MACK_ZAA โพสต์ 2012-6-21 17:06:31

วิปัสสนาญาณ


http://www.creditonhand.com/images/Ghost/HH-13-02-55.gif

คอลัมน์ วิถีแห่งการปฏิบัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เสถียร จันทิมาธร

ในความเห็นจาก "ท่านเล่าว่า" กล่าวสำหรับ พระอาจารย์ทองคำ จารุวัณโณ การปฏิบัติ ปรารภความเพียร ณ ถ้ำสาริกา นครนายก ถือว่าเป็น

"ในพรรษาที่รู้แจ้ง"

ขณะเดียวกัน การเดินทางจากวัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร ไปยังวัดพระงาม ลพบุรีถือว่าเป็น

"เร่งความเพียรที่ถ้ำไผ่ขวาง"

ถือเป็นความคืบหน้า ถือเป็นการพัฒนาการต่อยอดจาก วัดเลียบ อุบลราชธานี และต่อยอดจากถ้ำสาริกา นครนายก อย่างมีนัยสำคัญ

ถ้ำไผ่ขวาง เป็นส่วนหนึ่งของเขาพระงาม เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำสิงโต

ณ ที่นี้สงบและสงัดอย่างยิ่ง เป็นที่อันสัปปายะอย่างยิ่ง ณ ที่นั่นมีโยมผู้หญิงมาถวายบิณฑบาตพร้อมกับบุตรสาวทุกวันด้วยความศรัทธาและเลื่อมใส

มีเพื่อนสหธรรมิก 4-5 รูป ทุกรูปก็ตั้งหน้าตั้งตาทำความเพียร ไม่รบกวนกัน ต่างคนต่างอยู่นอกจากทำข้อวัตรเท่านั้นจึงรวมกัน

เดือนอ้ายผ่านไป เดือนยี่ผ่านไป เดือนสามย่างเข้ามา

สำนวนเขียน พระอาจารย์ทองคำ จารุวัณโณ เล่าว่า "การเจริญสมณธรรมเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ พอถึงวันเพ็ญเดือนสามพิจารณาได้ความว่า เราบำเพ็ญสมณธรรมมาถึงบัดนี้ก็เป็นเวลาถึง 12 ปี ทุกอย่างพร้อมแล้วที่จะทำที่สุดแห่งทุกข์ในวัฏสงสารได้ในคืนวันเพ็ญนี้"

พอรู้อย่างนี้ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็เตรียมการงานที่เคยทำ เช่น การปัดกวาดบริเวณกุฏิตลอดจนการสรงน้ำ การปฏิบัติ ปรารภความเพียรก็ดำเนินไปดังนี้

จัดแจงที่อยู่ที่นั่งพร้อม ถึงเวลาเดินจงกรมก็เดิน พอได้เวลานั่งสมาธิก็นั่ง พอหันหน้าสู่ทิศตะวันออกรู้สึกโล่งในจิต ก็เข้าสมาธิทันที นั่งได้ไม่นานเกิดอาการวิตกกังวลขึ้นทางจิตใจ ทางร่างกายก็มีอาการเจ็บแสบร้อนโหมขึ้นมา

เรื่องนี้เคยผ่านมาแล้วสมัยอยู่ถ้ำสาริกา จึงระงับได้บ้าง

พอจิตสงบหน่อยหนึ่งจิตก็สว่างไปข้างหน้า ปรากฏเห็นหญิงผู้เป็นบุตรสาวของโยมอุปัฏฐากยืนร้องเรียกความรักอยู่ซึ่งปกติก็ไม่เคยมี ไม่เคยพบเห็น ถือเป็นเรื่องธรรมดา จิตไม่เคยมีความยินดีอะไร

จึงพิจารณาว่า อันเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ ได้พิจารณามาอย่างช่ำชอง แล้วจะมาหลงอีกหรือ

พอกำหนดดังนี้หญิง นั้นก็แก่เฒ่าล้มตายลงเหลือแต่กองกระดูก หาย ไปในแผ่นดิน จิตก็ถอน ออกมาเป็นจิตธรรมดา ทุกขเวทนายังมีอยู่ จึงกำหนดจิตพิจารณาลงไปอีก ปรากฏเป็นความสว่างออกไปข้างหน้า เมื่อจิตรวมแล้วเห็นคนใหญ่โตเดินถือกระบองจากภูเขาข้างหน้าเข้ามาหา

มีความรู้สึกว่าจะตีหัว พอได้สติก็นึกได้ทันทีว่า อำนาจใดๆ ในโลกทั้ง 3 ไม่มี อำนาจอานุภาพใดจะเหนือพระพุทธานุภาพไปได้

พอกำหนดได้ดังนี้ภาพนั้นก็หายไป

จิตถอนออกมาอีก คราวนี้เวทนา วิตกจางลงไปมากแต่ยังไม่หมด จึงกำหนดพิจารณาอีกจิตก็รวมลงไป ปรากฏว่าฝนตกน้ำนองชุ่มชื่นขึ้นมา มีกำลังปีติซาบซ่านไปทั่ว มีความสุขและจิตเข้าถึงเอกัคคตาญาณ กายสงบ จิตสงบ กายเบา จิตเบา กายควรแก่การงาน

จิตก็ก้าวลงสู่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานและจตุตถฌานโดยลำดับ

พักอยู่ในจตุตถฌานพอสมควรจิตก็ถอยออกมาสู่ตติยฌาน ทุติยฌาน ถึงปฐมฌานหยุดอยู่แค่นี้

เกิดการรู้เห็นชาติภพในกาลก่อนที่เรียกว่าปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เป็นตัววิปัสสนาญาณขึ้นมาว่า ปัจจุบันเราเป็นอย่างนี้ในอดีตชาติเราเกิดอยู่ในบ้านเมืองนั้น ประเทศนั้น มีอาหารอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีสุขอย่างนั้น มีทุกข์อย่างนั้น เป็นลำดับไป

จนถึงครั้งเป็นเสนาบดีนั่งฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเฉพาะพระพักตร์ และได้ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าต่อหน้าพระพักตร์ เป็นเวลาผ่านมาประมาณ 400-500 ชาติ จึงระลึกได้ว่าการที่เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ก็เพราะจิตดวงนี้ พอพักจิตได้ จิตก็หยุด ก้าวลงสู่ทุติยฌาน ตติยฌานและจตุตถฌาน

ปฐมยามผ่านไปพอเข้ายามที่ 2 มัชฌิมยาม จิตก็พักเอากำลังต่อ

จิตอยู่ในฌานนี้ คือ การพักเอากำลังส่วนปฐมฌานนั้น คือ การพิจารณาวิปัสสนาญาณเปรียบด้วยการทำงานแล้วพักผ่อนเอากำลัง

การปฏิบัติ ปรารภความเพียร ณ ถ้ำสิงโต วัดเขาพระงาม ลพบุรี ในคืนเดือนสามยังดำเนินต่อไป

ทุกอย่างสะท้อนถึงความต่อเนื่อง พัฒนา ทางการปฏิบัติของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ต่อเนื่องจากวัดเลียบ อุบลราชธานี ต่อเนื่องจากถ้ำสาริกา นครนายก

เป็นบทบาทและความหมายอันสำคัญจากพัฒนาการแห่งศีล สมาธิ ปัญญา





ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ http://www.creditonhand.com/images/ks.gif

หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: วิปัสสนาญาณ