เกย์สารพัดรูปแบบ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกทีเกย์สารพัดรูปแบบ
คนส่วนใหญ่ เมื่อพบเห็นผู้ชายท่าทางกระตุ้งกระติ้ง อ่อนช้อยหรือเรียบร้อยเหมือนผู้หญิง และรักผู้ชายด้วยกันก็มักจะเรียกขานพวกเขาเหล่านั้นว่าเป็น กะเทย กันไปหมด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกะเทย (Hermaphrodite) หมายถึง
คนหรือสัตว์ ที่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นชายหรือหญิงเพศผู้หรือเพศเมีย เนื่องจากว่ามีระบบสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศ คือมีทั้งรังไข่และอัณฑะ อยู่ในคนๆเดียว หรือสัตว์ตัวเดียวกันซึ่งถือเป็นความผิดปกติทางเพศอย่างหนึ่ง
ดั้งนั้น การนำเอาคำว่า กะเทย ไปใช้เรียกใครต่อใครที่ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นมีระบบสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศอยู่ในตัวจริงหรือเปล่าจึงถือได้ว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
คำที่ถูกต้อง และเหมาะสมที่สุดที่ควรนำมาใช้เรียกขานบรรดาผู้ชายที่มีบุคลิกลักษณะเช่นนี้นั้นก็คือ รักร่วมเพศ (Homosexual) หมายถึงผู้ชายหรือผู้หญิง ที่มีความพึงพอใจและมีความต้องการทางเพศกับคนที่เป็นเพศเดียวกัน
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็จะรักผู้ชายด้วยกันถ้าเป็นผู้หญิงก็จะรักผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งในผู้หญิงเรามักจะรู้จักกันในคำว่า
เลสเบี้ยน (Lesbian) และในผู้ชายเราก็จะรู้จักกันในคำว่า เกย์ (Gay)
เกย์ (Gay) หรือในความหมายว่าร่าเริง สนุกสนานได้ถูกนำมาใช้เรียกขานผู้ชายที่มีพฤติกรรมเป็นรักร่วมเพศกันอย่างกว้างขวางจนกลายเป็นคำที่ติดปากทุกคนกันไปหมดแล้ว ซึ่งก็ฟังดูรื่นหู และดูดีกว่าคำว่า กะเทยและตุ๊ด ทั้งยังเหมาะสมกับบุคลิกลักษณะของผู้ชายรักร่วมเพศเหล่านี้เป็นอย่างมากเนื่องจากผู้ที่เป็นเกย์มักจะชอบความสนุกสนาน
ร่าเริง ชอบงานสังสรรค์ งานเลี้ยงตลอดจนงานบันเทิงเริงรมย์และการแสดงต่างๆ
ในอดีตที่ผ่านมา คนทั่วไปมักมองว่าคนที่เป็นเกย์นั้นเป็นพวกโรคจิต มีความผิดปกติทางเพศแต่ในปัจจุบัน วงการแพทย์ได้ยืนยันแล้วว่าคนที่เป็นเกย์นั้นเป็นเพียงคนที่มีรสนิยมในทางเพศอย่างหนึ่งเท่านั้นมิได้มีความผิดปกติทางจิตหรือทางเพศแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่กระนั้นความรู้สึกที่คนทั่วไปมีต่อเกย์ ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก คนส่วนหนึ่งยังคงมองว่าพวกเกย์นั้นมีพฤติกรรมทางเพศที่วิปริตผิดธรรมชาติทั้งที่ความเป็นจริง รูปแบบในการมีเพศสัมพันธ์ของเกย์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเพศสัมพันธ์ของผู้ชายแท้ๆ และผู้หญิงแท้ๆเท่าใดนักเนื่องจากประกอบไปด้วยฝ่ายรุก คือผู้กระทำ และฝ่ายรับ คือผู้ถูกกระทำเช่นเดียวกันจะแตกต่างกันก็เพียงแต่ ทั้งฝ่ายรุกและรับของเกย์นั้นเป็นเพศชายเหมือนกันเท่านั้นเอง
รูปแบบของเกย์โดยทั่วไปถูกกำหนดไว้ด้วยบทบาทในการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งขณะแตกต่างกันไปแล้วแต่ความต้องการและพื้นฐานทางพฤติกรรมของแต่ละคน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น พวกรุกอย่างเดียว พวกรับอย่างเดียว และพวกที่ได้ทั้งรุกและรับ
1. พวกรุกอย่างเดียว หรือที่เรียกกันว่า เกย์คิง เกย์แบบนี้จะสวมบทบาทการเป็นฝ่ายกระทำในขณะมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักของเขา โดยจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นด้วยการเล้าโลมและกระตุ้นให้คู่รักเกิดอารมณ์ทางเพศ และควบคุมบทพิศวาสทั้งหมดให้ดำเนินไปตามที่ใจต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดท่าจัดทาง ออกคำสั่งเสนอแนะ หยิบยื่น หรือบางครั้งอาจยัดเยียดให้คู่รักกระทำการบางอย่าง เพื่อสนองความต้องการทางเพศของเขาเช่น ให้ใช้ปากทำรัก หรือยินยอมให้เขาสอดใส่ ซึ่งบทบาทของเกย์ประเภทนี้จะคล้ายกับฝ่ายชายเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายหญิง และเกย์คิงแท้ๆ จะไม่ยอมหรือไม่สามารถเป็นฝ่ายรับได้เลย เนื่องจากเป็นการฝืนความรู้สึกตัวเองอย่างมาก
2. พวกรับอย่างเดียว หรือที่เรียกกันว่า เกย์ควีนเกย์แบบนี้จะสวมบทบาทการเป็นฝ่ายถูกกระทำ ในขณะมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักของเขาโดยจะเป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้คู่รักเป็นผู้สำแดงบทพิศวาสต่างๆเองเกือบทั้งหมดเกย์ควีน
จะเป็นผู้รองรับอารมณ์จากคู่รักเท่านั้น และจะเป็นฝ่ายใช้ปากทำรักให้หรือยินยอมถูกคู่รักสอดใส่อย่างเต็มอกเต็มใจ บทบาทของเกย์ควีนแท้ๆ จะไม่ยอมและไม่สามารถเป็นฝ่ายรุกได้เลยเนื่องจากเป็นการฝืนความรู้สึกของตัวเองเช่นเดียวกันกับพวกเกย์คิง
3. พวกที่ได้ทั้งรุกและรับ หรือที่เรียกกันว่า เกย์โบ้ท เกย์แบบนี้จะสามารถสวมบทบาทได้ทั้งการเป็นฝ่ายกระทำและฝ่ายถูกกระทำคือ ถ้าหากเขาพบกับผู้ชายที่คมเข้ม หล่อล่ำสมชายชาตรีเขาก็จะมีความต้องการที่จะเป็นฝ่ายรับ หรือฝ่ายถูกกระทำแต่ถ้าเมื่อใดที่เขาได้พบกับผู้ชายที่น่ารัก สวยหวานเหมือนผู้หญิงเขาก็อยากที่จะเป็นฝ่ายรุก หรือฝ่ายกระทำ บทบาทของเกย์ประเภทนี้จึงคล้ายกับผู้หญิงและผู้ชายในตัวคนๆเดียวแต่อย่าเพิ่งนำไปสับสนกับคนที่เป็นไบ เพราะถึงอย่างไรเกย์ประเภทนี้ก็ยังคงมีเพศสัมพันธ์ได้กับเฉพาะผู้ชายด้วยกันเท่านั้น
สังคมชายเกย์ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเกย์โบ้ท รองลงไปคือเกย์ควีนส่วนเกย์คิง ที่ถือได้ว่าเป็นเกย์คิงแท้ๆนั้น หายากมาก ส่วนใหญ่มักจะเป็นเกย์โบ้ทหรือเกย์ควีน ที่ชอบอ้างว่าเป็นเกย์คิงเพื่อหลอกพวกเกย์ด้วยกันเนื่องจากคนที่เป็นเกย์คิงและไบ มักจะเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่ต้องการของเกย์ทั่วไป รองจากผู้ชายแท้ๆ ที่เกย์ทุกคนล้วนฝันใฝ่
และหมายปอง ซึ่งก็มีเกย์น้อยคนนักที่จะสมหวังดังใจปรารถนาเพราะว่าผู้ชายที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเกย์และมีสัมพันธ์
กับเกย์อย่างต่อเนื่องตลอดมา ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้ชายแท้ๆ แล้วถ้าไม่ใช่ไบก็เป็นเกย์คิง หรือดีไม่ดีอาจเป็นเกย์โบ้ทเสียด้วยซ้ำไป
ด้วยเหตุนี้เองการกำหนดรูปแบบของเกย์จากบทบาทในการมีเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวจึงอาจไม่เพียงพอเนื่องจากเกย์แต่ละรูปแบบ บางครั้งก็มีการแอบแฝงหรือสลับปรับเปลี่ยนรูปแบบไปมาจนเกย์ด้วยกันยังเดาไม่ถูกจึงขอแบ่งรูปแบบแยกย่อยลงไปอีก ด้วยพฤติกรรมการแสดงออกซึ่งในที่นี้ขอบัญญัติคำนิยามไว้ว่า หมายถึง บุคลิกลักษณะที่ปรากฏออกมาต่อสาธารณชนซึ่งมี 4 รูปแบบด้วยกันดังนี้ คือ
1.ไม่แสดงออก
บุคลิกลักษณะของคนที่ไม่แสดงออกนี้จะเหมือนกับผู้ชายปกติธรรมดาๆ ทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ทรงผม เสื้อผ้า ท่าทางน้ำเสียง ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอก หรือให้ใครสังเกตเป็นพิรุธได้เลยว่าเป็นเกย์หรือไบบางครั้ง เขาอาจสร้างบุคลิกลักษณะให้ดูคมเข้ม ขึงขัง สมชายชาตรีมากกว่าผู้ชายแท้ๆหรือที่เรียกว่า เก๊กแมน หรือ แอ๊บแมน เช่นอาจเล่นกล้ามบริหารร่างกายและหุ่นเสียจนกำยำล่ำบึ้ก อาจพูดจาก้าวร้าวดุดันหรือแสดงทีท่ากร่าง ห้าว หรือแม้กระทั่งมีคู่รักเป็นผู้หญิงเพื่อให้ดูแนบเนียนและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นซึ่งถ้าเขาเป็นเกย์ก็จะไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงเลยหรือไม่ก็ยอมมีด้วยความจำใจ ไม่มีความรักใคร่หรือดื่มด่ำ
2. แสดงออกน้อย
บุคลิกลักษณะของคนที่แสดงออกน้อยนี้จะยังคงเหมือนกับผู้ชายปกติธรรมดาทั่วๆ ไป หากแต่บางครั้งจะมีการแสดงออกบ้างไม่รู้สึกตัวหรืออาจจะรู้สึกตัวก็ได้ แต่พยายามสะกดเก็บการแสดงออกเหล่านั้นเอาไว้แต่บางครั้งก็อาจจะมีการพลั้งเผลอออกมา เช่น เวลากินข้าวอาจจับช้อนส้อมโดยกรีดนิ้วโดยนิ้วนางและนิ้วก้อยชี้ทะยานขึ้นมาตามลำดับเวลากินน้ำโดยใช้หลอดดูดก็บรรจงจีบปากจุ๋มจิ๋มอย่างน่ารักเวลากินไอศกรีมแท่งหรือกล้วย ก็อาจเผลอใช้ลิ้นโลมเลียอย่างลืมตัว ทั้งๆที่ผู้ชายธรรมดาๆ ทั่วไป ก็จะกัดกิน หรืออาจเลียนิดหน่อยเท่านั้น บางครั้งเมื่อพานพบผู้ชายรูปหล่อหุ่นล่ำตามที่ใจปรารถนาและฝันใฝ่ก็จะแอบชำเลืองมองไปจนลับสายตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ยังถือได้ว่าแสดงออกน้อยเพราะเขามักจะนึกขึ้นได้ และรีบกลบเกลื่อนท่าทีในทันควัน
3. แสดงออกปานกลาง
บุคลิกลักษณะของคนที่แสดงออกปานกลางนี้จะมีบางสิ่งที่ผู้ชายปกติธรรมดาๆ เขาไม่ทำกัน เช่นทาแป้งหรือรองพื้นใบหน้าเสียจนขาวนวลเนียนเป็นยองใยผ่องใสชีเน่ ทำผมเนี๊ยบนิ้งหรืออาจทำผมเป็นชะง่อน เป็นเพิงเป็นพุ่มเป็นลอนลีลาการเดินก็อาจบิดเบียดสะบัดสะโบกโยกสะโพกไปมามากน้อยตามอุปนิสัยของแต่ละคนอีกทั้งเวลาโบกมือเรียกรถเมล์หรือรถแท็กซี่ ก็อาจกรีดมือกรีดนิ้วราวกับจะโบยบินน้ำเสียง ตลอดจนสำเนียงการพูดจาก็จะฟังดูนุ่มนิ่มอ่อนหวานและลากหางเสียงยาวจนสังเกตได้ชัด ขณะที่พูดก็มักจะกรีดกรายนิ้วมือประกอบไปด้วยซึ่งโดยปกติ คนที่แสดงออกปานกลางแบบนี้มักจะรวมกลุ่มและไปไหนมาไหนกับพวกที่แสดงออกแบบเดียวกันซึ่งก็จะไม่มีการปกปิด หรือกลบเกลื่อนการแสดงออกของตนเองแต่อย่างใด บุคลิกเช่นนี้ถึงแม้ว่าจะผิดปกติวิสัยที่ผู้ชายทั่วไปเขาจะเป็นกันแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในขั้นปานกลาง เนื่องจากยังคงแต่งกายเป็นชายอยู่
4. แสดงออกมาก
บุคลิกลักษณะของคนที่แสดงออกมากนี้จะดูเหมือนผู้หญิง หรือดูเป็นผู้หญิงไปเลย คือแต่งกายด้วยเสื้อผ้าคล้ายของผู้หญิงหรือแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าผู้หญิง ชอบใส่เครื่องประดับอาจทำผมสั้นหรือยาวแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ท่าทางการเดินตลอดจนการพูดจาและน้ำเสียงจะแหลมแบบแปร่งๆ ปนห้าวๆ พูดลากหางเสียงยาวๆซึ่งบางคนอาจดัดเสียงได้จนเหมือนผู้หญิงมากอันนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนเช่นกันส่วนหน้าตานั้นก็จะแต่งหน้าทาปากจนเห็นได้ชัด บางคนอาจไปทำศัลยกรรมใบหน้า จมูก ปากหรือตามาจนสวยหวานหยาดเยิ้มชนิดผู้หญิงแท้ๆยังอาย ซึ่งการแสดงออกมากนี้บางคนอาจมีความรู้สึกไม่พึงพอใจในเพศชายที่ตนเป็นอยู่โดยจะรู้สึกว่าจิตใจของเขาเป็นเพศหญิงมากกว่าหรืออาจรู้สึกว่าธรรมชาติสร้างร่างกายที่ผิดเพศให้กับเขา ซึ่งคนที่คิดเช่นนี้ก็มักจะมีความต้องการที่จะผ่าตัดแปลงเพศในที่สุด
แต่บางกรณีก็อาจไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไปเพราะผู้ชายที่แต่งกายเป็นผู้หญิงบางคนอาจไม่ใช่เกย์ที่แสดงออกมากก็ได้แต่เขาอาจเป็นลักเพศ (Transvestism) คือ คนที่มีความสุขและพอใจกับการแต่งกายเป็นเพศตรงข้าม ซึ่งอาจเป็นแบบเปิดเผยโดยแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าผู้อื่นหรืออาจแอบกระทำเพียงผู้เดียวไม่ให้ใครเห็น ซึ่งผู้ชายที่เป็นลักเพศนี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเกย์เสมอไป ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายแท้ๆที่ยังสามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงได้ เพียงแต่เขาชื่นชอบและมีความพึงพอใจในการสวมชุดเครื่องแต่งกายของผู้หญิงเท่านั้นเอง
จากรูปแบบของเกย์ที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในการมีเพศสัมพันธ์หรือพฤติกรรมในการแสดงออกคงพอจะทำให้หลายคนมองเห็นถึงความแตกต่างกันของเกย์แบบต่างๆขึ้นมาได้บ้างและเพื่อให้มองเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ก็จะขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆว่า เกย์คิงก็คือผู้ที่ชอบรุก เกย์ควีนก็คือผู้ที่ชอบรับส่วนเกย์โบ้ทก็คือผู้ที่ชอบทั้งรุกและรับซึ่งเกย์แต่ละรูปแบบสามารถแบ่งแยกย่อยลงไปอีกตามพฤติกรรมการแสดงออกได้เป็น เกย์ที่ไม่แสดงออก เกย์ที่แสดงออกน้อยเกย์ที่แสดงออกปานกลาง และเกย์ที่แสดงออกมาก โดยในการแบ่งนี้ มีเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่น่ารู้เอาไว้ คือ
เกย์คิงส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกที่ไม่แสดงออกหรือแสดงออกน้อย จะมีอยู่จำนวนน้อยมากหรือแทบไม่มีเลยที่จะเป็นพวกแสดงออกปานกลางหรือแสดงออกมากเนื่องจากพฤติกรรมการแสดงออกเป็นสิ่งที่ขัดกับบุคลิกและบทบาทในการเป็นฝ่ายรุกของเขาซึ่งเกย์คิงแท้ๆนั้นหายากมากในสังคมชาวเกย์
เกย์ควีนจะมีทั้งที่ไม่แสดงออก แสดงออกน้อยแสดงออกปานกลาง และแสดงออกมากเนื่องจากบุคลิกและบทบาทในการเป็นฝ่ายรับของเกย์ควีนนั้นมีส่วนสัมพันธ์กับพฤติกรรมการแสดงออกของเขา นั่นคือ ถ้าบทบาทการเป็นฝ่ายรับมีมากเท่าใดก็จะมีการแสดงออกมากขึ้นเท่านั้น
เกย์โบ้ทนั้นมักจะไม่แสดงออก หรือแสดงออกน้อย เพราะถ้าแสดงออกมากเกินไปจะทำให้บทบาทการเป็นฝ่ายรุกของเกย์รูปแบบนี้นั้นดูด้อยลงคือรุกได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งเกย์โบ้ทส่วนใหญ่มักจะมีคู่รักที่เป็นเกย์โบ้ทด้วยกัน
นอกจากคนที่รักเพศเดียวกันแล้วยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเรามักรู้สึกในคำว่า ไบ หรือรักสองเพศ (Bisexual) หมายถึง ผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีความพึงพอใจและมีความต้องการทางเพศกับคนทั้งสองเพศ คือถ้าเป็นผู้หญิงก็รักทั้งผู้หญิงด้วยกันแล้วก็รักผู้ชายได้ด้วยถ้าเป็นผู้ชายก็รักทั้งผู้ชายด้วยกันแล้วก็รักผู้หญิงได้ด้วยและด้วยเหตุที่เป็นรักสองเพศดังกล่าวข้างต้นผู้ชายที่เป็นไบจึงถือได้ว่าอยู่คนละพวก และไม่จัดว่าเป็นเกย์
ผู้ชายที่เป็นไบส่วนใหญ่จะมีภรรยา หรือมีคู่รักอยู่แล้ว แต่ก็ยังชอบที่จะมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกันอยู่
บางคนภรรยาก็ทราบว่าเขาเป็น บางคนภรรยาก็ไม่ทราบซึ่งส่วนใหญ่ที่ทราบมักคิดว่าสามีของตนเป็นเกย์ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดเพราะเขาไม่ได้เป็นเกย์ แต่เป็นไบ แต่กระนั้น ผู้ชายที่เป็นไบก็อาจเปลี่ยนไปกลายเป็นเกย์ได้ ถ้าหากเขาเบื่อผู้หญิงแล้วหันไปมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายเพียงอย่างเดียวโดยไม่กลับมาข้องเกี่ยวกับผู้หญิงอีกเลยซึ่งโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นได้มีไม่มากนัก เพราะผู้ชายที่เป็นไบส่วนใหญ่จะชอบและติดอกติดใจทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ผู้ชายที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของผู้ชายที่เป็นไบนั้นมักจะเป็นเกย์ควีนที่หน้าตาหล่อเหลา หรือสวยหวาน ส่วนจะเป็นเกย์ควีนแบบไม่แสดงออกหรือแสดงออกมากน้อยอย่างไรนั้น ก็แล้วแต่ความชอบขอบไบแต่ละคนผู้ที่เป็นไบส่วนหนึ่งอาจชอบเกย์โบ้ท ถ้าเขารูปหล่อและหุ่นดีถูกใจ แต่คงไม่ยอมให้เกย์โบ้ทมาแสดงบทบาทการเป็นฝ่ายรุกกับตนอย่างแน่นอนเนื่องจากผู้ชายที่เป็นไบแท้ๆนั้น จะรุกได้อย่างเดียว จะไม่ยอมเป็นฝ่ายรับถ้าเขาบอกว่าเป็นไบ และยอมเป็นฝ่ายรับ แสดงว่าเขาไม่ใช่ไบแท้แล้วอาจเป็นพวกเกย์ควีน หรือเกย์โบ้ท ที่แสร้งหลอกว่าเป็นไบ เพื่อเพิ่มคุณค่าและราคาของตัวเองและถ้าเป็นเช่นที่ว่านั้นจริง ก็แสดงว่าผู้หญิงที่เขาอ้างว่าเป็นคู่รักนั้นก็คงเป็นเพียงแค่ตัวละครตัวหนึ่งของเขาเท่านั้นเอง หรือไม่ผู้ชายคนนั้นก็อาจเป็นพวกผู้ชายรักสนุก ที่ชอบมีเพศสัมพันธ์แปลกๆ กับคนทุกเพศทุกรูปแบบ พวกนี้จะไม่เกี่ยงเลยว่าคนที่เขาจะมีอะไรด้วยนั้น จะเป็นคนแบบไหนมีรสนิยมทางเพศอย่างไร ขอเพียงแค่ทำให้เขามีความสุขและพึงพอใจอย่างที่สุดเขาก็รับได้ทั้งนั้น
ดูราวกับว่าโลกมนุษย์ทุกวันนี้ จะผกผันเปลี่ยนแปรไปจากเมื่อก่อนมากอะไรที่ไม่เคยมีในสมัยโบราณก็เกิดขึ้นมาในสมัยนี้อย่างมากมายจิตใจมนุษย์ก็วนเวียนได้เหมือนกับสายน้ำไหล เฉกเช่นเดียวกันกับรูปแบบของเกย์และไบที่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อก่อนที่คนทั่วไปมักเข้าใจกัน ต่อไปในภายภาคหน้าก็ไม่รู้ว่าจะมีเกย์และไบรูปแบบไหนปรากฎขึ้นมาในสังคมไทยอีกบ้างและเมื่อถึงเวลานั้น คงจะต้องมาลบล้างทฤษฎีเก่าๆ ทั้งหลายที่เคยเข้าใจและบัญญัติกันมาเพื่อหาทฤษฎีใหม่ๆมาอธิบายให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้นไปอีก
- - - - - - - - - -
ที่มา : หนังสือ ถอดรหัสใจผู้ชายรักกัน เขียนโดย ด๋ง
ขอบคุณครับ เริ่ดมากเลยคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ
หน้า:
[1]