คืนเลี้ยงรุ่น
http://www.creditonhand.com/images/Ghost/713.jpg
"อนินทิตา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณเพื่อนรัก
ค่ำคืนวันศุกร์ของเดือนตุลาคมทุกๆ ปี เราจะมีงานเลี้ยงรุ่นกันไม่เคยขาดตอนเลย นับตั้งแต่เราจบม.6 มา จนถึงอายุ 30 ต้นๆ แต่เมื่อถึงวันนี้พวกเรากลับเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
ในห้องเรียนเรามีทั้งหมด 34 คนทั้งชายและหญิง ทว่าแต่ละปีเรามากันไม่ครบจำนวนหรอกค่ะ บ้างไปอยู่เมืองนอก บ้างไปทำงานต่างจังหวัด และบางคนก็ตายจากพวกเราไป
อย่างเร...เพื่อนรักที่ตายด้วยอุบัติเหตุเมื่อราว 3 เดือนก่อน!
เร-เป็นคนสวยที่สุดในห้อง แถมเรียนเก่งด้วยละ แล้วยังมีเรื่องขำๆ มาเล่าให้พวกเราหัวเราะกันอยู่เสมอ งานไหนไม่มีเร งานนั้นจะกร่อยไปเลย งานเลี้ยงรุ่นครั้งที่ 13 นี้จึงมีแววเศร้าๆ ฉาบฉายอยู่ทั่วถ้วนทุกใบหน้า ใครๆ ก็พูดถึงเร! อยากให้เรมา...
ตอนหกโมงเย็น ดิฉันกับอ้อมไปถึงงานก่อนเพื่อน เราจองห้องจัดเลี้ยงไว้ที่โรงแรมหรูย่านสีลม ให้ห้องนี้เราจะได้เอะอะกันได้เต็มที่ ไม่ต้องออมเสียง ทำตัวให้เหมือนตอนอยู่โรงเรียน เฮฮามากค่ะ แย่งกันคุย ไม่มีใครฟังใคร
เราผูกพันกันเหมือนพี่เหมือนน้อง เพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลแน่ะค่ะ เมื่อเรไปรถคว่ำเสียชีวิต เราจึงรู้สึกเหมือนสูญเสียน้องสาวที่เรารักไปเลย
ราวหนึ่งทุ่มก็มากันเกือบ 30 คน เสียงจ้อกแจ้กจอแจและพูดถึงเรกันทั่วงาน!
"เราว่าป่านนี้เรต้องมาอยู่ในห้องด้วยแน่ๆ" อ้อมพูดกับเพื่อนๆ
ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าอุปาทานหรือเปล่านะคะ ดิฉันได้กลิ่นดอกพุดซ้อน...ดอกไม้ที่เรชอบมาก เธอเคยไปที่บ้านดิฉันและชื่นชมกับต้นพุดซ้อนที่เราปลูกไว้...พอได้กลิ่นนี้ดิฉันถึงกับตื้นตันในลำคอเหมือนมีอะไรมาจุกไว้ น้ำตาก็ปริ่มขึ้นมาทันที!
เมื่อถามอ้อมว่าได้กลิ่นนั่นมั้ย? เธอพยายามทำจมูกฟุดฟิดแล้วบอกว่าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย นอกจากกลิ่นเนื้อย่าง... สงสัยดิฉันจะคิดไปเอง
จังหวะนั้นเอง ฝ้ายก็เดินมาหาเราสองคน แล้วหยุดชะงักเหมือนชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น...ฝ้ายหันมามองดิฉันด้วยสายตาประหลาดใจล้นเหลือ
"ทำไมตรงที่เธอยืนอยู่นี่มันหนาวจัง?" ขนแขนเธอลุกเกรียวอย่างน่าตกใจ ฝ้ายมองซ้ายมองขวาแล้วเงยดูเพดาน เธอสงสัยว่าช่องแอร์จะอยู่แถวนี้ ก่อนจะลองถอยไป 2-3 ก้าวแล้วยิ้มได้ "ดูซิ...มายืนตรงนี้ไม่เย็นเลย"
ใช่ค่ะ...ไอเย็นมันลอยเป็นกลุ่มก้อนข้างๆ ตัวดิฉันอย่างอธิบายไม่ได้...ครู่ต่อมากลุ่มก้อนไอเย็นก็หายไป คล้ายกับมันเคลื่อนตัวไปทางอื่นรอบๆ ห้อง เพราะเห็นเพื่อนบางคนทำห่อไหล่ ลูบแขนตัวเอง...เดี๋ยวก็ทางโน้น เดี๋ยวก็ทางนี้
อึดใจต่อมา ท่ามกลางเสียงพูดคุยทั่วๆ ห้อง ดิฉันได้ยินเสียงหัวเราะ...คุณพระช่วย! เสียงของเรแน่ๆ ดิฉันรีบมองหา บอกอ้อมว่า...เรมาอยู่กับเราในห้องนี้แล้วละ!
ไม่ใช่ดิฉันคิดคนเดียว เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกว่าเขารู้สึกแปลกๆ และมองเห็นเรแวบๆ ในกลุ่มพวกเรา! เพื่อนๆ เริ่มหันมามอง ชักจะพูดเรื่องเดียวกันไปทั้งห้อง
"เราอาจจะเป็นอุปาทานหมู่ก็ได้นะ" อ้อมออกความเห็น ซึ่งก็ไม่มีใครขัด...มันอาจจะเป็นไปได้อย่างที่เธอพูด เพราะเราทุกคนกำลังคิดถึงเรกันทั้งนั้น
เงาบางอย่างผ่านแวบเข้ามา ดิฉันจ้องดูแล้วก็ต้องตกตะลึงจนตัวชา!
ในกระจกเงาที่ผนัง...เรยืนอยู่ที่นั่น! ร่างเล็กๆ บอบบางของเธออยู่ในชุดผ้าไทยสีแดง-ชุดที่เธอใส่มางานเลี้ยงรุ่นปีที่แล้ว ผมยาวประบ่า คาดด้วยที่คาดผมที่ถักเป็นเปีย แว่นตาของเธอสะท้อนแสงวาววาบ ขณะที่เราก้มหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงทักทาย ใบหน้ามีรอยยิ้มละไม
ดิฉันหันมองอ้อมกับเพื่อนๆ พอหันไปที...เธอหายไปแล้ว!
"นี่ประวิตร" ดิฉันสะกิดเพื่อน "ตะกี้ที่เธอบอกว่าเห็นเรน่ะ เห็นยังไง?"
"อ๋อ! ก็แต่งชุดสีแดงๆ คาดผมเปีย แต่เห็นแวบเดียวนะ กะพริบตาทีเดียวก็หายไป ตกใจเหมือนกัน...ถามทำไมเหรอ รึว่าเธอก็เห็นด้วย?"
ดิฉันพยักหน้า "ดูเรเขามีความสุขดีนะ ทั้งๆ ที่เขาตายแบบนั้น"
เรรถพลิกคว่ำ พลิกหลายตลบแล้วตกลงไปในคูที่ต่างจังหวัด ร่างเธอแหลกเหลว กระดูกแตกหักไปทั้งตัว...ทีแรกดิฉันคิดว่าคนเราตายอย่างไรก็คงจะทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น แต่การที่ได้เห็นเรในวันเลี้ยงรุ่นครั้งที่ 13 นี่ ทำให้ดิฉันเปลี่ยนแนวความคิดใหม่
ความตายไม่น่ากลัว มันเหมือนเราหกล้มหัวเข่าแตกแล้วมันก็ผ่านไป...เรารักษาแผลหายแล้วใช้ชีวิตสนุกสนานไปตามปกติ ลืมแล้วว่าเราหกล้มมา...ความตายก็คงเป็นเช่นนั้น
เรรถคว่ำ ร่างสูญสลายแต่วิญญาณเธอยังอยู่และยังมีชีวิต ถึงจะเป็นในอีกรูปแบบหนึ่งก็ตาม...รูปแบบที่ไม่มีร่าง กายอย่างเราไงคะ!
ดิฉันนึกขอบคุณเร-เพื่อนรัก การมาของเธอทำให้ดิฉันหายกลัวตายไปเยอะเลย วิญญาณยังอยู่จริงๆ นะคะ เราหมั่นทำความดีกันดีกว่า เชื่อว่าต้องมีผลกับเราในวันหนึ่งแน่นอน!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ http://www.creditonhand.com/images/ks.gif
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]