50

โห..ชอบมากเรยคัฟ....ขอบคุณคัฟ...

backman โพสต์ 2011-1-29 09:50:07

มีต่ออีกเป่าคัฟ...

hotboys โพสต์ 2011-1-29 11:58:35

ขอบคุณครับ

000aaakkkeee000 โพสต์ 2011-1-29 17:41:49

ขอบคุณคร๊าฟฟฟ

ธรรม โพสต์ 2011-2-23 21:40:13

ชอบมากเลยครับ...ขอบคุณครับ...

fantar โพสต์ 2011-2-25 00:27:49

ขอบคุณครับ

cotomud โพสต์ 2011-2-25 21:38:42

สนุกมากเลย
มาต่ออีนะ

maimuang777 โพสต์ 2011-3-3 15:18:54

ขอบคุณครับ

luna_dragon โพสต์ 2011-3-3 19:06:15

.ขอบคุณคัฟ...มีต่ออีกเป่าครับ...

Athena โพสต์ 2011-3-4 13:05:43

ชอบครับ
ต่อไวๆนะครับ รออยู่ค๊าบ บ
:D:D:D

yuyusaku โพสต์ 2011-5-25 01:18:08

ต่อนะครับ อยากฟัง

kangped โพสต์ 2012-2-2 21:35:09

ขอบคุณครับ

birthday โพสต์ 2013-3-13 04:29:58


ขอบคุณมากครับ

wiput โพสต์ 2013-8-4 21:38:25

รออ่านนะครับผม

eg1 โพสต์ 2013-8-12 22:05:27

ขอบคุณครับ

auns โพสต์ 2013-9-12 21:53:24

ผมรอให้มาเขียนต่ออยู่นะครับ ชอบมากครับ

asa2518 โพสต์ 2014-8-11 21:00:32

สนุกครับ
หน้า: [1] 2 3 4 5
ดูในรูปแบบกติ: บาปรัก