machio โพสต์ 2011-2-2 01:14:47

ข้อดี ข้อเสีย ของการฉีดผิวขาว

ไขความจริง 'กลูตาไธโอน' สารทำให้ผิวขาว

หลายคนคงเคยได้ยินข่าวการฉีดสารกลูตาไธโอน สารที่ทำให้ผิวขาวกันมาบ้างแล้วแต่ทราบหรือไม่ว่า สารกลูตาไธโอน เป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายและเป็นสารที่มีความจำเป็นต่อร่างกายการฉีดสารดังกล่าวเข้าไปอาจทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบได้จริงอยู่ที่สารกลูตาไธโอนทำให้ผิวขาวขึ้นได้ แต่ก็มีโทษอยู่เหมือนกันและจะยิ่งอันตรายหากฉีดสารกลูตาไธโอนด้วยตัวเอง ดังนั้น คอลัมน์“หมอรามาฯไขปัญหาสุขภาพ” วันนี้จะมาเผยความจริงของสารกลูตาไธโอนเพื่อให้เป็นข้อมูลการตัดสินใจก่อนที่ใครหลายคนจะเริ่มฉีด

กลูตาไธโอนคืออะไร จำเป็นต่อร่างกายหรือไม่

กลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในร่างกายที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง จากอาหารประเภทโปรตีน ไข่และนมรวมถึงผักผลไม้ประเภท หน่อไม้ฝรั่ง อะโวคาโด และวอลนัทร่างกายจะเก็บกลูตาไธโอนที่สร้างขึ้นไว้ที่ตับสามารถพบกลูตาไธโอนได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย

กลูตาไธโอนมีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีและอีได้มากขึ้นเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยสร้างและซ่อมแซม DNAนอกจากนี้ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยผ่านการสร้างเอนไซม์ชนิดต่าง ๆและช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์ได้อีกด้วย

ใช้ในทางการแพทย์อย่างไร ช่วยให้ผิวขาวจริง หรือไม่

มีรายงานการใช้ในรูปแบบฉีดหลายกรณี ทั้งใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่นฉีดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดระหว่างผ่าตัด รักษาโรคทางระบบประสาทขับพิษจากโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง ยาพาราเซตามอลเกินขนาดใช้เพิ่มภูมิต้านทานในผู้ป่วยเอดส์และมะเร็งในบางประเทศได้ขึ้นทะเบียนกลูตาไธโอนเป็นยาบางประเทศอนุญาตให้ใช้เป็นอาหารเสริม แต่สำหรับในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกลูตาไธโอนเป็นยาและไม่อนุมัติให้ใช้สารชนิดนี้ในรูปแบบฉีด

หากถามว่าช่วยให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่ ต้องบอกว่าเดิมทีกลูตาไธโอนถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ฉีดเพิ่มภูมิต้านทานรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย แต่กลับพบว่าผู้ป่วยมีผิวขาวขึ้นมีสีผมอ่อนลงหลังฉีดยาจึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการนำมาฉีดเพื่อทำให้ผิวขาวกันมากขึ้นซึ่งความเป็นจริงแล้ว หากร่างกายได้รับกลูตาไธโอนมากเกินไปก็จะไปกดการสร้างเม็ดสีของผิวทำให้ผิวขาว ซึ่งอธิบายได้จาก

ปกติในร่างกายคนเรา เซลล์สร้างเม็ดสี (melano cyte)จะผลิตเม็ดสีเมลานินอยู่ 2 ชนิด ผิวคล้ำแบบคนเอเชียหรือคนไทยจะมีเม็ดสีขนาดใหญ่ เรียกว่า ยูเมลานิน (Eumelanin) คนผิวขาวแบบฝรั่งจะมีเม็ดสีขนาดเล็กกว่า เรียกว่า ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin)เมื่อร่างกายเราได้รับ กลูตาไธโอนปริมาณมากจะไปกดการสร้างยูเมลานินตามปกติลงเปลี่ยนเป็นสร้างฟีโอเมลานินเพิ่มขึ้นชั่วขณะ ผิวจึงดูขาวขึ้นแต่เนื่องจากกลูตาไธโอน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางพันธุกรรมของเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) เมื่อเวลาผ่านไปเซลล์สร้างเม็ดสีก็กลับไปสร้างเม็ดสียูเมลานินมากตามปกติเหมือนเดิม

ดังนั้น ผู้ที่ฉีดกลูตาไธโอนเพื่อให้ผิวขาวขึ้นจำเป็นต้องฉีดในปริมาณมากกว่าขนาดที่ใช้รักษาตามปกติหลายเท่าตัวเป็นเวลาต่อเนื่องกันนาน จึงไม่จัดเป็นการดีท็อกซ์และอาจมีอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้


มีอันตรายจากการใช้ หรือมีผลต่อชีวิตอย่างไรบ้าง

ผลข้างเคียงที่น่ากลัว คือการฉีดยาใด ๆ ก็ตามเข้าเส้นเลือดดำล้วนมีโอกาสที่จะแพ้ได้ ทั้งการแพ้ตัวยาเอง หรืออาจจะแพ้สารฆ่าเชื้อสารกันเสีย สารปนเปื้อน ซึ่งจากรายงานในต่างประเทศพบว่าผู้ที่ได้รับการฉีดกลูตาไธโอนขนาดสูง มีอาการช็อก ความดันต่ำ หายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีนอกจากนี้ก็ยังพบว่า มีการนำสารกลูตาไธโอนที่ไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารวมทั้งยาปลอมที่ผลิตที่เวียดนาม และ จีน มาจำหน่ายและใช้อย่างผิดกฎหมาย

การฉีดกลูตาไธโอน มักให้ร่วมกับวิตามินซีขนาดสูง เพื่อกระตุ้นให้ ออกฤทธิ์ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งการฉีดวิตามินซีในขนาดที่สูงและเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดอาการมึน ศีรษะคล้ายจะเป็นลมได้หากใช้ กลูตาไธโอนในผู้ป่วยมะเร็ง อาจทำให้ประสิทธิภาพของเคมีบำบัดลดลงการได้รับสารกลูตาไธโอนปริมาณมากมีผลทำให้ขบวนการต้านอนุมูลอิสระของร่างกายเสียสมดุล กลายเป็นอนุมูลอิสระกลับมาทำร้ายร่างกายได้

แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ ปัจจุบันมีการโฆษณาขายกลูตาไธโอนอย่างแพร่หลายทางอินเทอร์เน็ตราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงเป็นหมื่นบาท ที่มีการแนะนำวิธีฉีดและอวดอ้างสรรพคุณจนทำให้คนที่อยากขาวเกิดความสนใจและซื้อหาไปทดลองฉีดกันเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพ้ ติดเชื้อและปัญหา อื่น ๆ ตามมาอีกมาก

ข่าวที่ออกมาว่าใช้สารกลูตาไธโอนแล้ว จะทำให้ตาบอดและเป็นมะเร็ง จริงหรือไม่

สำหรับข่าวการใช้สารกลูตาไธโอนแล้ว จะทำให้ตาบอดและเป็นมะเร็งสามารถอธิบายได้ว่า การที่ร่างกายได้ รับสารกลูตาไธโอนเป็นเวลานาน ๆจะทำให้เม็ดสีเมลานิน ทั้งที่ผิวหนังและที่จอตาลดลงทำให้จอตารับแสงได้น้อยลง เสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคตทางวารสารทางการแพทย์สหรัฐอเมริกาจึงได้จัดว่าสารกลูตาไธโอนเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางตาส่วนเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนัง จะทำหน้าที่เหมือนฟิล์มกรองแสงที่ผิวหนังหากเม็ดสีที่ผิวหนังลดลง ร่างกายก็ขาดเกราะป้องกันแสงอัลตราไวโอเลตทำให้ผิวเ[อย่าโพสคำหยาบ]่ยวย่นเร็ว และแก่เร็วขึ้นรวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังด้วย ดังนั้น ถึงแม้ตัวสารกลูตาไธโอนเองจะเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระแต่การได้รับแสงอัลตราไวโอเลตปริมาณมากกลับอันตรายยิ่งกว่า

เหตุใดจึงต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดโดยตรง

กลูตาไธโอนมีทั้งชนิดฉีด ชนิดพ่น และชนิดรับประทานซึ่งอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสารชนิดนี้หากรับประทานจะถูกย่อยไปก่อนการดูดซึม จึงมีผู้พยายามลองใช้ในปริมาณสูง ๆเพื่อหวังว่าจะดูดซึมได้บ้าง แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการศึกษาใดบอกว่าต้องกินมากแค่ไหนจึงจะดูดซึมได้ แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าปริมาณที่กินมาก ๆนั้น จริง ๆ แล้วดูดซึมได้หรือเปล่า และผลข้างเคียงระยะยาวมีอะไรบ้าง
      
ส่วนยาชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าเส้นเลือดโดยตรงน่าจะเพิ่มขนาดยาได้แน่นอนกว่า แต่ผลข้างเคียงที่น่ากลัวคือการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำ มีโอกาสที่จะแพ้ได้กลูตาไธโอนชนิดฉีดมีใช้ในคลินิกเอกชนมานานแล้วแต่ยังไม่มีการใช้ในโรงพยาบาลรัฐหรือโรงเรียนแพทย์เพราะไม่มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาว นอกจากนี้การฉีดยังเป็นการ เพิ่มสารกลูตาไธโอนได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นอาจทำให้ผิวขาวขึ้นได้ในเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นสีผิวก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม จึงต้องทำให้ฉีดต่อไปเรื่อย ๆไม่มีที่สิ้นสุด

สุดท้ายนี้ ผู้บริโภคไม่ควรตกเป็นเหยื่อของคำโฆษณาใด ๆที่อวดอ้างว่าจะสามารถช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้ เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่มีผลิตภัณฑ์ไหนที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์หรือยาที่ใช้อาจช่วยได้เพียงชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ร่างกายก็กลับไปผลิตเม็ดสีตามปกติทั้งนี้การที่ประชาชนในแถบเอเชียหรือประเทศเขตร้อน มีผิวคล้ำถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์เพราะสามารถป้องกันแสงอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ได้ทำให้โอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนังของเราน้อยกว่าคนผิวขาวจึงไม่ควรมีค่านิยมที่ผิดในการเปลี่ยนสีผิวให้ผิดธรรมชาติ.
อ.พญ.ชนิตว์วัณณ์ตรีวิทยาภูมิ
หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
________________________________________

wavewee โพสต์ 2011-2-2 06:09:06

ขอบคุณครับ

Topup โพสต์ 2011-4-23 12:13:07

เป็นความรู้มากเลยคัฟ ขอบคุนมากคัฟ{:4_112:}

tonasis โพสต์ 2011-4-24 12:17:33

มันก็แล้วแต่คนที่ต้องการใช้ครับแต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

~♥TerMRuK♥~ โพสต์ 2011-4-25 01:55:30

ขอบคุณครับ

Topup โพสต์ 2011-5-2 18:26:38

ขอบคุนมากๆคัฟ{:4_112:}

tonasis โพสต์ 2011-5-3 02:53:27

ฉีดเลยน่ากลัวอะ มีอีกหลายวิธีที่ทำให้ผิวขาวขึ้น - -*
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ข้อดี ข้อเสีย ของการฉีดผิวขาว