ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 769|ตอบกลับ: 4

++ สานฝันนิรันดร ++ # 45 ตอนจบ

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว


“น้ำตาผมไหลเพราะความสุขต่างหากความสุขจากการที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคุณ”
“ต่อไปคุณก็ต้องมีความสุข ถึงผมจะไม่อยู่แล้วก็ตาม” เสียงของภูริทัตเริ่มแผ่วเบาลง

“สานฝันของผม ผมรู้ว่าพ่อหนุ่มคนนั้นก็รักคุณผมอยากให้เขาทำให้คุณมีความสุข รับปากผมนะ” ภูริทัตคิดไปถึงชายหนุ่มผิวสองสีรูปร่างสูงโปร่ง ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเมื่อวัยหนุ่มอยู่บ้าง
สเตฟานไม่ตอบแต่เลื่อนใบหน้าขึ้นมาในระดับเดียวกันกับใบหน้าของภูริทัต แก้มขาวนวนเนียนแนบลงไปบนแก้มซูบผอมของอีกฝ่าย
“แต่ผมรักคุณ” สเตฟานกระซิบข้างหู แล้วเลื่อนริมฝีปากสีชมพูราวกลีบกุหลาบ ประทับลงไปบนริมฝีปากสีแดงคล้ำของอีกฝ่าย
“ผมก็รักคุณ สานฝันของผม ผมรักคุณจนตราบนิรันดร” เสียงของภูริทัตแผ่วเบาลง แล้วเงียบลงในที่สุด
สเตฟานแนบใบหน้าลงบนแผ่นอกที่เคยบึกบึนของภูริทัต เสียงหัวใจที่เคยได้ยินอย่างแผ่วเบาเสมอ บัดนี้มีแต่ความเงียบ สเตฟานกอดร่างอันอบอุ่นนั้นไว้ เวลาผ่านไปเท่าไรเขาไม่รับรู้ ไม่รับรู้แม้กระทั่งว่าร่างของภูริทัตเริ่มเย็นลง
“คุณท่านครับ” เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้น แต่สเตฟานยังไม่ขยับจากการโอบกอดภูริทัตไว้
“พอเถอะนะครับ พวกเราควรจัดการเรื่องหลังของคุณทัตกันดีกว่า” แล้วชายหนุ่มก็ค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปเพื่อแยกสเตฟานออกมา
“นั่นสิครับ ผมรู้ว่าคุณรักคุณปู่ทัตมาก แต่คุณควรไปพักผ่อนดีกว่านะครับ นี่มันเช้าแล้ว คุณอยู่เฝ้าปู่ทัตมาทั้งคืนแล้ว” เสียงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดพร้อมกับเข้าไปช่วยชายหนุ่มคนแรกพยุงตัวสเตฟานไว้
“ฝากพวกคุณด้วยแล้วกันนะทรงฤทธิ์” สเตฟานบอกกับชายหนุ่มคนแรก แล้วหันหน้าไปทางชายหนุ่มที่โอบไหล่เขาอยู่
“ขอบคุณนะครับ คุณชัยชาญ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ผมไปส่งที่ห้องนะครับ” ชัยชาญบอกยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอให้คุณช่วยทางนี้ด้วยแล้วกัน เรื่องพิธีต่างๆของชาวพุทธ ผมคงร่วมด้วยไม่ได้ รบกวนคุณด้วยนะครับ” พูดจบสเตฟานก็เบี่ยงตัวออกมาจากการโอบไหล่ของชัยชาญ แล้วเดินออกจากห้องไป โดยมีชายหนุ่มทั้งสองมองตามเงาหลังที่ดูอ่อนระโหย
...คงเพลียเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน ...ชัยชาญคิดแล้วอมยิ้มน้อยๆ
คงมีเพียงทรงฤทธิ์ที่มองดูสเตฟานด้วยความห่วงใย เพราะเขารู้ดีว่า สเตฟานและภูริทัตแท้จริงมีความสัมพันธ์กันเช่นไร ...ตอนนี้หัวใจคุณท่านคงแทบแหลกสลาย... เขาคิดด้วยความสงสาร
“ท่าทางคุณสเตฟานเสียใจน่าดู แกรักปู่ทัตมาก” ชัยชาญหันไปพูดกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาในระดับมหาวิทยาลัย และเข้ามาทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายอยู่ในโรงแรมที่ทรงฤทธิ์ทำงานเป็นเลขาประธานกรรมการบริหารอยู่
“อื้อ” ทรงฤทธิ์ตอบสั้นๆ “ไปเหอะวะ มีอะไรต้องทำเยอะแยะเลย”
“เมื่อกี้เหมือนคุณสเตฟานเค้าจะบอกว่า ไม่ไปร่วมงานศพปู่ทัตนะ เค้าเป็นคริสต์เหรอ” ชัยชาญถามขึ้นระหว่างที่กำลังเดินลงบันได
“ก็ทำนองนั้นแหละ” ทรงฤทธิ์ยักไหล่ ... เป็นแวมไพร์เว๊ย ไอ้เซ่อ
“นี่ๆ ไอ้ฤทธิ์ เอ็งว่าพอปู่ทัตไม่อยู่แล้ว เค้าจะหันมาสนใจข้าบ้างมั๊ยวะ”
ทรงฤทธ็หันมองหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้ม แล้วขมวดคิ้ว ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“เอาไว้ข้าจะลองชวนไปดูหนัง เอ...หรือว่าไปเที่ยวทะเลดี”
“เอ็งพูดเรื่องนี้ในเวลาอย่างนี้ได้ยังไงวะ” ทรงฤทธิ์หันมาพูดอย่างโกรธๆ
“ดูกาละเทศะมั่งสิวะ ว่านี่มันเวลาอะไร”
“เออๆ ข้าขอโทษ”
ชัยชาญหน้าเจื่อนลง นึกต่อว่าตัวเองไม่ได้ว่ามาคิดเรื่องแบบนี้ในเวลานี้ได้อย่างไร เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เขาได้เจอชายหนุ่มคนนั้นครั้งแรกเมื่อตอนที่เขามาฝึกงานในโรงแรม ผิวขาวอมชมพูละเอียดอ่อน เรือนผมสีทองเปล่งประกาย ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นสีชมพูเข้มราวกลีบกุหลาบ จมูกโด่งเป็นสันเล็กน้อย คิ้วเรียวยาวอยู่เหนือดวงตาสีเขียวเข้ม ที่เปล่งประกายราวมรกตเนื้อดี ชัยชาญก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเรียกร้องต้องการชายหนุ่มคนนี้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา เคียงข้างสเตฟานจะต้องมีชายชราที่ชื่อภูริทัตอยู่ด้วยเสมอ ท่าทางอันอ่อนโยนที่คนทั้งสองมีต่อกัน ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หากภูริทัตอายุน้อยกว่านี้สัก ๓๐-๔๐ ปี เขาคงไม่ลังเลที่จะบอกว่าคนทั้งสองเป็นคู่รักกันแน่นอน แต่ด้วยวัยที่แตกต่างกัน ทำให้ยากจะเชื่อได้ว่าชายหนุ่มชาวต่างชาติผู้นี้ หลงใหลต่อสิ่งใดของชายชราชาวไทยผู้นี้ ชัยชาญรับรู้จากการบอกเล่าของเพื่อน ว่าทั้งสองคนเป็นญาติห่างๆ และอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เพื่อนของเขากลับอึกอักที่จะบอกเล่าออกมา และดูท่าทางเพื่อนของเขาจะเกรงใจและให้เกียรติคนทั้งสอง มากกว่าความเป็นญาติธรรมดา โดยเฉพาะกับสเตฟาน ดูได้จากคำเรียกขานที่เรียกสเตฟานว่า ‘คุณท่าน’ เกือบทุกครั้งไป
ทั้งสองคนเดินออกมาจากตัวบ้านจนถึงรถยนต์ส่วนตัวที่จอดอยู่ ทรงฤทธิ์เดินไปเปิดประตูด้านคนขับแล้วเข้าไปนั่งประจำที่ เตรียมจะสตาร์ทรถ ชัยชาญก็เปิดประตูอีกด้านหนึ่งเตรียมจะเข้าไปนั่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันตัวแล้วเงยหน้ามองไปยังตัวตึกชั้นบน ที่คิดว่าคนที่เขาคิดถึงคงจะอยู่ภายในห้องใดห้องหนึ่งบนนั้น
“สเตฟาน ผมรู้ว่าคุณเสียใจที่ปู่ทัตต้องจากไป แต่ผมจะปลอบใจคุณเองนะ สเตฟาน...สานฝันของผม”
ตอนที่ ๕๔ บทส่งท้าย
“แล้วชายหนุ่มก็ตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตกับแวมไพร์ตนนั้น ไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตตัวเอง”
“ทำไมล่ะครับ เค้าไม่กลัวเหรอ” เด็กชายอายุราวๆ ๗ ขวบ ถามเสียงเจื้อยแจ้ว
“กลัวอะไรล่ะ” คนเป็นปู่ถามเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆ บนเก้าอี้โซฟาตัวยาว
“ก็กลัวว่าตัวเองจะตายไปก่อน แล้วสเตฟานต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ ว่าไปแล้ว...” เด็กชายยกมือขึ้นเอานิ้วชี้แตะคางตัวเอง ทำท่าครุ่นคิด “ทำไมสเตฟานเค้าไม่ทำให้ภูริทัตกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วยซะเลยอะครับปู่”
“หึ หึ” ปู่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“นั่นสิ ไม่มีใครกล้าเสนอความคิดนี้กับสเตฟาน แต่ปู่คิดว่าคงเป็นเพราะภูริทัตยังอยากเป็นมนุษย์อยู่ละมัง หรือไม่ก็ ... สเตฟานเองคงไม่อยากทำให้ภูริทัตเป็นแวมไพร์”
“ทำไมล่ะครับ ผมว่าดีออก จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“ไม่หรอก” ปู่ส่ายหน้าช้าๆ ถอนหายใจยาว
“สเตฟานเค้าไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดา ต่อให้ภูริทัตกลายเป็นแวมไพร์ ก็ต้องตายไปก่อนอยู่ดี เพราะกรีนอายส์น่ะ อายุยืนยาวกว่าแวมไพร์ เหมือนแวมไพร์อายุยืนยาวกว่ามนุษย์ปรกติ”
“ว๊า....” เด็กชายถอนหายใจบ้าง
“อย่างนี้ถ้าภูริทัตตายไป ก็ต้องอยู่คนเดียวสิครับ น่าสงสารจัง”
“ใช่ ... น่าสงสาร” คนเป็นปู่เงียบไป เพราะคิดถึงคนที่กำลังพูดถึง
“ว่าแต่โจชัวร์ล่ะครับปู่ สงสัยจังว่าเค้าหายไปไหน” เด็กชายถามเมื่อนึกขึ้นได้
“ไม่มีใครรู้ แล้วก็ไม่มีใครกล้าถาม บางทีเค้าอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
“สเตฟานฆ่าเค้าเหรอครับ แต่ปู่บอกว่าสเตฟานทำไม่ได้นี่ มันเป็นกฏ” เด็กชายขมวดคิ้ว
“กฏอะไรน๊า”
“กฏของผู้สร้างกับผู้ถูกสร้าง” ปู่ยิ้มแล้วมองดูเด็กชายด้วยความเอ็นดู
“การทำให้ใครสักคนตายโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือมันมีหลายวิธี สเตฟานเค้าคงใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง โดยที่ไม่ฝืนกฎข้อนั้น”
เด็กชายทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ คนเป็นปู่ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กชายเบาๆด้วยความรัก
“เก็บเอาไว้ถามสเตฟานเค้าเองดีมั๊ย”
“ปู่อ๊ะ จะถามได้ไงกัน” เด็กชายหน้ามุ่ย
“ปู่พูดยังกับว่าสองคนนี้เค้ามีตัวตนจริงๆอย่างงั้นแหละ”
“แล้วถ้าพวกเค้ามีตัวตนจริงๆ แล้วหลานปู่ได้เจอพวกเค้าล่ะ” ปู่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมจะเป็นเพื่อนกับสเตฟาน แล้วก็จะถามเค้าด้วยว่าเค้าทำอะไรกับโจชัวร์” เด็กชายตอบเสียงใส
ดูเหมือนเด็กชายจะชอบ ‘นิทาน’ ที่ปู่เล่าให้ฟังมาก เมื่อมีเวลาว่างก็มักรบเร้าให้ปู่ของเขาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ แต่เมื่อทรงฤทธิ์อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ปู่ก็พาเขาไปยังบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้สองชั้นในเนื้อที่ขนาดใหญ่ รอบบ้านร่มรื่นไปด้วยเงาไม้ ที่ห้องสมุดของบ้านหลังนั้นเอง ที่เขาได้เห็นภาพวาดของสเตฟานเป็นครั้งแรก ใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน และดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นกลับทำให้เขาแทบจะลืมหายใจ และวันนั้นเองที่เขาได้รับรู้ว่า สเตฟานมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่แวมไพร์ในนิทานที่ปู่เขาแต่งขึ้น ความจริงของตระกูลอีกเรื่องหนึ่งก็ถูกถ่ายทอดจากปากของทรงเดช สู่ทรงฤทธิ์ผู้เป็นหลานชาย
“ต่อไปถ้าปู่ไม่อยู่ ฤทธิ์จะช่วยดูแลคุณสเตฟานต่อจากปู่ได้ไหม” ตอนนั้นทรงเดชถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาที่มองมานั้นราวกับกำลังขอร้องเรื่องสำคัญที่สุดกับเขา
“ได้สิครับปู่ ผมจะทำให้ดีที่สุดเลย ปู่ไว้ใจผมได้เลยครับ” ทรงฤทธิ์ตอบด้วยความมั่นใจ และด้วยความรู้สึกอีกอย่างที่ซ่อนอยู่
“ขอบใจนะ ขอบใจ” ทรงเดชพูดแล้วก็โอบกอดหลานชายไว้ด้วยความดีใจ
แล้วอีกไม่นานทรงฤทธิ์ก็ได้พบเจอกับคนที่เขารอคอย วันนั้นอยู่ในช่วงที่เขาและชัยชาญเพื่อนสนิท พากันมาฝึกงานในโรงแรมที่ปู่ของเขาทำงานเป็นเลขาของประธานกรรมการบริหาร ซึ่งก็คือสเตฟานนั่นเอง วันนั้นทรงเดชให้เขาและชัยชาญขับรถไปรับสเตฟานที่สนามบิน
“สนามบิน ปู่พูดเป็นเล่น” ทรงฤทธิ์พูดอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
“เค้าจะใช้เครื่องบินเดินทางทำไมกัน”
“คุณท่านมากับคุณภูริทัต”
คำตอบสั้นๆเพียงแค่นั้นเอง ทรงฤทธิ์ก็เข้าใจหมดทุกอย่าง เขาจึงทำตามคำสั่งขับรถส่วนตัวคันเล็กไปรอรับคนทั้งสอง โดยมีชัยชาญไปเป็นเพื่อน เพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว
“ไหนว่ามารับคน ทำไมมาจอดตรงนี้วะ” ชัยชาญถามเพื่อน เมื่อเห็นว่าทรงฤทธิ์นำรถมาจอดไว้ที่ลานจอดรถ แล้วออกมายืนรออยู่บริเวณนั้น แทนที่จะเข้าไปในอาคารของสนามบิน
“ปู่บอกให้มารอแถวนี้ เดี๋ยวพวกนั้นจะออกมาเจอเอง” ทรงฤทธิ์ตอบแล้วก็ยืนกอดอกแน่น ขมวดคิ้ว ขบฟันเบาๆอยู่ตลอดเวลา
ชัยชาญมองดูท่าทางของเพื่อน ที่เหมือนกำลังตื่นเต้นจนแทบจะระงับไม่อยู่อย่างขำๆ เพราะเขาคิดไม่ออกว่าการที่มารับ ‘ญาติ’ คนหนึ่งเท่านั้น ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย แล้วจู่ๆ เขาก็เห็นใบหน้าของทรงฤทธิ์เหมือนกับตื่นตลึงกับอะไรบางอย่าง ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้าง ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย มือที่กอดอกอยู่คลายออกมาอยู่ข้างตัว ชัยชาญจึงหันตัวไปยังทิศที่เพื่อนของเขามองอยู่ แล้วเขาก็ตกอยู่ในอาการเดียวกันโดยไม่รู้ตัว
ชายชราคนนั้น ถึงจะมีอายุมาแล้วแต่หลังยังตั้งตรง ก้าวเดินอย่างช้าๆแต่สง่าผ่าเผย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังคงเป็นประกาย เค้าหน้ายังคงมีความหล่อเหลาของวัยหนุ่มหลงเหลืออยู่ ชายหนุ่มชาวต่างชาติที่อยู่เคียงข้างยิ่งดูราวกับภาพวาด ผิวขาวละเอียดอ่อนราวกับจะเปล่งประกายออกมา ดวงหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเอิบ และดวงตาสีเขียวส่องประกายแวววาว
ชายหนุ่มทั้งสองแทบไม่รู้ตัวเลยว่าคนทั้งสองมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อไร
“ทรงฤทธิ์สินะ” ชายชราเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม ทำให้คนทั้งสองรู้สึกตัว
“ค..ครับ” ทรงฤทธิ์ตะกุกตะกัก รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด
“คุณภูริทัตกับ เอ้อ ...” ชายหนุ่มหันไปมองคนที่ยืนอยู่เคียงข้างชายชรา
“คุณท่าน” คำเรียกนั้นหลุดปากออกไป เขาแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่กล้าเอ่ยชื่อนั้นออกมาตรงๆ
“เรียกสเตฟานก็ได้นะครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม ... รอยยิ้มที่เหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง กำลังมองดูเด็กตัวเล็กๆด้วยความเอ็นดู
“ครับคุณสเตฟาน” คนตอบกลับเป็นอีกคนหนึ่ง “ผมชัยชาญครับ เป็นเพื่อนเจ้าฤทธิ์” ชายหนุ่มรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นแรงเมื่อสเตฟานหันมายิ้มให้
“เรารีบไปกันเถอะ ดึกมาแล้ว เด็กๆจะได้กลับไปพักผ่อน” ภูริทัตพูดยิ้มๆ
แล้วคนทั้งสี่ก็พากันขึ้นรถยนต์คันเล็ก ออกจากบริเวณสนามบิน ตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง และนับจากวันนั้น ทรงฤทธิ์ก็มีหน้าที่มาที่บ้านหลังนี้ เพื่อมาดูแลคนทั้งสอง โดยบางวันจะมีชัยชาญมาเป็นผู้ช่วยด้วยอีกคนหนึ่ง จนกระทั่งหมดช่วงฝึกงาน
ถึงแม้จะหมดช่วงฝึกงานไปแล้วก็ตาม ในวันหยุด ทรงฤทธิ์ก็ยังมา ‘เยี่ยมเยือน’ คนทั้งสองอยู่เสมอ และบ่อยครั้งที่ชัยชายติดตามมาด้วย ถึงแม้ท่าทางของทรงฤทธิ์จะไม่แสดงออกเท่ากับชัยชาญ แต่ภูริทัตก็รู้ได้จากแววตาของชายหนุ่มว่าเขาคิดอย่างไร
“เค้ายังต้องอยู่ต่อไปอีกนาน” ภูริทัตพูดขึ้นมาในวันหนึ่งที่อยู่กับทรงฤทธิ์ตามลำพัง
“อะไรครับ” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความสงสัย
“คล้ายกันจริงๆ” ภูริทัตมองดูชายหนุ่มอย่างเพ่งพินิจ เค้าหน้าของทรงฤทธิ์คล้ายคลึงกับเขาเมื่อวัยหนุ่มอยู่มากทีเดียว แล้วก็ต้องหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นชายหนุ่มขมวดคิ้ว เอียงคอน้อยๆมองเขาอย่างงุนงง “สานฝันไง ... ฉันหมายถึงสเตฟาน เธอคงรู้ว่าเขายังต้องอยู่ไปอีกนาน”
“แล้วทำไมคุณไม่ให้เค้าทำให้คุณเป็นแวมไพร์ล่ะ อย่างน้อยคุณก็จะได้อยู่กับเขานานขึ้นไปอีก” ทรงฤทธิ์โพล่งออกไปทันที แล้วก็ต้องรู้สึกตัว “ผม ... ผมขอโทษ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
“ฉันก็เคยคิดเหมือนกัน แต่ถึงฉันจะเป็นแวมไพร์แล้วจะเป็นยังไงล่ะ ฉันก็ต้องจากไปก่อนอยู่ดี” ภูริทัตถอนหายใจยาว
“บางทีการที่ได้อยู่ด้วยกันนานมากขึ้นเท่าไร อาจเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่ยังคงต้องอยู่ต่อไป มากเท่ากับเวลาที่มันเพิ่มขึ้น
ก็ได้นะ”
“ผมไม่ทันคิด” ทรงฤทธิ์เงยหน้าขึ้นมองดูชายชราตรงหน้าอย่างนับถือ
“ถ้าคิดจะรักใครสักคน เธอต้องคิดถึงความรู้สึกของเขาให้มากไว้ และทำเพื่อเขา อย่าปล่อยให้เขาทำอะไรเพื่อเราเพียงฝ่ายเดียว”
“ครับ” ทรงฤทธิ์รับคำเบาๆ หลบสายตาของภูริทัต ... เขารู้ ปู่ทัตรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับสเตฟาน
“ในการแข่งขัน ถ้าเธออยากได้ชัยชนะ เธอก็ต้องทำให้เต็มที่ ...ใช่มั๊ย” ภูริทัตพูดยิ้มๆ สายตาของชายหนุ่มกลับมามองที่เขา อย่างสงสัย ... และลังเล
“ความรักก็เหมือนกัน ถ้าคนที่เธอรักยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร เธอก็มีโอกาส อย่ายอมแพ้ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นเพื่อนก็เถอะ”
ภูริทัตพูดช้าๆและชัดเจนทุกคำ และรู้สึกเอ็นดูชายหนุ่มตรงหน้ามากขึ้น เมื่อเห็นว่าใบหน้าของทรงฤทธิ์เปลี่ยนเป็นสีแดงไปจนถึงลำคอ
“ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยได้พักนะครับ” ทรงฤทธิ์มองดูสเตฟานที่ยืนมองทิวทัศน์เบื้องนอก ที่เต็มไปด้วยแสงไฟในยามค่ำคืน ผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องพักภายในโรงแรม ด้วยความเป็นห่วง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม” สเตฟานรอคำตอบอยู่สักพัก แล้วก็ต้องถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ผมหมายถึงงานของภูริทัต”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆเหมือนทุกครั้ง เขารู้ตัวเหมือนกันว่า เขาจะกลายเป็นคนพูดน้อยทันทีที่อยู่ต่อหน้าคนคนนี้
“เธอไปพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว” สเตฟานพูดแล้วก็เดินเข้าไปยืนตรงหน้าทรงฤทธิ์ ยกมือวางลงบนไหล่ของชายหนุ่ม
“แล้วก็ขอบใจมากนะ ถ้าไม่มีเธอ...ฉันก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้เหมือนกัน”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องมองกลับมา บ่งบอกอะไรหลายอย่าง มือของชายหนุ่มเอื้อมมาจับมือของสเตฟานไว้ แล้วบีบเบาๆ
“คุณยังมีผมนะครับ” ทรงฤทธิ์โพล่งออกไป
“ผมจะดูแลคุณเอง แทนปู่ของผม แล้วก็ ... แล้วก็” ชายหนุ่มอึกอัก
“แทนคุณภูริทัต”
สเตฟานขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกตกใจกับการกระทำและคำพูดของชายหนุ่ม
“ขอบคุณ ... ขอบคุณท่าน” เสียงอันแผ่วเบาราวกระซิบ น้ำเสียงแสดงความดีใจอย่างสุดซึ้ง ก่อนที่เจ้าของร่างจะค่อยๆสลายกลายเป็นฝุ่นผงเพียงกองเดียวอยู่แทบเท้าของเขา


แวมไพร์อีกตนหนึ่งที่เขาช่วยให้หลุดพ้นจากความเป็นนิรันดร์โชคชะตาทำให้เขาต้องกลายมาเป็นผู้ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนและคงต้องทำต่อไปอีก ไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าใดสเตฟานเงยหน้ามองดูดวงจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าแน่วนิ่ง ดวงตาสีเขียวมรกตทอประกายแวววาวเมื่อก่อนนี้เขารู้สึกโดดเดี่ยว แต่บัดนี้ถึงแม้หัวใจจะยังมีความเศร้าหมองอยู่บ้างแต่เขาก็ยังรุ้สึกอบอุ่น เพราะตอนนี้เขามีภูริทัตในใจและจะยังคงอยู่ต่อไปตราบนิรันดร
                                                                 …The End…

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-7-1 20:14:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 04:08:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
40786
Zenny
35240
ออนไลน์
3552 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-4-2 06:41:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนมากมายค๊าฟ สนุกมากๆ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 13:42:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 23:59 , Processed in 0.099392 second(s), 30 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้