ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 587|ตอบกลับ: 4

++ สานฝันนิรันดร ++ # 34

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว


“ผมเป็นใครงั้นเหรอ” เสียงตอบพร้อมกับรอยยิ้มหยัน
“เรียกผมว่า โจชัวร์ ... โจชัวร์เจ้านายและคนรักที่แท้จริงของสเตฟาน และนั่น ไล่ล่า กับไป่เทียน” รังสรรค์หันไปมองคนทั้งสอง
แล้วหันกลับมาทางโจชัวร์
“เจ้านาย...คนรัก” รังสรรค์ขมวดคิ้วแล้วก็ต้องแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

“ตลกน่า...พวกคุณเล่นตลกอะไรกันเนี่ย เฮ๊ย...ไอ้ชา นี่มันเรื่องอะไรกันวะ” รังสรรค์หันไปถามเพื่อน แต่ปรีชายังคงนิ่งเฉย สีหน้าเลื่อนลอยเหมือนอยู่ในภวังค์ จนรังสรรค์ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อน
“พวกคุณทำอะไรไอ้ชา” รังสรรค์หันมาไล่เบี้ยกับโจชัวร์
“ผมแค่ให้เขาพาคุณมาหาผม” โจชัวร์เดินไปใกล้รังสรรค์มากขึ้น จนห่างกันแค่มือเอื้อมถึง
“โชคดีที่เค้าทำได้ ทำให้ผมได้พบคุณอีกครั้ง”
“อีกครั้ง” รังสรรค์ทวนคำ
“ผมว่า ผมเพิ่งเคยพบคุณเป็นครั้งแรกนะ”
“ม่าย .... หนุ่มน้อย” โจชัวร์ลากเสียง ใบหน้ายิ้มกริ่ม
“คุณจำไม่ได้หรือ เราพบกันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมคิดว่าผมจะได้ตัวสเตฟานเสียที แต่พวกคุณก็หนีจากผมไปจนได้”
“สุดสัปดาห์ที่แล้วเหรอ ทำไมผมจำไม่ได้” รังสรรค์เรียบเรียงความทรงจำอย่างรวดเร็ว
“ผมไปเที่ยวกับสเตฟาน แล้วผมก็เมาจนสเตฟานต้องเป็นคนพาผมกลับ ผมจำไม่ได้เลยว่าได้พบกับคุณ” รังสรรค์ตอบเสียงเรียบ
แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่า ไลล่าและไป่เทียนมายืนอยู่ด้านหลังเขาแล้ว
“ไม่เป็นไร จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” รอยยิ้มของโจชัวร์ราวกับจะเย้ยหยัน
“ตอนนี้คุณหนีผมไปไม่ได้อีกแล้ว หนุ่มน้อย ทั้งคุณทั้งสเตฟาน”
พูดจบโจชัวร์ก็ยกมือขึ้น กำมือไว้แล้วชูนิ้วชี้ขึ้นมา นิ้วมือที่เรียวยาวและอวบอ้วน รังสรรค์มองดูนิ้วมือนั้นด้วยความสงสัย แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่า ปลายเล็บกลับงอกยาวขึ้นทีละนิด จนมีความยาวเกือบ ๒ นิ้ว เล็บนั้นดูแวววาวราวโลหะ
“คุณจะทำอะไรน่ะ” รังสรรค์ร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อแขนทั้งสองถูกรวบไว้โดยไลล่าและไป่เทียน ชายหนุ่มพยายามดิ้นรน แต่ไม่อาจสู้กำลังที่ยึดตัวเขาเอาไว้ได้
“ไม่ต้องกลัวหนุ่มน้อย ผมไม่ทำร้ายอะไรคุณหรอก เพียงแต่...”
โจชัวร์พูดแล้วยกแขนอีกข้างหนึ่งขึ้นมา ใช้เล็บคมยาวกรีดเบาๆลงไปบนข้อมือ เลือดสีแดงคล้ำไหลรินออกมาทันที รังสรรค์มองดูด้วยความตกใจ มองเห็นเล็บแหลมคมค่อยๆหดตัวลงจนเป็นปรกติ โจชัวร์ยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่ลี้ลับ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกระเพาะหดตัว หน้าท้องเริ่มเกร็งเพราะความหวาดกลัว
“คุณ...คุณทำได้ยังไง พวกคุณเป็นอะไรกันแน่” น้ำเสียงที่รังสรรค์พยายามพูดออกไปนั้น สั่นเครือไปเพราะความหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับเขากันแน่
“ชา ... ไอ้ชา ช่วยด้วย ไอ้ชา”
ชายหนุ่มร้องเรียกเพื่อนซึ่งเป็นความหวังว่าอาจจะช่วยเขาได้ แต่ไม่มีประโยชน์ ปรียายังคงยืนนิ่ง สีหน้าเลื่อนลอย ไม่รับรู้เหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้น
“ไม่ต้องกลัว ผมบอกคุณแล้วไงผมไม่ทำร้ายอะไรคุณ เพียงแต่จะทำให้คุณเป็นพวกของเราเท่านั้น ทำให้คุณเป็นเหมือนผม เป็นเหมือน
สเตฟานที่คุณรักยังไงเล่า หนุ่มน้อย...คนรักของสเตฟานเอ๋ย” โจชัวร์ค่อยๆก้าวเท้าข้าหารังสรรค์อย่างช้าๆ
“คุณพูดอะไรกัน ผมน่ะเหรอคนรักของสเตฟาน” รังสรรค์ยิ่งงุนงงมากยิ่งขึ้น
และก่อนที่รังสรรค์จะพูดอะไรต่อ คางของเขาก็ถูกโจชัวร์บีบให้อ้าปากขึ้น ข้อมือของโจชัวร์ถูกจ่อเข้ามาที่ริมฝีปาก กลิ่นคาวโลหิตฉุนเฉียวลอยเข้ามาในจมูก แล้วลิ้นของรังสรรค์ก็ได้รสคาวของเลือดสดๆจากข้อมือของโจชัวร์ ก่อนที่มันจะไหลรินลงไปในลำคอ
บทที่ ๓๙
“แย่จริงๆเลยนะพี่ ไม่มาทำงานก็ไม่ยอมโทรศัพท์มาบอกเหตุผล จู่ๆก็หายไปซะทั้งคู่”
ภูริทัตไม่ตอบ เพียงแต่เหลือบสายตามองดูชายหนุ่มรุ่นน้อง อย่างเบื่อหน่ายเพียงแว่บเดียว แล้วก็เบือนสายตากลับมายังจานข้าวราดแกงตรงหน้าเหมือนเดิม
“นี่ยังดีนะ ยังมีปูอยู่อีกคน ไม่งั้นพี่ทัตนั่งกินข้าวคนเดียว เหงาแย่เลย” กรกฏพยายามพูด ให้อีกฝ่ายคิดกับเขาในแง่ดี ในแบบที่คิดว่า จะทำให้ภูริทัตสนใจเขามากขึ้น
“ที่นี่พี่ไม่ได้มีเพื่อนอยู่แค่เจ้าชากับเจ้าสรรค์หรอกนะ ความจริงก็มีหลายคนที่เค้าจะมานั่งกินข้าวด้วยกันกับพี่ แต่พอเค้าเห็นปู เค้าก็ไปนั่งที่อื่นกันหมด” พูดจบภูริทัตก็รวบช้อนส้อม ลุกออกจากโต๊ะไปทันที ทิ้งให้กรกฏนั่งอยู่คนเดียวด้วยความงุนงง ว่าที่ภูริทัตพูดนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่
ตลอดบ่าย ภูริทัตทำงานด้วยความหงุดหงิด เขาพยายามติดต่อกับเพื่อนทั้งสองคน ทางโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ที่บ้านของรังสรรค์
และโทรศัพท์ที่คอนโดของปรีชา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เหมือนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พองานเลิกชายหนุ่มนั่งรถแทกซี่ไปยังคอนโดของปรีชา ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แต่หลังจากที่กดกริ่งเรียกอยู่หน้าประตูพักใหญ่ๆ ก็ไม่มีคนเปิดประตู เขาจึงเปลี่ยนที่หมายเป็นบ้านหลังเล็กๆชานเมืองของรังสรรค์ แต่ก็ไม่พบใครอีกเช่นกัน ภูริทัตรู้สึกกังวลใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี สุดท้ายก็ตัดสินใจเรียกรถแทกซี่ตรงไปหาคนที่เขาคิดว่า น่าจะเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่เขาได้มากที่สุดในยามนี้
“อะไรนะ ไม่อยู่เหรอ”
“ครับ ไม่อยู่” ทรงเดชตอบเสียงเรียบๆ แต่ในใจนั้นนึกขันในท่าทางลุกลี้ลุกลนของภูริทัต ... อะไรจะคิดถึงมากมายขนาดนี้ ... ทรงเดชอดคิดไม่ได้
“แล้วไปไหนล่ะนี่มันก็ค่ำแล้ว ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“คุณสเตฟานไปออสเตรเลียครับ คงจะกลับพรุ่งนี้ คุณไม่ต้องกลุ้มไปหรอกครับ” ทรงเดชยกมือขึ้นตบไหล่ของภูริทัตเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ “อีกไม่กี่วันก็วันหยุดแล้ว เดี๋ยวผมเตรียมโปรแกรมเที่ยวดีๆไว้ให้คุณสองคนเอง ไม่ต้องกลุ้มใจขนาดนี้หรอกครับ”
“ผมไม่ได้กลุ้มเรื่องได้เที่ยว หรือไม่ได้เที่ยวหรอกนะ” ภูริทัตพูดเสียงห้วน
“ผมกลุ้มเรื่องเจ้าสรรค์กับเจ้าชามันตะหาก จู่ๆก็ไม่มาทำงาน” พูดจบก็ถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนหายอึดอัดไปบ้าง ที่ได้พูดออกไป
“ไม่มาทำงาน” ทรงเดชทวนคำ “ไม่สบายกันรึเปล่าครับ”
“ไม่น่าใช่ ... โทรศัพท์ติดต่อก็ไม่ได้ ผมไปตามหาถึงบ้านทั้งคู่ ก็ไม่เจอ ไม่รู้หายกันไปไหน” ภูริทัตพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“แปลก ... จู่ๆจะหายไปไหนได้” ทรงเดชยกมือขึ้นกอดอก พูดอย่างใช้ความคิด
“ก่อนหน้านี้มีอะไรผิดปรกติรึเปล่าครับ”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ แต่...เดี๋ยวนะครับ” ภูริทัตเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“เมื่อวานนี้เหมือนเจ้าชาจะใจลอยผิดปรกติ ตอนเย็นก็ชวนเข้าสรรค์ไปด้วยกัน”
“ไปไหนเหรอครับ” ทรงเดชถามโพล่งขึ้นมา
“ไม่รู้สิ ผมถามเจ้าชา มันก็ไม่ยอมบอก แถมยังทำท่าเหมือนไม่อยากให้ผมไปด้วยซะอีก ทั้งๆที่ทุกครั้งมีอะไร มันจะชวนทั้งเจ้าสรรค์แล้วก็ผมให้ไปด้วยกัน แล้วพอวันนี้ก็ไม่มาทำงานกันทั้งคู่ ... หรือว่ามันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
“ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ” ทรงเดชพูดพลางนิ่งคิด แล้วเหมือนจะคิดถึงอะไรขึ้นมาได้
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมว่าพวกเรารอดูพรุ่งนี้อีกสักวัน ไม่แน่นะครับ พรุ่งนี้ก็คงมาทำงานเป็นปรกติ” ทรงเดชพยายามบังคับตัวเองให้พูดเป็นปรกติ ทั้งๆที่ในใจกำลังวิตก
“อืม ... เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” ภูริทัตตอบหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนแล้วกันครับ”
“คุณทัตทำใจให้สบายๆเถอะ สองคนนั้นอาจจะไปธุระกันที่ไหน แล้วกำลังเดินทางกลับกันอยู่ ผมว่าตายยากครับ โดยเฉพาะคุณรังสรรค์น่ะ”ทรงเดชพูดพลางยักคิ้วหลิ่วตา เหมือนกำลังพูดเรื่องตลก
“นั่นสินะครับ ผมก็หวังว่าคงไม่เป็นอะไร”
ภูริทัตนั่งอยู่บนขอบเตียง คิดถึงบทสนทนากับทรงเดชเมื่อตอนเย็น แล้วคิดย้อนไปถึงตอนที่ได้รู้จักกันในช่วงแรกๆ เขารู้สึกไม่ค่อยชอบท่าทางกวนๆของชายหนุ่มเลยในตอนนั้น แต่พอได้รู้จักกันนานเข้า กลับรู้สึกว่า ทรงเดชมีส่วนคล้ายคลึงกับรังสรรค์อยู่ไม่น้อย ถึงแม้การแสดงออกจะแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ทั้งสองคนมักมีวิธีการที่ทำให้คนรอบข้างสบายใจอยู่เสมอ
คิดแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ภูริทัตยกมือขึ้นจับอัญมณีสีเขียวมรกต ที่ร้อยอยู่กับสร้อยคอทองคำขึ้นมาจ้องมองดู ประกายสีเขียวสดสะท้อนวูบวาบ ราวกับจะล้อเล่นกับแสงไฟ ทำให้เขาคิดถึงดวงตาสีเขียวมรกตของคนที่มอบอัญมณีนี้แก่เขา
“สานฝัน ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่นะ”
สเตฟานยิ้มน้อยๆ รับรู้ได้ถึงความรักและความคิดถึง ที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงที่ส่งมาในดวงจิต ซึ่งส่งผ่านมาสู่'อัญมณี' ที่ร้อยอยู่กับสายสร้อยบนลำคอ ใบหน้าที่เงยขึ้นมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า ค่อยๆก้มลงมองดูกองฝุ่นกองโตบนพื้นหญ้า ในป่าโปร่งยามราตรี ถึงจะไม่มีแสงจันทร์เช่นคืนนี้ เขาก็ยังคงมองเห็นทุกอย่างได้อย่างแจ่มชัดอยู่ดี สเตฟานสูดลมหายใจลึกๆ แล้วกระแสพลังแห่งชีวิตจากต้นไม้รอบข้าง ก็เริ่มไหลรินเข้าไปในร่างกาย การเดินของกระแสพลังนั้นทำให้เกิดกระแสลมอ่อนๆ ทำให้กองฝุ่นนั้นค่อยๆกระจายไปกับกระแสลมทีละน้อย ทีละน้อย จนหมดไป
“ก็เหลือเพียงเท่านี้ ไม่ว่าพืช สัตว์ มนุษย์ หรือแม้กระทั่งเหล่าแวมไพร์ ไม่ว่าจะมีชีวิตยืนยาวสักแค่ไหน ไม่ว่าจะยากจนหรือมั่งมี ไม่ว่าในยามมีชีวิตจะมีทุกข์มีสุข สุดท้าย ก็กลายต้องสูญสลายไปอยู่ดี” สเตฟานพูดเสียงแผ่วเบา
ดวงตาสีเขียวมรกตทอแววปวดร้าวขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วกลับสู่แววนิ่งสงบ พร้อมๆกับการหยุดของดูดซึมกระแสพลังแห่งชีวิตรอบข้าง สเตฟานเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์อีกครั้ง
“ผมไม่ยอมให้พวกนั้นทำอันตรายต่อคุณได้เด็ดขาด ผมจะปกป้องคุณเอง ผมจะปกป้องคุณ และคนที่คุณรัก”
เสียงพูดค่อยๆแผ่วเบาลงพร้อมกับร่างที่ค่อยๆเลือนลาง ราวกับจะละลายกลืนหายไปกับอากาศ แล้วสุดท้ายร่างของสเตฟานก็หายไปโดยไร้ร่องรอย
เวลาเช้าตรู่ แต่ภายในห้องที่มีผ้าม่านหนาหนักปิดมิดชิด หลังผ้าม่านยังมีแผ่นเหล็กกั้นไว้อีกชั้น ทำให้แสงของดวงอาทิตย์จากภายนอกที่ค่อยๆสาดแสงแรงขึ้น ไม่อาจลอดผ่านเข้ามาได้เลย สเตฟานนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวยาว จิบไวน์ในแก้วช้าๆ ขณะที่รับฟังทรงเดชเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากภูริทัต
“คุณว่า ทั้งสองคนจะถูกพวกนั้นจับไปรึเปล่า” ทรงเดชถามด้วยความกังวล
“อาจจะเป็นไปได้” สเตฟานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ทางทีดี ขอให้มันเป็นอย่างนั้นก็คงจะดี”
“อ้าว ... ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ” ทรงเดชโวยวาย
“นี่คุณไม่ห่วงพวกเค้าเลยเหรอครับ สองคนนั้นน่ะ เพื่อนคุณทัตนะ”
สเตฟานหันมามองหน้าเห็นใบหน้าแสดงอาการไม่พอใจของทรงเดช แล้วก็ต้องยิ้มน้อยๆ
“เพราะถ้าสองคนนั้นถูกจับตัวไปจริงล่ะก็ พวกเขาจะปลอดภัยแน่ๆ”
“ทำไมละครับ ผมว่ามันอันตรายมากกว่า ถ้าเกิดพวกนั้น ... พวกนั้น ... เอ้อ” ทรงเดชอึกอัก จนสเตฟานต้องส่ายหน้าช้าๆ
“คุณลองคิดดู ถ้าพวกนั้นจับตัวทั้งสองคนไป พวกเค้าต้องการอะไร” สเตฟานยังคงมีรอยยิ้มบางๆอยู่บนใบหน้า
“ที่พวกนั้นต้องการ ก็ต้องเป็นคุณน่ะสิ ... ไม่น่าถาม” ทรงเดชตอบออกมาในทันที แล้วก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
“หรือว่า...”
“ใช่ ... คนพวกนั้นต้องใช้ทั้งสองคนเป็นตัวล่อให้ผมไปหา ดังนั้นจะต้องไม่ทำอะไรทั้งสองคนนั้นเด็ดขาด นอกจาก ...” หัวคิ้วของสเตฟานขมวดขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วก็กลับไปเป็นปรกติ
“นอกจากอะไรเหรอครับ” ทรงเดชยื่นหน้าถามด้วยความอยากรู้

“นอกจากเค้าจะใช้ทั้งสองคนนั้นตามไปจนถึงตัวภูริทัตอีกทีหนึ่ง แต่นั่นคงต้องใช้เวลาอีก ๒-๓ วัน” พูดแล้วสเตฟานก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงความสงสัยของทรงเดช “เอาเป็นว่าผมพอจะรู้นิสัยของโจชัวร์ดีพอจะนึกออกว่าเขาจะทำอะไรกับคนทั้งสองบ้าง ตอนนี้คุณวางใจได้ว่าคนทั้งสองจะปลอดภัยถ้าอยู่ในมือของคนพวกนั้น แล้วผมจะจัดการช่วยพวกเขาออกมาเองคุณไม่ต้องเป็นห่วง”



มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-30 02:44:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 02:06:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 02:07:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 12:58:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 23:26 , Processed in 0.065019 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้