กลับบ้านเรา
http://www.creditonhand.com/images/Ghost/534.jpg
"เอกชัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นวิญญาณกลับบ้าน
ถ้าเอ่ยถึงเรื่องคนโดนผีหลอก ผมเป็นคนหนึ่งล่ะที่ไม่น้อยหน้าใคร เมื่อ "กิ่ง" สาวสวยที่อยู่บ้านตรงข้ามในซอยสุทธิสาร ดินแดง ได้หายสาบสูญไปหลายปีมาแล้ว... จนกระทั่งทุกวันนี้ยังไม่มีใครทราบข่าวคราวของเธอ เลยครับ
เรารู้จักกันตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นทั้งคู่ แถมสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ทำท่าว่าจะเป็นคู่รัก แต่ของจริงไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่าความเป็นเพื่อนที่ผมรักมากๆ มีความสุขเมื่อได้พูดคุยกับเธอ อยู่ใกล้ชิดกับเธอ
หรือผมยังไม่กล้าหาญพอที่จะสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงให้เธอรับรู้ก็เป็นได้!
เมื่อเราเรียนจบ มีงานทำ ความสัมพันธ์ของเราก็ยังแนบแน่นตามเดิม กิ่งเป็นประชาสัมพันธ์อยู่ที่โรงแรมหรูย่านสุขุมวิท ผมทำงานรัฐวิสาหกิจ ค่อนข้างแตกต่างกันพอดู
ผมไปเช้าเย็นกลับ กิ่งทำงานไม่เป็นเวลา บางทีก็กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ คนเดียว ผมอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
ซอยบ้านเรากว้างขวางพอที่รถจะเข้าออกได้ก็จริง แต่มีแยกเล็กๆ สำหรับคนเดินเข้าบ้าน...ราว 50 เมตรก็จะถึงบ้านเราที่อยู่เยื้องๆ กันพอดี
บางคืนผมรู้ว่ากิ่งกลับบ้านดึก...รถยนต์จอดหน้าซอย ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังแว่วมา ผมลุกไปมองที่หน้าต่าง เห็นร่างสูงเพรียวของเพื่อนสาวเดินผ่านต้นแสงจันทร์หน้าบ้านลุงสมภพเข้ามา...
จนกระทั่งถึงหน้าบ้านผมเธอจะชะงักนิดหนึ่ง ราวจะรู้ว่ามีผมคอยรอดูอยู่ ใบหน้าขาวผ่องในแสงไฟริมทางเงยขึ้นมอง พร้อมกับส่งยิ้มหวานๆ มาให้ บางคืนก็โบกมือทักทายด้วย
นอกจากรอยยิ้มกับโบกมือแล้ว บางคืนกิ่งยังส่งจูบให้ผมแบบยั่วเย้ากึ่งล้อตามแบบของเพื่อนสนิท ก่อนจะเข้าประตูรั้วที่มีต้นชมพู่แก้มแหม่มดกหนา หายลับเข้าไปในบ้าน ส่วนผมเซซังขึ้นเตียง ยกแขนก่ายหน้าผาก นัยน์ตาลืมโพลงและเลื่อนลอย
จนกระทั่งปลายปี 2547 กิ่งบอกว่าเธอต้องไปทำงานที่โรงแรมต่างสาขาถึงภูเก็ต ถ้าว่างก็เชิญลงไปเที่ยวได้ เธอจะต้อนรับขับสู้เต็มที่
"ถ้าเอกคิดถึงก็โทร.คุยกันมั่งนะ กิ่งเองก็จะโทร.มาหาเอกบ่อยๆ ไม่คิดถึงเพื่อนแล้วจะคิดถึงใคร จริงมั้ย?"
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นการลาจากชั่วชีวิต?
เราคุยกันทางมือถือได้ไม่กี่ครั้ง...มหาภัยสึนามิก็พลันอุบัติจนช็อกกันไปทั้งโลก ชายฝั่งอันดามันที่เคยเป็นสวรรค์ก็กลายเป็นนรกบนดิน ผู้คนทั้งไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องสังเวยชีวิตให้ภัยธรรมชาติสุดโหดคราวนั้นนับพันนับหมื่นคน
ผมได้ข่าวก็ใจหายวูบ รีบโทร.หากิ่ง พร้อมกับภาวนาว่ากิ่งต้องไม่เป็นอะไร ภูเก็ตได้รับผลกระทบน้อยกว่ากระบี่และพังงา...แต่กิ่งไม่เคยรับสายเลย ผมกดหาเป็นสิบๆ ครั้งคล้ายคนบ้า แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ จนสัญญาณหายเงียบไป
ครั้นนึกขึ้นได้ก็โทร.ไปโรงแรมที่เธอทำงาน คำตอบก็คือ...กิ่งไปเที่ยวพังงากับเพื่อนๆ ตั้งแต่เมื่อวาน! คิดว่า...
ความหวังครั้งสุดท้ายคือพ่อแม่ของเธอ...ผมพรวด พราดเข้าไปในบ้าน แต่ก็ต้องยืนจังงังเมื่อเห็นพ่อแม่ของกิ่งกำลังร้องไห้อยู่กับลูกๆ ผมกลั้นใจถามว่าได้ข่าวกิ่งแล้วหรือยัง? คำตอบคือการส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง ก่อนที่น้ำตาจะพร่างพรูลงอาบหน้า
ไม่มีข่าวตาย แต่ก็ไม่มีข่าวว่าพบศพ!
เพื่อนรักผมกลายเป็นบุคคลผู้สาบสูญ พ่อแม่และญาติๆ ของเธอรีบบึ่งลงใต้ปะปนกับคนหัวอกเดียวกันอีกนับไม่ถ้วน ผมแทบจะกลั้นใจรอ ความหวังที่เหลืออยู่ริบหรี่พลับดับวูบเมื่อไม่มีใครพบกิ่ง ไม่มีใครพบเพื่อนๆ ที่เธอไปพังงาด้วย...ไม่ว่าเป็นหรือตาย
ความทุกข์ทรมานของพ่อแม่เธอนั้นแสนสาหัส มีญาติแนะนำให้บำเพ็ญกุศลให้วิญญาณกิ่ง แต่พ่อแม่เธอทำใจไม่ได้ ยืนยันว่า...ตราบใดที่ยังไม่พบศพก็จะไม่มีวันเชื่อว่าลูกสาวตายไปแล้ว
หลังจากเกิดเหตุร้ายได้ 7 วัน กิ่งก็กลับมา
คืนนั้นผมไม่ได้ยินเสียงแท็กซี่จอดหน้าซอย แต่เสียงที่ดังแว่วเข้าหูทำให้ฉุกใจวูบ...เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นช่างคุ้นหูเสียจริง...แต่อาจจะเป็นใครในซอยกลับบ้านก็ได้
เพื่อให้แน่ใจ ผมลุกไปที่หน้าต่าง หันมองทางบ้านลุงสมภพ แทบแขม่วท้องกลั้นลมหายใจ จนกระทั่งร่างนั้นโผล่พ้นจากต้นแสงจันทร์เข้ามา
คุณพระช่วย! ร่างสูงเพรียวในชุดสีเข้ม ใบหน้าขาวๆ ที่เงยขึ้นกระทบแสงไฟนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกิ่ง! เธอยิ้มเศร้าๆ ส่งจูบให้ผมก่อนจะผลักประตูรั้วสู่เงาร่มครึ้มของชมพู่...หันมองอีกครั้งก่อนจะละลายหายไปจากม่านตาพร่าพรายของผมในบัดดล
ผมไม่เคยลืมเลือนภาพน่าขนหัวลุกและสะเทือนใจในคืนนั้นจนทุกวันนี้เลยครับ!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ http://www.creditonhand.com/images/ks.gif
หน้า:
[1]