++ จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ++ $ 14
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกทีความเดิมตอนที่แล้ว
“บ้าน ตั้ม นี่ไทยน่าดูเลยนะสงสัยถือโชค-ลาง ด้วยละสิ” วินท์ ถามอีก
“อืม....” ตั้ม ทำท่านึก “มังอะ เรายังโดนจับไปเป่ากระหม่อมตั้งหลายที แม่ว่าจะได้หายดื้อ หายซนเลี้ยงง่ายๆ แล้วไรอีกจำไม่ได้และ เราไม่ค่อยชอบเลยบางทีโดนเอาไม้เคาะกะโหลกเราด้วย เจ็บจะตาย” หน้า ตั้มมุ่ยลง สงสัยจะไม่ชอบเอาจริงๆ
“แล้วนายคิดว่าตัวเองเป็นไง” เบ๊ ถามมั่ง
“ก็คงอย่างที่ผู้ใหญ่เค้าว่ามังที่บ้านยังชอบพูดบ่อยๆเลยว่า พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย พี่ๆก็หน้าตาดีๆกันทำไมไอ้คนเล็กอย่างเราถึงได้น่าเกลียดขนาดนี้” .....ตอนนี้นอกจากหน้ามุ่ยแล้ว ยังทำตาเศร้าอีก ยังกะลูกหมาหงอยเลยนะเอ็ง....เป็ด คิดในใจ
“เราว่านายคิดมากไปแล้วมัง ตั้ม “ เป็ดพูดบ้าง “คนไทยก็งี้แหละ มีลูกต้องว่าไว้ก่อนว่าน่าเกลียด”
“ทำไมล่ะ” ตั้ม สงสัย
“ผีจะได้ไม่มาลักไง เค้าเชื่อกัน ยิ่งบ้านนายไทยซะขนาดนี้เราว่าแหงเลยหว่ะ”
“นั่นมันต้องเด็กเล็ก หรือ เด็กแรกเกิดไม่ใช่เหรอ” ตั้ม ยังสงสัยไม่หาย
“ก็นายมันยังเด็กนี่หว่า ฮ่าๆ ” เบ๊พูดแล้วหัวเราะลั่น “เค้าก็เลยยังกลัวอยู่ไง เดี๋ยวใครมาร๊ากกกก เอ๊ย มาลัก ฮ่าๆ”
“แล้วนายเลิกกังวลเรื่องตุ๊ดอะไรนั่นด้วย เพราะนายน่ะ แค่บอบบางแล้วก็อ่อนโยนกว่าปรกติเท่านั้นแหละ” วิทน์ พูด
“เออ ใช่ๆ ไอ้วินท์ มันพูดเข้าท่าหว่ะ ตั้ม มันบอบบาง แล้วก็อ่อนโยนสมเป็นผู้หญิงออก ตุ๊ดเติ๊ดอะไรที่ไหนกัน มันผู้หญิงตะหาก ฮ่าๆ” เป็ด หัวเราะเสียงดังอีกคนแล้ว
“เห็นมั๊ย ตั้ม เราบอกแล้ว ไม่มีใครเห็นว่า ตั้ม เป็นตุ๊ดหรอก”วินท์ หันไปยิ้มให้ เป็ด กับ เบ๊
“แต่เราไม่เห็นด้วยกับพวกนายหว่ะ” เบ๊ ขัดทุกคนหันมามองหน้า เบ๊ รอฟังว่า เบ๊ จะพูดอะไรต่อ “เพราะไอ้ตั้ม มันเป็นทอมต่างหากเว๊ย ฮ่าๆๆ” เลยประสานเสียงหัวเราะกันใหญ่เลยที่นี้ตั้ม รู้สึกร้อนๆที่หน้าพลางคิดว่าตอนนี้ตัวเองคงหน้าแดงไปหมดแล้ว งง ก็ งง ,อาย ก็ อาย
“เฮ๊ย พวกเอ็งคุยไรกันวะ หัวเราะกันใหญ่ ท่าทางสนุกนะเอ็งเล่าให้พวกกูฟังมั่ง” พวกโจ้ เริ่มเดินมาหาพวกเราที่โต๊ะ
ออด...............................เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิต...ตั้มคิด
“ครูมาแล้วโว๊ย นั่งที่กันเร็วพวกเอ็ง” เสียงดังมาจากทางหน้าห้องความวุ่นวายเมื่อช่วงพักกลางวัน เริ่มคืนสู่ความสงบ
“นักเรียนเคารพ”
“สวัสดีครับคุณครู”
“สวัสดีนักเรียนวันนี้พวกเราจะมาเรียนกันต่อจากคาบที่แล้ว..........................”๒๙ เข้าค่ายก่อนเปิดเทอม
วันสุดท้ายของการสอบไล่ในภาคเรียนที่สองก็ผ่านพ้นไปทิ้งความรู้สึกหลากหลายไว้ในใจผม ความเสียใจนั้นมีอยู่บ้างจากการที่เพื่อนๆหลายๆคนไปสอบเข้าเรียนในสถาบันอื่น แต่ผมเองก็อยากให้เพื่อนๆสอบได้ในสถาบันเหล่านั้นเช่นกัน
วินท์ ,เบ๊ สอบเข้า เพาะช่างได้อย่างที่ตั้งใจ
ราญ , กร สอบเข้าเตรียมอุดม ได้เหมือนที่หวัง
ตุ่ม , เป็ด เรียนสายศิลป์-สังคม
ต่อ เรียนสายศิลป์-ฝรั่งเศส
เต่า , จก เรียนสายวิทย์ ๑
เพื่อนๆส่วนใหญ่ในห้อง ๖ ก็กระจัดกระจายไปอยู่ตามสายวิชาต่างๆส่วนตัวผมน่ะเหรอ แน่นอนอยู่แล้วครับ ศิลป์-คำนวณ
ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอมประมาณ ๑ สัปดาห์ทางโรงเรียนจัดให้มีการเข้าค่ายลูกเสือวิสามัญ ของนักเรียนที่จะเข้าเรียนชั้น ม.๔เป็นเวลา ๓ วัน ๒ คืน เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักและทำความคุ้นเคยกันก่อนเปิดภาคเรียนซึ่งมีทั้งนักเรียนที่มาจากชั้น ม.๓ เดิม และนักเรียนที่สอบเข้ามาใหม่วันแรกของการเข้าค่าย ก่อนเวลาที่ทางโรงเรียนนัดไว้ตอนบ่ายสามโมงผมมาถึงโรงเรียนก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง มองไปมีแต่คนแต่งชุดลูกเสือใส่หมวกสีขียวๆ ดูแล้วคล้ายๆกันไปหมด ผมสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนๆ แต่อย่างว่าครับมองหาไปอย่างนั้นแหละ ก็สายตาผมออกจะดีปานนั้น......... T-T
“ตั้ม อ้ายม๋าตั้ม ทางนี้โว๊ย” มีเสียงเรียกมาพอผมมองไปตามเสียงเรียกก็มองเห็นว่ามีคนกวักมือเรียกอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้ๆถึงได้เห็นว่าเป็นชัย นั่นเอง ข้างๆมี ตุ่ม กับ เต่า ยืนอมยิ้มอยู่ส่วนข้างหลังชัยมีใครอยู่อีกคนหนึ่งผมมองไม่ถนัด
“ชะเง้อหาใครอยู่วะ มองเห็นเหรอว่าใครเป็นใคร” ตุ่ม ถามปนหัวเราะ
“ไม่เห็นหรอก ทำท่าไปงั้นแหละ เผื่อมีใครสังเกตุจะได้เรียกไง อิ อิ”ผมยิ้มกว้างตอบไป ไม่ทันสังเกตว่าคนข้างหลังชัยเดินมาอยู่ทางด้านขวาของผม
“หง่ะ” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมีคนมาจับมือผมไปบีบเบาๆ ผมหันไปมองก็เจอกับหน้ายิ้มๆของ ปอ
“ไง ไม่เจอกันนานนะ” ปอ ยักคิ้วให้ผมยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร เต่าก็พูดขึ้นมา
“อยู่ตรงนี้แหละ ตั้ม เดี๋ยวครูเรียกให้ไปตามกองร้อย แล้วค่อยแยกกัน”
“งั้นเดี๋ยวเราไปดูที่บอร์ดก่อนนะว่าเราอยู่กองร้อยไหน หมู่อะไร” ผมทำท่าจะวิ่งไปที่บอร์ดที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ไม่ต้องไป นายอยู่กองร้อย ๘ หมู่ ๘” ปอ ว่าผมจึงหันไปมอง ปอ ด้วยความสงสัย ยังไม่ทันที่จะถามอะไร ปอ ก็พูดต่อ “เราอยู่กองร้ายเดียวกับนาย แต่หมู่ ๑ ชัย กับ เต่า อยู่กองร้อย ๒ ตุ่มมันอยู่ กองร้อย๙” ปอแจกแจง
“อ้าว อย่างนั้น ปอ ก็อยู่ห้องเดียวกับเราน่ะสิ” ผม ประหลาดใจ เพราะคิดว่า ปอ คงจะอยู่ห้องเดียวกับ ตุ่ม
“ช่าย ดีใจมะ ไอ้ลูกหมา ฮ่าๆ” ปอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“อื้อ ก็ดีนะ ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว” ผมยิ้ม“ไม่เสียแรงนิ ที่ ปอ ขยันเรียนขึ้นตั้งเยอะ”
“มึงรู้ด้วยเหรอ ว่ากูขยันเรียนขึ้นน่ะมึงสนใจเรื่องของกูด้วยเหรอวะ” ปอ ถามด้วยความกระตือรือร้น
“อ้าว ก็เพื่อนกันนี่นา เพื่อนก็ต้องสนใจเรื่องของเพื่อนสิ ปอยังสนใจเลยว่าพวกเราอยู่ห้องไหนกันบ้าง จริงมะอะ” ผมยิ้มกว้าง
เห็นมันยิ้มไปทั้งหน้า ทั้งดวงตาแบบนี้ จะบอกมันยังไงดีวะ ราญมันก็พูดถูก ตั้ม มันไม่เกลียดกูเลยสักนิด ไม่งั้น มันจะยิ้มให้กูแบบนี้เหรอวะเอาวะ เท่าที่เป็นตอนนี้กูก็น่าจะดีใจแล้ว.....ปอคิดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยน
“เฮ้ย ไอ้ปลากัดสองตัวนี่ จะจ้องตากันไปอีกนานมั๊ยวะ” ชัย พูด แล้วก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู พลางชวนกันคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปจนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศให้นักเรียนไปรวมตัวกันยังกองร้อยของตัวเองตามที่ทางโรงเรียนได้ประกาศไว้ที่บอร์ด
“ป่ะ ตั้ม ทางนี้”
ปอ จูงมือผม ค่อยๆเดินไปยังกองร้อยที่ ๘ ผมเองก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตั้งแต่ปอ เข้ามาจับมือผมตอนที่เจอกัน จนถึงตอนนี้ ปอ ก็ยังไม่ได้ปล่อยมือออกจากมือผมเลยพอไปถึงกองร้อย เราก็แยกกันไปยืนในแถวของหมู่ของตัวเอง ผมอยู่หมู่ ๘ ส่วน ปออยู่หมู่ ๒
“นี่ๆ นายชื่อ ตั้ม ช่ายมะ” มีเสียงถามเบาๆมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
“อื้อ” ผมตอบทั้งๆที่ไม่ได้หันหน้ากลับไป
“เราชื่อ นึก นะ มาจากห้อง ๓/๕ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ ครูมาแล้ว”
พอเสียงคนชื่อ นึก พูดจบ ก็มีครูเข้ามาตรวจแถวในกองร้อยมีกิจกรรมให้ทำกันเล็กน้อยจนถึงเวลาประมาณสี่โมงครึ่งครูก็สั่งให้แยกย้ายไปยังห้องพักที่ทางโรงเรียนจัดไว้ เพื่อเก็บของให้เรียบร้อยและให้นักเรียนตรียมตัวอาบน้ำพักผ่อนกันสักครู่ก่อนที่จะรับประทานอาหารเย็นในเวลาหกโมงเย็น
ที่พักที่ทางโรงเรียนจัดไว้ก็คือห้องเรียนปรกติที่นำเอาโต๊ะและเก้าอี้ออก เหลือโต๊ะไว้บางส่วนกั้นกลางห้องแบ่งห้องออกเป็นสองส่วน และมีโต๊ะเรียงไว้ที่มุมห้องอีกด้านละประมาณ ๘-๙ ตัวในหนึ่งห้องจะพักกัน ๒ หมู่ นับว่าไม่กว้างนัก
“ตั้ม เอาของมาวางไว้กับเราตรงโต๊ะนี่สิ” นึกเรียกผมก็เลยเอากระเป๋าสัมภารก เอ๊ย สัมภาระ ไปวางไว้กับกระเป๋าของ นึกคิดว่าเดี๋ยวจะดูให้เต็มตาสักหน่อย ว่าคนที่ชื่อ นึก นี่หน้าตาเป็นอย่างไรตอนแรกผมรู้แต่ว่า นึก ตัวสูงกว่าผมเท่านั้น เทียบแล้วผมสูงประมาณติ่งหู นึกเท่านั้นเอง พอผมเงยหน้ามองเท่านั้นแหละครับ รู้สึกเหมือนตัวเองหน้าแดงขึ้นมาทันทีความรู้สึกแรกก็คือ ทำไมคนตรงหน้าถึงได้น่ารักขนาดนี้ ผิวขาวอย่างลูกคนจีน หน้าเนียนใสคิ้วหนาเข้ม ตากลมโตใต้กรอบแว่นเหลี่ยมๆดูแวววับ ปากแดงแจ๊ดแก้มมีลักยิ้มอยู่ทั้งสองข้างแก้ม กำลังยิ้มให้ผมอยู่
“เป็นไง เราหล่อจนตะลึงเลยเหรอ” นึก พูดยิ้มๆ
“อะ......อื้อ.......คงงั้นอะ ขอโทษนะ” ผมอ้อมแอ้มตอบไป แล้วก้มหน้าลง เพราะรู้สึกเขินกับรอยยิ้มของนึก
“ตั้ม เองก็น่ารักนะ หน้าแดงอย่างนี้ยิ่งน่ารัก” นึก พูดพลางเอามือมาแตะแก้มผมเบาๆ ทำเอาหัวใจผมเต้นแรง
“เอ้า จัดของกันก่อน ช่วยๆกันหน่อย เดี๋ยวจะได้ไปอาบน้ำกัน”
เสียงหัวหน้าหมู่ดังมาพวกเราจึงแยกย้ายกันเอาของใช้ออกจากกระเป๋ามาจัดเรียงไว้ พร้อมกับ ทักทายและแนะนำตัวกันไปด้วยส่วนใหญ่ก็พอจะรู้จักกันมาก่อนบ้างแล้ว มีบางคนเคยอยู่ห้องเดียวกับผมตอน ม.๑-ม.๒บางคนก็มาจากห้อง ๓/๒ มีส่วนน้อยที่สอบเข้ามาใหม่ จากนั้นก็พากันไปอาบน้ำนั่งพักกันสักครู่ ก็มีประกาศให้ไปทานอาหารกันที่โรงอาหาร
หลังจากที่ทานอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้วก็มีกิจกรรมทำกันเล็กน้อยส่วนใหญ่เป็นการบรรยายเรื่องต่างๆจากวิทยากรที่ทางโรงเรียนเชิญมาจนถึงเวลาประมาณสามทุ่ม จึงได้แยกย้ายกันไปนอน
“ตั้มๆ มานอนกับเราตรงนี้มา” นึกพูดพลางตบไปที่พื้นโต๊ะข้างๆ
“ม่ายอะ มันสูง เรากลัวตก” ผมกลัวจริงๆครับเพราะผมคิดว่าโต๊ะเรียน ๙ ตัวที่นำมาต่อเรียงกัน ไม่น่าจะกว้างพอที่จะให้คน ๒คนขึ้นไปนอนได้อย่างปลอดภัย ผมว่ามันคงอึดอัดน่าดูถ้าต้องนอนเบียดกันนอนบนพื้นกว้างๆมีที่ให้กลิ้งไปกลิ้งมาได้ น่าจะสบายกว่า
“ไม่ตกหรอก มาเหอะ เดี๋ยวเรากอดไว้เอง เดี๋ยวดึกๆอากาศเย็นด้วยนอนกอดกันไว้จะได้อุ่นๆ” นึก พูดด้วยเสียงที่ไม่เบานักทำให้หลายๆคนหยุดคุยแล้วหันมามอง
“ม่าย~~~~~~~~~~~ เรากลัวความสูงอะแล้วเราว่าเราคงไม่หนาวหรอก ชุดนอนเราอุ่นออก” ผมกางแขนออกทั้งๆที่นั่งอยู่เหมือนจะแสดงให้ดูว่า ชุดนอนขายาวผ้าสำลี เนื้อผ้าสีฟ้าอ่อน มีลายตุ๊กตาหมีเล็กๆอยู่ทั่วตัวของผมนั้นอบอุ่นพอ ถ้าอากาศเย็นจริงๆ “แล้วเรายังมีผ้าห่มอีกผืนนะ”ผมชูผ้าห่มลายสก๊อตสีแดงผืนบาง ให้ นึก ดู
“ชุดนอนเอ็งท่างทางอุ่นน่าดูหว่ะ ตั้มเดี๋ยวดึกๆถ้ากูหนาวจะขอไปนอนกอดหน่อยนะเว๊ย” เสียงใครสักคนตะโกนข้ามฟากมาจากทางหมู่ ๗“ไม่กลัวโดนตี๊บก็มาดิ” ผมตอบไป
“ตามจาย....เดี๋ยวดึกๆอย่ามาสะกิดเค้าแล้วกันนะ ฮ่าๆ” นึก พูดแล้วหัวเราะ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนๆอีกหลายคน
ตลอดเวลา ๓ วัน ๒ คืนที่เข้าค่ายกิจกรรมต่างๆทำให้พวกเราได้รู้จักกันมากขึ้น พอถึงวันสุดท้าย พวกเราก็แยกย้ายกันไปรอเวลาเปิดเทอมที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
๓๐ เปิดเทอม
เปิดเทอมวันแรก ผมมาถึงโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่ ๗ โมงเช้าในห้องยังไม่มีใครมาเลย เพราะยังเช้าอยู่
นั่งตรงไหนดี... ผมคิด แล้วก็ลองนั่งดูหลายๆมุมในที่สุดก็ได้มุมที่คิดว่าเหมาะกับสายตาผมที่สุด ตรงกลางห้องค่อนมาทางซ้าย แถวที่๓ ต้องเลือกดีๆหน่อยแหละครับ เพราะต้องนั่งไปทั้งปีนี่นา กำลังวางเป้ลงบนเก้าอี้ก็มีเสียงเรียกมาจากประตูด้านหน้าห้อง
“โห มาแต่เช้าเลย ตั้มเราว่าเราน่าจะมาถึงเป็นคนแรกของห้องแล้วนะเนี่ย” นึกนั่นเอง พูดจบก็พุ่งตรงไปที่โต๊ะแถวหน้าสุด แถวเดียวกับผมแต่เยื้องไปทางขวา
“นั่งหน้าสุดเลยเหรอ” ผมถามไปพลางคิดว่า ตัวก็สูงยังนั่งซะหน้าสุดอีก
“อือ เราชอบ มองกระดานชัดดี มานั่งด้วยกันสิ”
“ม่ายอะ เราว่าเรานั่งตรงนี้มุมดีแล้ว เราไม่ชอบนั่งแถวหน้าๆ”
ก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อ ก็มีเพื่อนๆทยอยเข้าห้องมากันทีละคนสองคน ต่างก็เลือกที่นั่งของตัวเองแล้วก็จับกลุ่มคุยกันเป็นกลุ่มๆ
“ไง จองที่ไว้ให้เราด้วยเหรอ ดีจัง” เสียงดังขึ้นมาข้างๆผมปอ นั่นเอง พูดจบ ปอ ก็เอาเป้วางลงบนเก้าอี้ของโต๊ะตัวข้างๆผม แล้วก็นั่งลง
“........................” ผม งง เพราะคิดว่า ปอคงจะไปนั่งกับเพื่อนคนอื่น ที่น่าจะสนิทกันมากกว่าผม
“จ้องหน้าพี่ทำไม ไอ้ลูกหมาน้อย วันนี้พี่หล่อมากเหรอ” ปอ พูดพลางยักคิ้วทำหน้าทะเล้นใส่ผม
“เปล่าอะ เรากำลังนึกว่านายอาบน้ำมารึเปล่า หัวเป็นกระเซิงมาเชียวเอิ๊กๆๆ” ผมแหย่ ปอ เล่น
“อ้าว อาบดิวะแต่ไม่ได้เอาน้ำราดหัวเว๊ย ไม่เชื่อลองดมกลิ่นดิ “ ปอพูดจบก็กางแขนออก เหมือนท้าให้ผมเข้าไปดมพิสูจน์กลิ่น
“แหวะ ม่ายอะ กลัวเป็นลม เอิ๊กๆ” ผมเลยยิ่งขำเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นท่าทางของ ปอ
“งั้น มาให้พี่พิสูจน์กลิ่นแทนแล้วกันว่าอาบน้ำมารึเปล่า” พูดจบ ปอ ก็เอาแขนมากอดผมไว้ด้วยความรวดเร็วแล้วหอมแก้มผมไปทีนึง
“ชื่นใจหว่ะ” ปอพูดยิ้มๆหลังจากที่ปล่อยแขนที่กอดผมไว้ออก
ดีใจด้วยนะปอ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]