กินกล้วยดีต่อสุขภาพอย่างไร
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย athit เมื่อ 2013-2-5 10:34เรื่องกล้วย ๆ ที่ไม่กล้วยอย่างที่คิดดังนั้นเรามากินกล้วยกันดีกว่า:lolกล้วยน้ำว้า ประโยชน์กับการดูแลสุขภาพกล้วยน้ำว้าผลไม้ไทยที่มีมาแต่รู้โบราณคนไทยรู้จักกล้วยน้ำว้าดีพอๆกับกล้วยไข่หรือกล้วยหอมยิ่งถ้าเป็นคุณค่าสารอาหารที่ได้รับแล้วมากประโยชน์ถึงขั้นที่เรียกว่าต้องรีบไปหามากินกันเลยทีเดียว
กล้วยดีอย่างไร
กล้วยถึงจะเป็นผลไม้ที่ไม่น่าจะให้พลังงานได้เยอะแต่เชื่อหรือไม่ว่ากล้วยเป็นแหล่งพลังงานสำรองชั้นดีในกล้วย1ผลสามารถให้พลังงานได้ร่วม100แคลอรี่มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่3ชนิดทั้งซูโครสฟรุคโทสและกลูโครสรวมไปถึงเส้นใยและกากอาหารดังนั้นถ้าหากหิวก็สามารถทานกล้วยรองท้องได้(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของกล้วยที่กินเช่นกล้วยไข่อาจทานได้มากกว่า3ผลต่อ1ครั้งกล้วยน้ำว้า1-2ผลกล้วยหอม1-1ครึ่งผล)และในกล้วยเองยังอุดมด้วยวิตามินบี6ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทานแถมแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียมที่ช่วยป้องกันโรคความดันอีกด้วยสุขภาพดีได้ง่ายๆกับกล้วยน้ำว้าอย่างน้อยวันละ1-2ผล
ในบรรดากล้วยทั้งหมดกล้วยน้ำว้าให้วิตามินเอสูงสุดนอกจากนั้นก็ยังมีวิตามินบี1บี2ซีและไนอะซิน(บี6)ในปริมาณที่เท่าๆกันแต่ที่ทำให้กล้วยน้ำว้ามีคุณค่าสารอาหารที่พิเศษกว่ากล้วยชนิดอื่นนั่นก็คือโปรตีนที่อยู่ในกล้วยน้ำว้ามีกรดอะมิโนอาร์จินินและฮีสติดินซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกถึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนเด็กๆผู้ใหญ่ถึงให้เรากินกล้วยบดเพราะอุดมด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายเรานั่นเอง
นอกจากนี้กล้วยน้ำว้ายังมีสรรพคุณในทางยาอีกด้วยมาดูว่ามีอะไรบ้าง
1.ช่วยบรรเทาอาหารเจ็บคอหรืออาการเจ็บหน้าอกจากการไอแห้งๆทานวันละ5-6ผลจะช่วยให้อาการระคายเคืองลดน้อยลงไปมาก
2.ถ้าใครมีกลิ่นปากรุนแรงในตอนเช้ากล้วยน้ำว้าก็มีสรรพคุณทางยาช่วยลดกลิ่นปากได้ดีวิธีการคือทานกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอนทันทีแล้วค่อยแปรงฟันจะช่วยลดกลิ่นปากได้นอกจากนี้ยังเป็นยาระบายช่วยแก้ท้องผูกหรือระบบขับถ่ายไม่ปกติเนื่องมาจากสารเพคตินจะเป็นตัวเพิ่มใยอาหารให้กับลำไส้เมื่อลำไส้อีกกากอาหารมากจะไปดันผนังลำไส้ทำให้ผนังลำไส้เกิดการบีบตัวจึงทำให้รู้สึกอย่างถ่ายนั่นเองทั้งนี้วิธีการแก้อาการท้องผูกอีกวิธีหนึ่งคือให้ทานกล้วยน้ำว้าสุข1-2ผลก่อนนอนแล้วดื่มน้ำตามมากๆจะช่วยให้ถ่ายท้องได้ดีในวันรุ่งขึ้น
3.กล้วยน้ำว้าแก้ท้องผูกได้ก็สามารถแก้ท้องเดินหรือท้องเสียได้ทั้งนี้เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารแทนนินอยู่มากจึงสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้ใช้ใช้กล้วยน้ำว้าดิบหรือห่ามมาปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นบางๆใส่น้ำพอท่วมยาต้มนานครึ่งชั่วโมงดื่มครั้งละ1/2- 1 ถ้วยแก้วให้ดื่มทุกครั้งที่ถ่ายหรือทุกๆ1-2ชั่วโมงใน4-5ชั่วโมงแรกหลังจากนั้นให้ดื่มทุกๆ3-4ชั่วโมงหรือวันละ3-4ครั้ง
4.กล้วยน้ำว้ายังสามารถรักษาโรคกระเพาะได้โดยการนำกล้วยนำว้าดิบมาปอกเปลือกแล้วนำเนื้อมาฝานเป็นแผ่นบางๆแตกแดด2วันให้แห้งกรอบบดเป็นผงให้ละเอียดใช้ทานครั้งละ1-2ช้อนโต๊ะละลายน้ำข้าวหรือน้ำผึ้งทานก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงหรือก่อนนอนทุกวันทั้งนี้ในกล้วยดิบจะกระตุ้นเซลล์ในเยื่อบุกระเพาะเพื่อหลั่งสารพวก“มิวซิน”ออกมาเคลือบกระเพาะซึ่งมีฤทธิ์ในการรักษาแผลในกระเพาะ
5.เปลือกของกล้วยน้ำว้าช่วยบรรเทาอาการคันอันเนื่องมาจากแมลงกัดต่อยและผื่นแดงจากอาการคันนอกจากนี้เนื้อและเปลือกกล้วยมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองได้
นอกจากนี้กล้วยน้ำว้ายังมีสรรพคุณทานเป็นอายุวัฒนะอีกด้วยซึ่งได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณวิธีการคือนำกล้วยสุกปอกเปลือกออกแล้วนำไปแช่กับน้ำผึ้งซัก1สัปดาห์แล้วจึงนำมาทานวันละ1-2ผลจะช่วยบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงได้
กล้วยหอมสารพันสรรพคุณพูดถึงผลไม้ที่ให้พลังงานสูงส่วนมากคงจะนึกถึงทุเรียนเป็นอันดับแรกรองลงมากก็คงจะเป็นมังคุดละมุดลำไยขนุนมะม่วงองุ่นแต่รู้หรือไม่ว่ากล้วยก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ให้พลังงานสูงไม่แพ้กันโดยเฉพาะกล้วยหอมเป็นอีกหนึ่งผลไม้ไทยที่มีผลงานวิจัยแล้วว่าเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆมากมายที่ร่างกายควรได้รับและให้พลังงานมากถึง100กิโลแคลอรี่ต่อหน่วยเลยทีเดียว เนื่องจากว่าในกล้วยหอมนั้นมีน้ำตาลอยู่3ชนิดได้แก่ซุคโคสฟรักโตสและกลูโคสรวมทั้งเส้นใยอาหารดังนั้นร่างกายเราจะได้รับพลังงานและสามารถนำไปใช้ได้ทันทีผลจากการวิจัยแค่กล้วยหอมเพียง2ลูกก็สามารถให้พลังงานกับเราได้มากถึง90นาทีด้วยเหตุนี้นักกีฬาโดยเฉพาะนักเทนนิสจึงนิยมนำไปรับประทานระหว่างการแข่งขันเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายและสามารถนำไปใช้ได้ทันทีนั่นเองนอกจากคุณประโยชน์ในแง่สารอาหารแล้วกล้วยหอมยังมีสรรพคุณอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง1.ลดอาการซึมเศร้า มีการศึกษาทดลองกับกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าเมื่อให้รับประทานกล้วยหอมแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้นทั้งนี้ในกล้วยหอมมีสารTryptophanเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งร่างกายสามารถแปลงเป็นSerotoninสารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายอารมณ์สดใสและมีความสุข2.pms.(Premenstrualsyndrome) เป็นอาการของคุณผู้หญิงในช่วงระหว่างก่อนมีหรือมีประจำเดือนอารมณ์จะหงุดหงิดแปรปรวนง่ายรวมไปถึงอาการปวดหัวปวดท้องหากรับประทานกล้วยหอมก็จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเหล่านี้ได้3.โรคโลหิตจาง ในกล้วยหอมจะอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮีโมโกลบินให้กับเม็ดเลือดแดงจะช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางได้4.ช่วยลดความดันโลหิต กล้วยหอมมีสารอาหารทั้งวิตามินและเกลือแร่อยู่หลายชนิดเกลือแร่ที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือโพแทสเซียมจากการวิจัยยืนยันแล้วว่าโพแทสเซียมในผลไม้สามารถช่วยลดความดันโลหิตให้กับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงได้5.เพิ่มพลังสมอง สารอาหารที่อยู่ในกล้วยหอมสามารถกระตุ้นความตื่นตัวให้กับสมองได้จากการวิจัยเด็กนักเรียนในประเทศอังกฤษกลุ่มหนึ่งพบว่าการรับประทานกล้วยหอมเป็นอาหารเช้าก่อนเข้าห้องสอบจะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มที่และทานอีกในช่วงกลางวันจะทำให้รู้สึกสดชื่นและตื่นตัวได้
6.ลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมอง การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมจะช่วยลดภาวะจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ดังนั้นกล้วยเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
7.ลดการเกิดก้อนนิ่วในไต บางครั้งแคลเซียมจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะเรามากทำให้ไตทำงานหนักจะอาจะเกิดเป็นก้อนนิ่วได้ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมอย่างกล้วยหอมจะช่วยให้ลดการเกิดนิ่วในไตได้8.ลดการเกิดแผลในกระเพาะและลำไส้ กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารอยู่มากใยอาหารเหล่านี้จะไปช่วยให้ลำไส้เล็กย่อยอาหารได้ดีขึ้นรวมถึงยังช่วยเคลือบกระเพาะอาหารให้ลดการระคายเคืองของกรดต่างๆไม่ให้เกิดแผลในกระเพาะนอกจากนี้ยังช่วยลดอาการท้องผูกอีกด้วย
9.ลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง ในกล้วยหอมจะมีสารลดกรดธรรมชาติการรับประทานกล้วยหอมจึงสามารถแก้อาการดังกล่าวได้10.กล้ามเนื้อเป็นตะคริว คนที่กล้ามเนื้อเป็นตะคริวนั้นส่วนหนึ่งมาจากการขาดโพแทสเซียมหรือมีโพแทสเซียมในร่างกายต่ำการทานกล้วยหอมเป็นประจำจะช่วยลดอาการดังกล่าวได้11.ระบบประสาท ในกล้วยหอมนอกจากอุดมไปด้วยโพแทสเซียมแล้วยังมีวิตามินบีอยู่อีกมากวิตามินบีจะช่วยเรื่องระบบประสาทในร่างกายและการทำงานของสมองให้สมดุล
กินกล้วยต้านโรค (Lisa)
กล้วย มีกำเนิดอยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงได้หลายพันปี หลายปีมาแล้ว เชื่อกันว่ากล้วยเป็นผลไม้ชนิดแรกที่คนปลูก เพื่อเป็นอาหาร ประเทศไทยเราชื่อแน่ว่าปลูกกล้วยกินมานานมากแล้ว จดหมายในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อ 300 กว่าปีมาแล้วก็กล่าวถึงเรื่องของกล้วย และยังมีผู้สำรวจและกล่าวว่ากล้วยหลาย 10 พันธุ์มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย แต่คนไทยกลับนิยมกินกล้วยกินน้อยมาก บางคนดูถูกด้วยซ้ำว่าเป็นผลไม้ของคนยาก เนื่องจากราคาถูก จึงถูกจัดให้เป็นผลไม้เกรดต่ำ นำมาขึ้นโต๊ะรับแขกไม่ได้ แขกจะถูกแย่ว่าเลี้ยงกล้วย ต้องไปหาผลไม้แพงๆ ซึ่งความจริงผลไม้ไทยๆ อย่างกล้วยนี้ สุดยอดวิตามินเชียวล่ะ
กินกล้วย-ต้านโรค
ฟังดูชื่อเรื่อง บางคนอาจจะคิดว่า เกินเลยความจริงไปมั้ง
จริง ๆ แล้ว ไม่เกินเลยความจริงเลย กล้วยผลไม้ไทย ๆ ของเรานี่แหละใช้เป็นยาป้องกันและรักษาโรคได้หลายโรค และยังเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารอาหารครบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ คือมีทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังมีคุณสมบัติที่ย่อยง่าย ทางการแพทย์จึงได้เลือกให้กล้วยน้ำว้าสุกเป็นอาหารเสริมในวัยทารก
น้ำตาลที่เกิดขึ้นจากขบวนการเปลี่ยนแปลงของแป้ง ขณะที่กล้วยสุกก็มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่อกล้วยตกไปถึงลำไส้จะทำให้ลำไส้มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้แคลเซียมถูกดูดซึมง่ายและสมบูรณ์ขึ้น จึงนับว่าน้ำตาลในกล้วยมีคุณค่ากว่าน้ำตาลที่ได้จากธัญพืชอื่น ๆ
สารอาหารโปรตีนที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับเราอยู่หลายชนิดโดยเฉพาะมีกรดอะมิโนที่มีชื่อว่า อาร์จินิน และ ฮีสติดีน ซึ่งกรดอะมิโนทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก
นอกจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตแล้ว ในกล้วยแต่ละชนิดยังมีไขมันแม้จะอยู่ในปริมาณที่น้อยก็ตาม
กล้วยแต่ละชนิดจะให้โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ในปริมาณที่แตกต่างกัน จะเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนจากตาราง โดยเปรียบเทียบจากเนื้อกล้วยในปริมาณ 100 กรัม เท่าๆ กัน
ส่วนวิตามินนั้น มองดูผิวเผิน กล้วยแต่ละชนิดสีขาวๆ ทั้งนั้นไม่น่าจะให้วิตามินเอเลย แต่ในกล้วยก็มีวิตามินเออยู่ด้วย แม้จะไม่มากเท่าวิตามินเอที่ได้จากมะละกอหรือมะม่วงสุก แต่ก็มีวิตามินเอมากกว่าผลไม้อีกหลาย ๆ ชนิด เช่น ชมพู่ ส้มโอ น้อยหน่า เป็นต้น ในบรรดากล้วยทุกชนิดนั้น กล้วยน้ำว้าจะมีวิตามินเอมากกว่าเพื่อน สำหรับวิตามินตัวอื่น กล้วยก็มีอยู่ครบทุกชนิดเช่นกัน ทั้งวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และไนอะซิน
เกลือแร่สำคัญ ๆ ที่มีอยู่ในกล้วยก็คือ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก
เมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้อื่น ๆ แล้ว กล้วยนับเป็นผลไม้ที่มีเกลือแร่อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม ฟอสฟอรัส หรือเหล็กก็ตาม กล้วยทุกชนิดมีแร่ธาตุมากกว่าผลไม้ชนิดต่าง ๆ ดังนี้
มีธาตุเหล็กมากกว่าแตงโม พุทรา ระกำ ลำไย ลิ้นจี่ แอปเปิ้ล แคนตาลูป ฯลฯ
มีแคลเซียมมากกว่าชมพู่ มะเฟือง มะไฟ มะยม มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย ฯลฯ
มีฟอสฟอรัสมากกว่าลูกเงาะ ชมพู่ แตงไทย แตงโม มะเฟือง มะม่วง มังคุด ระกำ ละมุด แอปเปิ้ล แคนตาลูป ฯลฯ
หน้า:
[1]