มันมาจากนรก
"อำนวย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโคราชเรื่องแปลกประหลาดและน่าขนลุกขนพองที่สุดในชีวิต เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยผมเป็นวัยรุ่นอยู่ที่โคราช แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่นานมาแล้วแต่มันฝังอยู่ในความทรงจำของผมไม่มีวันลืม
"พี่เลิศ" เป็นหนุ่มหมู่บ้านเดียวกับผม แกอยู่กับลุงเหลือผู้เป็นพ่อ มีน้องชายชื่อล้ำ ไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ สองพ่อลูกยึดอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนกับคนในย่านเดียวกัน
หลังบ้านพี่เลิศเป็นลานกว้าง ถัดไปเป็นกอไผ่กับป่าละเมาะรกร้าง เล่ากันว่าที่นั่นเคยเป็นป่าช้าเก่ามาหลายสิบปีแล้ว แต่เด็กๆ ในหมู่บ้านไม่ค่อยมีใครกลัว ตอนบ่ายๆ เย็นๆ ชอบไปวิ่งเล่นเกรียวกราวกันที่นั่น ตั้งแต่ไล่จับ ซ่อนแอบ จนถึงเตะฟุตบอลกันเฮฮาเป็นประจำ
จนกระทั่งวันหนึ่ง พี่เลิศเล่าให้พวกเราฟังว่าตอนโพล้เพล้แกออกไปเก็บผักหักฟืนตามปกติ ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเด็กสาวคนนั้นเข้าพอดี!
ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเราแน่นอน รูปร่างบอบบาง ผิวขาว ตาดำโต ผมยาวประบ่า แต่งตัวชุดดำเหมือนชาวบ้านทั่วไป เมื่อพูดคุยด้วยก็บอกว่าเป็นคนที่อยู่หมู่บ้านถัดไป...ทางด้านหลังของป่าละเมาะที่รกทึบนั่นเอง
ต่อจากวันนั้น พวกเราก็เห็นพี่เลิศชอบเดินเตร่ไปที่ลานหลังบ้านบ่อยหน...เจ้าอั๋นเพื่อนผมมาเล่าว่า เคยเห็นพี่เลิศกับเด็กสาวคนนั้นเดินหายลับเข้าไปในดงไม้นั่นบ่อยๆ
ค่ำหนึ่งก็มีคนเห็นผู้หญิงแปลกหน้านั่นเข้ามาเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านใต้ถุนสูงของพี่เลิศ คืนต่อๆ มาก็มีคนเห็นหลายคน...ไม่ช้าก็ปรากฏว่าพี่เลิศได้ผู้หญิงคนนั้นเป็นเมีย และพามาอยู่กินอย่างเปิดเผย
พวกเราเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่าสนใจอะไรนัก แต่แปลกอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นเมียพี่เลิศในตอนกลางวันยกเว้นยามเข้าไต้เข้าไฟจึงจะเห็นรูปเงาวอมแวมของเธอผ่านหน้าต่างไปมา...ไม่รู้ว่าตอนกลางวันหายไปไหนทั้งวัน
ระยะหลังๆ ไม่มีใครกล้าไปเล่นที่ลานนั้นอีกแล้ว แต่น่าสังเกตว่าพี่เลิศผ่ายผอมไปจนผิดตา ผิวพรรณดำคล้ำ แก้มตอบ นัยน์ตาลึกกลวงดูเลื่อนลอย...บางครั้งก็ฉายแววหวั่นกลัวอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่
บ้านนั้นดูทึบทึม ปราศจากชีวิตชีวาเหมือนเดิมอีกต่อไป
บางคืนจะมีเสียงผู้ชายร้องโหยหวน ดังเยือกเย็นเข้าไปถึงหัวใจของคนที่ได้ยิน!
พี่เลิศมักจะหมกอยู่แต่ในบ้าน มีแต่ลุงเหลือที่ออกมาทำไร่กับซื้อของกินของใช้ที่ร้านชำในหมู่บ้าน ถ้าใครถามถึงพี่เลิศแกก็จะตอบอย่างเสียไม่ได้ว่า...มันไม่ค่อยสบายน่ะ หรือไม่ก็ทำเป็นไม่ได้ยินเอาดื้อๆ
วันหนึ่งก็เกิดเรื่องน่าสยดสยองขึ้น เมื่อพี่เลิศผูกคอตายที่ต้นมะขามหลังบ้าน!
ไม่มีใครรู้ว่ามีสาเหตุจากอะไรแน่? ลุงเหลือก็ปิดปากเงียบ...ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา พี่ล้ำขึ้นมางานศพพี่ชาย แต่ไม่มีใครเห็นวี่แววของเมียพี่เลิศเลย
น่าแปลกอยู่อย่างที่เผาศพพี่เลิศเสร็จ พี่ล้ำก็ไปขนของจากกรุงเทพฯ กลับมาอยู่บ้านเดิม อ้างว่าเพื่อมาช่วยพ่อทำไร่ทำนา...แต่ตอนค่ำคืนก็มีคนเห็นรูปเงาของผู้หญิงคนเดิมเคลื่อนไหวอยู่บนบ้านนั้นเหมือนเมื่อครั้งที่พี่เลิศยังมีชีวิตอยู่!
พี่ล้ำมาอยู่ได้เดือนเศษ รูปร่างที่เคยกำยำล่ำสันก็ผอมโกรกเหมือนพี่ชายในอดีต แววตาบ่งบอกความหวาดกลัวชนิดสยดสยอง...ตอนดึกๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนบาดใจไม่ผิดกับเมื่อครั้งพี่เลิศยังมีชีวิตอยู่ จนชาวบ้านซุบซิบกันว่า...พี่ล้ำได้เมียม่ายของพี่ชาย! ผู้หญิงลึกลับคนนั้นก็ได้ฉายาว่า "คนกินผัว"
อีกราวสองเดือนต่อมา พี่ล้ำก็พบจุดจบแบบเดียวกับพี่ชาย
นั่นคือ ผูกคอตายที่มะขามต้นเดียวและกิ่งเดียวกัน!!
ลุงเหลือเหมือนคนไม่มีชีวิตวิญญาณ เพื่อนบ้านที่ไปช่วยงานศพเลียบเคียงถามว่า เกิดอะไรขึ้น? แกจะต้องรู้แน่ๆ เพราะอยู่บ้านเดียวกัน! แต่ลุงเหลือปิดปากเงียบ กระทั่งผู้ใหญ่บ้านอดรนทนไม่ไหว ต้องจับมือถามตรงๆ ว่าลูกชายทั้งสองคนเป็นอะไรกันแน่? ทำไมถึงผูกคอตาย? ผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน?
คราวนี้ลุงเหลือทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แก้มกระตุก ปากสั่น นัยน์ตาแดงช้ำ...หลุดปากออกมาว่า...มันมีทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย!
คนที่ได้ยินถึงกับตะลึงพรึงเพริดไปหมด จนกระทั่งเรื่องร้ายกาจที่สุดอุบัติขึ้นมาและเป็นการปิดฉากความลี้ลับทั้งหมด เมื่อคืนหนึ่งเกิดไฟไหม้บ้านลุงเหลือ...ชาวบ้านที่พากันไปช่วยได้ยินเสียงผู้ชายร้องเสียงโหยหวน เยือกเย็น บ่งบอกความเจ็บปวดสุดขีดก่อนจะสิ้นใจ
เมื่อไฟดับมอดแล้ว บ้านหลังนั้นกลายเป็นกองเถ้าถ่านเหมือนกองฟอนในเมรุเผาศพ มีการนิมนต์พระมาสวดมนต์ปัดรังควาน...เพราะเสียงร้องโหยหวนในกองไฟนั้นไม่ใช่เสียงของลุงเหลือ แต่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...เป็นเสียงของผีนรกนั่นเอง!
ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]