++ จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ++ $ 1
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับ และขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกทีบทนำ
เคยไหมครับ...เมื่อคุณคิดถึงอดีตในวัยเรียน แล้วคุณก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณในตอนนั้น
เคยไหมครับ...เมื่อคุณได้รับรู้ถึงความจริงของเรื่องราวบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับคุณในวัยเรียน ซึ่งคุณเคยเข้าใจแบบหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และที่สำคัญ...คุณได้รับรู้ในเวลาคนคนนั้นได้จากคุณไปแล้วอย่างที่ไม่สามมารถกลับมาหาคุณได้อีก ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม
เช้าวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดงานตามปรกติของผม ( ผมทำงานพุธ-อาทิตย์ หยุดจันทร์-อังคาร) หลังจากทำกิจวัตรประจำวันช่วงเช้าเรียบร้อยแล้วผมก็อ่านหนังสือ ฟังเพลง พักผ่อนไปตามเรื่อง วันหยุดนี่ครับ ก็ต้องขอสบายซะหน่อย ปรกติผมก็อยู่บ้านพักผ่อนแบบนี้แหละครับ ยกเว้นช่วงที่มีงานเยอะ ผมก็ต้องหอบงานมาทำต่อที่บ้านบ้าง มีบางวันที่ผมอาจจะออกไปเดินซื้อหนังสือ หรือของใช้ต่างๆตามห้างสรรพสินค้าบ้างเป็นครั้งคราว
เหตุการณ์ต่างๆก็ปรกติครับ แต่พอช่วงบ่ายๆ ประมาณบ่ายโมงครึ่งของวันนั้น วันที่ ๑ เมษายนก็เกิดอาการแปลกๆขึ้นกับตัวผม หัวใจเต้นแรงผิดปรกติ หัวหมุนๆ แล้วก็ตามมาด้วยความรู้สึกคิดถึงใครบางคนอย่างรุนแรง ประมาณว่าต้องการจะพบคนคนนั้นให้ได้เดี๋ยวนั้นเลยแต่มันก็ทำไม่ได้ครับ เพราะคนที่ผมกำลังคิดถึง ผมไม่รู้เลยว่า เค้าอยู่ที่ไหน จะติดต่อได้อย่างไรจะโทรถามเพื่อนก็ลำบากครับ เพราะตอนนั้นบ้านผมยังไม่มีโทรศัพท์เลย ตู้โทรศัพท์ใกล้บ้านที่สุดก็ 2 ป้ายรถเมล์ผมก็เลยคิดว่า เดี๋ยววันพุธไปทำงานจะลองโทรศัพท์ถามข่าวของ ปอ จากเพื่อนๆบางคนดู
ครับ ปอ คือคนที่ผมรู้สึกคิดถึงอย่างมากในตอนนั้น เป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.๑ พอเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ผมรู้สึกคิดถึง ปอ อย่างมาก
๑ โรงเรียนใหม่-เพื่อนใหม่
ผมสอบเข้าเรียนชั้น ม.๑ ได้ในโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนวัด แต่ก็เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศเลยทีเดียว
โรงเรียนใหม่ทำให้ผมตื่นเต้นไม่น้อย จากชีวิตเด็กนักเรียนประถม ที่ต้องตื่นเรียนตรงเวลาแต่เช้าทุกวัน เพื่อรอรถรับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียน ตกเย็นก็นั่งรถโรงเรียนกลับบ้าน มาเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้น ที่ต้องตื่นไปโรงเรียนให้ทันเวลาเรียน ซึ่งไม่ค่อยจะตรงกันนักในแต่ละวัน เพราะตอนนั้นโรงเรียนของผมแบ่งนักเรียนออกเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนภาคบ่ายอย่างผมจะเข้าเรียนตอนบ่ายโมงหรอกนะครับ บางวัน ๙ โมงเช้า บางวันก็ ๑๑ โมง ก็เลยต้องรับผิดชอบตัวเองในเรื่องของเวลามากขึ้น
วันแรกๆของการเรียนก็วุ่นวายพอสมควรครับ ไหนจะเรื่องเวลาเรียนที่เปลี่ยนไป แล้วไหนจะเป็นเรื่องของห้องเรียนที่ต้องเปลี่ยนห้องเรียนทุกคาบอีก ตอนนั้นยังไม่มีห้องประจำครับ ต้องเดินเรียนตามห้องเรียนตามตึกต่างๆ อย่างห้อง ๓๒๗ ก็ต้องไปเรียนที่ตึก
๓ ชั้น ๒ ห้อง ๗พอผ่านไปหลายวันก็เริ่มคุ้นเคยกับระบบต่างๆมากขึ้น แล้วก็รู้จักเพื่อนๆในชั้นเรียนมากขึ้นด้วย เริ่มมีการจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มๆ ตามความสนิทสนม กลุ่มผมก็มีกันอยู่ ๗ คนครับ ในกลุ่มก็เป็นเด็กเรียนกันเป็นส่วนใหญ่ มีผมนี่แหละที่ออกจะแก่นๆกว่าใครในกลุ่ม ก็ไม่มอะีไรมากครับ ขี้เล่น ซุกซนไปวันๆตามภาษาเด็กที่ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคนเล็ก แต่ผมไม่เล่นกีฬาที่เป็นพวกใช้ลูกบอล อย่าง เตะบอลเนี่ย ผมไม่เล่นครับ เพราะผมมีปัญหาเรื่องสายตา ตาผม ๒ ข้างสั้นไม่เท่ากันครับ ตาขวา ๔๐๐ ในขณะที่ตาซ้ายปรกติทุกอย่าง ทำให้ผมมีปัญหาเรื่องการกะระยะและการทรงตัวในบางครั้ง
แต่ใครอย่ามาชวนผมเล่นพวก บอลลูน ตี่จับ โดดหนังยาง เป่ากบ ลูกข่าง ดีดลูกหิน ทอยกอง ทอยเหรียญ หรือหมากรุกนะครับ ผมเล่นหมด โดยเฉพาะหมากรุกนี่ ของชอบครับ เล่นกับพวกผู้ใหญ่แถวๆบ้านบ่อยๆ ดีดลูกหินนี่ผมเซียนเลยนะครับ มาเล่นกับผม ระวังโดนกินหมดกระเป๋า หุ หุ หุ
มีคนรักก็ต้องมีคนชัง มีมิตรก็ต้องมีศัตรู มีเพื่อนเล่นก็ต้องมีคนคอยแกล้ง มันคือสัจจะธรรม ( หรือเปล่าหว่า........ )
การแกล้งกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กอยู่แล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้ชายในโรงเรียนชายล้วน การกลั้นแกล้งเล็กๆน้อยๆ อย่างเอากระดาษที่เขียนว่า –เชิญเตะฟรี-มาแอบแปะที่หลังการตบหัวกันเล่น ขัดขากัน อะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้มันก็เรื่องปรกติสำหรับผมเหมือนกัน ที่ทั้งโดนด้วยตัวเองและทำกับคนอื่น....จะโดนอยูฝ่ายเดียวได้ยังไง จริงมั๊ยครับ หุ หุ หุ แต่จะมีอยู่กลุ่มหนึ่งครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธแค้นอะไรผมนักหนา แกล้งผมแบบที่ไม่มีเพื่อนคนไหนในชั้นเรียนทำขนาดนั้น ผมขอเรียกว่าขบวนมารเรนเจอร์แล้วกันครับ
ขบวนมารเรนเจอร์มีอยุ่ ๕ คนพอดี มี ศักดิ์ เป็นหัวหน้า ตามด้วย สิทธิ์ , สมชาย , ชัย๔ คนนี้ตัวสูงใหญ่กว่าผมครับ ผมสูงประมาณไหล่ของพวกนี้เอง คนสุดท้าย ปอ ครับ สูงพอๆกับผม ( ประมาณ ๑๖๐ มังครับตอนนั้น ) แต่ดูหนาๆกว่าหน่อยนึงพวกนี้จะไม่เรียกชื่อผมตรงๆหรอกครับ เรียก ไอ้ติ๋ม , ไอ้ตุ๊ด , ไอ้แห้ง, ไอ้เปียกปูน และอีกสารพัดชื่อแล้วแต่จะสรรหามาเรียก ทำไมผมถึงรู้ว่าสรรพนามพวกนี้หมายถึงผมน่ะเหรอครับ ก็แต่ละครั้งที่มาประชิดตัวผมน่ะสิครับ
ตัวอย่างพฤติกรรมของพวกนี้เล็กๆน้อยๆนะครับ……………
“ ไง ไอ้ติ๋ม การบ้านไม่เสร็จหรือไง มานั่งทำแต่เช้า”จบคำ มือ ศักดิ์ ก็ตบลงผมหัวผม ไม่ใช่เบาๆนะครับ หน้าคะมำแทบจูบสมุดที่กำลังทำงานอยู่เลยครับ……………
“ เฮ๊ย! ไอ้ตุ๊ด ไมตัวแห้งอย่างนี้วะ มาดูหน่อยเด๊ะว่ารอบเอวเท่าไร” ชัย พูดเสร็จคว้าตัวผมไปกอด ผมก็ดิ้นซิครับ ยิ่งดิ้นมันยิ่งรัด กว่าจะหลุดออกมาได้ ....... พอหลุดออกมาผมก็โกยสิครับ……………
“ อีดำไมเมิงตัวดำอย่างนี้วะ ไหนดูดิ ดำสนิทติดทนนานมะ”ว่าแล้ว สมชาย ก็เอามือมาหยิกแก้มผม เจ็บชมัด……………
“กลิ่นไรตุ่ยๆวะ” สิทธิ์ พูดขึ้นเมื่อเดินผ่านเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ “กลิ่นมาจากมึงแน่เลยไอ้เน่า ไหนมาพิสูจน์กลิ่นหน่อยดิ๊” ว่าแล้วสิทธิ์ก็กดไหล่ผมไว้ทางด้านหลัง ทำให้ผมที่เตรียมจะลุกหนีเมื่อได้รับสัญญาณอันตราย ต้องนั่งลงไปกับเก้าอี้เหมือนเดิม แล้วผมก็รู้สึกชื้นๆที่แก้มขวา ตามมาด้วยแก้มซ้าย อึ๊ย...น้ำลายเต็มหน้าเลย“เหม็นฉิบหายเลยว่า สงสัยไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน ฮ่าๆ” แล้ว มันก็เดินไปเข้ากลุ่ม หัวเราะกันหน้าระรื่นเชียว มองไปรอบๆ หัวเราะกันใหญ่ เออ...ดีนะ ว่าแล้วก็วิ่งไปล้างหน้าครับ กลัวขี้กลากขึ้น
รายสุดท้ายครับ ปอ ชอบจับมือผมไปบีบแรงๆครับ แถมมักเป็นในชั่วโมงเรียนด้วย คาบไหนมานั่งเรียนข้างๆนะครับ เตรียมโดนได้เลย จะว่ามันก็เป็นในชั้นเรียน กลัวโดนครูดุหาว่าเล่นกันในห้องเรียน ปอ เลยยิ่งได้ใจครับ มีวันนึง ผมเจ็บจนน้ำตาซึมเลย เคยมั๊ยครับ โดนบีบให้กระดูกข้อนิ้วมันบดๆกัน เจ็บชมัดเลย
“สำออยนะมึง แค่นี้ทำน้ำตาซึม” ปอ พูดกับผมเบาๆ เพราะครูกำลังสอนอยู่
“ก็มันเจ็บ บีบซะมือจะหักอยู่แล้ว” ผมตอบมันไปเบาๆตอนที่มันผ่อนแรงบีบลง
“แล้วเสือกทำเก่งนะมึง ไม่ร้องซะแอะ” มันยิ้มกวนๆ
“อยากให้ร้อง แล้วโดนครูเรียกทำโทษทั้งคู่เหรอไง”นั่นแหละครับ ปอ ถึงนึกได้ว่ากำลังอยู่ในชั่วโมงเรียน จึงได้หันไปฟังครูสอนต่อ
ความจริงในกลุ่มเพื่อนผมก็มีอีก ๒ คนนะครับ ที่โดนขบวนมารเรนเจอร์เหม็นหน้าเอา แล้วก็โดนมันกระทบกระเทียบด้วยวาจาอยู่บ่อยๆคือ ตุ่ม กับ เต่า แต่.....................เอ๊ะ!............................เดี๋ยวก่อน แหม่งๆและ.............ทำไมผมถึงโดนประทุษร้ายทางร่างกายอยู่คนเดียวละนี่ ..... ไหนว่าผมทั้งดำ ทั้งผอม ตัวก็เหม็น หน้าตาก็อัปลักษณ์ แล้วมายุ่งอะไรกับผมนักมีขาว ตี๋ หน้าใสให้เลือกอีกตั้ง ๒ คน ถ้าแบบมีเนื้อนิดๆ แก้มแดงๆก็เจ้าตุ่ม ถ้าชอบแบบตัวเล็กๆดูคิขุน่ารัก ก็เจ้าเต่าไง ทำไมมารุมผมอยุ่คนเดียว อ๊า..........ไม่ยุติธรรมครับ
ทำใจครับ ขนาดในละครโทรทัศน์ที่ผมดูคนน่ารักถึงจะมีคนทะนุถนอม........ส่วนคนอัปลักษณ์มักจะมีแต่คนรังเกียจและกลั่นแกล้ง
๒ ห้องสมุด
การก่อกวนของพวกขบวนมารเรนเจอร์ยังคงมีมาเรื่อยๆ ถึงผมจะพยามอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนๆที่สนิทกัน แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา อย่างวันนี้ ราญ , จก , ต่อ , กร ไปเตะบอลกันหมด เหลือ ผมกับ ตุ่ม และ เต่า เพียง ๓ คนนั่งทำงานกันอยู่ที่โต๊ะข้างสนาม ซึ่งกองเต็มไปด้วยกระเป๋าของเพื่อนๆที่ลงไปเตะบอลกันอยู่
เก่งกันจริงๆ ผมคิดในใจ บอล ๑๐ กว่าลูกอยู่ในสนามเดียวกัน เตะรับ-ส่งกันไม่มีผิดทีม ฮ่าๆ
“ทำไรกันวะ ๓ ตัวนี่ ไม่ออกไปเตะบอลออกกำลังกันมั่ง เดี๋ยวก็ง่อยแดกหรอก” มาแล้วครับขบวนมารเรนเจอร์ เสียง ศักดิ์ นำมาก่อนเลย
“กูว่ามันกลัวดำหว่ะ ยกเว้นอิดำนี่ ทั้งดำทั้งแห้งอย่างนี้ วิ่งตามบอลไม่ไหวหรอกหวะ ฮ่าๆ”
“วิ่งไหว แต่ตาสั้น มองไม่เห็นบอล” ผมตอบสวน สมชาย ออกไป
“อ้าว สายตาสั้นเหรอจ๊ะ ไหนมาดูดิ๊ นอกจากสายตาสั้นแล้วมีอะไรสั้นอีกรึเปล่า” สิทธิ์ พูดจบก็ล็อคแขนผมทางด้านหลังเลยครับ ดิ้นไม่หลุดครับผม นั่งอยู่ โดนลอคแขนอย่างนี้ใบ้กินเลย แล้วนี่มันลอคแขนจะทำอะไรผม มองไปทางฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ตุ่มกับเต่า หายไปไหนแล้ว อีก ๔ คนที่เหลือเริ่มล้อมเข้ามาแล้วครับ สายตามันพิกล ผมเห็นแล้ว งง ไม่เข้าใจว่ามันจะทำอะไรกัน
“นี่ๆ ศักดิ์ เราว่าพวกนายปล่อย ตั้ม มันก่อนดีกว่า มีครูเดินมาโน่นแล้ว เดี๋ยวนึกว่าพวกเราชกต่อยกันแล้วจะโดนดุ”ราญ นั่นเอง ที่เดินเข้ามาแล้วพูดกับพวกศักดิ์ แล้วก็ชี้มือไปทางมุมตึกไม่ห่างนัก มีครูท่านหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้พอดี
“เฮ๊ย ไปหาไรกินที่โรงอาหารดีกว่าหว่ะ” แล้วสิทธิ์ ก็ปล่อยตัวผม เดินกอดคอ ศักดิ์ไปทางโรงอาหาร มีอีก ๓ คนที่เหลือเดินตามไป
“เป็นไงมั่ง ตั้ม เจ็บรึเปล่า มันทำไรมั่ง” จก ที่เดินตามมาที่หลังพร้อม ตุ่ม กับ เต่า ถามยิ้มๆ
“ถามเพราะเป็นห่วงหรืออยากรู้แน่วะ ยิ้มแบบเนี๊ย...” คราวนี้เจ้าจก หัวเราะเลยครับ ผมเห็นเพื่อนหัวเราะก็เลยหัวเราะตามไปด้วย “ไม่เป็นไรแล้ว ช่างมันเหอะ แบบนี้ประจำอยู่แล้ว ขอบใจนะ ราญ ขอบใจ จก ด้วยที่เป็นห่วง”
“อ้าว ....... แล้วไม่ขอบใจพวกเรา ๒ คนเหรอ” เต่า ถามยิ้มๆ ผมก็รู้ว่าสองคนนี้ถามไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้อยากให้ขอบใจจริงจังนักหรอก
“ขอบใจดิ ขอบใจนาย ๒ คนด้วยทีแรกกะว่าจะด่าแล้วว่าหายไปไหนกันหมด ทิ้งเราไว้คนเดียว นึกว่าจะแย่ซะแล้วไม่รู้มันจะทำอะไรเรา ขอบใจหว่ะเพื่อน” ก็ที่สองคนมันหายไป เพราะมันไปเรียก ราญ กับ จก นั่นเองครับ
“อ้าว....แล้วตกลงนี่ไม่รู้เหรอว่ามันจะทำอะไรนายเมื่อตะกี้นี้น่ะ”ตุ่ม ถามขึ้นมา
“จะรู้ได้ไงอะ....มาแปลกขึ้นทุกวันพวกนี้ นายรู้เหรอ พวกนั้นจะทำอะไรเราเหรอ” ผมยื่นหน้าไปถามด้วยความสงสัย
“ก็...................................” ตุ่ม อึกอัก
“เมื่อกี้ทำอะไรถึงไหนแล้วล่ะ ตั้ม” ราญ พูดขัดขึ้นมา “ จก เรามานั่งทำการบ้านกันดีกว่าขี้เกียจไปเตะบอลแล้ว”
แล้วพวกเราก็นั่งทำการบ้านของวิชาที่เรียนไปเมื่อคาบเช้ากัน จนกระทั่งออดบอกเวลาเรียนของคาบวิชาต่อไปดังขึ้น
คืนนั้น ผมก็คิดว่า มีที่ไหนบ้างที่ผมพอจะหลบพวกขบวนมารเรนเจอร์ได้ แล้วสามารถนั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือเตรียมการเรียนได้ แล้วผมก็ค้นพบครับ......................ห้องสมุด ใช่แล้วครับห้องสมุด งดใช้เสียง โปรดเงียบ
วันรุ่งขึ้น พอผมไปถึงโรงเรียน ยังอีกนานครับกว่าจะได้เวลาเข้าเรียน แทนที่ผมจะไปยังโต๊ะรวมพลของชั้นเรียนเหมือนเคย ผมตรงไปที่ห้องสมุดเลยครับ พอออดบอกหมดเวลาเรียนของคาบวิชาที่ผ่านมาดังขึ้น ผมมีเวลา ๑๐ นาทีที่จะไปยังห้องเรียนที่จะต้องเรียนคาบวิชาต่อไป เหลือเฟือครับ เหนื่อยแค่พอลิ้นห้อย จากชั้น ๖ ของตึก ๗ ชั้น มาชั้น ๓ ของตึกติดๆกัน พอพักกลางวัน หลังจากที่ทานข้าวกับเพื่อนๆเสร็จ ผมก็ตรงไปห้องสมุดอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็มาเข้าชั้นเรียนเมื่อถึงเวลาเหมือนช่วงเช้า คาบวิชานี้ ตุ่ม กับ เต่า มานั่งขนาบข้างผม ถามกันใหญ่ว่าผมหายไปไหนมาตอนกลางวัน
“อยู่ห้องสมุดอะ เอาการบ้านไปนั่งทำ แล้วก็หาหนังสืออ่านด้วย เพลินดี” ผมพูดไปยิ้มไปเหมือนเคย
“เหรอ ดีเหมือนกันนะ ไว้ไปด้วย” เต่าบอก
“ครูมาแล้ว เรียนๆ” ตุ่มหันมาบอก
“นักเรียนเคารพ” ราญ หัวหน้าห้อง บอกให้พวกเราทำความเคารพครูที่เข้ามาสอน
“สวัสดีครับคุณครู”
๓ มือกับสัมผัสที่แตกต่าง
แล้ววันต่อๆมา ผมก็มีเพื่อนมานั่งที่ห้องสมุดเป็นเพื่อน ก็คือ ตุ่ม กับ เต่า บางวันพวก ราญ , จก , ต่อ , กร ก็จะมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือด้วย แต่ก็ไม่บ่อยนัก การตามล่าสัตว์ประหลาดของขบวนมารเรนเจอร์ ก็ดูเหมือนจะลดน้อยลง คงเพราะเจอกันแต่ในชั้นเรียน พอออกมานอกห้องเรียนก็ไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนที่เคย แล้ววันหนึ่ง ผมก็โดน ๑ ในขบวนการเข้ามาประชิดตัวจนได้
ขอบคุนนะครับ ขอบคุนค้าบบ มีอะไรน่าสนใจแน่ๆ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]