ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 659|ตอบกลับ: 3

++ สานฝันนิรันดร ++ # 26

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

“ถูกใจมั๊ยครับ” ทรงเดชตอบแล้วถอดรองเท้านั่งลงไปที่มุมหนึ่งของเสื่อใกล้ๆกับลังโฟม
สเตฟานชักชวนให้ภูริทัตนั่งลงบ้าง แล้วช่วยกันเปิดกล่องอาหารกลิ่นของข้าวผัด หมูและปลาชุบแป้งทอด ไก่ย่าง ไส้กรอกและเบคอนทอดส่งกลิ่นหอมออกมาทันที ทั้งสามคนต่างชวนกันกินอาหารกลางวันกันอย่างเอร็ดอร่อยถึงแม้ทรงเดชจะพูดจาหยอกล้ออะไรออกมาบ้าง ตอนนี้ภูริทัตก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนคนนี้ไม่มีเจตนาลึกล้ำอันใดแอบแฝงเลย นอกจากความรักสนุกตามภาษาคนอารมณ์ดีเท่านั้นเองอาหารกลางวันมื้อนั้น ทั้งภูริทัตและทรงศักดิ์เอง ต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อยแต่สเตฟานกินข้าวผัดไปเพียงไม่กี่คำ และของอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“คุณกินน้อยจังนะ” ภูริทัตถามอย่างห่วงใย
“ธรรมดาคุณสเตฟานก็ไม่ค่อยกินอาหารอะไรอยู่แล้ว ปรกติเวลากลางวันแบบนี้ เป็นเวลาพักผ่อนด้วย ก็เลยไม่หิวไงครับ” ทรงเดชตอบแทน
“แล้วนี่คุณหายแพ้แดดแล้วเหรอครับ ถึงออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้ได้” ภูริทัตขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปถามสเตฟานอีก
“ยังหรอกครับ แต่วันนี้อากาศดี แดดไม่ค่อยมี ก็เลยออกมาข้างนอกบ้าง” ทรงเดชตอบอีก ทั้งๆที่กำลังใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกทอดเข้าปาก
ความเงียบทำให้ทรงเดชเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมามอง เห็นสเตฟานกำลังอมยิ้ม และภูริทัตกำลังมองเขาอยู่อย่างโกรธๆ
“อ้าว คุณภูริทัตเป็นอะไรไปน่ะครับ อาหารไม่อร่อยเหรอครับ” ทรงเดชถามเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“เมื่อกี้น่ะผมถามสานฝัน” ภูริทัตพูดห้วนๆ
“ผมก็ช่วยตอบไงครับ” ทรงเดชทำหน้าเหรอหรา แล้วก็ยิ้มเหมือนนึกขึ้นได้
“อ๋อ คุณไม่พอใจเรื่องนี้นี่เอง คุณภูริทัตถือซะว่า ผมเป็นเลขาฝึกหัด กำลังตอบแทนเจ้านายแล้วกันนะครับ อย่าถือเป็นอารมณ์เลย”
“นั่นสิ คุณทัตอย่าถือเลยนะครับ ทรงเดชเค้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ชอบแกล้งคนเล่นจนเป็นนิสัย ยิ่งถ้ารู้ว่าคุณใส่ใจ เค้าก็จะยิ่งแกล้ง” สเตฟานยิ้มขันกับท่าทางของคนทั้งสอง
“ที่เค้าเรียกนิสัยไม่ดีใช่มั๊ยครับ” ภูริทัตพูดแล้วยักคิ้ว ทำหน้ากวนๆใส่ทรงเดช
“แหมคนเราน่ะ ก็ต้องมีบ้างล่ะครับไอ้นิสัยส่วนที่ไม่ดีน่ะ ฝรั่งเค้ายังว่าไว้เลยว่า โน บอดี้ อีส เปอเฟค ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ อย่างคุณภูริทัตเองน่ะ พูดอะไรเกรงใจใครเค้าซะที่ไหน เอาแต่ใจก็พอตัว ใช่มั๊ยครับ คุณสเตฟาน”
ภูริทัตหันไปมองสเตฟานที่หัวเราะเบาๆ เหมือนจะรอคำตอบเช่นเดียวกับทรงเดช
“จริงครับ” แล้วก็ก้มหน้าหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของภูริทัต “ผมหมายความว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างน่ะครับ เพียงแต่ว่าข้อเสียของเราไปทำร้ายคนอื่นให้เดือดร้อนรึเปล่า ข้อเสียบางเรื่องน่ะ มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับข้อเสียของคนบางคน หรือถ้าคิดอีกแง่มุมหนึ่ง ข้อเสียอาจจะกลายเป็นข้อเด่นก็ได้ อย่างคุณทรงเดช ก็มักจะกลายเป็นคนที่ทำให้เพื่อนๆสนุกสนานได้เสมอ หรือคุณภูริทัตเองก็เป็นคนที่เพื่อนๆมักจะขอความเห็นบ่อยๆ เพราะมักตอบอะไรตามความจริงโดยไม่ปิดบัง”
“ก็คุณสเตฟานเป็นแบบนี้น่ะสิครับ พูดอะไรให้คนอื่นดีใจอยู่เรื่อย ถึงได้เป็นที่รักของทุกคน” ทรงเดชพูดพลางยิ้มกว้าง ส่งสายตาทั้งเคารพ ทั้งเทิดทูน จนภูริทัตสังเกตได้
“คุณล่ะ สานฝัน มีข้อเสียอะไรบ้างน๊า ... ผมอยากรู้จริงๆ” ภูริทัตยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“คนเราน่ะ ไม่ชอบหรอกครับที่จะพูดถึงข้อเสียของตนเอง” สเตฟานพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ข้อเสียของผมถ้าคุณได้รู้ คุณอาจจะเลิกเกี่ยวข้องกับผมไปเลยก็ได้”
“ไม่จริงหรอก” ภูริทัตโพล่งออกไปทันที
“ไม่ว่ายังไงผมจะไม่จากคุณไปไหนเด็ดขาด”
ทรงเดชมองดูสีหน้าและท่าทางของภูริทัต ที่ยื่นมือไปจับมือของสเตฟานมากุมไว้ แล้วอดถอนหายใจเบาๆไม่ได้ นึกภาวนาว่า หากวันนั้นมาถึง ขอให้ภูริทัตกระทำได้ตามที่พูดออกมาในวันนี้ แต่ถึงชายหนุ่มจะทำได้จริง คนทั้งสองก็ต้องพรากจากกันอยู่ดี เมื่อถึงวันที่ชายหนุ่มสิ้นอายุขัย แล้วเมื่อถึงวันนั้น สเตฟานจะเป็นอย่างไรต่อไป ทรงเดชแทบจะไม่อยากคิดต่อไปเลย
“เสร็จแล้วครับ” สเตฟานพูดดังๆ ทำให้ภูริทัตที่นั่งสับปะหงกอยู่บนพื้นหญ้ากลางลานกว้าง สะดุ้งขึ้นทันที
“ไหน ... ขอผมดูหน่อย ถ้าไม่ถูกใจคุณต้องวาดใหม่นะ” ภูริทัตพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาสเตฟาน
สเตฟานเบี่ยงตัวเล็กน้อย เพื่อให้ภูริทัตมองได้ถนัด ภาพวาดสีไม้บนกระดาษปอนด์ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนขาตั้งดูงดงาม ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ขัดสมาธิอยู่กลางพี้นหญ้า แวดล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจี เก็บรายละเอียดได้แทบจะสมบูรณ์พร้อม จนน่าจะเชื่อว่าเป็นภาพวาดจากฝีมือจิตรกรระดับสูง มากกว่าที่จะมาจากนักวาดภาพมืออาชีพ อย่างที่ผู้วาดออกตัวไว้ตั้งแต่ทีแรก
“ถูกใจมั๊ยครับ” สเตฟานถามเบาๆ
“สวยมากเลย” ภูริทัตหันไปยิ้มให้อย่างชื่นชม แล้วหันไปดูรูปนั้นอีก
“ผมให้คุณนะครับ”
“สานฝัน” ภูริทัตหันไปพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ
“คุณให้ผมมากเหลือเกินนะ จนผมเกรงใจไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว”
“อย่าคิดมากสิครับ” สเตฟานหัวเราะเบาๆ
“แค่ภาพวาด”
“ผมรู้ คุณเป็นถึงประธานกรรมการบริหารของโรงแรมชื่อดัง ที่คุณพาผมไปโน่นไปนี่ เลี้ยงอาหารผม มันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณ แต่สำหรับผม มันเป็นเรื่องใหญ่นะ” ภูริทัตติง
“คุณคงรู้มาจากคุณรังสรรค์” สเตฟานระบายยิ้มน้อยๆในหน้า
“ถ้าเราสองคนสลับตำแหน่งการงานกัน คุณจะทำเหมือนผมหรือเปล่า”
“ก็คงจะทำ” ภูริทัตยกมือขึ้นเกาท้าทอย แล้วพยักหน้าช้าๆ
“แบบนี้คุณก็อย่าเกรงใจมากนักเลยครับ เพราะผมเองก็คอยระวังไม่ให้ถูกมองว่าให้อะไรกับคุณมากเกินไปเหมือนกัน อย่างเวลาคุณเดินทาง ผมก็ให้ทรงศักดิ์เป็นคนพาคุณไป อาหารผมก็เลี้ยงคุณในโอกาสสำคัญ วันนี้ก็มีทรงเดชมาด้วย เหมือนกับเรามาเที่ยวกันภายในครอบครัว”
“ครอบครัว” ภูริทัตทวนคำด้วยสีหน้าฉงน
“ใช่ครับ ... ครอบครัว” สเตฟานยิ้มกว้าง
“ทรงศักดิ์ อยู่กับผมมานานมาก ครอบครัวของเขา เปรียบเสมือนครอบครัวของผม คุณเองก็เหมือนกัน ถือซะว่าพวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน คนในครอบครัวทำอะไรให้กัน ถือว่าสมควรแล้ว”
ภูริทัตยังคงงุนงงในคำพูดของสเตฟาน ถึงแม้จะฟังดูสมเหตุสมผล แต่มันยังมีอะไรขัดแย้งกันอยู่ในความรู้สึกของเขา แต่เขาก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่ามันเป็นอะไรกันแน่
บทที่ ๓๐
“เราจะเริ่มหากันจากที่ไหน” ไลล่าถามพลางมองไปรอบๆย่านการค้า ที่มีคนหนาแน่นในยามค่ำคืน
“สเตฟานปิดกั้นจิตอีกแล้ว พวกเราคงต้องลองหาไปเรื่อยๆ” โจชัวร์ตอบด้วยเสียงเคร่งเครียด
“แน่ใจเหรอว่าจะยังอยู่ที่นี้ ป่านนี้หนีไปที่อื่นแล้วมั๊ง” ไป่เทียนมองไปรอบๆอย่างเบื่อหน่าย
“ถึงจะไม่แน่ใจ ข้าก็จะต้องค้นหาต่อไป แต่ข้ามั่นใจว่า ชายหนุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสเตฟาน จะต้องอยู่ที่ไหนซักแห่ง ในประเทศแถบนี้”
“คนรักของสเตฟานงั้นเหรอ” ไลล่าพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“พูดมากไปแล้ว” โจชัวร์หันไปตวาดใส่ “สเตฟานต้องไม่มีใครอื่น นอกจากข้าเท่านั้น”
ไล่ล่า ก้มหน้าลง ซ่อนแววตาที่แสดงความไม่พอใจไว้ ในขณะที่ไป่เทียนมองดูด้วยความสะใจ
“ไปได้แล้ว พวกเจ้าแยกย้ายกันไปออกตามหา แล้วถ้าต้องการจะหาอาหาร ก็อย่าก่อเรื่อง”
พูดจบโจชัวร์ก็แยกตัวเดินออกไป ไลล่าและไป่เทียนมองหน้ากันแว่บหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง
“คุณซื้อบ้านหลังนี้ไว้นานแล้วเหรอ” ภูริทัตถามดังๆ เพราะอีกฝ่ายนั่งอยู่บนโซฟายาวในห้องรับแขก ขณะที่เขากำลังเดินดูเครื่องประดับห้อง
“ก็ตั้งแต่ผมมาอยู่เมืองไทยเมื่อครั้งก่อน” สเตฟานตอบพลางจิบกาแฟทีละนิด
หลังอาหารเย็นผ่านไป ทรงเดชขอตัวเข้าไปพักผ่อนในห้องพักบนชั้นสอง ปล่อยให้คนทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
“เปียโนหลังนี้ท่าทางจะเก่ามาก” ภูริทัตเดินมายังเปียโนซึ่งตั้งอยู่ทางมุมหนึ่งของห้อง พลางใช้นิ้วกดไปบนลิ่มนิ้วที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ของคีย์บอร์ดไปเรื่อยๆ เสียงนุ่ม แต่ค่อนข้างกังวาน ดังไปทั่วในอณูของอากาศ “ผมอยากฟังคุณเล่นเปียโนจัง”
สเตฟานยิ้มน้อยๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะเตี้ย เดินมานั่งลงบนเก้าอี้เปียโน แล้วเริ่มพรมนิ้วลงไป เพลง La Vie En Rose ที่มีท่วงทำนองอันอ่อนหวาน ก็ดังขึ้น ภูริทัตยืนจ้องมองท่าทางที่บรรเลงเพลงอย่างมีความสุขของสเตฟาน ด้วยสายตาวาววับ เขาจำได้ว่า วันแรกที่ได้เห็นสเตฟานภายในลอบบี้ของโรงแรม สเตฟานก็ทีท่าทางแบบนี้เหมือนกัน
“จริงสิ ผมมีเรื่องจะถามคุณ ต่อจากเมื่อตอนกลางวัน” ภูริทัตถามพลางนั่งลงข้างๆสเตฟาน บนเก้าอี้เปียโน
สเตฟานหันไปมองหน้าภูริทัต เหมือนจะถามว่าภูริทัตต้องการรู้เรื่องใด
“เรื่องที่ว่า คุณแพ้แสงแดด แต่วันนี้...”
“ผมเคยบอกคุณว่าผมแพ้แดด” สเตฟานตอบก่อนที่ภูริทัตจะถามจบ
“แต่ผมไม่เคยบอกว่าผมออกไปไหนตอนกลางวันไม่ได้ วันนี้คุณก็เห็นแล้ว” สเตฟานพูดพลางไล่นิ้วไปตามลิ่มนิ้วของเปียโน เท้าซ้ายที่เหยียบเพดเดิลตัวกลางไว้ ทำให้เสียงเปียโนแผ่วเบาลง “ท่ามกลางกิ่งไม้ที่หนาแน่นในสวนที่นี่ แสงแดดวันนี้ก็อ่อนจางมาก ผมพอจะทนไหว ความจริงผมเองก็อยากจะเห็นโลกตอนกลางวันบ้าง เหมือนอย่างที่ผมเคยทำได้มาก่อน”
“แบบนี้คุณก็ออกไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า หรือไปกินข้าวในร้านอาหาร ตอนกลางวันได้บ้างสิ” ภูริทัตยิ้มอย่างดีใจ
“แต่มันเสี่ยงเกินไป และค่อนข้างลำบากกับการที่จะต้องคอยระวังตัว ถ้าสถานที่เหล่านั้นมีแสงแดดส่องถึง ผมก็อาจเป็นอันตรายได้ แต่ที่นี่…” สเตฟานมองไปรอบๆห้อง “ผมมั่นใจว่าที่นี่ผมจะปลอดภัย แล้วถ้าวันไหนอากาศดีเหมือนวันนี้ ผมก็ยังพอจะออกไปที่สวนได้บ้าง”
ภูริทัตมองไปรอบๆห้องบ้าง ห้องนั่งเล่น ที่ใช้เป็นห้องรับแขกในตัว ค่อนข้างจะกว้างขวาง หน้าต่างบานใหญ่ สูงเกือบจรดเพดานห้อง สามารถเปิดกว้างได้เพื่อถ่ายเทอากาศ ผ้าม่านหนาหนัก คงพร้อมจะปิดกั้นแสงอาทิตย์จากภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง หากเจ้าของบ้านต้องการ ชุดเก้าอี้โซฟาพร้อมโต๊ะเตี้ยๆ ทรงยุโรป โทนสีขรึม เหมาะกับบ้านไม้ทรงยุโรปหลังนี้
“แต่คุณก็ยังเลือกที่จะใช้เวลาอยู่ที่โรงแรมของคุณ หรือตามที่พักในต่างจังหวัด มากกว่าที่นี่” ภูริทัตถามต่อ
“ช่วงที่ผมกลับมาใหม่ๆ การพักที่โรงแรมมีความสะดวกสบายมากกว่า ทั้งในแง่การเดินทาง และการติดต่อเรื่องงาน ถึงผมจะชอบที่นี่มากกว่า แต่ผมก็ยังไม่พร้อม ที่จะใช้ที่นี่เป็นที่พักถาวร”
“ทำไมล่ะ” ภูริทัตเอื้อมมือไปกุมมือของสเตฟานไว้ ทำให้สเตฟานต้องหยุดเล่นเปียโนลง
“ผมอยากจะเก็บที่นี่ไว้ เพื่อเป็นที่พักสุดท้ายของผม ถ้าคนคนนั้นยินยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ”
“ใครเหรอ ... หรือว่าเป็นคนที่กำลังตามหาคุณอยู่"
สเตฟานพยักหน้ายอมรับ
“ทำไมต้องรอให้เค้าปล่อยคุณให้เป็นอิสระล่ะ ผมไม่เข้าใจ คนคนนั้นใช้อะไรข่มขู่บังคับคุณ ทำไมคุณต้องกลัวเค้าด้วย”
“เมื่อก่อนนี้ เขาบังคับผมได้ทุกอย่างจริงๆ” สเตฟานก้มหน้าหลบสายตาของภูริทัต
“ตอนนี้ ถึงเขาจะบังคับผมไม่ได้อีกแล้ว แต่ผมก็ยังกลัวว่า เขาจะทำร้ายคนที่อยู่รอบตัวผม ทำร้ายคนที่ผมรัก เหมือนที่เขาเคยทำ”
คำว่า ‘ทุกอย่าง’ ที่ออกจากปากของสเตฟาน ทำให้ภูริทัตถึงกับขมวดคิ้ว เมื่อคิดไปถึงเรื่องราวบางเรื่อง แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ซึมเศร้าลงไปถนัดตาของอีกฝ่าย  ก็อดเกิดความสงสารไม่ได้
“แล้วถ้าเค้าไม่ยอมปล่อยคุณล่ะ มันจะไม่มีวิธีไหนเลยเหรอ ที่จะทำให้เค้าวางมือจากคุณ”
“มี ... มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น” สเตฟานเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ
“ทำยังไง” ภูริทัตถามด้วยความกระตือรือร้น

“ชีวิตของเขา หรือไม่ก็ชีวิตของผม ผ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะต้องดับสูญเมื่อนั้น ผมถึงจะเป็นอิสระ”
“เรื่องราวมันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวเหรอ” ภูริทัตหน้าตาตื่นจ้องใบหน้าด้านข้างของสเตฟานนิ่ง สักพักก็สงบอารมณ์อันพลุ่งพล่านได้ “ผมไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณมาบ้าง แต่ต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณ”ชายหนุ่มกอดร่างของอีกฝ่ายไว้แนบแน่น
“ ถึงผมจะให้อะไรคุณได้ไม่มากกับที่คุณให้แก่ผม แต่ผมจะปกป้องคุณเอง ...สานฝัน ... ผมจะปกป้องคุณตราบนิรันดร”



มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-30 01:32:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 00:28:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 12:24:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 23:29 , Processed in 0.158093 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้