ภาพพุทธประวัติ” โดยสังเขป
http://www.dhammajak.net/board/files/_1_999.jpg**************************************************
ภาพที่ ๑
พระนางสิริมหามายาทรงบริจาคมหาทาน
ในภาพ...เป็นพระอัจฉริยธรรมที่พระนางสิริมหามายา
ทรงปฏิบัติในวันอุโบสถศีล ทรงศีลบริจาคทานแก่มหาชนเทวทหะนคร
อันมีไพร่ฟ้าข้าราษฏร สมณชีพราหมณ์ โดยบัญญาธิการในทรัพย์นั้น
มีปาฏิหาริย์ เป็นบุญกิริยาที่ทรงประพฤติปฏิบัติอยู่เป็นเสมอ http://www.dhammajak.net/board/files/_2_460.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๒
พระนางสิริมหามายารับสร้อยพระศอ
ของหมั้นจากพระสุทโธทนะ
ในภาพ...พระนางสิริมหามายาทรงเจริญวัย ๑๖ พรรษา
เสด็จประพาสอยู่ในสวนหลวง
หมู่พราหมณ์ได้ค้นพบว่าทรงเป็นรัตนกัลยา
จึงได้หมั้นหมายให้เป็นคู่อภิเษกสมรสกับพระสุทโธทนะ
ด้วยสร้อยประดับพระศอ
พระนางสิริมหามายาจึงทรงรับของหมั้นจากพราหมณ์ทิชาจารย์
http://www.dhammajak.net/board/files/_3_505.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๓
พระราชพิธีอภิเษกสมรส
เจ้าชายสุทโธทนะกับเจ้าหญิงสิริมหามายา
ในภาพ...แสดงพระราชพิธีอภิเษกสมรส
เจ้าชายสุทธโทนะกับเจ้าหญิงสิริมหามายา ในมหามณฑป
ท่่ามกลางหมู่พระประยูรญาติทั้ง ๒ ผ่าย
มีท้าวมหาพรหมชั้นสุทธาวาส
เป็นประธานในพระราชพิธีอภิเษกสมรส
และพระอินทร์ พร้อมหมู่บริวาร เข้าร่วมพิธี
โดยแสดงไว้ที่ฉากระยะหลังของภาพ
http://www.dhammajak.net/board/files/_4_946.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๔
ปวงเทพยดาอัญเชิญพระโพธิสัตว์จุติเพื่อโปรดสัตว์โลก
ในภาพ...พระโพธิสัตว์สันตดุสิต ประทับ ณ ทิพยอาสน์
ในอากัปกิริยาตรวจดูมหาวิโลกนะ ๕ ประการ
เพื่อตรวจดูความเหมาะสม
ตามคำทูลเชิญปวงเทพยดาที่เสด็จมาชุมนุม ณ ที่นั้น
http://www.dhammajak.net/board/files/_5_176.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๕
พระนางสิริมหามายาราชเทวี
ทรงพระสุบินนิมิตเห็นพระยาช้างเผือก
ในภาพ...แสดงพระสุบินนิมิตแห่งความฝัน
ของพระนางสิริมหามายาราชเทวี
ผู้ที่่พระโพธิสัตว์ทรงเลือกให้เป็นพระพุทธมารดา
พระโพธิสัตว์ทรงแสดงให้่พระราชมารดา
นิมิตเห็นพระยาช้างเผือกชูงวงจับดวกบัวขาว
กระทำทักษิณาวัตร ๓ รอบ ก่อนเสด็จเข้าพระครรภ์ทางด้านขวา
http://www.dhammajak.net/board/files/_6_598.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๖
พระโพธิสัตว์ประทับอยู่ในพระครรภ์
ครบบริบูรณ์ ๑๐ เดือน
ในภาพ...แสดงถึงพระบุญญาธิการพระนางสิริมหามายา
พระพุทธมารดา ระหว่างทรงครรภ์ทรงมองเห็นพระราชโอรส
พระราชโอรสนั้นประทับอยู่ในพระครรภ์ดุจห้องพระเจดีย์
และมีเหล่าท้าวจตุมหาราชาทั้ง ๔
ถวายการอารักขาความปลอดภัยแก่พระโพธิสัตว์
และพระราชมารดาตลอดเวลา ทั้งกลางวันกลางคืน
ระหว่างที่ทรงบริหารพระครรภ์อยู่ครบบริบูรณ์ ๑๐ เดือน
http://www.dhammajak.net/board/files/_7_824.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๗
พระกุมารโพธิสัตว์ประสูติแล้วเสด็จพระราชดำเนิน ๗ ก้าว
มีดอกบัวทิพย์รองรับพระบาท
ในภาพ...พระนางสิริมหามายายื่นพระหัตถ์โน้มกิ่งสาละ
ประสูติพระโพธิสัตว์ ซึ่งเสด็จออกมาทางด้านขวาแห่งพระราชชนนี
พระราชกุมารนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปได้ ๗ ก้าว
ก็มีดอกบัวทิพย์รองรับพระบาท
ทรงเปล่งพระวาจาอันอาจหาญเป็นเบื้องต้นว่า
“เราเป็นผู้เลิศที่สุดในโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก
เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา การเกิดในภพใหม่จักไม่มีอีก”
http://www.dhammajak.net/board/files/_8_196.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๘
สหชาติทั้ง ๗ ที่บังเกิดขึ้นพร้อมกับ
การประสูติของพระโพธิสัตว์
ในภาพ...แสดงถึงบุคคลที่เป็นบริวารแวดล้อมอยู่ในฐานะต่างๆ
มีอุปการคุณต่อพระโพธิสัตว์ รวมถึง ม้ามงคล ไม้มหาโพธิ์
และพระราชทรัพย์ ที่เกิดขึ้นพร้อมพระโพธิสัตว์
ผู้ซึ่งจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย
สัตตสหชาติพระโพธิสัตว์ มีดังนี้
(๑) พระนางพิมพา หรือ พระนางยโสธรา
เป็นพระราชบุตรีของประเจ้าสุปปพุทธะ กรุงเทวทหะ
เป็นพระชายาของพระสิทธัตถะเมื่อมีประชนม์ได้ ๑๖ พรรษา
เป็นพระมารดาของพระราหุล ภายหลังออกบวชมีนามว่า พระภัททกัจจานา
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6958
(๒) พระอานนท์
เป็นเจ้าชายในศากยวงศ์ โอรสของพระเจ้าสุกโกทนะ
ซึ่งเป็นพระเจ้าอาของเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านออกบวชในพุทธศาสนา
และได้รับเลือกเป็นพระอุปัฏฐากประจำพระองค์ของพระพุทธศาสนา
ทั้งได้รับเลือกเป็นพระอุปัฏฐากประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า
ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในหลายด้าน
ท่านบรรลุพระอรหัตหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ๓ เดือน
เป็นกำลังสำคัญในคราวทำปฐมสังคายนา
ท่านดำรงชีวิตสืบมาจนถึงอายุได้ ๑๒๐ ปี จึงนิพพานในอากาศเหนือแม่น้ำโรหิณี
ซึ่งเป็นเส้นกั้นแดนระหว่างแคว้นของพระญาติสองฝ่าย คือ ศากยะ และโกลิยะ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6748
(๓) นายฉันนะ
เป็นอำมาตย์คนสนิท และเป็นสารถีของเจ้าชายสิทธัตถะในวัง
ครั้งเสด็จออกบรรพชาเมื่อมีพระชนม์ได้ ๒๙ พรรษา
นายฉันนะตามเสด็จไปด้วยและนำเครื่องอาภรณ์
พร้อมทั้งคำกราบทูลของเจ้าชายสิทธัตถะกลับกรุงกบิลพัสดุ์
ภายหลังบวชเป็นภิกษุถือตัวว่าเป็นคนใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามาแต่เก่าก่อน
ใครว่าไม่ฟังเกิดความบ่อยๆ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพานแล้ว
ถูกสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์หายพยศและได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
(๔) อำมาตย์กาฬุทายี
เป็นพระสหายสนิทของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์
พระเจ้าสุทโธนะส่งไปทูลเชิญพระศาสดาเพื่อเสด็จมากรุงกบิลพัสดุ์
อำมาตย์กาฬุทายีไปเฝ้าพระศาสดาที่กรุงราชคฤห์
ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาบรรลุพระอรหัต จึงได้อุปสมบทเป็นภิกษุ
แล้วทูลเชิญพระศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จกรุงกบิลพัสดุ์
ท่านได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในบรรดาผู้ทำตระกูลให้เลื่อมใส
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7592
(๕) ม้ากัณฐกะ
ม้าพระที่นั่งของเจ้าชายสิทธัตถะ ตัวม้ายาวจากคอถึงหาง ๑๘ ศอก
ส่วนสูงก็เหมาะสมกับส่วนยาว มีสีขาวผ่องเหมือนเปลือกหอยสังข์ที่ขาวสะอาด
ในราตรีที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จหนีออกจากพระราชวังเพื่อเสด็จออกบรรพชา
การเดินทางครั้งนี้มีนายฉันนะเกาะหางม้ากัณฐกะไปด้วย
ม้ากัญฐกะเดินทางถึงแม่น้ำอโนมาใช้เวลาเที่ยงคืนถึงเช้าระยะทาง ๓๐ โยชน์
(๔๘๐ กิโลเมตร) กระโดดครั้งเดียวก็ข้ามแม่น้ำอโนมา
เมื่อข้ามฝั่งแม่น้ำแล้วเจ้าชายสิทธัตถะจึงรับสั่งว่า
กัณฐกะเจ้าจงกลับไปยังเมืองกบิลพัสดุ์เถิด
ม้ากัณฐกะจึงเหลียวมองไปทางเจ้าชายสิทธัตถะ
พอเจ้าชายลับสายตาไป ม้าก็ถึงแก่ความตายเนื่องจากเสียใจ
และได้ไปเกิดอยู่ในดาวดึงส์ มีชื่อว่า “กัณฐกเทวบุตร”
(๖) ต้นพระศรีมหาโพธิ์
เจ้าชายสิทธัตถะขณะที่มีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา
ทรงบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ในวันเพ็ญเดือน ๖ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภายในป่าสาละ
ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ
(ปัจจุบันคือ ตำบลพุทธคยา แขวงเมืองอุรุเวลาเสนานิคม ของรัฐพิหาร)
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ ๑ เกิดพร้อมกับเจ้าชายสิทธัตถะ,
ต้นที่ ๒ มีอายุราว ๘๗๑-๘๙๑ ปี, ต้นที่ ๓ มีอายุราว ๑๒๕๘-๑๒๗๘ ปี
และ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ปัจจุบันเป็นหน่อที่ ๔ ปลูกราวปี พ.ศ. ๒๔๒๓
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39333
(๗) ขุมทรัพย์ทั้งสี่
ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ หรือ นิธิกุมภี คือขุมทอง ๔ ขุม ได้แก่
ขุมทองสังขนิธี ขุมทองเอลนิธี ขุมทองอุบลนิธี และขุมทองปุณฑริกนิธี
http://www.dhammajak.net/board/files/_9_490.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๙
อสิตดาบสทำนายพระลักษณะมหาบุรุษ
พระโพธิสัตว์ทรงแสดงปาฏิหาริย์
ปรากฏเหนือมวยผมของพระดาบส
ในภาพ...พระโพธิสัตว์ทรงแสดงปาฏิหาริย์
ให้อสิตดาบสทราบว่า พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์
โดยเสด็จไปประทับอยู่ยอดมวยผมของอสิตดาบส
พระดาบสตกใจ พนมมือยอมรับฐานะ
ส่วนพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ได้ไหว้พระราชโอรสเป็นครั้งที่ ๑
ขณะนั้นพระราชมารดา พระนางสิริมหามายาประทับอยู่ด้านซ้ายของพระราชา
และพระน้านาง พระนางมหาปชาบดีประท้บอยู่ด้านขวาของพระราชา
http://www.dhammajak.net/board/files/_10_230.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๑๐
พราหมณ์ทั้ง ๘ ทำนายพระลักษณะว่า
ถ้าทรงครองราชย์จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่
ถ้าทรงผนวชจะเป็นพระพุทธเจ้ามหาศาสดาของโลก
ในภาพ...พราหมณ์ทั้ง ๘ ทำนายมหาปุริสลักษณะ
พราหมณ์คนที่อยู่ใกล้พระราชกุมารที่สุด ชื่อ โกณฑัญญะพราหมณ์
เป็นผู้ทำนายว่าจะทรงเสด็จออกผนวช
และจะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาที่ยิ่งใหญ่
ระหว่างนี้พระราชมารดา พระนางสิริมหามายา ยังดำรงพระชนม์อยู่
http://www.dhammajak.net/board/files/_11_679.jpg
**************************************************
ภาพที่ ๑๑
พระราชกุมารสิทธัตถะทรงเจริญฌาน
ได้บรรลุถึงขั้นปฐมฌาน เมื่อพระชนม์ ๗ พรรษา
ในภาพ...พระราชกุมารสิทธัตถะทรงเจริญฌาณ
ได้บรรลุถึงขั้นปฐมณาน เมื่อพระชนม์ ๗ พรรษา เกิดฤทธิ์ทางใจ
อันเกิดจากการหลุดพ้นแห่งจิตที่เป็นณาน
ทรงแผ่กสิณไปกำหนดให้เกิดเงาของร่มหว้าดุจเงาตอนเที่ยง
พระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ทรงเห็นเป็นมหัศจรรย์
ได้ไหว้พระราชโอรสเป็นครั้งที่ ๒
http://www.dhammajak.net/board/files/_16_390.jpg
http://www.dhammajak.net/board/files/_20_299.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_21_206.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_22_174.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_23_883.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_24_125.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_25_191.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_26_204.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_27_189.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_28_439.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_29_716.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_30_170.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_31_309.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_32_114.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_33_165.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_34_155.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_35_196.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_36_102.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_37_114.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_38_606.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_39_127.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_40_201.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_41_244.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_42_154.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_43_199.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_44_165.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_45_237.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_46_125.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_47_855.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_48_137.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_49_103.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_50_159.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_51_458.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_52_501.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_53_411.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_54_145.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_55_299.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_56_252.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_57_100.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_58_195.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_59_326.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_60_103.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_61_485.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_62_113.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_63_228.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_64_139.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_65_287.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_66_146.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_67_118.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_68_154.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_69_351.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_70_914.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_71_135.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_72_173.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_73_436.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_74_193.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_75_611.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_76_394.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_77_139.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_78_720.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_79_928.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_80_132.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/_81_179.jpg
ภาพที่ ๘๑
พุทธกิจหลักประจำวัน ๕ ประการ
พุทธกิจประการที่ ๑
ในเวลาเช้า ทรงเสด็จออกบิณฑบาตเพื่อโปรดสัตว์โลก
พุทธกิจประการที่ ๒
ในเวลาเย็น ทรงแสดงธรรมแก่ผู้สนใจในการฟังธรรม
พุทธกิจประการที่ ๓
ในเวลาค่ำ ทรงประทานพระโอวาทให้กรรมฐานแก่ภิกษุทั้งหลาย
พุทธกิจประการที่ ๔
ในเวลาเที่ยงคืน ทรงแสดงธรรมและตอบปัญหาแก่เทวดาทั้งหลาย
พุทธกิจประการที่ ๕
ในเวลาใกล้รุ่ง ทรงตรวจดูสัตว์โลกที่อาจจะรู้ธรรมที่ประองค์ทรงแสดง
แล้วเสด็จไปอนุเคราะห์แสดงธรรมแก่ผู้ที่ปรากฏในข่ายพระญาณ
ในภาพ...แสดงถึงกิจวัตรของพระบรมศาสดาขณะดำรงพระชนม์
พระบรมศาสดาทรงมีพระเมตตากรุณาโปรดหมู่เวไนยสัตว์
ทรงมีกิจเพื่อสอนผู้อื่นเป็นรายวัน
เช้าถึงเย็นโปรดหมู่ชนหลายวรรณะที่มาสู่ความเป็นพุทธมามกะ
หัวค่ำทรงแสดงธรรมโปรดพระสาวกภิกษุ
กลางคืนทรงแสดงธรรมโปรดหมู่เทวดา
และเวลาค่อนรุ่งทรงส่งกระแสข่ายพระญาณไปตรวจบุคคล
ที่สมควรโปรดตามที่ทรงมีความพอพระทัย
ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอให้ได้รับอานิสงค์ในการกระทำความดีในส่วนของการสืบต่อพระพุทธศาสนา
หน้า:
[1]