ห้องสนธยา copy
วันนี้ ป้าดามีเรื่องน่าขนลุกขนพองมาเล่าให้คุณๆ ฟังอีกแล้วค่ะ แถมยังเป็นสถานที่เดิมอีกต่างหาก คือโรงแรมเก่าแก่ริมถนนราชดำเนินกลาง เพียงแต่เป็นคนละงาน เอ๊ย! ชมรมเท่านั้นแหละ
เรื่องที่แล้วน่ะเป็น "ชมรมสามัคคีบำนาญมหาดไทย" โดนผีเพื่อนรักคือ บุหงามาปรากฏตัวในงานซึ่งจัดเดือนละครั้งก่อนวันเงิน เดือนออกหนึ่งวัน ใจจริงน่ะป้าไม่ได้คิดว่าเพื่อนจะมาหลอกหลอนอะไรหรอก แต่วิญญาณดิ่งมาหาเพราะเสียชีวิตกลางทาง
บุหงาอาจจะไม่รู้ตัว หรือต้องการมาล่ำลาเพื่อนฝูงก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด ใครอยากรู้จริงๆ ก็เชิญหาทางถามไถ่เธอเอาเอง ส่วนป้าน่ะต้องขอตัวละค่ะ...คุณหมอท่านบอกว่าป้าหัวใ จไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย
ส่วนเรื่องที่จะเล่าวันนี้เกิดขึ้นที่ "ชมรมเรารักเพลง" จัดทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน จัดกันมาหลายปีดีดักจนเขามีห้องส่วนตัวเอาไว้ให้พวกเ ราสนุกสนานเฮฮากัน โดยเฉพาะพวกโปรดปรานการร้องเพลงมาตั้งสมัยหนุ่มๆ สาวๆ บอกว่าชอบที่สุด ตั้งแต่เวลา 10.30 น.-14.00 น.
ใครมาก่อนก็ได้โชว์ลูกคอก่อน ส่วนมากหนีไม่พ้น สุนทราภรณ์ หรือสุเทพ ชรินทร์ จินตนา บุษยา สวลี อะไรพวกนี้หรอกค่ะ เพลงวัยรุ่นนี่อย่าพูดถึงให้เสียเส้นเปล่าๆ
ค่าบุฟเฟต์ก็หัวละ 350 บาทเท่านั้นเองนะคะ ทั้งอิ่ม ทั้งสนุก คุ้มแสนคุ้มค่ะ
ขนาดดื่มกินและผลัดเปลี่ยนเวียนกันโชว์เสียงขนาดนี้ เชื่อมั้ยคะว่าหลายๆ คนยังไม่เต็มอิ่ม ออกมาก็เลี้ยวขวาไปครัวราชดำเนิน อ้างว่าชอบกินปลาตะเพียนทอดไร้ก้างสุดอร่อย แต่ไม่ยักนั่งห้องด้านนอกหรอกคุณ...โน่น! ผลักประตูกระจกเข้าไปด้านในที่ต่างก็ตะโกน ตะเบ็งเสียง โดยเรียกว่าเป็นการร้องเพลงกันอึกทึกครึกครื้น
เฮ้อ...คิดอีกทีก็น่าเห็นใจค่ะ ทำงานงกๆ เหน็ดเหนื่อยมาตลอดชีวิต แก่ตัวเข้าก็ถือโอกาสหาความสุขใส่ตัวเป็นการชดเชยเวล าที่ผ่านไปแล้ว หรือไม่ก็ระลึกถึงอดีตที่ไม่มีวันหวนกลับไปได้อีกเลย
จริงอย่างที่เขาว่านะคะ...วัยเด็กมีแต่ปัจจุบัน วัยหนุ่มสาวมีแต่อนาคต ส่วนวัยชราก็มีแต่อดีตเอาไว้ให้หวนคะนึง หรือเล่าสู่กันฟังจนกว่าจะถึงวันนั้น...วันของเรา...
อุ๊ยตายจริง! ป้าก็มัวแต่เพ้อเจ้อตามประสาคนแก่...เอ๊ย! ผู้สูงอายุ หลงๆ ลืมๆ จนเกือบไม่ได้เล่าเรื่องขนหัวลุกสู่กันฟังแล้วไหมล่ะ !
ตอน บ่ายวันเกิดเหตุ คุณลุงคุณป้าคู่หนึ่งกำลังร้องเพลง นกเขาคูรัก เสียงสั่นเครือน่าเอ็นดู ป้ารู้สึกแอร์ค่อนข้างเย็นผิดปกติ ดูนาฬิกาเห็นว่าใกล้บ่ายสองแล้วก็เลยชวนเพื่อนเลิฟที ่เหลืออยู่สองคน คือสมจิตรกับวันเพ็ญไปเข้าห้องน้ำ แต่สมจิตรอ้างว่ากำลังจะขึ้นไปร้องเพลงหนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ คู่กับคุณพี่วัยต้น 70 พอดี เราเลยออกไปสองคน
นั่นปะไร! ข้างนอกฝนกำลังกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว สงสัย จะต้องยืดเวลาออกไปแน่ๆ เมื่อเสร็จธุระแล้วเราก็กลับมาที่ห้อง...อ้าว? เกิดเข้าห้องผิดเฉยเลยค่ะ
เพลงกรุงเทพฯ ราตรีของสุนทราภรณ์หวานซึ้งปนเศร้าบอกไม่ถูก น่าแปลกที่ทั้งชายหญิงที่กำลังร้องเพลงคู่กัน กับผู้คนในห้องนั้นล้วนแต่หนุ่มๆ สาวๆ แต่งตัวสุภาพเรียบร้อยผิดตาเหมือนแฟชั่นย้อนยุค...อา กาศเยือกเย็นยิ่งกว่า ห้องเราที่เพิ่งออกไปเสียด้วยซ้ำ
วันเพ็ญจูงแขนป้าออกเดินต่อ พูดปนหัวเราะว่าขนาดเราสองคนไม่ได้ดื่มเบียร์กับเขาย ังป้ำๆ เป๋อๆ คล้าย อัลไซเมอร์กำลังจะมาเยี่ยมงั้นแหละ ถ้าเผลอตัวซดเบียร์มีหวังหัวทิ่ม ป้าก็พลอยหัวเราะขันตัวเองไปด้วย...จนกระทั่งมองเห็น ประตูกระจกใหญ่ด้าน หน้าที่คนวิ่งหลบฝนเข้ามา...
อ้าว? แล้วเราเดินผ่านห้องชมรมคนรักเพลงมาได้ยังไงกันเนี่ย ?
วูบ นั้นเอง ป้าขนลุกซ่าไปทั้งตัว...ก็ห้องเดียวกับที่เราโผล่เข้ าไปเมื่อตะกี้เองแหละ! รีบฉุดแขนเพื่อนให้ย้อนกลับไปอีกครั้ง...ผลักประตูห้ องด้านขวาเข้าไปก็ถอนใจ เฮือกใหญ่...เรามาถูกห้องจนได้
แต่ห้องที่เราผลักไปเจอหนุ่มสาวในอดีตเมื่อราว 50 ปีก่อนทั้งห้อง กับคนร้องเพลงกรุงเทพฯราตรีแสนเศร้าและเยือกเย็นก็ห้ องนี้แท้ๆ นี่นา
วัน เพ็ญกับป้ามองหน้ากัน...หน้าตาคงซีดเซียวทั้งคู่เมื่ อนึกขึ้นได้ว่า...เรา เพิ่งพลัดเข้าไปในแดนสนธยาหยกๆ ย้อนยุคไปราวกึ่งศตวรรษ...เล่นเอาขนหัวลุกเลยค่ะ!
หน้า:
[1]