dream1995 โพสต์ 2011-2-5 16:36:51

ที่รัก

"มีผู้ชายแอบมองบ่อยๆแต่เอ...เราก็ผู้ชายนีหว่า..หง่ะ..มะแนว..มะแนว"


พึ่งเรียนจบเข้าทำงานได้เดือนนึงอ่ะครับ วันนั้นก้อพอดีสิ้นเดือน จะมีการประชุมประจำเดือนทุกเดือน ( คาดว่านะ..
ไม่ค่อยจะรู้เรื่องบริษัทตัวเองเลยอ่ะ จะผ่านทดลองงานป่ะเนี่ย ) อะโห..วันเนี้ยละ ผมจะเข้าห้องประชุมเป็นคนแรกให้ได้
เลย แสดงสปิริตและความไฟแรงของน้องใหม่เบอร์ 1 ซะหน่อย555 คิดเอาเองนะคับ
แปด โมงเช้าวันอังคาร..น้าน...รีบออกจากบ้าน...ถอยน้องแจ่มใสเข้าที่จอดรถของ บริษัท ( น้องแจ่มใส=รถแลนเซอร์ค่รำครึ วัตถุโบราณ ปะป๋าให้มา พูดแล้วเซ็งหง่ะ ไม่ได้เข้ากะหน้าตาไฮโซแบบเราเล้ย เฮ้อ !!!แย่แย่ )
กด ลิฟท์ขึ้นชั้น 5 อย่างสบายใจ ผิวปากเรียกอารมณ์สดชื่นๆ ตอนเช้าๆ แต่พอดี๊พอดีไม่ได้มองว่ามีใครยืนข้างๆรึเปล่า แต่บังเอิ๊ญๆ เสือกมีอ่ะ หญิงไทยไม่ทราบชื่อ....
ยืนข้างๆด้วย แถมทำหน้าบึ้งทำปากขมุบขมิบ เหมือนจะด่างัยก้อม่ายรุ (กูรไม่ได้แซว   กูรมองไม่เห็น)
อะโหย หุ่นยังกะกระสอบถ่านสำนึกมั่ง สำนึก ..มีคนแซวอะดีแล้ว น่าจะรู้สึกขอบคุณเรานะ ( ว่าเข้าไปนั่น หุหุ )
ลิฟท์มารีบวิ่งเข้าไปทันทีไม่สนอะไรละขอเป็นที่ 1 ก่อนละกัน
เดินใจเย็นๆถึงหน้าห้องประชุม เออ วันนี้เงียบๆแฮะ แม่บ้านหายไปไหนเนี่ย (ธรรมดาจะมีแม่บ้านมาคอยเสริฟกาแฟ )
ไม่เป็นไรเข้าปายรอในห้องประชุมละกัน
แอ๊ดดดดดด ( พอดีประตูไม่ได้หยอดน้ำมัน ขำขำไม่รู้เสียงประตูเปิดเป็นเสียงไงอ่ะ )

ชิบหายแล้ว..ลูกกะตา สี่สิบกว่าคู่ช้อนสายตามองพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย...
โอ้มายบุดดาช่วยลูกด้วย สายตาแต่ละคนอย่างกะผมไปด่าพ่อล้อแม่มันมาเมื่อกี้...กลัวกล้าอาฆาต
ไอ้ดิว..มรึง..ไอ้น้องเวรทำกูรแล้ว แอบตั้งเวลาให้นาฬิกาผมใหม่..( เมื่อคืน มันบอกว่า เฮียๆๆ..นาฬิกาสวยจังอ่ะ หยิบได้
ป่ะ... ผมก็บอกมันอย่างพี่รักน้องมากๆเค้าทำกัน......กูไม่ให้ ... ..มันทำปากขมุบขมิบแล้วสบัดก้นเดินจากไป พร้อมด้วยสายตาอาฆาต อย่างกะกูกลัวมรึงนิ..)

;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;
ทันที ทันใดนั้น พี่ร่วมงานก็พร้อมใจกันหันหน้ากลับไปอย่างมิได้นัดหมายและส่ายหน้าน้อยๆแสดงความรัก รึเปล่าหว่า ( หรือว่า ระอาวะ!! ฟู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก...หน่อยนึงคับ )
แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยดีแฮะ เสียวสันหลังวาบ รู้สึกหนาวๆร้อนๆเหมือนจะเป็นไข้ เว่อร์ไปมะ รีบหันควับทันที ชำเลืองสายตาไปที่เก้าอี้ประชุม
ท้ายๆห้อง ฝั่งซ้ายกิ๊งงงงง(เสียงสายตาประสานกันไม่ได้ปิ๊งนะคับโว้ย)
น้านน   เจอละสายตาพิฆาตมาร ( แต่ผมเป็นพระเอกนะแถมน้องเป็นน้องใหม่ด้วย ) มันมองผมแบบไม่ละสายตาทำอย่างกะผมผิด
อะไรนักหนากะอีแค่โดนน้องแกล้ง แล้วมาสายชั่วโมง
สองชั่วโมงเอง (เป็นไรไปเนาะแหะแหะตอนเย็นเจอกันไอ้ดิววววเหอเหอ )
ทำอย่างกะผมเป็นฆาตกรโรคจิตฆ่าแล้วไม่ข่มขืนซะงั้นแล้วก็มีคำพูดลอยๆออกมาแบบน่ารักน่าฟังว่า
มิน่าหล่ะ ประเทศเราถึงไม่เจริญซักที ต่อไปคงต้องไปขายแรงงานที่พม่าแระ   
ปากเรอะนั่น เพื่อนข้างมันยิ้มด้วย
อ้าว อยากมีเรื่องใช่มะ
:-)เอ้ย...ไอ้พี่เอี้ยอดทนไว้กรูอดทนไว้ กวนทีนแต่สายเชียว
เนี่ยมองหน้ากันแบบเต็มๆตาครั้งแรก ในบรรยากาศมาคุ
ก็แค่เคยเดินสวนกันมั่งตามโรงอาหาร บ้าง รู้แค่ว่ามันเข้ามาทำงานก่อนผมซักปีนึงละมั้ง ไม่แน่ใจ
มันก็ดูดีอ่ะนะ ตาโต แต่ผมหล่อกว่าอยู่แล้วละแต่เกลียดสายตามันจัง มรึงจะฆ่ากรูทางสายตาเรอะ
แท่นแทน แท๊น
ขอประกาศกฏอัยการศึกนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
กรูขอเป็นศัตรูกะมรึงไปชั่วชีวิต แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าท่านโทรมาภายใน 5 นาที เฮ้ยม่ายช่ายแล้ว
ผมขอเวลาหาพลพรรคซักนิดนะ (กลัวไม่มีแบ็คอ่ะ )

.....เดี๋ยวมาเล่าความคับแค้นใจต่อคับ.....




ตามลุ้นกันต่อเลยครับ
***************************
ผิวมันคล้ำหน่อย คิ้วเข้มๆ ตาโตๆ แต่ผมตาตี่ ( พ่อมันเป็นไทยแท้ๆ แต่แม่มันเป็นลูกพี่ลูกน้องกะแม่ผม ) I ดิวสูง
ประมาณ 176 CM มั้งเท่าๆกับผมแต่ผมหล่อกว่ามันเยอะ 555
พูดถึงมันแล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาตะหงิดๆ มันชอบมาขลุกอยู่ที่บ้านผม ทั้งๆที่บ้านเราติดกันเลยนะ
อ้อไม่สิ มันไม่เคยกลับบ้านมันเลยต่างหาก ( ครั้งสุดท้ายที่มันนอนบ้านมัน เมื่อไหร่หว่า ? )
เบื่อ..แย่แย่
อ้อ I ดิวนี่เป็นชื่อจริงของมันเลยนะครับ
มันเรียนเศรษฐศาสตร์ ปี 3 ม แถวบางเขน ( ยืมมือฆาตกรรม มันหน่อย 55 มันชอบสะพายเป้สีแดง คนคิ้วเข้มๆ ตาโตๆ นั่นแหละ เหนี่ยวเลย)
พอนะครับเรื่องไอ้ดิว มีวีรกรรมเด็ดๆของมันด้วย จะเล่าให้ฟัง แต่วันหน้านะ

น้องดิวเป็นใครนะเหรอครับ(เรียกเพราะมั้ย…. จะอ้วก) ก็เป็นน้องชายผมไงคับ
แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะเป็นญาติห่างๆ (ใจจริง ผมน่ะไม่ได้อยากนับญาติกะมันหรอก)
ผมมีน้องสาวคนนึง สวยด้วยหล่ะ ( ห้ามคิดเกินเลย คิดจะเด็ดดอกฟ้ารึ ไม่มีทาง 555ห้ามห้าม น้องสาวข้าใครอย่าแตะ )
หน้าตาไอ้ ดิวนะเหรอครับงั้นๆแต่ทำไมสาวๆหลงผิด กรี๊ดกันเยอะจัง ผมล่ะงง?????

มาต่อแล้วคับ
วันนี้เหนื่อยมากๆโดนไอ้ดิวมันลากไปเล่นบาส ด้วยมันให้เหตุผลว่า ตั้งแต่ผมทำงานเนี่ยดูไม่แข็งแรงไงไม่รู้

แถมไม่ค่อยมีเวลาให้มันด้วย(กรูไม่ได้อยากอยู่ใกล้มรึงเลย ให้ตายคับ )
..........................................................................
ต่อจาก คห . 2 นาคับ (ขอบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง 92.85 % ครับ หุหุ)

นั่งประชุมด้วยความหงุดหงิดแถมที่นั่งว่างยังอยู่ข้างๆมันอีกเฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ……………….และเฮ้อ
กว่าจะได้นั่ง ต้องกระเสือกกระสนเดินไปพลาง สันหลังหวะไปพลางแล้ว นั่งข้างมันอีก

ก็คนมีความผิดนี่คร๊าบบต้องทนทำหน้าแอ๊บแบ๊วตลอดประชุมช่วงเช้าเลยอ่ะ(เมื่อยหน้าสุด ๆ)
ใครหันมามองก็ต้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ที่สำคัญต้องทำหน้าฉลาดด้วย( เดี๋ยวคนจะรู้ว่ากรูไม่รู้เรื่องอะไรเลย )
ไอ้พี่เอี้ยข้างๆก็เหมือนกัน มองมาทางผมเรื่อย (มันจะวิสามัญผมในห้องประชุมป่าวเนี่ย กรูสู้นะเอ้า )

แต่ผมทำท่าไม่สนใจมัน ไม่หันไปมองมันด้วย
ให้กรูมีเพื่อนเยอะๆ ก่อนเห๊อะ ฝากไว้ก่อน (คำฮิตสมัยดึกดำบรรพ์ 5555 )
……………….ขอปิดประชุม………………….
น้าน…เสียงสวรรค์ชัดๆรอคอยเวลานี้มานาน
ปล.ไม่อยากจะบอกเลยว่าหัวหน้าผมให้ไปทำรายงาน
ความประพฤติมา….ฮือ
ผมรีบออกจากห้องประชุมเป็นคนแรกทันที( ไรวะ เข้า ทีหลัง ออกก่อนใคร มันน่าไล่ออกมะ )

“081 453xxxx…..”โทรหาไอ้ดิวด้วยความคิดถึงอย่างแรง
“คนน่ารักไม่มีแฟนได้ไง ดีขนาดนี้เธอกลับมองข้ามไป คนน่ารักไม่มีแฟนมันเหงา………”เสียงรอสายมัน..น้าน ติด AF 3 ขนาดหนักนะมรึง
“ ไรเฮีย โทรมาไมอ่ะ คิดถึงผมเหรอ” ดูมันพูดเข้า กวงติงจิงๆ
“ ไอ้ดิว ไอ้น้องเลวมรึงมาตั้งเวลานาฬิกาให้กรูใหม่ทำไม มรึงทำไมไม่ไปตั้งของบุพการีมรึงนู่น
เผื่อ เค้าจะมองเห็นความดีของมรึง มองมรึงเป็นลูกกตัญญูดีเด่นแห่งปี ได้ถ้วยได้โล่ กะเค้ามั่ง บลา บลา บลา และอีกสารพัดนานับประการ ”ผมโจมตีให้มันไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วก็ตัดสายไปทันที ( กลัวมันสวนกลับ แย่แย่)
มันคงงงอ่ะนะ แต่ผมว่ามันเตรียมใจไว้แล้วมั้ง
(แต่มันทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย5555 )
อย่ามองผมเป็นคนปากจัดนะครับ ผมพูดแบบนี้กับคนที่ผมสนิทเท่านั้น จริงๆนะ
(เอ….รึจัดวะ ช่างเหอะ อย่าใส่ใจเลย )บ้าแล้วกรูพูดเองตอบเอง
ว่า แล้วก็หันซ้ายหันขวา หาเพื่อนไปกินข้าวกลางวันที่แคนทีน ( เดาะภาษาอังกฤษ ตอนเรียนล่ะโง่นัก.. ชิ โรงอาหารบริษัทดีๆ นี่เอง โสสุดๆ )
มองเห็นเพื่อนออกมาจากห้องน้ำพอดี ( ผมก็พอมีเพื่อนที่ทำงานเหมือนกันนะครับทำงานมาตั้งเดือนกว่าแล้วอ่ะ )
“เฮ้ยบอลกินข้าวกัน” ผมชวน
“อืมมม” มันตอบโดยไม่มองหน้าผมเลย ช่างใจง่ายดีแท้
เพื่อนผมมันชื่อไอ้บอลครับ(ไม่ใช่บอลซีซั่นเชนจ์นะคับ)
มันเข้ามาทำงานก่อนผมประมาณ 4 เดือน
สนิท กันโดยการที่ ผมเข้าไปตีสนิทกับมันเอง ชวนมันไปทานข้าวก่อนแล้วยึดมันเป็นเพื่อนสนิทผมเลย วันๆนึงคำพูดมันหลุดออกมาจากปากมันถึงห้าคำรึเปล่าก็ไมรู้ผมเป็นคนพูด มันเป็นคนฟัง 555สมควร ครับ สมควร
( มรึงไปไหนไม่รอดร๊อก ไอ้บอล )
ผมจะชอบไปกับมัน หน้าตามันเหรอครับ คิดเอาเองเพราะเวลาเดินไปกับมันจะทำให้ผมหล่อเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
(ชั่วร้ายมะผม 5555)
แต่คุณยังไม่รู้อะไร…..ความชั่วร้ายสุดๆรอผมอยู่ข้างหน้าแล้ว( หัวเราะร่า น้ำตาริน )
ช่วงนี้น้ำท่วมทุ่งหน่อย เดี๋ยวรีบบีบรีบดันให้จบคับ ยังเล่าไม่ถึงครึ่งเลยอ่ะครับ แย่แย่

…………………………………………………………………
ถึงแคนทีนผมกะไอ้บอลก็สอดส่ายสายตาหาที่นั่งว่างๆ
อ่ะนั่นไง ไอ้บอลสะกิดแล้วชี้บอกผม ( แล้วมรึงป็นใบ้รึ ทำไมไม่พูด )
มันเดินนำผมไปที่โต๊ะว่างแล้วพวกผมก็ฉี่ทับ แสดงการจองอาณาเขต
ม่ายช่าย แระ เราเอาอะไรมาวางไว้บนโต๊ะแสดงถึงการจองที่
( ติดนิสัยเหมือนจองโต๊ะแลคเชอร์ สมัยเรียนเลยครับ )
และก็แยกกันไปหาส่วนบุญ เอ้ย ร้าน ที่ตัวเองชอบกิน
มันกลับมาถึงที่โต๊ะก่อน ผมนั่งกินไปซักพักเล็กๆ
ผมเห็นมันเงยหน้า ชูมือขึ้น แล้วยิ้ม พร้อมพูดขึ้นดังๆ
( กรูจะอธิบายอะไรละเอียดนักหนาวะเนี่ย )
“พี่สาม ๆ ทางนี้ๆ มีโต๊ะนั่งยัง นั่งด้วยกันป่าว ” มันเรียกใครวะชื่อยังกะในหนังจีนกำลังภายใน
วันนี้เจือกพูดได้นะมรึง หลายคำด้วย ที่แล้วๆมากรูก็นึกว่ามรึงเป็นใบ้ ( แอบกัดมันในใจ) กรูเลยอยากคบด้วย 55
ด้วยความที่ไม่ค่อยอยากรู้ว่าเป็นใครเล้ยจึงต้องรีบหันไปหาเป็นการด่วน สิ่งที่สามารถทำให้เพื่อนผมหายจากอาการเป็นใบ้ได้
ไอ้คนๆนั้น น่าจะมีอิทธิฤทธิ์ มนต์ดำ อะไรสักอย่างเนาะ


“เวรล่ะกรู แย่แย่ แล้ว ไอ้พี่เอี้ย” ผมคิดในใจนะคับ หันหน้ากลับแทบไม่ทันสะลง สโลโมชั่นอะไร กรูไม่ทำแล้วโว้ย
แล้วมรึงเจือกหายเป็นใบ้ทำไมวันนี้วะไอ้บอล เนี่ยชวนมันมาทำม้ายยย( คิดในใจอีกแล้ว )
นี่แหละความชั่วร้ายสุดๆที่รอผมอยู่ โอ้ มายบุดดา ข้าน้อยซวยซ้ำซวยซ้อนมั้ยละครับวันนี้ ( จะได้ไปรดน้ำมนต์ล้างซวยป่าววะเนี่ยกรู )
แล้วมันก็เดินอ้อมมายืนที่เก้าอี้ ข้างๆผม และก็ยิ้ม แต่ ให้ไอ้บอลนะ(ไม่ใช่กรูแน่ )
ก่อนที่ใครจะพูดอะไร ผมรีบชิงทำลายความเงียบนั้นทันที
“ พี่ๆ เก้าอี้ข้างไอ้บอลก็ว่างครับยังไม่มีคนนั่ง เลย ”ช่างฉลาดล้ำเลิศจริงๆเลยผมปัดสวะให้พ้นตัว ( น่าไปเป็นนักการเมืองนะผมเนี่ย 555)
มันเหลือบตามองผมนิดนึง แล้วยิ้มแบบที่ผมไม่รู้ว่าคิดอะไรแล้วก็ทำท่าเหมือนจะพูด แล้วก็พูด ( นึกว่าจะไม่พูด
อะไรล่ะสิคิดผิดอย่างแรง)
“ พี่จะนั่งตรงนี้จะทำไรพี่   นายป็นหุ้นส่วนที่นี่เหรอ ” วาจาช่างจาบจ้วง ช๊อคไปชั่วครู่
พอเริ่มตั้งสติได้ กระบวนการทางความคิดที่เป็นระบบเหมือนโดนปล่อยไวรัสใส่ กลับมาทำงานอย่างเป็นระบบ
อีก ครั้ง( ดีนะตอนเด็กๆชอบกินปลา)น้านนน ว่าแล้ว ไอ้พี่เอี้ย….. มันทำกรูแล้วกรูอยากทำมรึงตายไอ้นรกตัวสุดท้าย วันนี้ทำกรูสองดอกเลยนะมรึงดอกแรกกรูยังเอาคืนไม่ได้เลยเกทับด้วยดอกที่ 2 แทบกระอักเลือด ธาตุไฟเกือบเข้าแทรก   เผลอๆกำลังมีดอกสามตามมาติดๆ นะผมว่าอาจทำให้ลมปราณแตกซ่านถึงขั้นเลือดออกทั้งเจ็ดทวารได้
เสียคับเสีย

“ มากับใครบอล ” มันถามเพื่อนผม พร้อมหย่อนตัวนั่งข้างๆผมนี่แหล่ะ
เอ้า >>>กรูไม่ใช่คนใช่มั๊ยเป็นวิญญาณล่องลอยที่คนมองไม่เห็นงั้นเร๊อะ
ไอ้บอล มันไม่พูดไร หันหน้ามาทางผมแต่ไม่ส่งสํญญาณใดๆ
เอไอ้นี่ก็แปลก พูดมั่งก็ได้ ตำรวจไม่จับมรึงหรอก
รึว่า ถ้ามรึงพูดทองคำจะร่วงออกจากปากมรึง หา
และแล้วไอ้พี่เอี้ยนั่น ก็คุยเรื่องงานกับไอ้บอลกันสองคนอย่างมีความสุข…อวสาน




===============================




ม่ายช่ายคับ…ไอ้ผมก็เลยกลายเป็นคนไร้ตัวตน ณ บัดดล
แย่แย่( ดีกรูจะได้รีบกินข้าว ถ้าโมโหหิวมากๆกลัวได้ฆ่าคนหมกใต้โต๊ะโรงอาหารบริษัทเนี่ย )
   ซักพักมันนึงหันมามองผม ทำตาดุดุ ด้วยนะเอ้า( กรูเป็นลูกมรึงเหรอ )
“ ไอ้น้อง มรึงอ่ะ ชื่อไร เห็นนั่งหน้าเป็นตูด ไม่พูดไม่จา ”ดูมันถามผมขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วน จนผมแทบสำลักข้าวออกมาใส่หน้ามัน ( ทำไมไม่สำลักเลยว้า )
ชื่อกรูไม่เหมือนชื่อพ่อมรึงหรอก น้านน เก่งมั้ยผม แต่ขอโทษ ผมคิดในใจคับ แหะ แหะ
ใครจะไปกล้าล่ะคับ (ตอนนั้นน่ะนะ) มันอ่ะรุ่นพี่ที่บริษัทแถมเป็นวิศวกรด้วย
“…………..”ผมบอกชื่อมันไปห้วนๆ
มันมองผมด้วยหางตา
“พูดกับพี่ให้มันเพราะๆหน่อยน้อง หน้าตาก็ออกจะแนวดูดี มีชาติตระกูล ” น้านมันพูดประชด
มิวายแดกดันผม แรงคับแรง( แต่ผมสมยอมรับเรื่องหน้าตาดี 555 )
ผมหันไปมองหน้ามันด้วยอารมณ์โมโหสุดๆ
            ถ้ามีมีดในมือนะ มรึ๊ง
แล้วฝืนยิ้มหล่อๆให้มันครั้งนึง
“ ที่บ้านสอนมางี้อ่ะพี่ เปลี่ยนไม่ได้ แล้วจะเอาไง ” ผมเริ่มสิ้นสุดความอดทน
โต้ตอบมันไป มันมองหน้าผมอีกครั้ง แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วหันไปหาไอ้บอล
“ พี่ไปก่อนนะบอล ตอนบ่ายพี่ออก Fieldนอกบริษัทน่ะ”มันสั่งลาไอ้บอลพร้อมลุกขึ้น(รักกันจริงนะมรึง)
กรูว่ามรึงไปชั่วชีวิตมรึงเลยดีกว่า ไม่ต้องกลับมาแล้ว ผมแอบแช่ง
เหมือนนกรู้แฮะ มันหันหน้ากลับมาทางผมอีกครั้ง ผมสะดุ้งเฮือกเลยอ่ะ ( จริงๆนะนึกว่ามันอ่านใจได้
กูเจอศัตรู มีพลังจิตป่าวเนี่ย เล๊อะละกรู)
“แล้ววันหลังพี่จะพานายไปศูนย์ฝึกชัยภักดิ์นะ ” มันบอกผม พร้อมยิ้มน้อยๆพอเห็นเขี้ยว
ของมัน ให้ผม ( อีกครั้ง    ยิ้มให้ผม >>>บรื๋อออขนลุก ว่ะ )หล่อตายยย
แล้วมันก็เดินจากไปพร้อมกับทิ้งความรูสึกงงๆไว้ให้ผมได้ค้นหา
........................................................




TBC




“ ไรวะ ศูนย์ฝีกชัยภักดิ์ ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ
ไอ้บอลยิ้มน้อยๆ เอ้านั่น มรึงยิ้มเป็นด้วยเร๊อะ( ตาย ฝนฟ้าอากาศข้างนอกเป็นไงมั่งวะเนี่ย )
กำลังจะถามไอ้บอลเรื่องศูนย์ชัยภักดิ์ซักหน่อย โทรศัพท์มาพอดี แย่แย่ ใครวะ ก้มดูเบอร์
อ้าวไอ้ดิวนี่หว่า :-)มันโทรมาทำไม คนยิ่งหงุดหงิด
“ ไร ” ผมตะคอกผ่านทางโทรศัพท์ไป

“ โหย เฮีย ยังไม่หายโกรธดิวเรื่องนาฬิกาอีกเหรอ ” ดูมันใช้คำแทนตัวว่าดิว น่ารักตายล่ะมรึง จะให้กรูลืมง่ายๆ ไม่มีทาง ( แต่ตอนนั้นลืมไปแระ )
“ เออ แล้วมีไรรีบพูดมา ” ผมขู่มันไปอีกดอก
“ ก็ ป๊าเฮีย บอกผมเมื่อเช้า ว่าฝากบอกเฮียด้วยว่าหลังเลิกงาน แวะไปเอาสูทที่ส่ง
ไปซักแห้งที่ร้าน……. .ให้หน่อย ’’ มันบอกเสียงเบาๆเหมือนคนสำนึกผิดแล้วทำไมป๊าไม่โทรมาหาผมเองละเนี่ย งงคับ
“ เออ เออ แค่นี้ใช่มะ ….....เฮ้ยๆ ดิวดิว ” ผมรีบเรียกมันก่อนที่มันจะตัดสาย
“ ไรคับ ” คนมีความผิดพูดเพราะงี้เอง
“ เฮียถามอะไรหน่อยดิ ศูนย์ฝึกชัยภักดิ์ มันคืออะไรอ่ะ แล้วมันอยู่ไหนวะ ”มันเงียบไปแป๊บนึงสงสัยกำลังคิด
“ เอ้าเฮีย แก่แล้วแก่เลยป่าวเนี่ย ” น้านเล่นกรูละ กรูพึ่ง23 มรึง ก็กะลังจะ 22 ห่างกันปีสองปี ทำยังกะกรูกำลังจะแซยิด
“ ได้ทีนะมรึง ” สะกัดดาวรุ่งไว้หน่อย
“ ก็แหม เนาะพอดีเปิดช่องว่างก็…. ซะหน่อย555 ( ทำเป็นขำ เดี๊ยะมรึง ) ศูนย์ฝีกชัยภักดิ์ ก็อยู่ใกล้ๆบ้านเจ็กปิง ไง ( อาผม หล่อสุดๆ ภูมิใจนำเสนอ )เฮียจะเอาหมาที่ไหนไปฝึก แพงนะ เห็นเค้าบอกคอร์ส ละ ตั้งสามสี่หมื่น งกๆอย่างเฮียกล้าเหรอ
เฮียๆ ทำไมไม่พูดอ่ะ ” ผมช๊อคไปแระ ผมตัดสายมันทันที ยืนขึ้นแบบไร้สติ
“ ไอ้ส้งติง ”
นี่คือคำแรกที่หลุดออกจากปากผมในตอนนั้น
………………………………………………………………….
ชีวิตในช่วงบ่ายของผมในที่ทำงานวันนั้น เต็มไปด้วยความหงุดหงิด มีร่างแต่ไร้วิญญาณมีบรรยากาศเคมูไกล้อมรอบตัวผม ดูอึมครึมๆ
ผมดำเนินชีวิตแบบพระเอก MV นั่งหน้าเศร้า ถอนหายใจบ้างเป็นบางครั้ง เฮ้อ..

อ่ะ พอแระ พยายามจะเขียนให้มันเศร้าๆ ดูรันทดมากๆเรียกคะแนนความสงสารมั่ง แต่คาดว่าจะโดนหัวเราะเยาะสมน้ำหน้า มากกว่า สงสารเน๊อะ
แล้ววันนั้นก็ผ่านไปอย่างเซ็งๆ …….งานก็ไม่เสร็จซักกะ อย่าง …….จบข่าว

วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็วอย่างกะหนัง SEASON CHANGE
( หุหุ ไม่รู้จะเริ่มต้นไงดี OUT แล้วก็ช่าง เนอะ) ผมก็ได้เจอมัน บ่อยขึ้น จริงๆ
( จากไอ้พี่เอี้ยเป็น ไอ้พี่สามแล้วนะ ก็รู้ชื่อมันแล้วนิ ) ช่วงนี้ดูมันแปลกๆ ไม่รู้มันเป็นเอี้ยอะไร มาฝ่ายผมบ่อยจัง
สาม เวลาหลังอาหารละมั้งหรืออาจมากกว่านั้น ไม่ได้นับคับ :-)วันๆมันไม่ทำงานรึไงวะ( น่าโดนไล่ออกเน๊อะ เพี้ยง สาธุ สาธุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด )
ผมว่านะ มันต้องแอบติดใจสาวๆ แถวฝ่ายงานผมแน่ๆ ชัวส์( ผมอยู่ฝ่ายบัญชีและควบคุมงบประมาณคับ ไอ้บอลก็อยู่กะผม )
สาวๆฝ่ายผมก็สวยใช่ย่อยซะเมิ่อไหร่ จบมาจาก ม ดังๆทั้งนั้น ฟอร์มเยอะด้วยสิ
แต่ก็น่ะนะ สาวๆพอเจอไอ้พี่สามก็หลุด แทบจะถลาเข้าไปกอดขามัน ชิ
พี่สามคะ พี่สามขา ยังกะในละครน้ำเน่า จะอ้วก ( ผมกะไอ้บอลมองตากันปริบๆ )
ตอนไอ้พี่สามมันไม่มา ก็ผมอย่างงั้น ผมอย่างนี้ ( แต่ไม่มีไอ้บอลนะ โทษนะบอล ฮา )
แต่สาวๆก็นิสัยก็ดีกันทั้งนั้นนะครับ ( ถ้าไม่ติดที่ สิบเอ็ดรอดอหน่อยนึง 5555 )
หน้าตาไอ้พี่สามน่ะนะไม่อยากอธิบายให้ฟังเลยอ่ะ (กลัวมันได้ใจคับ)

นิดหน่อยละกัน มันสูงกว่าผมหน่อยนึง ซัก เซ็นสองเซ็นเนี่ยแหละ ผมดำ ตรงๆแต่ดูยุ่งๆหน่อย ยาวปรกต้นคอ ดู
เซอร์ๆ เอี้ยเอี้ย จมูกโด่ง ตาโต ยิ้มมีเขี้ยว สรุปแล้ว ขี้เหร่มาก Ugly สุดๆ( 5555 ใครจะชมมัน )
ตัว ขาวๆแต่ปากดำๆ ( แต่ก่อนมันสูบบุหรี่จัดมากแต่ไม่ยักกะเป็นมะเร็งตาย งง ไม่งั้นนะตอนนี้ประเทศไทยเจริญเท่าญี่ปุ่นละ เชื่อมั้ย )ผมก็สูบนะ จัดเหมือนกัน พอดีจัดฟันก็เลยเลิกไปโดยปริยาย พอเหอะเรื่องไอ้พี่สาม
แต่ผมก็ยังไม่ญาติดีกับมันหรอกนะครับ มองหน้ามันทีไร
หงุดหงิดใจยังไงไม่รุ ชิ

“ นี่นาย ROX นี่ให้หน่อยสิ ” มันยี่นเอกสารมาให้ แผ่นเดียวเนี่ยนะ
ที่ทำให้มรึงถ่อสังขาร มา ROX ถึงฝ่ายกรู (เครื่องฝ่ายมรึงแอบเอาไปจำนำแล้วรึไงหา)
แต่ ก็ไม่ได้ถาม ขี้เกียจอ่ะ ( พวกผมชอบบอกว่าตัวเองเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท เพราะพวกผมอยู่ตึกด้านหน้า พวกใช้แรงงานเหมือนวัวควาย อย่างพวกไอ้พี่สามอยู่ด้านหลังใกลกันใช่เล่นนะครับ )
“ อ่ะไอ้บอล แผ่นโปรแกรมที่พี่ยื้ม ไปมะวาน คืน ไอ้น้องขอน้ำเย็นกินแก้วดิ ”
น้านน ยังหันมาใช้ผมอีกจนได้ แย่แย่ แต่ก็ต้องเอามาเสริฟ อยู่ดี ชิ
“ น้องแพมคะ ใบสั่งของอยู่กะใครครับ ขอพี่หน่อย ” มันกะลิ้มกะเหลี่ยแพม สาวสวยที่สุดในฝ่ายผม
“ อยู่กับ……….ไงคะ พี่สามเอาเยอะมั๊ย ” น้านไอ้แพมก็บ้าจี้ไปกะมัน มะวานหอบเอาไปให้ฝ่ายมัน
ตั้งพันแผ่น ใช้ได้เป็นชาติ(แต่ผมก็ไม่ขัดอะไรนะ) ไอ้พี่สามมันก็รู้ทั้งรู้นะผมว่า…
ใครคือ TARGETมันหว่า ???? คงต้องออก สะเดาะเคราะห์ รดน้ำมนต์ ล้างซวยแล้วม้าง 555
(ไม่ได้เฉลียว ใจ เล้ย กรู )………………………
“ ……….ขอกาแฟแก้วดิ น้ำตาลก้อนเดียวพอ ” มันสั่งอีกละนี่ใจคอ มรึงจะย้ายมาอยู่ฝ่ายกรูแบบถาวรเลยใช่มะ กรูจะได้ลาออก ไปเลย
กลับ มาจากออกFIELD ข้างนอกยังซื้อหนมมากินกะไอ้บอลและก็น้องๆผู้หญิงอีกนะ ( วันนั้นพอดีหัวหน้าไม่อยู่คับ แต่ผมไม่กินด้วยร๊อก บอก เดี๋ยวที่บ้านว่า 55 เชื่อป่ะ อย่าเชื่อเลย )
นี่ มรึงจะกินที่ OFFICE มรึงไม่ได้รึไง ฝ่ายกรูไม่มีแม่บ้านแต่ฝ่ายมรึงอ่ะ มี แล้วก็ต้องช่วยกันเก็บอีก แย่แย่
ผมชักเริ่มสงสัย( ที่จริงควรสงสัยนานแระ ) ไอ้พี่สามมันต้องแกล้งอะไรผมแน่ ใช้ผมยันเลยอ่ะ
แต่ก็ช่างเห๊อะใกล้จะเลิกงานแล้ว เตรียมตัวกลับดีกว่า ( ตั้งแต่ไอ้พี่สามมัน มาฝ่ายผมบ่อยๆเนี่ย
ผมสังเกตตัวเองนะว่าผมจะดูนาฬิกาบ่อยมาก แล้วนาฬิกา
ผมก็ขี้เกียจจ๊าง กว่าจะเดินได้แต่ละติ๊ก เฮ้ออออออ( พาลนาฬิกาอีกกรู )
วันนี้ไม่ได้เอาน้องแจ่มใส มาครับ เพราะช่วงนี้ เธอไม่สบายบ่อย ผมเลยประชดป๊าผม นั่งกะป๊อ ต่อ
รถ เมล์มาทำงานซะเลย ( กว่าจะกลับถึงบ้าน แต่ละวันยังกะโดนลากไปรุมโทรมมา 55555) เป็นผลครับเป็นผล ป๊าบอกจะเอา น้องแจ่มใส ไปTURN รถใหม่ให้ เยี่ยมไปเลย ( ไปดีนะน้องนะ )

ผมเก็บของเสร็จ ก็ออกจาก Office เดินออกไปพร้อมกับไอ้บอลมัน( ช่วงนี้ไอ้บอลไม่ค่อยมีบทเน๊อะ ก็คนมันไม่หล่อ 5555 )
บ้านผมกะมันอยู่คนละทางนะครับแค่จะเดินออกมารอรถเมล์กับมันเฉยๆ
บ้านมันอยู่แถวบางนาแน่ะ ตั้งใกล ถ้าเอารถส่วนตัวมานะเงินเดือนทั้งเดือนก็ไม่คุ้ม
แยกกะไอ้บอลได้ซักแป๊บ เพราะต้องขึ้นรถคนละฝั่ง ผมยังไม่ออกจากบริษัทเลย
“ ปริ๊น ปริ้น ” ( เสียงแตรรถดัง งี้ป่าวหว่า ) ใครวะ เสียมารยาทจริง ยิ่งขัวญอ่อนอยู่ด้วย
รีบหันหน้าไป กะว่าจะด่าให้ลืมโลก หาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย ก็ยิ่งตกใจกว่าเดิมอีก
“ ไอ้น้อง ไปไหน เดี๋ยวพี่ไปส่ง ” เสียงไอ้พี่สามนั่นเอง มันนั่งบน CRV มันนั่นแหล่ะ
ช๊อคแบบดับเบิ้ลช๊อคละทีนี้ มันจะมาไม่ไหนกะกรูวะเนี่ย จะลวงกรูไปฆ่าหั่นศพป่าวหว่า
ไม่ม้าง ช่วงนี้กรูไม่ค่อยต่อล้อต่อเถียงมันเลยหนิ
“ กลับบ้าน เดี๋ยวขึ้นรถเมล์กลับเอง” ผมบอกมันไปแบบเซ็งๆ
“ พี่ไปส่งได้ แถวไหนล่ะ ” เอ๊ะ ไอ้นี่ ก็บอกแล้วจะกลับเอง
“ ไม่ต้องอ่ะ จะแวะหาเพื่อนก่อน ” ผมหาข้ออ้าง แล้วมรึง
จะตื้อทำไมละเนี่ย กรูอายคน ช่วงเลิกงานด้วย ทำยังกะพระเอกตามง้อนางเอกในหนัง ผมอ่ะป้นหน้าแทบไม่ถูก
และแล้วคำที่ผมกลัวสุดๆ ก็หลุดออกมาจากปากมัน
“ กลัวอะดิ ” มันพูดแบบขำขำ
อ้าว เคยกลัวใครที่ไหน ผมยิ่งใครท้าไม่ได้อยู่ด้วย เจอ
กัน เลย( ไม่อยากเล่าตอนนี้เลยอ่ะ
มันน้ำเน่า เหมือนสูตรสำเร็จในหนังไทยเลย )


ไม่ ต้องรอให้มันชวนอีกครั้ง ผมเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างมันเลย ( มันทำหน้าเหวอๆหน่อยเหมือนบอกว่ากูชวน มรึงเล่นๆ มรึงเอาจริงรึเนี่ย แต่ผมรู้ว่ามันชวนจริงๆละกัน ) ตอนแรกว่าจะนั่งด้านหลัง แล้วให้มันขับให้นั่งซะหน่อย
แต่คาดว่ามันคงไม่ยอม
( กลัวมันถีบลงจากรถด้วยอันนี้ สำคัญ ดูเท้ามันเล้ว ไม่แคล้วเบอร์ 8 )
แล้วมันก็ออกรถ โดยไวว่อง ( สงสัยกลัวผมเปลี่ยนใจ 55 เข้าข้างตัวเองเจงๆผม )
ระหว่างทางมันก็ธุระแยะจัง ซื้อนั่นซื้อนี่ตลอดทาง( มรึงเตรียมเปิดร้านอะไรรึเปล่าเนี่ย ) จอดรถคุยโทรศัพท์มั่ง แต่นานโคดๆ
( ไอ้พี่เอี้ยเอ้ย แกล้งกรูป่าววะ ผมด่ามันในใจ กรูกลับบ้านใช้เวลาชั่วโมงเดียวเอง มากับมรึงใช้เวลา
เดินทางอย่างกะไปเชียงใหม่ ทำไมไม่พากรูไป แอฟริกาเลยล่ะ ) การเดินทาง TRIP นี้
เลวร้ายที่สุดในชีวิต เฮ้อ………………
ผ่านไปซักครู่……………..
“ หิวแล้ว กินข้าวกัน ” มันพูดขึ้นมา แล้วมาบอกกรูทำม้ายย
“ ไปส่งผมก่อนแล้วพี่ค่อยไปกิน ” ผมพูดดักคอมันมั่ง ไม่ยอมแพ้
“ นั่งเป็นเพื่อนหน่อย ”แล้ว มันก็เลี้ยวรถเข้า Big C ทันที
( ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการนะครับ )
อ้าวกรูยังไม่ได้บอกว่าจะไปด้วยเลยนิ
แล้วมันก็ลากผมเข้าไปในห้างด้วย ( เอาแต่ใจเจรงๆ )
“ กินไรดี ” มันถาม แต่ตัวมันน่ะเดินดุ่มๆเข้าไปในร้านสุกี้ได้ครึ่งตัวแล้ว
( แล้วจะถามกรูทำแป๊ะมรึงเหรอ ผมยืนไว้อาลัย 1 นาทีให้กับชีวิตบัดซบของตัวเอง)
แล้วเดินตามมันเข้าไป ก็เห็นมันนั่งยิ้มฟันขาวรอแล้ว
“ รับอะไรดีคะ” เอ้า เข้ามาร้านสุกี้ จะให้สั่งส้มตำรึไง ( ผมคิดในใจ พาลพนักงานแล้วกรูนิสัยไม่ดี ไม่เอา อย่าเลียนแบบนะครับ )
“ สั่งดิ ” มันโบ้ยมาทางผม ( เอ้า ก็มรึงอยากกินแล้วให้กรูสั่งทำไม วะไอ้นี่ )
ผมนิ่ง …..สงบ สยบความเคลื่อนไหว แถมทำหน้าหงิก เป็นของแถม
“ สั่งให้พี่หน่อยครับ ” มันย้ำอีกครั้ง น้านนน พูดซะเพราะนะมรึง ได้คับได้ จัดปาย
ผมเกิดความคิด ดี ดี ขึ้นมา หุหุ ( ที่จริงก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน หกโมงกว่าแล้วนิ
จะถึงบ้านกี่โมงกี่ยามวะกรู )
…………………………………………………………
อีกไม่กี่ชั่วอึดใจ อาหารก็ถูกยกมาเต็มโต๊ะ มันตกกะใจ ตาเหลือก ทำตาดุๆมาทางผม
( ช่วยม่ายล่าย ค๊าบพี่ แต่ ว่าตอนสั่ง ผมไม่ได้สั่งเยอะขนาดนี้นี่นา ทำไมอ่ะ รึว่าสัญชาตญาณ
ดิบภายใต้จิตสำนึกอันดีงาม จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ความงกของผมปรากฏออกมาแล้ว 55 เอาวะ อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ )
“ กินให้หมดนะ………พี่เลี้ยง แต่. ถ้าไม่หมดจ่ายเอง ” มันกัดฟันพูดทำเอาผมสะดุ้ง
เอาแล้วมั้ยล่ะ หาเรื่องให้ตัวเองละกรู ช่างเหอะกินก่อนละกัน อะไรจะตามมาช่างมัน
……………………………………………………………………
ไม่กี่นาที ต่อมา โอ้มายบุดดา ข้าน้อย มันเกิดขึ้นแล้วซาร่า
อาหารที่เต็มโต๊ะ มันอันตรธานหายไปไหน คราย ใคร เอาไปซ่อน ก้มมองใต้โต๊ะก็ไม่มี
หายไปไหน 555 ตลกบริโภคแระผม มุข แก้เขินผมเองละ ก็ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ ไมอ่ะ
กินเท่าไหร่ ก็ไม่อ้วนมันดีงี้นี่เอง
“ กลัวได้จ่ายตังค์มากรึไง ตอนแรกทำเป็นไม่หิว แล้วเป็นไงล่ะ กินเยอะกว่าพี่อีกนะ นายอ่ะ ” น้าน กินอิ่ม
แล้วมีแรงเหรอมรึง มันหันมากัดผมแต่ก็ช่าง อิ่ม อารมณ์ดี ไม่ได้จ่ายตังค์เองด้วยเลยส่งยิ้มหล่อๆ ไปให้มัน ช็อท นึงแบบไม่รู้ตัว
ดูมันตกใจนิดๆ แอบยิ้มที่มุมปากด้วย
“ ทีหลัง ก็ยิ้มให้พี่บ่อย ๆเหมือนเมื่อกี้ดิ น่ารักดี ” ผมหุบยิ้มทันที รู้สึกทะ:-)ๆว่ะ ผู้ชายเค้าชมกัน
อย่างงี้ด้วยเหรอ ( ตอนนั้นไม่ได้เขิน จริงๆนะ คิดแค่ว่ามันจะมาไม้ไหนกะกรูอีกเนี่ย )
“ กลับเหอะดึกแล้วเดี๋ยว ป๊าผมจะว่าเอา ” ผมบอกมัน ข้ออ้างผม เหอเหอ ต่อให้ผมสาบสูญไปซัก
ปีนึง ก็ไม่มีใครตามหาร็อก เมื่อก่อนผมหายบ่อยจะตาย
แหะแหะ แต่วันนี้ผมอยากกลับบ้านละ
มันมองผมด้วยสายตาที่ เอ่อ….อ่านไม่ได้คับ
( เอ้า กรูไม่ใช่มนุษย์พลังจิตนิ )
“ โห อิ่มแล้วก็จะกลับเลย เอ้า กลับก็กลับ ” มันโวยไป พลาง ทำหน้าหงิกไปพลาง ผมละอดขำ
กับท่าทางมันไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ ตอนนี้อิ่ม อารมณ์ดีอยู่
แล้วมันก็เรียกน้องมาเก็บตังค์ ผมก็ทำเป็นมองนกมองไม้ ไปเรื่อย ทำหน้าแบ๊ว ( เดี๋ยวเค้าจะมาเก็บตังค์กะผม )
ไอ้พี่สามมันจ่ายไปพันกว่าบาทเองหง่ะ เซ็งเลย นึกว่าจะล้างผลาญมันได้มากกว่านี้ ( วันหน้าเอาใหม่ ละกัน
แล้วมันจะให้กรูมาด้วยอีกป่าวเนี่ย 55)

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ออกมาจากห้างมันก็มาในมาดใหม่ สุขุม นุ่มลึก เย็นชา น่าค้นหา ( ขำขำ ก็มันไม่พูดไรนี่นา
สรุปคือใบ้แดกมันไปแระ ช่างแมร่งเห๊อะ ) ยังทำหน้างอนๆอีก ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะมรึง ชิ
มันก็ขับรถไปเรื่อย พอใกล้จะถึงบ้านผม
“ ซอยไหน ” มันถามเบาๆ
“ …000… แต่ส่งหน้าปากซอยนี่แหล่ะจะเดินเข้าไปเอง ” สั้นกระชับได้ใจความแต่มันไม่หยุดคับ เลี้ยวเฉย เลยอ่ะ
“ หลังไหน ” เงียบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
“ ถ้างั้นไปนอนบ้านพี่ละกัน” มันยื่นข้อเสนอใหม่ ที่สมควรปฏิเสธเป็นอันขาด มันพูดพร้อมหยุดเตรียมตัวกลับรถ เวรแระคับ
“ หลังนี้คับหลังนี้ ” เฮ้อ ผมชี้ บอกแทบไม่ทัน( ไอ้เลว )
มันหันมายิ้มแบบสะใจนิดๆ กวงติงเจงๆ มรึง
( สาธุ อย่าให้ใครอยู่หน้าบ้านเลย อ้าวแล้วทำไมต้องกลัวล่ะ บ้านผมนะ ผมรูสึกสังหรณ์ใจยังไงพิกล)
พอไอ้พี่สามจอดรถสนิท ผมแทบจะกระโดดลงจากรถ
แต่…..
……………………………………………………………………
ไม่เร็วเท่ามันคับ โน่น มันเปิดประตูรถแล้วเดินแทดแท๋ ไปที่หน้าบ้านผมใน 1 วินาที
( แล้วก็ไม่บอก ว่าเคยไปวิ่งแข่งโอลิมปิคมา ) ฝันที่เป็นจริงแระผม
“ หวัดดีครับป๊า ผมชื่อสามครับ เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานของ……
วันนี้ไปกินข้าวที่แถวๆBIG C มาครับผม
เห็นว่าดึกแล้ว เลยมาส่งครับ ” มันรายงานตัวเสร็จสรรพ
(ทำไมไม่บอกชื่อไปทั้งตระกูล มรึงเลยอ่ะ )น้าน
สัญญาณอันตรายคับสัญญาณอันตราย ( แล้วมันรู้ได้ไงว่าเป็นป๊าผม งง )
มรึงต้องการอาร้ายยยยย
……………………………………………………………………
ป๊าผมกำลังรดน้ำดอกกล้วยไม้ที่เรือนเพาะชำหน้าบ้านครับ ( รั้วบ้านผมเป็นรั้วไม้เตี้ยๆ สูงแค่เอว
ประมาณเนี้ยแหล่ะ มองเข้าไปเห็นหมด ขอบอกนะครับว่า ป๊าผมบ้ากล้วยไม้มาก ซื้อที หมดตังค์ที
หลายหมื่น ผมละเสียดายตังค์จัง แต่แกไม่ยอมบอกราคาจริงกะแม่นะ 55 นินทาหน่อยนะป๊า หุหุ )
คุยกันไปซักพักมันก็เชิญตัวมันเองเข้าไปในบ้านผมเลยคับ ป๊าผมก็อะไรไม่รู้
คุยถูกคอกะมันเฉยเลย แย่แย่ ตอนนี้ผมเป็นวิญญาณล่องลอย อีกแล้วคับ
“ บ้านผมก็มีหลายพันธุ์นะครับ สวยๆ ทั้งนั้น เดี๋ยววันหน้าผมจะเอามาฝาก ” ดูมันติดสินบนคนแก่
เลวจริงๆนะมรึง นี่มรึงยังคิดว่าจะได้มาอีกเร๊อะ ม่ายมีทางซะล่ะ ( ป๊ากูไม่หลงกล มรึงร๊อก )
“ เออเออ ดีดี ว่างๆมาเที่ยวเลยนะ ตอนเย็นๆป๊าอยู่บ้านตลอดหล่ะไอ้เจ้า………ไม่อยู่ก็มาเลยนะ
ไม่ต้องเกรงใจ ” อ้าวป๊า…นั่นมันคู่อริผมนะ ไหงชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านงี้หล่ะ เห็นแก่ของฝาก
เล็กๆน้อยก็บอกมาเหอะ (แต่ราคาไม่เล็กน้อยตามเลย หุหุ กรูรู้แล้วว่ากรูงกได้ใคร )
โหย ไม่สนใจผมเลย เข้าบ้านแระ หันมามองมันนิดนึง แต่มันก็ทำเป็นไม่สนใจผม
( ว่าจะส่งสายตาไล่ให้มันกลับบ้านไป ชิ้วชิ้ว ) เออ คุยกันไปให้สว่างเลยนะ
กรูจะไปอาบน้ำนอน วันนั้นไม่รู้มันกลับบ้านตอนไหน ลืมถามป๊า พอผมอาบน้ำเสร็จ ก็นอนเลยคับ




TBC



ต่อเลยครับ
*****************************
ห้าโมงเช้า วันเสาร์ เวลาตื่นนอนตามปกติของผมคับ ( แม่ชอบบ่นว่าผมชอบนอนกินบ้านกินเมือง
ประเทศ ไทยใกล้จะหายไปค่อนประเทศแล้ว เว่อ เจงๆแม่ผม ) พอ ตื่นนอนแล้วผมก็เดินหัวยุ่ง ไม่ใส่เสื้อ ใส่กางบอลตัวเดียว ชุดนอนประจำของผมล่ะครับ
อย่าเถียงผมนะ ว่าใส่กางเกงบอลนอนสบายแค่ไหน มันลื่นๆสบายๆเหมือนไม่ใส่อะไรเลย ( ออกแนวXX แระ พอก่อน 55
เดี๋ยวคนอ่านคิดตาม ) เดินลงมาจากชั้น 2 พร้อมกับหน้าตา โอ้ยอย่าให้พูดเลยครับ
คนตื่นนอนใหม่ๆ เป็นอย่างนี้กันทุกคน ถึงโดยพื้นฐานจะเป็นคนหน้าตาดีก็เหอะ
( น่าน ไม่ยอมรับสภาพตัวเอง นี่คือผม ตัวจริง เสียงจริงครับ )

“ แม่ค๊าบมีไรกินมั่งอ่ะ หิวจัง ” ไม่มีสัญญาณตอบรับแฮะไปไหนหว่าแม่กรู
“ แม่ค๊าบเช้านี้ทำไรกิน ( เช้าจ๊าง )” ผมตะโกนเบิ้ลไป
“ แม่กับป๊านายออกไปสมาคม………………..กลับเย็นๆ ” เสียงใครวะ คุ้นๆ
ผมหันหน้าไปตาม แหล่งกำเนิดเสียงที่ คาดว่าจะอยู่บนโซฟา รับแขก
จ๊ากกกกก ผีหลอก วิญญาณหลอน เฟรดดี้ เจสันมีจริง ไอ้พี่สาม มรึงมาได้งายเนี่ย
ช๊อค แทบสลบ ขยี้ตาอีกครั้ง เผื่อเป็นภาพลวงตา อาการข้างเคียงของคนตื่นนอนใหม่ๆ ( คิดไปงั้นเลยผม )
แต่ก็ยังมองเห็นเป็นมันอยู่ดี มาอยู่ในบ้านผมได้ไง ป๊ากะแม่นี่ก็แปลก ปล่อยให้คนแปลกหน้ามาเฝ้าบ้านเดี๋ยวของก็หายหมดหรอก
แย่แย่ กลับมาต้องอบรมซะให้เข็ด ( นรกจะกินกบาลป่าวหว่ากรู )
“ มาไมอ่ะ ” ผมถามไปงั้นๆ ไม่ต้องการคำตอบร๊อกแทนคำตอบ มันกลับมองที่ผม ทำสายตาประหลาด แล้ว
ยิ้มแบบขำๆ
...............................................

เฮ้ยยยยยยยยย ผมพึ่งสำนึกได้กรูใส่อะไรอยู่วะเนี่ย
“ ขอเวลานอกแป๊บ ” ผมบอกมัน แล้วรีบใส่เกียร์หมารีบวิ่งขึ้นห้อง เร็วขนาดทีมชาติตัวเป็นๆยังอาย
(แล้วกรูจะเขินมันทำไมเนี่ย ผู้ชายเหมือนกันบ้าไปแระกรู )
ผมหายไปซักพักใหญ่ๆ แล้วก็ต้องลงมาทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดี ( หายไปทำอะไรคงรู้นะครับ)
ลงมานั่งโซฟาเดียวกับมันแต่นั่งห่างกันซักกิโลได้ ผมก็ได้แต่เงียบ( ไม่รู้จะถามไรนี่หว่า )
“ ป่ะ” มันพูดทำลายความเงียบขึ้นมา
ไปไหน ……ผมรู้สึกงงกับคำพูดมัน เลยทำหน้าเอ๋อๆ
“ พี่บอกป๊ากะแม่นายว่า นัดกะนายไว้จะไปเดินจตุจักรกัน ” ถึงบางอ้อ เป็นงี้เอง
( ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ) เอ… แต่เดี๋ยวก่อน กรูไปนัดกับมรึงไว้ตอนไหนวะเนี่ย
พออาการเบลอๆหายไป.....
“ เฮ้ย ใครบอกพี่ว่าผมจะไป ” ผมรีบแย้งมันทันที
“ แล้วคิดไง ไปโกหกป๊ากะแม่ผมอ่ะ ” ผมโวยมันไปอีกดอกนึง
มันยักคิ้ว ทำหน้าพอใจ ที่ทำให้ผมโกรธได้ ( มั้ง คิดว่านะ )
“ อีกเดี๋ยวก็ไม่ใช่เรื่องโกหกแล้ว ” ดูมันพูด เอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย
“ ไม่ไปหรอก คนเยอะแยะ ร้อนจะตาย นี่ก็จะเที่ยงแระ
โห แดด ” ผมไม่เห็นดีเห็นงามไปกะมันหรอกครับ
( จะเสี่ยงเอาหน้าหล่อๆไปตากแดดทำไม มะแนวคับมะแนว หุหุ ) คิดหาข้อโต้แย้งอยู่นาน พอหันไปมองมัน
อีกทีมันกำลังกดโทรศัพท์ ครับ แล้วมันจะโทรหาใครวะ
( สงสัยมันไม่ ไปแระ ว่าง่ายดีเหมือนกันท่าทางมันจะล้อผมเล่นมากกว่าคับ )

“ ป๊าเหรอครับ ( มันโทรหาพ่อมันนี่เอง ) ผมสามนะครับ ที่ผมนัดกับ รอย (ผมชื่อรอยละกันเนาะ)
ว่าจะไปเดินซื้อของกันที่จตุจักรอ่ะ เค้าบอกว่าจะไม่ไปกับผมแล้วอ่ะ” มันหันมามองผมทำตาเจ้าเล่ห์
( มันคิดจะทำอะไรของมันเนี่ย กรูงงโว้ย )
………บอกว่า อากาศมันร้อน ขี้เกียจ ผมไม่มีเพื่อนไปแล้วครับ แต่ว่าผมมีของจำเป็นต้องซื้อซะด้วยสิ เดี๋ยวผมคงต้องออกไปคนเดียวแล้วล่ะครับ…..อยู่ครับ …ครับ…อ่ะป๊านายจะคุยด้วย ”
ผมยื่นมือไปรับโทรศัพท์มาคุยอย่าง งงๆ ( เอ้า มันโทรหาป๊ากรูนี่เอง ไปให้เบอร์กันตอนไหนวะ )
“ ครับป๊า ”
“ รอย ลูกจะทำอย่างนี่ไม่ได้นะ นัดให้เค้าไปรับที่บ้านแล้วทำไมไม่ไปกับเค้ารู้มั๊ยมันเสียมารยาท ”
เสียงป๊าผมโวยมา ได้ยินก่อนยกโทรศัพท์ถึงหูอีก ( ทีกับแม่ไม่เห็นตะโกนใส่สักครั้งเลย ชิ )
“ ผมไม่ได้นัดกะเค้านะป๊า ถ้านัดใครไว้ผมก็บอกป๊ากะแม่แล้วดิ ” ผมเถียงไปอย่างโกรธๆ ไรวะ
อยู่ดีๆก็โวย ยังไม่ได้ฟังความคิดเห็นของลูกเลย ( กลับมามีสัมนาแน่ เหอเหอ )
“ ไม่รู้หล่ะ แกต้องออกไปเป็นเพื่อนเค้า ถ้าแกไม่ไป เรื่องรถไม่ต้องพูดกัน ” ป๊าผมยื่นคำขาด
“ ป๊าอ่ะ ” ผมโวยน้อยๆ ( เบามากๆคับ ) แล้วป๊าผมก็ขอคุยโทรศัพท์กับไอ้พี่(เอี้ย)สามอีกที ผมเลย
เขวี้ยงโทรศัพท์กลับไปให้มัน แจ็คพ็อตครับ โดนหัวมันแตก อาจเสียชีวิตไปแล้วด้วย ( เฮ้อ คิดครับ
คิด ทำอะไรมันไม่ได้ แต่แค่คิดก็สะจายจริ๊ง ) ผมไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน เห็นมันยิ้มๆแล้วก็พูด ครับ ครับ
( ไอ้เลว เอี้ยจริงๆเลยมรึง สตรอ ชิบ ) พอมันคุยเสร็จ เจ้าก็เข้าประทับทรงผมพอดี
“ พี่ทำงี้ได้ไง ใช้ป๊ามาบังคับผมเหรอ ” ผมตะคอกมัน พี่ก็พี่เห๊อะ ทำแบบนี้กะผมได้ยังไงไม่มีวันซะละ
ผมไม่ยอมเด็ดขาด เชื่อก็กลัวดิ ผมมองมันอย่าง (โอ้ย อธิบายไม่ถูกแระ )
“ แล้วจะไปป่ะล่ะ ” มันถามเหมือนมันไม่อยากไป แถมทำหน้าเบื่อๆ ( เลววววว )
“ ไปดิ ” แพ้ซะแระผม ว่าจะโวยให้มันรู้สำนึก ได้แค่เนี๊ยเอง อยากฆ่าตัวตายเจงๆ ป๊านะป๊า เห็นคน
ที่รู้จักกันแค่วันสองวัน ดีกว่าลูกตัวเองที่อยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปี ได้ไง เชื่อเค้าเลยอ่ะ ( ต่อไปผมจะ
ไม่ไปตัดผมเป็นเพื่อนป๊าละ โกรธจริงๆด้วย ที่จริงกลัวไม่ได้รถอย่างแรงคับ 55555 )

*********************************

และแล้วปริศนาทุกอย่างก็คลี่คลาย เปิดเผยออกมา( อย่างกะ การ์ตูนโคนัน หุหุ ) ตอนผมเดินออกมา
หน้าบ้าน กำลังจะไปขึ้นรถไอ้พี่สามมัน ( จะเป็นรถใครได้ล่ะเนอะ)
เอ๋… กล้วยไม้ต้นนี้ทำไมวางอยู่บนโต๊ะนั่งพักผ่อน หน้าบ้านหว่า ป๊าทำไมไม่เอาไปเก็บในเรือนเพาะชำ
ดอก ใหญ่สีสวยซะด้วย ถ้าจะซื้อมาแพง แม่คงไม่รู้ราคาจริงร๊อก ผมว่านะ ( รึว่าผมเก็บเรื่องนี้ไว้แบล็คเมล์พ่อผมดีกว่า พูดเล่นนะป๊า ลูกชายป๊าไม่เลวขนาดนั้นหรอก ยกเว้นไม่มีทางเลือกจริงๆ 5555 )
แต่ เอ๊ะ ชักไม่ชอบมาพากลแระ ผมมาลองกลั่นกรองความคิดใหม่ดีกว่า จากรอยหยักอันน้อยนิดในสมองผมนี่แหล่ะนำไปสู่ระบบการวิเคราะห์แบบคนเรียน ปริญญาเอก ( กว่าจะจบตรีก็เกือบไม่รอดแล้วคับ 5555 )….ปิ๊ง…..และแล้วก็เกิดความคิดรวบยอดอย่างเฉียบพลัน… น้าน( เด็ก ป1 ยังรู้เลยผมว่านะ)
ผมมองไปที่กล้วยไม้ แล้วมองไปที่หน้าของไอ้พี่สาม มองไปที่กล้วยไม้อีกที อีกทีและอีกที
“ นั่นของพี่ใช่มั้ย ” ผมใช้น้ำเสียงที่คิดว่าเหนือกว่ามันถามไป ( แต่คิดไปเองนะ แหะ )
มัน ไม่พูดอะไร อมยิ้ม พยักหน้าน้อยๆ แล้วทำเป็นเกาหัวแก้เขิน เหมือนเด็กที่โกหกผู้ใหญ่แล้วโดนจับได้ น่ารักตายละ มรึง ชิ ดูทำเข้า ( ซุปเปอร์ คอมฟอร์ทร้อย โอ่งใหกาละมัง แก้วกาแฟ ซุปเปอร์เวรี่เวรี่เลว ไม่รู้จะใช้คำไหนดีให้สมกับมัน )
กรูว่าแล้ว ทำไมป๊าเปลี่ยนไป ทำไมทำกะหนูได้ ป๊าใจร้ายเห็นแก่ของกำนัล( ที่ตัวชอบมาก ) เพียงชิ้นเดียว ถึงกับมอบอนาคตลูกชายไว้ในกำมือคนแปลกหน้า ผมหันไปมองหน้ามันอย่างเคืองๆ ช่างทำกรูได้นะมรึงนะ( แค้นนี้สิบปีไม่สาย ถ้ายังล้างแค้นไม่ได้ ขอลืมไปเลย ละกันเน๊อะ 55 งานนี้มีเสียเลือด หุหุ ดุไปป่าวผม )
แต่ผมก็ยังยอมไปขึ้นรถมัน ดี ดี ( เอ๊ะผมนี่ยังไง )
………………….
ตอนไป เนี่ยสิ มันชวนคุยเรื่อย แต่ผมไม่มีคำพูดหลุดออกมาให้มันได้ยินซักคำ
( ก็คนมันโมโหนี่หว่า ถ้าอยากให้ไปด้วยทำไมไม่ชวนดีๆ แต่กรูไม่ไปไปด้วยหรอก เหอๆๆ )
ผม นั่งหน้าหงิก หน้างออยู่นั่นแหล่ะครับ มันก็แอบชำเลืองมาทางผมบ่อยๆ แต่ไม่ค่อยคุยกะผมแล้ว ( เพราะรู้ว่าคุยไปก็ไร้ประโยชน์ คิดไปคิดมา ตอนนั้นผมทำไปได้ไงทำตัวอย่างกะเด็ก 5 ขวบ พูดไปแล้วอายจังคับ ปัญญาอ่อนชิหาย )
ซักพัก มันก็เลี้ยวเข้าปั๊ม ปตท. ครับ ( นี่ก็ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการนะ )( อยากให้พาเลี้ยวเข้าโรงแรมกันอะดิ เราไม่ได้ใจง่ายอย่างที่นายคิด 555 )
สงสัยจะแวะเติมน้ำมันแฮะ ไม่รู้จักเตรียมตัวให้พร้อม ( ผมบ่นมันในใจ ได้ว่ามันนิดหน่อยก็เอาวะ )
ผิด คาด มันขับรถเลยไปจอดที่หน้าห้องน้ำ ( ปวดห้องน้ำก็ไม่บอก ปล่อยกรูคิดอะไรเองอยู่ได้
คนหงุดหงิดเนี่ยเห็นอะไรก็พาลไปซะหมด ว่ามั้ยครับ )

“ ถึงละ ลงไปเข้าดิ ” มันบอกผมทำหน้าจริ?/div>



TBC



******************************************
หลัง จากวันนั้น ( วันไหนฟระ ก็วันนั้นนะแหล่ะน่า ) ไอ้พี่สามก็กลายเป็นเงามรณะคอยติดตามเป็นลางหลอกหลอน ผมทุกวันเวลาและทุกสถานการณ์ข่าวเด่นประจำวัน
( ผมเริ่มมั่นใจแล้วล่ะครับว่าไอ้คนโชคร้ายที่เป็น Target มันน่ะ คือ ครายยย พึ่งได้สำนึก ฮือ
แหมคุณๆครับผมก็ไม่ได้บื้อขนาดนั้น แต่ไม่ยอมรับความจริงมากกว่า คนมันไม่เคยอ่ะ )
มันจะหาเรื่องมาที่ฝ่ายผมตลอดแม้แต่มาติดต่องานเล็กๆน้อย ๆซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของมัน
(ลูกน้อง ในLINE มันเยอะจะตาย มันก็ไม่ใช้ครับ ชอบงานกรรมกรนะมรึง )
ผมก็ง้ง งงนะหัวหน้าฝ่ายมันไม่ให้งานมันทำเลยรึไง รึว่า เครื่องจักรบริษัทผม
จะเป็นชนิดพิเศษ ผลิตด้วยไททาเนียม ชุบทองคำแท้ แถมฝังเพ็ชร 18000 กะหรัต
ผลิตโดยบริษัทเดียวกันกับที่ผลิตยานอวกาศขององค์การนาซ่า ( อะไรมันจะทนแท้น้อ )
ขอบอก ของเค้าดีจริงๆไม่มีเสีย ไม่มีซ่อม ( ไอ้พี่สามมันเป็นวิศวอุตสาหการครับ )
ทำไมไล่มันออกไปเล้ย จะได้ประหยัดงบบริษัท 55
แปล๊กแปลก ทำไมไอ้พี่สามมันถึงได้ว่างขนาดนี้วะเนี่ย รึว่ามันใต้โต๊ะหัวหน้ามันก็ไม่รู้คับ
( งั้นมาแบ่งงานกรูไปทำมั่ง เวลากรูนอนยังละเมอ ออกมาเป็นตัวเลขเลย เฮ้อ แต่ไม่ใช่เลข 3 นะชิชะ )
แล้วก็อีกอย่าง มันอ่ะอย่างกะมีตาวิเศษ เวลาผมไปตามงานที่ฝ่ายไหน
รึว่าผม แอบแว๊บไปเดินเล่นพักสมองแถวสวนหย่อมในบริษัทบ้างล่ะไม่เกิน 5 นาทีร๊อก
พ่อก็จะมาป้วนเปี้ยน ให้ผมเห็นหน้าซักแว๊บ แล้วก็หายไป
( กรูไม่ได้อยากเจอมรึงเลยยยย ขอกรูอยู่คนเดียวบ้าง)
เวลาทำตัวเป็นพระเอก MV ผมไม่มีเลย เซ็งอ่ะ
แต่มันก็ไม่เคยเดินเข้ามาคุยกะผมตรงๆซักกะทีหรอกคับ
แค่แอบๆมองเท่านั้นแหล่ะ
แต่ว่าสาวๆโดยเฉพาะฝ่ายผมจะระริกระรี้กันใหญ่ เป็นพิเศษ เวลาไอ้พี่สาม
มาติดต่องานหรือว่าจะมาอะไรก็ช่างมันเห๊อะ พอมันกลับนะมันก็จะกลายเป็น TALK OF THE TOWN ของสาวๆในฝ่ายผมทันทีครับ
( เวลาพี่สามมันมา ผู้ชายฝ่ายผมจะกลายเป็นอากาศธาตุ ไร้มวลสาร เป็นก๊าซเฉื่อย จับต้องไม่ได้ เสีย SELF หมดเลยอ่ะ )
จากสำนักข่าว CNN ฝ่ายหญิง…………….
“ หล่อมากกกกกกก เท่ห์ เซอร์ ได้ใจ ” น้องแจนฝ่ายผมพูดพร้อมทำหน้าเคลิ้ม ( จะอ้วก ว่ะ)
“แพมว่าเค้าก็ดูดีนะ.” ไอ้แพมพูดแบบกั๊กๆ ตามประสาคนสวย ที่มีคนจีบเยอะ
“ เคราเขียวๆ จมูกโด่งๆเนี่ย มีใครได้สัมผัสมั่งยังน้อ รึเก็บไว้ให้พี่ ” เจ้ติ๋ม ปูชนียบุคคลที่เป็นประเภทเสริมคานเหล็ก ไม่มีบันใดไว้ไต่ลงแบบถาวร ให้คำนิยม
“ พี่เค้ามีแฟนยังอ่ะ เห็นพี่เค้ามองมาทางพลอยๆบ่อยๆ น่ากลัวจังเลย ” แต่หน้าตาเนี่ยช่างตรงข้ามกับคำพูดซะเหลือ
เกินนะครับคุณพลอย และก็มีคำถามแบบแปลกๆครับผม (อย่าว่าผมทะลึ่งนา )
“ รอยแกว่าพี่เค้าใหญ่มั้ย ” พี่เอ๊บ ผู้หชิง ประจำฝ่ายผมคับ ผมส่ายหน้าอย่างเร็วและแรง ( แล้วจะมาถามกรูทำไมกรูม่ายรู้ อ่า สงสัยว่าแกคงถามถึง ใจ พี่สามน่ะนะ อืม ผมคิดว่าผมเข้าใจถูก )
อีพี่ เอ๊บเนี่ยวีรกรรมแกเยอะเหลือเกินคับเล่าสามวันก็ไม่จบ ถ้าวันไหนแกไม่อยู่เนี่ย วันนั้นฝ่ายผมเงียบเหงาอย่างกะหมาหงอย ไม่รู้แกขุดเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังมั่งคับ หัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง
ไม่เป็นอันทำงาน แกจะโดนหัวหน้าดุเป็นประจำโทษฐานทำให้น้องนุ่งเสียการเสียงาน
อีพี่เอ๊บนี่ตัวสำคัญเลยครับ ชอบมาล่วงละเมิดทาง กาย วาจา และใจ กับน้องผู้ชายๆในฝ่ายบ่อยๆ
โดยเฉพาะกับผม ตัวดีเลย โดนบ่อยที่สุด จากทีแรกรำคาญมากๆ จนทีหลังกลายเป็นเฉยๆแล้วก็
เปลี่ยนเป็นขำๆ( รึว่าชอบไปแล้วก็ไม่รู้กรู พักหลังๆกลายเป็นสมยอมครับ 55 ) และก็มักจะเป็น
โดย เฉพาะเวลาที่พี่สามมาฝ่ายผมนะ ( รึผมคิดไปเองป่าวไม่รุ) ผมจะโดนอีพี่เอ๊บแกล้งอย่างหนัก ทั้งกอด จูบ ลูบคลำต่อหน้าไอ้พี่สามเป็นประจำ
( และแล้ว มันก็หน้าหงิกกลับไปฝ่ายมันตามระเบียบสมน้ำหน้ามันครับ )
“ เอ รอย นายว่าพี่สามมาฝ่ายเราบ่อยผิดปกติไปรึเปล่า ”
ไอ้ บอลพูดขึ้นมา ( มันพูดได้แล้ว เย้ ในที่สุดมันก็มีบท 55 ตัวประกอบมีบทพูด จ่าย 200 อ่ะ มารับตังค์ หึหึ ) แม้แต่ไอ้บอลยังผิดสังเกต
แล้วคนอื่นล่ะ
“ อืม ” ผมพยักหน้าน้อยๆตอบรับมัน
“ รึว่าพี่สามมาแอบชอบใครในฝ่ายเรารึเปล่า ” มันตั้งข้อสังเกตขึ้นมาครับ
(แต่คำพูดมันทำเอาผมสะดุ้งครับ แล้วกรูจะ สะดุ้งทำไม เนอะ)
“ แล้วคิดว่าเป็นใครล่ะ ” พูดน้อยซะงั้นวันนี้ผม แต่ในใจเนี่ยกลับลุ้นๆคำตอบของมันอยู่
มันทำท่าคิด ( แถมพยายามทำหน้าให้ฉลาดๆอีก หน้าไม่ผ่านอย่างแรงว่ะบอล 55) ……………………….
……………………………………………………………….
ผ่านไป 2 ชั่วโมง ( ไม่ใช่แระ เว่อไปนิดคับ )
“ น่าจะเป็นไอ้แพมนะ เพราะสวยกว่าเพื่อนอ่ะ” มันบอกผมแบบค่อนข้างมั่นใจ ถุก.. ถูกต้อง
นะค๊าบบบบบบบ ( คิดตั้งนานได้แค่นี้นะมรึง แต่ดีๆ ไปในแนวนั้นน่ะดีแล้วเพื่อน )

ตืดตืดตืด (เบอร์ใครวะ ไม่คุ้น รับดีป่าววะ เผื่อโดนตามหนี้ ล่ะซวย )
…………………………………………..

“ รอยครับ ” ผมSpeaking
“ ไอ้รอย นี่กรูเอง ” เสียงตอบกลับมา
“ แล้วกรู นะใคร วางนะโว้ย ” ผมกวนคนที่โทรมาครับ
“ เอ้า ไอ่ สาดนี่ กรูไอ้หนุ่ยไงวะ ไม่เจอกันสามสิบปีมรึงลืมเสียงเพื่อนมรึง แระ ส้นทีนจริงๆเลยมรึง”ไอ้หนุ่ยมันด่า ตอกกลับมา ก็ช่าง ไม่ระคายผิวอันบางๆของ ผมหรอก 55 กวนมันต่อไปครับ
“ แต่หนุ่ยเพื่อนผมไม่ได้ใช้เบอร์นี้นิครับคุณ ” ยังเล่นกะมันต่อปาย ( มันเปลี่ยนเบอร์ใหม่ครับ )
“ เอองั้นแค่นี้ละกาน กรูว่าจะชวนมรึงมากินฟรีซะหน่อย ” หูผึ่งเลยผม ไอ้นี่ชอบใช้ไม้นี้กะผมแฮะ มันรู้ว่าผมงก เรื่องกินฟรีไม่มีพลาด 55
“ เฮ้ย เดี๋ยวก่อน มรึงเป็นผู้หญิงรึไงวะ ล้อเล่นแค่เนี๊ยทำงอน แล้วตะกี้ว่าไรนะ ” ความอยากรู้เกี่ยวกับของฟรี มีมากเหลือคณานับ
“ ก็เท่าเนี๊ย มรึง ถ้าจะใช้ไม้นี่กับมรึงได้ทั้งชาตินะกรูว่า ” มันแอบเหน็บผมคับ
“ วันนี้วันเกิดกรู มรึงลืมไปแล้วใช่มั้ย งี้ทุกปีแหล่ะมรึงไอ้เพื่อนเลว ” เออว่ะ ผมลืมจริงๆ
( โทษทีเพื่อนรัก แต่ไม่สำนึกหรอก 55)
“ กรูว่าจะชวนมรึงมางานวันเกิดกรูหน่อย ที่ผับ……….นี่กรูโทรชวนเพื่อนๆเราหมดแล้ว
ตอน แรกกรูกะว่าจะไม่ชวนมรึงคนเดียว แต่กรูกลัวมรึงผูกคอตาย เลยตัดใจชวนมรึงเป็นคนสุดท้าย ” น่าน มีแอบประชดประชัน ขาดกรูแล้วจะรู้สึก แล้วผมกับมันก็คุยเรื่องไร้สาระ อีกหลายเรื่องแล้ววางสายกันไป
ผมกับไอ้หนุ่ยเป็นเพื่อนสนิทกันครับ มันเคยบอกว่ามันตายแทนผมได้เลยนะ ( แต่ผมน่ะ ไม่ )
บ้านก็อยู่ห่างกันไม่กี่ป้ายรถเมล์ เรียนด้วยกันตั้งแต่ประถม มัธยม
จนถึงมหาลัย เรียน ที่เดียวกันหมดแหล่ะ ( ไม่รู้มันเลือกที่จะตามผม รึผมเลือกตามมัน 555)
ตอน ม.ต้นผมกะมันก็ตัวเท่ากันนะ แต่ตอนนี้เหมือนมันตัวหดลงยังไงก็ไม่รู้คับ ( มันชอบบอกว่ากรูจะไม่เดินไปไหนกะมรึงละ สาวๆชอบมองข้ามกรู หุหุ
ไอ้ เตี้ยเอ้ย แต่หน้าตามันก็พอไปวัดตอนหลัวๆได้นะ 55 )มันกะผมไปไหนก็ไปด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ ครับ ขนาดพวกผมเรียนมหาลัยคนละคณะบางวันยังไปกินข้าวด้วยกันเฉยเลย แต่คณะผมกับคณะมันติดกันนะ หุหุหุ
ผมเรียนคณะบัญชี มันเรียน วิศวะครับ ( รู้รึยังว่ามหาลัยไหนเอ่ย คณะวิศวะกับบัญชี ติดกัน 55
น่าจะรู้กันนะครับ กรุงเทพมีมหาลัยเดียวมั้งที่มีสองคณะติดกันเนี่ย ผมคิดเอาเองนะครับ )
ก็มีห่างกันไปบ้างตอนต่างคนต่างมีแฟนน่ะครับ แต่พวกผมก็แยกเวลาเป็นนะ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องแฟน
สรุปแล้วพวกผมตั้งแต่เรียนจบเจอกันบ่อยโคดๆเหมือนเดิม
นะแหล่ะ แค่แหย่กันเล่นมั่ง แก้เซ็ง ไม่มีใครรู้ใจผมเท่ามันอีกแล้วละคร๊าบบบ ( เชื่อผมป่าว )

วันนี้ผมไม่เข้าบ้านก่อนหรอกเดี๋ยวป๊ากะแม่ จะไม่ให้ออกมาอีก
( ป๊ากะแม่กลัวคนมาทำมิดีมิร้ายลูกตัวเองครับเพราะโดยพื้นฐานทางครอบครัวแล้วหน้าตาดีกันทั้งบ้าน 555 เอิ๊กส์ )
ผม ชวนไอ้บอลไปงานวันเกิดไอ้หนุ่ยด้วย แต่มันไม่ไปมันบอกมีนัด แล้ว( กะมักคะทายกวัดไหน ก็ไม่รู้ โทษทีนะบอลแซวมรึงแต่ละเรื่อง ดีๆทั้งนั้น )
ไอ้บอลกะไอ้หนุ่ยรู้จักกันก็เพราะผมเนี่ยแหล่ะคับ ( รู้แค่นี้ก็พอเนาะ ขี้เกียจเล่าอ่ะ )
เลิกงานรีบออกจากบริษัทเลยคับ ว่าจะแวะห้างดูของขวัญให้ไอ้หนุ่ยซะหน่อย
ผมยิ่งชอบเดินห้างนานๆอยู่ด้วย ชอบเย็นดี( ถ้าไม่เอาของขวัญไปให้มันด้วยจะน่าเกลียดป่าววะ
สัญชาตญาณ การใช้เงินอย่างรอบคอบเริ่มฉายแวว เค้าเรียกว่าใช้เงินเป็นครับ )

….แต่เอ วันนี้ผมไม่เห็นไอ้พี่สามเลย รู้สึกแปลกๆแฮะ……

เดิน เลือกของตั้งนานได้เสื้อตราไอ้เข้สีชมพูมาตัว ( ยี่ห้อบ้าอะไรก็ไม่รู้แพงโคด ๆ ไอ้หนุ่ยชอบสีชมพูครับ ผู้ชายบ้าอะไรก็ม่ายรุ) ผมเห็นมันสวยดี ลืมดูราคาคับ คิดว่าคงเหมาะกับมันแระ ถามไซด์แล้วหยิบเลย ตอนจ่ายเงินแทบช็อค ( กรูจะกินคุ้มกับค่าของขวัญป่าวเนี่ย เอ้า เพื่อเพื่อนก็ได้วะ )
ก้มมองนาฬิกา ตายละวา จะสองทุ่มครึ่งแล้วอ่ะ ดูท่าทางเค้าจะเป่าเทียนก่อนกรูซะละม๊างง
ผมรีบออกจากห้างพุ่งตรงไปผับที่มันบอกเลยครับ

………………………….อย่าให้ใจแพ้ภัยตัวเอง อย่าไปตามใจหัวใจเราเอง
เป็นอย่างที่ผ่านมา ( เจ็บมาพอไหม ) บอกเธอไปว่าใจยังเจ็บ และไม่มีใจเหลือพอให้ใคร
แล้วก็หันจากไป แค่นี้ทำได้รึเปล่า ……..( น้าน เพลงนี้เก่าได้ใจเจรงๆ คิดว่าเป็นของลุงๆนูโวนะ )
ผมเดินเข้าไปในผับแบบรีบๆคับ สามทุ่มกว่าแระ ( สาบานได้ตอนนั้นเปิดเพลงนี้จริงๆครับ ผมยัง
คิดเลยว่าเพลงเก่าๆเนี่ยเพราะเน๊าะใครมีเพลงนี้มั่งแปะให้หน่อยสิครับ )
สอดส่ายสายตาแล้วก็รีบเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนๆผมครับ
ดูจากสีหน้าแต่ละคน นำผมไปหลายขุมแล้วครับ( น้องในร้านคงชงเหล้าตามสีหน้าแล้วหล่ะตอนนี้ เหอๆ) พอเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาของผม
แต่ละคนรุมด่าผมกันใหญ่เลยครับ โดยเฉพาะไอ้หนุ่ยมันทำเป็นงอนๆ แล้วด่าอะไรผมเยอะแยะ
( ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ คำแก้ตัวผมจุ 10 จิ๊ก เมมไว้ในสมอง พร้อมใช้งานครับ )
ผมก็บลาๆๆๆๆๆ แก้ตัวไปตามเรื่อง แล้วก็ตัดบทโดยการยื่นของขัวญให้ไอ้หนุ่ย...หลังจากนั้น คุณคิดว่าสิ่งแรกที่
ผมต้องทำคือไรคับ
555 ช่ายแล้วชงมาให้พี่อย่างด่วนเลยไอ้น้อง เด๋วตามเพื่อนไม่ทัน
พอได้แก้วแล้วก็ชน ( ใสเลย ไอ้น้องชงใหม่ 55 )จากนั้นก็หันไปคุยกับเพื่อนๆทุกคนทั้งคนที่เจอกัน
บ่อย แระก็คนที่ไม่ได้เจอกันนาน
มีไม่คุ้นหน้าบ้างบางคน ( สงสัยเพื่อนใหม่ที่ทำงานไอ้หนุ่ยมัน )
แต่คนที่ผมประทับใจสุดๆ มองผ่านไปแล้วยังต้องหันกลับมามองซ้ำ เป็นชายไทยครับ
ต้องมองเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง หน้าตาดูอ่อนโยนและคุ้นเคย 555 ( บรรยายไปได้ไงผม )

เอ…นี่ผมเมา หรือผมคิดถึงมันกันแน่
ผมตั้งใจมองคนๆนั้นอีกครั้ง ผมเห็นมันยิ้มๆให้ผมครับ
( มีเขี้ยวด้วยหล่ะ )


หวา…..ใช่แล้วครับ ไอ้พี่สามแน่ๆ ตัวเป็นๆเลยครับ
สำเนาถูกต้อง
“ เฮ้ย พี่มาได้ไงอ่ะ ”
………………………………………………………………………



TBC



*********************************
“ เฮ้ย พี่มาได้ไงอ่ะ ” ผมทักมันขึ้นมาแบบตกใจสุดขีด ไม่คิดไม่ฝันงานจะกร่อยมั้ยเนี่กรู ( พยายามท่องในใจ
ครับของฟรี ของฟรี ต้องอดทน หุหุ )
มันก็ยังยิ้มเหมือนเดิม แถมโบ้ยหน้าไปทางไอ้หนุ่ยอีก
( วันนี้มรึงลืมเอาปากมาใช่มั้ย ดีๆจะได้ไม่มีคนแย่งดริ๊ง ไอ้พี่สามก็ มารสุรา หนึ่งในตองอูละกัน )
ผมหันหน้าไปทางไอ้หนุ่ยครับ แล้วก็แสดงสีหน้าให้มันรู้ว่า
ตอนนี้ผมกะลังสงสัยเป็นอย่างมากจน ถึงมากที่สุด
“ ไร ไร ดูทำหน้าทำตาเข้า มรึงสงสัยอะไรถามพี่มาไอ้น้อง ” มันบอกผมกวนๆครับ หน้าตามัน
ตอนนี้รู้เลยว่า สติ มัน เริ่มไม่เต็มร้อยแล้วครับ ( อีกประเดี๋ยวสตังค์มันก็จะหายตามปาย 555 )


“ นี่มรึงยังไม่รู้จักพี่กรูอีกรึไง ไอ้นี่…. ไรวะไหนพี่สามบอกว่าอยู่บริษัทเดียวกะมรึงไง ” มันชักสีหน้าเล่าครับ ( เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย ไอ้เตี้ย )
แล้วไอ้พี่สามไปเล่าเรื่องผมให้ไอ้หนุ่ยฟังตอนไหน แล้วมันไปรู้จักกันได้ไง วะ ชักงงแระ
“ แล้วทำไมมรึงไม่บอกกรูว่า มรึงไปรู้จักกับพี่เค้าตอนไหน แล้วมรึงชวนเค้ามาทำม้ายยยย ” ผมแสดงสีหน้าตอบมันกลับไปเหมือนกัน แต่ผมพูดเบาๆ นะครับ กลัวพี่สามมันได้ยิน( เดี๋ยวมันกลับไปแก้แค้นผมที่บริษัท เพื่อนมันยิ่งเยอะๆอยู่ด้วย )
“เอ้า ไอ้นี่ นั่นปู่สายรหัสกรูที่มหาลัยนะมรึง แล้วพี่เค้าก็รู้จักกูกะมรึงมาตั้งนานแล้วด้วย” มันพูดพลางทำหน้างงเหมือนกัน ที่ผมทำท่าเหมือนไม่อยากให้ไอ้พี่สามมางานวันเกิดมัน
“ กรูพึ่งเคยพบหน้าเค้าครั้งแรกที่บริษัทเองนะ แล้วเค้าจะรู้จักกรูมาก่อนได้ไง มรึงอย่ามามั่ว” ไอ้นี่ พูดไม่รู้ความ
“ มรึงอย่าบอกนะว่ามรึงไม่เคยไปหากรูที่คณะ ” เออว่ะ ผมนึกตามในใจคับ

“ พี่เค้ารู้จักมรึงตั้งแต่มรึงไปหากรูที่มหาลัยแล้ว พี่เค้ายังเคยถามกรูเลยว่ามรึง น่ะเป็นใคร กรูเลยเล่าเรื่องมรึงทุก
เรื่องให้เค้าฟัง ทั้งหมดแหล่ะ ” อ้าวแล้วเจือกเล่าเรื่องชาวบ้านให้คนอื่นฟังทำไมวะ ไอ้นี่
ตอน นี้แหล่ะครับ ผมนั่งใบ้แดกไปเลยครับ ที่เค้าตั้งสมมติฐานว่าโลกมันกลม มันเป็นความจริงครับ ผมเชื่อแล้วแต่ก็ยังสงกะสัย อยู่เหมือนกันว่าทำไมมันไม่บอกผม ว่ามันรู้จักผมมาก่อน
ไอ้พี่สามนี่ทำเป็นมีลับลมคมใน มันต้องมีแผนชั่วร้ายแน่ๆ
( ทำเป็นไม่รู้เรื่องคับ 55 )
สรุป…ไอ้เพื่อนสนิทผมนี่เองครับที่เป็นตัวการทุกอย่าง เป็นหนอนบ่อนใส้ในกองทัพไทย
มิน่าล่ะข้าศึกถึงรู้จุดอ่อนผมเกือบทุกอย่าง
เลวเจรงๆเพื่อนผม

.........................................
สงสัยไอ้พี่สามมันได้ยินที่ผมกับไอ้หนุ่ยคุยกัน พอผมหันไปมองมัน
มันยิ้มๆครับ แต่ทำหน้าตาแบบว่ากรูไม่รู้เรื่อง กรูไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
( น่าเชื่อตายละมรึง ได้ยินที่พวกกรูคุยกันทุกอย่างเลยใช่มั้ย )

ซักแป๊บ มันขอเปลี่ยนที่ มานั่งข้างผมครับตอนนี้ไอ้หนุ่ยอยู่ข้างซ้าย ไอ้พี่สามนั่งด้านขวาครับ ไหล่ชนไหล่คับทุกท่าน
( แล้วจะมานั่งทำไมตรงนี้ มรึงปายนั่งข้างไอ้หนุ่ย มันไป กรูทำตัวไม่ถูก )
“ ทำไมนายมาช้าจัง ” มันเริ่มชวนผมคุยแล้วครับ
(จะมาตอนไหนก็ เรื่องของกรูนี่หว่า )
ทำไงดีผมไม่อยากคุยกับมันเลยอ่ะ เฮ้อ ไม่รู้มันจะมาไม่ไหนกับผมอีก
ผมล่ะตามมันไม่ค่อยทันเลยครับ ( อ่อนโลก บอบบาง 55 )
“ ก็พอดีรถติดอ่ะพี่ และก็มัวเลือกของขวัญให้ไอ้หนุ่ยอยู่ ” ตอบตอบ มันไปครับ
“ แล้วซื้ออะไรให้มันล่ะ” แล้วมรึงจะอยากรู้เรื่องของชาวบ้านไปทำไมล่ะเนี่ย
“ อยากรู้ก็ถามไอ้หนุ่ยมันดูดิพี่ ” ผมตอบมันไปกวนๆ มันทำหน้าน้อยใจแกมเซ็งๆครับที่ผมไม่ตอบมันดีๆ ( ไอ้
เด็กโข่งนี่ )
อ๊ะ ยอมๆก็ได้
“ ซื้อเสื้อให้มันตัวพี่ ไอ้นี่มันไม่ค่อยซื้อเสื้อเองหรอก ” ผมตอบให้มันแล้วๆครับ
เฮ้อ เอาใจยากเนาะมรึง
“ แล้วถ้าเป็นวันเกิดพี่ เราจะซื้ออะไรให้ ” มันถามผมแบบไม่เว้นช่องไฟให้ผมทันตั้งตัวครับ
“ แต่พี่ไม่เอาเสื้อนะ ขอแบบ ให้พี่มีได้คนเดียว ” นั่นแน่มรึง นี่มันเรียกว่ามีความหมายอื่นแอบแฝงรึเปล่าครับ ( ไอ้
นี่ชักเอาใหญ่ เอาโลงศพ ป่าว นอนได้คนเดียวด้วย เหอเหอ )
ไอ้หนุ่ยก็มัวแต่คุยอยู่กับเพื่อนคนอื่นครับ ไม่มาชวนปู่รหัสมันคุยเล้ย กำตกอยู่ที่ผมแระครับ
“ โหพี่ ทวงของขวัญตั้งแต่ยังไม่ถึงวันเลย เอาเหล้าป่ะล่ะ ” มรึงจะได้กินให้ตับแข็งตายไปเลย
( ที่สำคัญ ผมอาจได้แจมด้วย 55 ไม่ขาดทุน เหล้านะครับเหล้า ตายไม่แจม )
“ เหล้า เนี่ยนะ ก็ได้ แต่เราต้องมากินเป็นเพื่อนพี่ ” น่าน เอากะมันสิครับ เผลอเป็นหยอด ไอ้พี่นี่
“ 5555 ” หัวเราะไม่มีเหตุผลคับ ( มันก็ดูขำๆผมนะ ) เห็นมันหัวเราะพอใจเหมือนกัน
มันคงรู้ว่าผมเลี่ยงที่จะคุยกับมัน
พอดีไอ้หนุ่ย ยกแก้วมาชนครับ สุขสันต์วันเกิดครับไอ้คุณเพื่อน มาได้จังหวะดีมาก
ไอ้หนุ่ย กินเหล้าไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลยคับ กินอย่างกะแก้วรั่ว ( สำนึกมั่งสำนึก ถ้ามรึงเมาไม่รู้เรื่องแล้วใครจะจ่าย 555 )
และแล้วผมก็กินเหล้าต่อ อย่างกะไม่เคยพบเคยเจอครับ( ตอนนั้นลืมไปเลยว่ามีไอ้พี่สามมันอยู่ด้วยครับ )
และ ผมก็คุยกะเพื่อนผมอย่างหนุกหนานทั้งผู้หญิงและก็ผู้ชาย ( ทำไมผู้หญิงที่เป็นเพื่อนเก่าผม หาความสวยกันไม่เจอเลย )มีลักษณะเป็น ญ ผู้หญิงอดทนกันทั้งนั้น ถ้าที่บ้านผมทำนาทำไร่ละก็จะจ้างพวกมันไว้จนถึงฤดูเก็บเกี่ยวเลยคอยดูสิ 55
ปล .ถ้าพวกมันได้อ่าน
ผมคงไม่เหลือแม้แต่ซากศพแน่ 55 บรื๋อ น่ากลัวจัง )

เวลาผ่านไปไวอย่างกะโกหก ( เคยสังเกตป่าวครับเวลาที่เรากำลังสนุกมากๆ )
ตอน นี้ไม่รู้ว่าผมจะหันหน้าไปคุยกับใครแล้วครับ แต่ละคนเมาจนแทบจะคลาน( เหมือน.... แมววววกันเกือบหมดแล้ว( พวกมันเริ่มกินก่อนผมนานใช่เล่น )
มองไปเห็นไอ้พี่สามนั่งเงียบๆเก๊กหน้าเหมือนตัวเองหล่อเหลือเกิน สงสัยจะไม่มีเพื่อนคุยเหมือนกัน
อ๊ะ ก็ได้ เล่นตัวจนขี้เกียจเล่นแล้ว ( โทษฐานที่ลืมมันไป)
ยอมคุยเป็นเพื่อนมรึงก็ได้ ( ที่จริงไม่มีใครคุยกะผมแล้ว ต่างหาก หุหุ )
ตอนนี้ชักมึนๆแระ

“ ไงพี่ เมายัง ” ผมถามมันไป ( กรูน่ะเมาแล้ว ทะลึ่งไปถามคนอื่นนะผม )
“ แล้วเพื่อนพี่ ไปไหนหมดอ่ะ ตะกี้ยังเห็นแว๊บๆ ” ตะกี๊คือผ่านไปร่วม สองชั่วโมงคับ
มันหันมามองหน้า ผม แล้วทำหน้าเซ็งๆคับ แต่ไม่พูดอะไร แล้วก็ก้มลงมองแก้วเหล้าตัวเอง
อ๋อ เหล้าหมดนี่เอง ไม่มีคนชงให้ ก็ไม่บอก มองซ้ายขวา

ไอ้คนชงไปไหนหว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้องจัดให้
“ มามา เด๋วผมชงให้เอง รับประกันความเมาครับพี่ ” ผมบอกมันไปแบบอารมณ์ดีครับ
เวลาผม เมา เมา ก็สนุกงี้หล่ะผม อารมณ์ดี จนลืมสังเกตสีหน้ามันคับ
“อ่ะ ได้แระ มาชนกะผมหน่อย ” ผมหยิบแก้วขึ้นจะชนกะมันครับ
มันมองหน้าทำตาดุๆ ยังไม่ยอมชนอีก ( วะไอ้นี่ มรึงเป็นอาไร๊ )
“ โห พี่ น้องนุ่ง ชนแก้วด้วยไม่ยอมชน มา เดี๋ยวผมป้อนให้เลย เอาป่าว ” แหย่มันไปหนึ่งดอกครับ ได้ผลแฮะ ทีนี้ละยิ้มเลยครับ ท่านผู้ชม ผู้ฟัง
“ เอาดิ ” น๊าน ความเร็วเป็นของปีศาจ ดูมันตอบกลับมา วางไม้วางมือแทบไม่ถูกเลยผม แหะแหะ เกาหัวไปซะงั้น
“ พูดเล่นพี่ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” ผมพูดยิ้มๆ
พอเหล้าเข้าปากเนี่ยนิสัยแย่จริงๆนะผม ชอบยิ้ม ชอบหัวเราะ ชอบแหย่ด้วย โกรธใครก็ไม่เป็น
เพื่อนชอบบอกว่าถ้าทำให้ไอ้รอยมันโกรธ
แค่เอาอัลกอฮอล์ ไปผ่านจมูกมัน ก็หายแล้ว
( ท่าจะจริงนะ เพราะเพื่อนๆผม พิสูจน์สมมติฐานนี้แล้ว หลายๆคนเค้ายืนยันกัน 55 )
“ ยิ้มจนไม่เห็นลูกกะตาแล้วเรา 555 ” มันแซวผมครับ
( เหลาเต๊งไม่มีแล้วจะทำไมล่ะ )
มันไม่พูดเฉยเฉยครับ มันยังเอามือมันทั้งสองข้างมาจับหน้าแล้วถ่างลูกกะตาผมเล่นๆ
แล้วมันก็ทำหน้ากลั้นหัวเราะ ( เลวเจรง เอาล่ะๆ พอแระ ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะมรึง )
ไม่โกรธครับผม แถมแจกยิ้มให้มันเฉยเลย ( บอกแล้วกรูเมา เป็นงี้)
“ ชนดีกว่าพี่ มา ” ท้าชนแล้วผม เริ่มหยุดไม่ได้แระ ( ไม่อยากคิดถึงสภาพและอนาคตตัวเองเลย )
ไอ้พี่สามมันก็ตามใจครับ หมดแก้ว หมดแก้ว หมดแก้ว และหมดแก้ว
แถม ชงให้ผมกินอีก ใจดีจริงๆเลยพี่ผม ผมต้องมองมันใหม่ซะแล้วมั้งเนี่ย
.................................................

“ โหพี่ คอแข็งจังอ่ะ ไม่มาวซักที เอิ๊กส์ ส์ส์ ” น่านสัญญาณอันตรายเริ่มเตือน
ผมเริ่มสำนึกตัวหน่อยแล้วครับ วันนี้กรูจะกลับไงวะเนี่ย

พอดีผมกับไอ้พี่สามหันไปสบตากัพอดีครับ
“ ทำไมไม่พาแฟนมาด้วยล่ะ รอย ” มันมาถามอะไรตอนผมเมาเนี่ย
แล้วมันรู้ได้ไงว่าผมมีแฟนแล้ว อ้อ รู้แระ ลืมไป ผมมีใส้ศึกในพระนครคีรี
“ เค้าทำงานน่ะพี่ ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ค่อยได้คุยกัน ” ผมตอบความจริงมันไปครับ
“ แล้วเวลาไม่เจอกันไม่คิดถึงเหรอ ” มันถามผม สีหน้าจริงจังมากเลยครับ
แล้วมรึงจะยุ่งกับชีวิตกรูอะไรนักหนาวะเนี่ย หา ไอ้พี่สาม
“ เมื่อก่อนก็บ้าง แต่ตอนนี้เฉยๆมากกว่าอ่ะพี่ ” ผมตอบความจริงมันไปอีกครั้งครับ
คนเมาเนี่ยโกหกไม่เป็นจริงๆนะ ( โดยเฉพาะผม )
“ เอ้า พี่ ซักแต่ผม แล้วพี่ล่ะ ทำไมไม่พามาด้วย ”
ผมย้อนถามมันไปครับ
เปลี่ยนเรื่องครับเปลี่ยนเรื่อง
“ แฟนมีก็คงต้องมา ถ้าแฟนไม่มา ก็คือว่าแฟนไม่มี ” พี่แท่งมาเองเลยครับงานนี้
“ ทำเป็นพูดเล่นไป หน้าตาอย่างพี่ไม่มีแฟน คนอื่นเค้าคงจะมีหรอกนะ” ผมพูดประชดมันไป
มันทำหน้ายิ้ม ๆ แฝงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ครับ ( อันหลังคิดไปเองครับ)
“ แล้วพี่จะโกหกนายทำไมล่ะ ” มันบอกผมสีหน้าจริงจังครับ เออ ลืมไป
คิดว่าคนอื่นจะโกหกเก่งเหมือนผม 555
( ลืมบอกไป ว่าตอนคุยกันไป เหล้าก็เข้าปากไป มิมีหยุด หุหุ )
“ โหยไม่เชื่อ เชื่อก็กลัวดิ 55 ” อารมณ์ดีเจรงๆผม



“ แต่ตอนนี้พี่คิดว่าพี่เจอแล้วล่ะ” มันบอกผมเบาๆ

“คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ

ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ
…………………………………………”
น้านแม้แต่เพลงยังเป็นใจให้มันเลย ( รู้ป่าวครับ เพลง M เดอะสตาร์ )

น้านแม้แต่เพลงยังเป็นใจให้มันเลย ( รู้ป่าวครับ เพลง M เดอะสตาร์ )
ไอ้พี่สามมันร้องคลอไปตามเพลงที่เค้าเปิดครับ แต่ตามันน่ะมองมาที่ผมแบบไม่ละสายตายเลยทีเดียว
อู ย มรึงอย่ามองมาก เดี๋ยวกรูละลาย ( ชักเริ่มไม่ไว้ใจตัวเองครับ เดี๋ยวได้ใจอ่อนยอมได้เสียเป็นเมีย-ผัวกับมันล่ะ ซวยเลยครับ 555 ต้องเปลี่ยนเรื่อง )
“ พี่ว่าไรนะ ไม่ได้ยินอ่ะ ชนต่อดีกว่าพี่ วันนี้ไม่เมาไม่เลิกมา ” เอาให้ตายกันไปข้าง มารสุราเข้าสิงแล้วผม เอาไดโนเสา มาทั้งลากทั้งฉุดก็ไม่อยู่แร้ววว ( พรุ่งนี้จะทำงานไหวป่าวเนี่ย กรู )

ซักพักผมมองไปทางมัน เห็นมันยังนั่งนิ่งๆ ( เออ เอ็งเก่ง ) แต่ผม 55 ม่ายไหวแระ
มองไปแถวเก้าอี้ถัดไปหน่อย เห็นไอ้หนุ่ยนั่งตาแดง โม้น้ำลายแตกฟองกับเพื่อนกลุ่มที่ทำงานมันนั่นแหละ
นี่ถ้าผมกะมันนั่งใกล้กัน นะครับ ไม่รู้ใครเป็นใคร ทั้งกินเหล้า ทั้งแย่งกันพูด มั่วไปหมดแน่ แย่แย่
นินทามันในใจ พอดีมันก็หันมาพอดี
“ มรึงมานี่ไอ้รอย มาชนกะกูหน่อยไม่ได้กินเหล้ากะมรึงมาตั้งนาน ” มันเรียกผมแต่กลับเดินมาหาซะเองแถมชน
เก้าอี้แทบจะล้มระเนระนาด
( แล้วสองวันก่อนกูแดรกเหล้ากะแมวที่ไหนวะ)
“ ได้ เคยกลัวใครที่ไหน ” ได้เสมอ ครับ คนอย่างรอยแล้วมันก็ชนกะผม และก็ไอ้พี่สามกินกันไปเรื่อยๆครับ
ความเมานี่มันมาไม่บอกไม่กล่าวจริงๆนะผมว่า
ซักพักผมเริ่มรู้ตัวจริงๆละว่าร่างกายผมไม่ไหวแล้ว ( ก่อนหน้ารู้ตัวแบบหลอกๆครับ 555 )

“ เฮ้ย ไอ้หนุ่ยกรูไม่ไหวแล้วว่ะ กูกลับก่อนนะโว้ย ” ตอนนี้เริ่มมองหน้าไอ้หนุ่ยไม่ชัดแระครับ
“ ไม่เอาอ่ะ กินกะกรูก่อน ปีละครั้งเองนะโว้ย ” แล้วครั้งก่อนๆพวกเรากินน้ำใบเตยกันใช่มั้ย SAD
เป็นอย่างนี้นี่เองความดันทุรังของคนเมา
“ ก็ได้ ” ยังไม่สำนึกอีกผม ใจง่ายจังน้า ( นอนแถวนี้ก็ได้วะ ) ว่าแล้วก็ ระยอง…..
ผมจำไม่ได้ครับว่ายกไปอีกกี่แก้ว

วูบ………………. ฟิวส์ขาดครับ


โอ้ยปวดหัวจังเลย ใครแอบมาทุบหัวกรูวะเนี่ย ตื่นขึ้นมา คลำหัวป้อยๆเลยผม
นั่งประมวลความคิดก่อน กรูกลับมาบ้านได้ยังไง เออกรูไปงานวันเกิดไอ้หนุ่ยมา
กินเหล้าไปเยอะ ชนแก้วกะไอ้หนุ่ยมัน แล้ว…….ความทรงจำหายไปช่วงหนึ่งคับ
คิด คิด คิด จำไม่ได้ครับ ไม่สนแระ ไอ้หนุ่ยคงพามาส่งบ้านม๊างงง
เก่งจริงกรู เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนอนอีก
( เด็กอนามัยครับคุณๆ กลัวเชื้อโรค )
แต่ปวดหัวจริงๆครับ (เวลาผมเมามากๆ ผมจะนอนไม่สบาย ถึงนอนดึกแค่ไหน ก็ตื่นเช้าคับ )
วันนี้หาเรื่องโดดงานดีกว่า ว่าแล้วก็ควานหาโทรศัพท์มือถือ อยู่ไหนหว่า …อ้อนั่นเอง
“ หัวหน้าครับผมไม่สบายเป็นหวัดครับ ปวดหัวมากๆ วันนี้คงเข้าออฟฟิศไม่ได้ เดี๋ยว เพื่อนๆติดหวัดละก็ บ่นผมแย่เลย บลา บลาบลา…………………….”
( หัวหน้าผมก็เชื่อคนง่ายเนาะ อีแบบนี้ต้องโกหกบ่อยๆซะแล้ว ห้ามลอกเลียนแบบนะครับ ใช้เฉพาะยามคับขันเท่านั้น 5555 แต่ก็โดนบ่นไปตามระเบียบครับ )

โล่งอกไปหนึ่งเปราะ หาวิธีแก้แฮงค์ ดีกว่า
ผมเตรียมตัวลุกจากเตียงจะลงไปข้างล่างครับ มองไปข้างๆครับ ใครวะ…
เอ้าไอ้ดิว มรึงแอบมานอนห้องกรูอีกละ มันนอนหันหลังให้ผมครับ แอบใส่เสื้อกรูด้วยนะมรึง
สงสัยไอ้ดิวเนี่ยแหล่ะที่แบกผมขึ้นมานอน มันไม่เหม็นกลิ่นเหล้าจากตัวผมรึไงเนี่ย
น้ำก็ไม้ได้อาบ ทั้งกลิ่นเหล้า โส สุดๆเลยผม (ช่างมันเหอะเรื่องของมัน มันทนได้ ทนไป)
แต่เอ วันนี้มันไม่ไปเรียนรึไงวะ ไอ้นี่ชักเหลวไหล รึว่ามีเรียนบ่ายหว่า ช่างๆ
โอ้ย ลงไปข้างล่างไปจัดการกับตัวเองก่อนดีกว่า คิดมาก ปวดหัว ตุ๊บๆๆเลยครับ

รีบเปิดประตูห้องนอนเดินลงไปข้างล่างครับ
“ แม่ แม่ อยู่ในครัวป่าว ” ผมตะโกนหาแม่ผมครับ
( ขาดเธอไม่ได้ หัวใจขอสารภาพ 55 )
“ แม่กะป๊าไปข้างนอกแล้วแต่เช้า เฮียจะเอาไร แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ” น้องสาวผมเดินมาพอดีครับ
แต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว สงสัยกำลังจะออกไปเรียน
“ เฮียลา ไปไม่ไหว ปวดหัว ขอกาแฟเฮียแก้วดิ รีบไปเรียนป่ะล่ะ ”
“ ไม่รีบหรอกเฮีย เอาขมๆแบบเดิมใช่รึเปล่า ” น้องสาวผม
นี่น่ารักจริงๆ รู้ใจคับ รู้จาย
( ไม่อยากบอกเลยว่าแฮงค์บ่อยมาก เมื่อก่อนนะครับ )



“ เพื่อนเฮียตื่นรึยัง ” น้องสาวผมถามขึ้นมาและกำลังจะเดินออกนอกบ้านไปพร้อมกับหนังสือหอบโตๆ
เพื่อนไหนหว่า หมายถึงไอ้ดิวมั้ง ( ถามแปลกๆน้องสาวผม )
ผมนิ่งคิดไปนิดนึง
มองไปหน้าบ้าน CRV สีดำใครวะมาจอดอยู่หน้ารั้วบ้านกรู คิดสิครับคิด
“ ไอ้ดิวล่ะ ” ผมตะโกนถามน้องสาวที่กำลังปิดประตูรั้ว
“ เฮียนิก็ ดิวมันไปออกค่ายตั้งแต่มะวานไง แก่แล้วขี้ลืมจัง ” น้านชักเอาใหญ่น้องสาวผม
มันบอกผมพร้อมยกมือขึ้นบาย แล้วรีบเดินไปทันที อึ้งละสิครับ ทีนี้
ใคร ใคร ใคร ใคร ( เชิญเดากันตามสบาย )



TBC



หลังจากนั้นความเร็วเป็นของปีศาจครับ ( อีกครั้ง ครับคำนี้ไม่รู้จะใช้คำว่าอไรดี 55 )
ผมรีบวิ่งขึ้นไปห้องนอนผมทันทีครับ ถ้าเป็นคนที่คุณรู้ว่าเป็นใคร
ผมต้องรีบขับไล่มันกลับบ้านไปโดยด่วนคับ ทั้งวิ่งทั้งวางแผนไว้ในใจกันพลาดไปพร้อมๆกัน
ประมาณ 92 กว่าแผนการครับ( เว่อเนาะ 55แต่เหนื่อยนะเนี่ย )
พอเปิดประตูเข้าไป….เป็นอย่างที่คาดไว้มิมีผิดครับ
ใช่มันจริงๆด้วยครับ ตัวเป็นๆเลย มันตื่นนอนแล้วครับ
มันนั่งหัวยุ่งทำหน้าเบลอๆอยู่ข้างเตียงนอนผมนี่แหล่ะ
( แต่วันนี้ทำไมผมรู้สึกว่ามันดูดีหว่า ทั้งผมที่ของมันก็ยุ่งๆ หนวดเคราเขียวที่เริ่มขึ้นใหม่ ด้วย คิดบร้าๆไปได้เนาะผม delete ครับ delete )

มิน่าผมถึงนึกว่าเป็นไอ้ดิว มันแอบใส่เสื้อผมนี่เอง แต่ท่อนล่างมัน…………................................



เป็นกางเกงยีนส์ดำตัวเดิมที่มันใส่เมื่อคืนครับ ( คิดกันไปถึงไหนอ๊ะป่าว 555 )
“ หายไปไหนมา พี่ตื่น ก็ไม่เห็นนายแล้ว ” เอ้าบ้านกรู นะไอ้นี่
“ แล้วไม่ปวดหัวมั่งรึไง หนักขนาดนั้นน่ะ ” มันถามต่อโดยไม่รอคำตอบจากผมครับ
“ ตื่นนานรึยัง เอากาแฟมั้ย ” เฮ้ย กรูถามมันไปแบบนี้ได้ไง ที่คิดไว้ไม่ใช่แบบนี้
แล้วแผนการผมที่วางไว้ล่ะ
( พังหมด แผนผม Game over ซะแล้ว แย่แย่ ) เอาใหม่ได้เปล่าเนี่ย
“ รู้เปล่าเมื่อคืนเอาเรื่องเหมือนกันนะนายอ่ะ กว่าพี่จะได้หลับได้นอน ” มันพูดพลางยักคิ้ว
เวรละ อะไร อะไรกันค๊าบ เกิดปรา-กด-ตะ-กานอะไรขึ้น พูดให้กรูคิดหนักแล้วมั้ยล่ะ
ทำไมกรูไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ ไรพี่ เมื่อคืนมีอะไร” ถามไปทั้งที่ใจยังสั่นๆ มันคงไม่มีอะไรหรอกน่า( ปลอบใจตัวเองไว้ก่อนคับ )
ผมทำหน้าตาเหรอหราครับ ก็ผมไม่รู้เรื่องจริงๆนี่
“ โห ก็เมาเละเทะขนาดนั้น กว่าพี่กับไอ้หนุ่ยจะลากนายขึ้นรถได้ เหนื่อยแทบตาย ” มันเล่าพลาง
แสดงลีลาประกอบครับ ( ยังดีไม่มีแสงและเสียงช่วยด้วย ) เฮ้อ โล่งจายไม่ใช่อย่างที่คิด
“ แถมอ้วกใส่รถพี่อีก เลอะไปหมด กว่าพี่จะแบกนายขึ้นบนบ้านได้นี่ยังไม่รวมตัวพี่นะก็โดนอ้วกนายซะอย่างกะพี่ อ้วกเอง ถ้าไม่ได้น้องสาวนาย ช่วยพยุงขึ้นห้อง พี่กะว่าจะทิ้งเราไว้ในรถนั่นแหละ”มันบ่นมาเป็นชุด ขอโทษค๊าบ แล้ววันหลังจะทำอีก ( ไม่มีสำนึกครับ มือชั้นนี้แล้ว วะ 555 )
ถึงตอนนี้ผมต้องเงียบไว้ก่อนครับ คนมีความผิดนิ ก้มหน้านิดๆให้เหมือนสำนึกมากๆ( เหนือชั้นกว่ามันเยอะ )
“ นี่ยังไม่จบนะ พี่ยังต้องลงไปเช็ดอ้วกเราในรถพี่อีก เหนื่อยเกือบตายแน่ะ ” ปากมันบ่นแต่สายตามัน
กลับมองผมแบบขำๆ ครับ ( นี่มรึงจะโกรธหรือไม่โกรธกรู เนี่ย ห๊ะ กรูจะได้วางตัวถูก )
“ แล้วทำไมไม่ให้ไอ้หนุ่ย มาส่งผมอ่ะ ” ผมบอกมันแกมประชดครับ
ทีนี้มันหน้าหงิกเลยครับ มองผมแบบเอาเรื่อง ( ปากหนอปาก กรู เฉยๆก็ดีแล้ว)
“ อย่างกะสภาพนายกับมันแตกต่างกันนักนิ รู้งี้ปล่อยทิ้งไว้ในผับดีกว่า ” มันงอนละครับทีนี้
ทำหน้าบูดเป็นตูดลิงแระ ทำไงดีล่ะผม เคยง้อผู้ชายซะที่ไหน ( ทำไงดีหว่า เดินเข้าไปหอมแก้มดีป่าว 55 จ้างให้ก็
ม่ายทำ ไมต้องมาลุ้นกันเลย )
ระบบการจัดการในสมองผมเริ่มสั่งการครับ
ก่อนอื่น เกาหัวแก้เขินก่อน ส่งยิ้มหล่อๆให้มันนิดนึง แล้วตามด้วยคำพูดที่แสนไพเราะเสนาะต่อ
โสตประสาทครับ ประจบมันนิด( ใช้ภาษาเว่อเจรง 55 )
“ พี่สามหิวรึยังครับ เดี๋ยวผมลงไปต้มข้าวต้มร้อนๆให้ทาน ” แหล ค๊าบ แหล(ถ้าไม้นี้ไม่ได้ผล มรึงก็กลับบ้านมรึงไปเลยนะ นี่แผนเด็ดนะครับ)
ในใจ ผมคิดแค้นครับ ไรวะตัวโตซะเปล่าขี้ใจน้อยจริง แต่มันยังนิ่งครับ ไม่แสดงสีหน้าอะไร
ผมมองหน้ามันนิด ส่ายหน้าหน่อย ( กรูไม่ง้อแล้วโว้ย ) เตรียมกลับหลังหันลงไปข้างล่าง
“ ขอกาแฟก่อนได้ป่าว ” ได้ผลจริงๆด้วยครับ ( เหนือชั้นจริงๆครับกรู 55 แม้แต่ผู้หญิงยังตาย(ใจ) ผู้ชายจะไปเหลืออาไร๊ )
........................
“ เดี๋ยวพี่ตามผมลงมาข้างล่างเลยละกัน ” ขี้เกียจเอาขึ้นมาให้มันซะงั้นผม ( อย่าอยู่ห้องนอนนานๆเลยครับ ไม่ปลอดภัย ในสวัสดิภาพและทรัพย์สิน )
เอ แต่เหมือนยังมีเรื่องนึงนะ เรื่องอะไรหว่า เหมือนมันยังค้างคาใจยังไงไม่รู้ครับ
แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
……………………………………………………………………
ตอนนี้ผมอยู่ในครัว ชงกาแฟให้มันครับ ( มันกินยังไงวะ ชงไปมั่วๆละกัน )
พอเดินออกมา ก็เห็นมันนั่งเสนอหน้าอยู่ที่โซฟาแล้วคับ
( อ้อ กรูลืมไปว่านี่บ้านมรึง )
เห็นมันพยายามเปิดทีวีอย่างตั้งใจอยู่
ผมยืนมองมันเงียบๆครับ
มันก็กดนั่นกดนี่ของมันไปเรื่อย แต่เปิดไม่ได้ซักที มันทำหน้าขัดใจคับ ( เออว่ะ มันก็มีช่วงเวลา ที่เหมือนเด็กๆ เยอะเหมือนกัน )
ผมก็ยืนมองมันตรงนั้นนั่นแหล่ะ ซักพักมันสังเกตเห็นผมยืนจ้องมันอยู่
มันก็เลยลุกขึ้นทำท่าบิดขี้เกียจแก้เขินครับ ( เปิดทีวีไม่ได้ละสิ จบวิดวะจริงป่าวเนี่ย )
“ อ่ะ ได้ละ” ผมยื่นกาแฟให้มัน แล้วหยิบรีโมทเปิดทีวีให้ ( พระเจ้า ติดครับ 555 )
มันยิ้มเขินๆแล้วนั่งลง ผมเลยเสนอคำถามมันไป
“ พี่จะกลับตอนไหน แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ” ผมส่งคำถามเชิงขับไล่ครับ
“ พี่ลาหัวหน้าไว้แล้ว ….. แล้วนี่ป๊ารอยรดน้ำกล้วยไม้รึยัง เดี๋ยวพี่ออกไปดูให้ก่อนนะ ”ว่าแล้วมันก็รีบเดินออกไปเรือนเพาะชำป๊าผมครับ ยังคุยไม่จบเลย
นั่นแน่ มรึง ไม่อยากกลับใช่มะ ทำเฉไฉไปเรื่องอื่น
( แล้วมรึงมาห่วงกล้วยไม้อะไรตอนนี้วะเนี่ย )
ตอนนี้บ้านมรึงมิแจ้งความคนหายแล้วรึ เออๆอยากอยู่ก็อยู่ปาย

ผมยังไม่หายปวดหัวครับ เลยขึ้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเผื่อมันจะดีขึ้น
เสร็จธุระส่วนตัวผมก็เดินลงมาครับกะว่าจะมาทำอะไรกินหน่อย ก็แม่ผมไม่หาอะไรไว้ให้กินเลยอ่ะ
( คงคิดว่าผมจะไปกินที่ทำงานครับ )ในใจก็คิดไว้เล่นๆว่า ไอ้พี่สามคงกลับแล้ว
มันกลับจริงครับแต่แค่กลับมาจากเรือนเพาะชำนะครับ
แล้วมานั่งเก็กเป็นท่านเจ้าของบ้านอยู่หน้าจอทีวี
“ เอ๋า ยังไม่กลับอีกเหรอพี่ ” ผมแดกดันมันไปอีกหนึ่งดอก
มันค่อยๆหันหน้าหาผม ทำสีหน้างอนๆแกมตัดพ้อ
( มารยาแระมรึง )
“ คำก็ไล่ สองคำก็ไล่ ไม่นึกถึงความลำบาก ที่เราต้องพาคนเมากลับมาส่งถึงบ้านเล้ย ”
น๊าน…มันพยายามพูดให้ผมสำนึกครับ เออสำนึกก็ด่ะ
“ เปล่าพี่ ถ้าพี่ยังไม่กลับ ผมว่าจะบอกให้พี่ขึ้นไปอาบน้ำ ผมเตรียมผ้าเช็ดตัวและก็เสื้อผ้าไว้ให้พี่เปลี่ยนแล้ว วางไว้บนเตียงอ่ะ เอาไง ” ผมนำเสนอมันไปครับ
ยิ้มออกละทีนี้มัน รีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านแทบไม่ทัน สงสัยกลัวผมเปลี่ยนใจไล่กลับบ้านอีก ทำตัวอย่างกะเด็กๆ เฮ้อ (กรูไม่เคยเอาใจใครอย่างนี้มาก่อนเลยนะ มรึงก็ควรสำนึกนะไอ้พี่สาม )
ว่าแล้วก็เข้าครัว ทำข้าวต้มไว้รอมันครับ ( ฉากนี้ห้ามทุกคนคิดไปใกลนะครับ เพราะว่าแค่ผมเก็บไป คิดคนเดียวแล้วยังมีความรู้สึกว่าเหมือนคู่แต่งงานใหม่ยังไงก็ไม่รู้ มันแปลกๆอ่ะ แต่ทำไมไม่ต่อต้านล่ะผม งงกับตัวเอง )
สรุปแล้ววันนั้นทั้งวันผมกับมันก็นั่งอยู่หน้า ทีวี นั่นแหล่ะครับ ไม่ไปไหนกันหรอก คุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้มั่ง
พอผมเปิดช่องหน่อย ไอ้พี่สามมันก็จะหยอดผมทันทีครับ แต่ผมก็ต้องทำหน้าแบบว่ามรึงพูดอาไร กรูไม่รู้เรื่อง
แต่ก็มีช่วงนึงที่ผมหลับไปหน้าทีวีนี่แหล่ะ มีความรู้สึกว่าตอนนั้นต้องมีคนทำมิดีมิร้ายกับหน้าผมแน่
แต่ผมขี้เกียจลืมตาขึ้นดู หนังตาผมคงโดนถ่วงด้วยลูกเหล็กหนัก 50 โล มั้ง
มันถึงลืมตาได้ยากเย็นแท้ ไม่นานผมคิดว่าไอ้พี่สามมันก็คงหลับตามผมไปติดๆครับ…………ZZZZZZZZZZZZZZZZZ
******************************
ผมคงหลับไปนานมากเหมือนกันครับ พอลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เจอแถมยังได้สัมผัส อีกหน้าครับมันคือหน้าไอ้พี่สาม อยู่ตรงหน้าผมเลยครับ
แถมจมูกยังชนกันอีก ( นี่ใช่มั้ยที่เค้าเรียกใช้อากาศร่วมกัน รึเปล่า 55 )
ตั้ง สติได้ ลุกพรวดพราดกระโดดออกไปตั้งหลัก ห่างจากมัน 500 เมตรได้ (พ่อแก้วแม่แก้วอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ลูกกลัว กลัวอดใจไม่ไหวครับ 555 เอิ๊กส์ )

.....................แต่ตอนนี้กลัว.......................

ตอนนี้ผมเดินออกมาหน้าบ้านแล้วครับ ไอ้พี่สามมันยังหลับอยู่ ผมเลยคิดอะไรเรื่อยเปื่อย และก็ทบทวนเหตุการณ์
แปลกๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตช่วงนี้ของผม มันเกิดอะไรกับผมกันแน่รู้สึกว่าพี่สามมันจะเข้ามามีอิทธิพล ในชีวิตผมมากเกินไปหรือเปล่า
ผมเริ่มคิดอะไรกับพี่สามแบบนั้นมั้ย

ตอบได้เลยว่าคิดครับ
แต่ มันรู้สึกแปลกๆ ในใจมันแย้งตลอดเวลาว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
ภายในใจผมมีสิ่งที่ขัดแย้งเยอะเหลือเกินครับ
ผมมีแฟนแล้ว …….ผมมีแฟนแล้ว ผมพยายามย้ำกับตัวเอง
แฟนผมผิดอะไร เค้าไม่ได้ไม่ดี
เพียงแค่ตอนนี้ผมกับเค้าต้องห่างกัน ทั้งด้วยหน้าที่ ทั้งด้วยระยะทาง ที่ห่างกัน ก็เท่านั้น
ผมยังรักแฟนผมมั้ย ผมตอบได้เลยว่ายังรัก แต่ผมตอบไม่ได้ว่ายังรักเท่าเดิมมั้ย

และที่แน่ๆตอนนี้ผมยังไม่อยากเลิกกับแฟน ผมยังเป็นมนุษย์ครับ ยังคงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวคนนึง
ที่กำลังยื้อสองสิ่งไว้ในมือพร้อมกัน และชั่งน้ำหนักว่าสิ่งไหนดีกว่า
พี่สามเป็นแค่คนเดินผ่านเข้ามาในชีวิตผม ตอนที่ผมกำลังเหงา ตอนที่ผมไม่มีใครอยู่ข้างๆ เท่านั้น
ผมพยายามบอกตัวเองและต้องพยายามบอกพี่สามด้วย ( ต้องทำให้ได้ )ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเกินเลยไปมากกว่านี้
นี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับ เรา

รึเปล่า………….ผมไม่แน่ใจเลย





ผม ยืนกอด อกเงียบๆมองดูกล้วยไม้ที่ไอ้ตัวดี ติดสินบนพ่อผมและคิดถึงเหตุการณ์ที่มันตามตอแยผม ทุกๆเรื่อง ผมไม่รู้ตัวหรอกครับว่าสีหน้าผมตอนนั้นเป็นยังไง..............


อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมาแตะที่ข้อศอก ผมเลยหันกลับไปดูครับพี่สามมันเดินมายืนข้างๆผมแล้ว
“ ตื่นก่อนแล้วก็ไม่ปลุกพี่ ” มันว่าผมยิ้มๆครับ
ผมเงียบไม่พูดอะไร แต่สีหน้าผมคงจะบ่งบอกอะไรซักอย่าง
“ มีอะไรรึเปล่า ” มันถามผมขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมหันไปมองหน้ามันครับ


“ พี่สามผมถามจริงๆ พี่ชอบผมใช่มั้ย ” ผมถามน้ำเสียงเรียบๆ มันหันมามองหน้าผมแบบอึ้งๆที่ผมถามตรงๆ

“ ผมหมายถึงชอบแบบคนรักน่ะ” ผมถามให้ตรงประเด็นที่สุดครับ
พอผมพูดคำถามจบ มันเงียบ เหมือนคนกำลังใช้ความคิด มากๆ
ส่วนผมก็จ้องหน้ามันแบบต้องการรู้คำตอบจริงๆ
ซักพัก มันมองหน้าผมกลับ แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ( ถึงมันไม่พยักหน้าผมก็รู้แล้วล่ะว่าคำตอบคืออะไร )
ผมเห็นมันถอนหายใจ ใหญ่
ผมคิดว่ามันคงรู้สึกโล่งใจที่ได้บอกสิ่งที่เก็บไว้ในใจออกมาแต่สีหน้ามันยังดูเป็นกังวลอยู่ ผมคิดว่านะ
“ พี่สามรู้อยู่ใช่มั้ยว่าผมมีแฟนแล้ว ” ผมถามมันไป มันพยักหน้าอีกครั้ง
“ แล้วผมกับแฟนก็ยังรักกันดีอยู่ ผมไม่คิดว่าผมจะทิ้งเค้าเพื่อมารักกับผู้ชายด้วยกันหรอกนะพี่”ตอนนี้ผม ตัดสินใจบอกไอ้พี่สามไปตามตรงครับ เพราะยิ่งนานจะยิ่งค้างคามากขึ้น
หน้าตาไอ้พี่สามตอนนั้นป็นยังไง ผมไม่รู้แล้วครับ เพราะผมไม่กล้ามองหน้ามันตรงๆ
“ ผมไม่คิดว่าเราจะรักกันแบบนั้นได้ พี่ต้องเข้าใจผมนะ ” ผมพูดย้ำทำร้ายหัวใจมันอีกครั้งครับ
“ แต่ผมไม่ได้เกลียดพี่ เราคบกันแบบพี่น้องได้ พี่ว่ามั้ย ” คำพูดยอดฮิตครับ ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
แต่ในใจผมรู้สึกเจ็บนะครับ ในชีวิตผมไม่เคยพูดทำร้ายจิตใจคนขนาดนี้มาก่อนเลย ........

มันไม่พูดอะไรตอบผมกลับมาซักคำ แต่ตอนนี้มันชักเงียบนานเกินไป ผมเลยต้องหันไปมองหน้ามันตรงๆอีกครั้ง
ตกใจเลยครับ น้ำตาไอ้พี่สามมันไหลเป็นทางครับ ผมมองแล้วอึ้งๆๆๆ เกิดความรู้สึกผิดอย่างรุนแรง ในตอนนั้น
ผมคิดดีแล้วเหรอที่พูดไป
มันเห็นผมมองหน้ามัน มันคงรู้ตัวรีบเอามือเช็ดน้ำตาครับ
“ วันนี้พี่กลับดีกว่า เดี๋ยววันหลังพี่จะเอาชุดนายมาคืนนะ ” มันพูดพลางรีบเดินเข้าไปในบ้านผมครับ
ส่วนผมยืนนิ่งอยู่กับที่ ก้าวขาไม่ได้ รู้สึกเหมือนคนจมน้ำครับ หายใจไม่ออก ทรมานจัง
มันเดินเข้าไปเอากุญแจรถและก็ชุดที่มันใส่ไปงานวันเกิดไอ้หนุ่ยมันม้วนๆออกมาเหมือนขยะเลย
แต่ตัวมันยังใส่ชุดของผมอยู่ มันมองหน้าผมนิดนึง ผมมองตอบ ทำไมตามันเศร้าจัง
แล้วมันก็เดินผ่านผมไปที่รั้วบ้านโดยไม่พูดอะไรกับผมอีก
ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออกแล้ว จะเดินไปปลอบใจก็ยิ่งจะทำให้มันเจ็บเพิ่มมากขึ้นได้แต่มองตามมันไป ทำได้เท่านั้นจริงๆครับ
พอไอ้พี่สามเดินไปถึงรถ ก่อนที่มันจะเปิดประตูมันหันกลับมามองผมอีกครั้งด้วยสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมทำกับมันเกินไปหรือเปล่า


“ รอย นายคงไม่รู้หรอก ว่าพี่รักนายมานานแค่ไหนแล้ว ”

มันพูดกับผมแล้วมันก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปช้าๆ


ปล่อยให้ผมยืนคิดเงียบๆคนเดียว...................



วันต่อมา ผมรีบไปทำงานตั้งแต่เช้า ทั้งที่เมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลย
“ รอย นายคงไม่รู้หรอก ว่าพี่รักนายมานานแค่ไหนแล้ว ” คำๆนี้ยังวนเวียนอยู่ในหูผมตลอดเวลาแม้แต่ตอนที่ผมล้มตัวนอน
นานแค่ไหน ผมไม่รู้หรอกนะพี่สาม รู้แต่ว่าตอนนี้พี่ทำให้ผมรู้สึกผิดมากๆ
เมื่อไหร่จะเช้าซักที……………ผมพูดกับตัวเองซ้ำๆหลายครั้ง

ความรู้สึกของผมตอนนั้นก็คืออยากไปเจอคนที่ผมทำร้ายจิตใจเค้าไว้มากเหลือเกิน
แต่จะให้ทำยังละครับ ผมได้ตัดสินใจทำไปแล้วและผมคิดว่ามันถูกต้องซะด้วยสิ
ผมแค่อยากไปดูหน้าเค้า ว่าตอนนี้เค้าเป็นยังไง กลับไปเป็นไอ้พี่สามคนเดิมรึยัง
คนที่ชอบมายุ่งที่ฝ่ายผม ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของมันเลย
คนที่ใช้ผมให้ไปทำโน่นทำนี่ ทั้งที่ผมเป็นพนักงาน ไม่ใช่แม่บ้านประจำออฟฟิศ
คนที่ชอบมายุ่งกับตัวเลขบัญชีของผม ทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
คนที่ไม่เคยใส่กางเกงยีนส์สีอื่นเลยนอกจากสีดำ
ทำไมผมถึงจำรายละเอียดของมันได้มากขนาดนี้….ผมกำลัง(แกล้ง )ไม่เข้าใจตัวเอง
………………………………………………………………………

ผมไปถึงที่ฝ่ายผมตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทั้งที่เข้างาน เก้าโมง
ทำไมวันนี้คนอื่นถึงมาทำงานช้านัก (วะ )ผมนึกถึงไอ้บอล และคนอื่นๆ

ตอนนี้เพื่อนคุยของผม มีเพียงพี่ยามเท่านั้นเองครับ
……………………………………………………….
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ ( ช้ามากๆ เบื่อสุดๆแล้วครับ )
ตอนนี้เพื่อนร่วมงานผมเริ่มค่อยๆทะยอยมาทีละคน ก็จนครบฝ่ายผมแหล่ะ
บางคนเห็นหน้าผมทำหน้าตายังกะโดนผีหลอก รวมทั้งไอ้บอลด้วย
มันทำหน้างงๆ คงคิดว่าวันนี้ผมเกิดคึกอะไร ทำไมมาทำงานก่อนเพื่อนได้
…………………………………………………………..
ผมอดทนเฝ้ารอคอยคนที่ต้องการพบมาก
ต้องลุ้นทุกครั้งที่มีคนเปิดประตูเข้ามาฝ่ายผม
แต่ก็ไม่ใช่คนที่ผมรอแม้แต่ครั้งเดียว

ถึงตอนนี้ความอดทนผมหมดไปแล้วครับ
ตอนนี้ เวลานี้ ผมต้องการรู้แค่ว่าตอนนี้ไอ้พี่สามมันอยู่ที่ไหน แล้วมันเป็นยังไงบ้าง

pom0908 โพสต์ 2011-2-5 23:21:42

ขอบคุณคับป๋ม

.......... โพสต์ 2011-4-27 12:01:23

ขอบคุณมากครับ เจ๋งมากเลย

rubrub โพสต์ 2011-4-27 12:19:38

หนุกดีคับ


ชอบมากๆ

muta โพสต์ 2011-10-9 15:18:01

ขอบคุณครับ

derm โพสต์ 2018-8-9 10:47:30

สนุก รอ มาต่อเรื่องใหม่นะครับ

Naoto09 โพสต์ 2020-9-5 21:39:26

ขอบคุณครับ

daisuke338 โพสต์ 2022-6-9 00:44:08

ขอบคุณครับ

obchoeitoh โพสต์ 2024-1-19 05:18:33

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ที่รัก