ถำ้้นรก
http://www.creditonhand.com/images/Ghost/h619-04-55.jpg
"ทิดทุม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากทางขึ้นเขาใหญ่
ผมเป็นคนมวกเหล็ก สมัยก่อนได้ชื่อว่าเป็นดงพญาไฟ เพราะไข้ป่าหรือไข้มาลาเรียร้ายกาจนัก ผู้คนไม่ล้มตายก็หน้าเหลืองตัวเหลืองเพราะพิษไข้ไปตามๆ กัน ขนาดเปลี่ยนชื่อเป็น "ดงพญาเย็น" จะได้เย็นสมชื่อก็ยังไม่วาย สมัยนั้นน่ะ
ไม่ว่าหินลับ ทับกวาง ผาเสด็จ ปากช่อง ล้วนแต่เป็นดงไข้ป่าทั้งนั้นแหละครับ เล่ากันว่าสมัยก่อนใครจะผ่านดงพญาเย็นนี่ต้องเอาหม้อใหม่คล้องคอมาด้วย...จะได้เอาไว้ใส่กระดูกตัวเองส่งให้ญาติไง!
ตอนผมเด็กๆ มีถนนมิตรภาพตัดผ่าน ทำให้การคมนาคมระหว่างอีสานกับกรุงเทพฯ สะดวกง่ายดายขึ้น ยาสมัยใหม่มีมาพร้อมกับความเจริญ ไข้ป่าก็ค่อยๆ หายไป
เรื่องผีๆ สางๆ มีมากมายชนิดเล่ากัน 3 วัน 3 คืนยังไม่จบจริงๆ เอ้า!
สมัยก่อนก็ต้องประเภทเจ้าป่าเจ้าเขา ผีโขมด ผีไพร นางไม้ ไปยันเสือสมิง! พวกพรานเล่ากันว่าเห็นเสือก็ยิงโป้ง มันร้องดังๆ ว่าโอ๊ย..! แล้วเผ่นอ้าวหายไป พอตามรอยเลือดจนถึงกระท่อมผุพังก็เห็นผู้ชายโดนยิงเลือดสาด นอนตายอยู่ในกระท่อมนั่นเอง
บางคนไปซุ่มโป่งนั่งห้างดักยิงสัตว์ใหญ่ตอนกลางคืน ได้ยินเสียงหวานๆ ร้องเรียกพี่จ๋า...อ้าว? มองลงไปเห็นสาวชาวดงแสนสวยยืนเด่นอยู่ในแสงจันทร์ ใบหน้าขาวผ่อง กวักมือเรียกหยอยๆ พลางยิ้มหวาน ถึงกับไต่ต้นไม้ลงไปหา เพื่อนห้ามยังไงก็ไม่ยอมฟัง
นรก! สาวสวยกลายเป็นเสือโคร่งร้องโฮก...ขย้ำคอคนชะตาขาดไปเป็นเหยื่อทันใด...เล่นเอาเพื่อนบนห้างมืออ่อนตีนอ่อน เกือบหล่นตุ้บลงไปเป็นเหยื่อเจ้าป่าซะอีกคน!
เมื่อผีป่าซาไปก็กลับมีผีตามถนนหนทางออกอาละวาด เห็นเดินเทิ่งๆ กันมาหลายคน หัวแบะ หน้าเละ แขนขาขาด เลือดแดงเถือกเต็มตัว เล่นเอาร้องจ้าหาแม่...เผ่นหนีชนิดแหกป่าแหกดงมานับไม่ถ้วนราย
ไหนจะผีที่เขาใหญ่กับน้ำตกเหวสุวัตอีกล่ะ!
ส่วนมากตายเพราะรถชน รถคว่ำ รถตกเหว...สารพัดผีตายโหง! บางคนเล่าว่าขับรถขึ้นไปดีๆ เห็นช้างยืนขวางหน้าก็หยุดรอ...ที่ไหนได้ล่ะจู่ๆ ช้างก็กลายเป็นผีหัวขาดไปดื้อๆ ไม่มือไม้สั่นจนขับรถตกเหวตายก็ว่าเป็นบุญกุศลเหลือหลายแล้ว
ผมเองก็เคยเจอเรื่องขนหัวลุก ระหว่างทางที่จะขึ้นไปเที่ยวเขาใหญ่นี่เอง!
ตอนกลางวันแสกๆ ที่พวกเราอัดเข้าไปในรถกระบะลุงชุ่มเกือบสิบคน เพิ่งจะเลี้ยวจากถนนมิตรภาพไปได้ราว 6-7 กิโลเมตร สมัยนั้นยังไม่มีแดรี่โฮมมาตั้งร้านที่ปากทางเหมือนสมัยนี้ รถรานักท่องเที่ยวก็ยังไม่หนาตานัก
รถกำลังไต่ขึ้นเนินพอดี จู่ๆ เครื่องยนต์ก็ดับไปดื้อๆ
ลุงชุ่มแก้แล้วแก้อีกก็ไร้ผล ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถเสียเพราะอะไรแน่?
พวกเราชักเบื่อเลยลงมาเดินเล่นแถวนั้น เสียงลมพัดหวีดหวิวตามยอดไม้เปล่าเปลี่ยวฟังแล้ววังเวงใจบอกไม่ถูก
มองไปทางขวามือ ข้าวกำลังตกรวงเหลืองอร่ามอยู่ในแสงแดด ทิวเขาสลับซับซ้อนลิบๆ เบื้องหน้าคือเขาใหญ่ จุดหมายปลายทางของเรานั่นเอง นานๆ จะมีรถแล่นผ่านไปมาซักคัน...ผมมองไปทางซ้ายมือก็เห็นปากถ้ำสูงท่วมหัวอยู่บนเนินเขาสูงชัน
"ลุงๆ เราขึ้นไปเที่ยวที่ถ้ำนั่นได้มั้ยลุง? น่าสนุกดีนะ"
ลุงชุ่มมองตามแล้วแค่นหัวเราะ บอกว่าแกเคยตะกายขึ้นไปกับเพื่อนๆ สมัยหนุ่มๆ มาแล้ว...ในถ้ำมีพระพุทธรูป มีกระดูกผีเกลื่อนกลาด แถมมีผีจริงๆ จนเผ่นกันกระเจิง!
"เอ็งอยากไปก็ได้ แต่ต้องบุกป่าปีนเขาตั้งสองวันเชียวนะ กว่าจะถึงน่ะ เห็นว่าใกล้ๆ ยังงั้นเถอะ มันหลอกตาโว้ย"
พวกผู้ใหญ่ร้องอือออไปตามๆ กัน ไม่รู้ว่าลุงชุ่มพูดจริงหรือโกหก ผมแหงนหน้าคอตั้งบ่าด้วยความสนอกสนใจ ถามว่าผีที่ถ้ำมันหลอกยังไง?
"ไอ้พวกกองกระดูกมันลุกโงนเงนขึ้นมาน่ะซี ยังกะมีใครชักรอกงั้นแหละ! แต่ปากมันอ้าปะหงับๆ ตากลวงโบ๋แดงจ้า...โธ่! ใครจะไม่เผ่นหนีจนหวิดตกเหวตายล่ะวะ"
ขาดคำแสงแดดก็เลือนหายไปในกลุ่มเมฆหนาทึบ ลมพัดวูบมาเย็นเฉียบจนขนลุกซ่า ผมกลืนน้ำลายยากเย็น จ้องมองไปที่ปากถ้ำดูดำมืด เร้นลับน่าสยอง...คุณพระช่วย! เห็นร่างขาวๆ ก้าวออกมายืนเด่นอยู่ที่ปากถ้ำ...
ร่างของโครงกระดูกมนุษย์!
ผมพูดไม่ออกได้แต่ชี้มือไปที่นั่น ทุกคนหันขวับ ลุงชุ่มด่าลั่น วิ่งอ้าวไปขึ้นรถสตาร์ตกระหึ่ม ทุกคนโจนพรึ่บไปอัดกันตามเดิม...นึกถึงเรื่องนี้แล้วขนหัวลุกทุกทีครับ
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ http://www.creditonhand.com/images/ks.gif
ขอบคุนครับ{:5_146:}
หน้า:
[1]