athit โพสต์ 2013-2-11 15:49:19

ตำนานของสัตย์มงคล "ปี่เซี้ยะ"

ผมได้รวบรวมการเราของผู้รู้แต่ละคนเผื่อเพื่อน ๆ จะสนใจเรื่องของปี่เซี้ยะเพราะยุคนี้นิยมเล่นกันมากแต่
จะให้ดีก็ต้องศึกษาก่อนที่เราจะเลี้ยงเพื่อให้เกิดคุณมากกว่าและเลี้ยงให้ถูกต้องตามตำราอย่างไรรองอ่าน ๆ
ดูนะครับเพราะอาจซ้ำกันแต่จะมีอะไรแปลก ๆ ซ่อนในแต่ละความรู้นั้น ๆ
























         ผี่อิว (สำเนียงจีนแต้จิ๋ว) หรือ ผีซิว (สำเนียงจีนกลาง) เป็นสัตว์ป่าที่มีรูปร่างคล้ายกับหมี มีลักษณะห้าวหาญ เปิดเผย ตรงไปตรงมา และดุดัน จึงมีการเปรียบเปรยกันว่า ผี่ฮิวคือ ทหารหาญที่ห้าวหาญ สามารถขจัดอสูรร้ายต่างๆได้ ด้วยลักษณะของผี่ฮิว จึงนิยมตั้งรูปปั้นผี่ฮิวเพื่อสลายพลังปราณหยิน และอสูรร้ายต่างๆ (รวมทั้งให้โชคให้ลาภ) ผี่ฮิวจะมีข้อแตกต่างกับกิเลนตรงที่ ผี่ฮิวไม่สนใจว่าคนไหนจะดีหรือร้ายฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าที่ทำกิจการ การค้าที่ถูกกฎหมาย หรือร้านค้าสถานบันเทิงเริงรมย์ บ่อนการพนัน ไนท์คลับ ก็สามารถตั้งรูปปั้นผี่ฮิวเพื่อให้โชคให้ลาภได้เช่นกัน
          ปี่เซี๊ยะ คือ เทพลก กวางสวรรค์ มีปากไม่มีทวาร เชื่อกันว่าทรัพย์มีแต่เข้าไม่มีออก ร้านค้าหรือธนาคารนิยมมีไว้ บูชาเพื่อเก็บกักเงินทองไม่ให้รั่วไหล ขจัดสิ่งอัปมงคล ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และในฮ่องกงไต้หวัน และชาวไทยเชื้อสายจีน ต่างนิยมนำมาบูชา เพราะเชื่อว่าตามหลักฮวงจุ้ย ว่าเทพเซียนปี่เซี๊ยะจะลงมาคุ้มครองและให้โชคลาภนับแต่นี้ไปอีก 20 ปี

          “ปี่เซี๊ยะ” สัตว์เทพสวรรค์บันดาลโชคและถือเป็นสัตว์มงคลยอดนิยมที่ผู้คนนิยมหามาบูชา ประดับบ้านมากที่สุดในทศวรรษนี้ เพราะเชื่อกันว่ามีดีครบถ้วนตามหลักเบญจธาตุและตามหลักฮวงจุ้ยจีนคือ ทอง–น้ำ–ไม้–ดิน–ไฟ เนื่องจากลักษณะของปี่เซี๊ยะก็คือการนำเอาลักษณะของ สัตว์มงคล 5 ชนิด มารวมกันครบ 5 ธาตุดังนี้
         มีลักษณะสี่เท้าของสิงโตอันทรงพลัง (ทอง)
         มีเขาและลำตัวเป็นกวางที่อ่อนช้อย (น้ำ)
         มีปีกของพญานกอันแข็งแกร่ง (ไฟ)
         มีศีรษะของมังกรอันทรงพลัง (ไม้)
         มีหางแมวอันศักดิ์สิทธิ์กวักโชคลาภเงินทอง (ดิน)
         ประการสุดท้าย “ไม่มีรูทวาร” ความหมายก็คือ “กินแล้วไม่ถ่ายออกจึงเท่ากับมีแต่รับลูกเดียว

คาถาบูชาปี่เซียะ สัตว์มงคล ยุค 8

ปี่เซียะ เทพร่ำรวย เทพเสี่ยงโชค ดูดทรัพย์ หรือเรียกว่า ผีซิ่ว มีลักษณะหน้ามังกร อ้าปากกว้างรับโชคลาภ ไม่มีก้น กินอย่างเดียว ไม่ถ่าย

ปี่เซียะคือเป็นสัตว์มงคล เชื่อกันว่าทรัพย์มีแต่เข้าไม่มีออก นิยมมีไว้บูชาเพื่อปกป้องทรัพย์สินเงินทอง ไม่ให้รั่วไหล เป็นสัตว์มงคลที่มีอานุภาพในทางกำจัดสิ่งชั่วร้าย รวมทั้งป้องกันคุณไสย และผีร้ายต่างฯ เป็นสัตว์ที่เป็นมงคลเรียกทรัพย์ และพิทักษ์ทรัพย์เป็นสัตว์ที่นำโชคของชาวจีน

ผลไม้ที่นิยมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์ของชาวจีน

1.ขนมจันอับ ชาวจีนเรียกว่า “โหงวเส็กทึ้ง” แปลว่าขนม 5 สี
2.ส้ม ชาวจีนเรียกว่า ไต้กิก หมายถึงความเป็นศิริมงคล ความมีโชคลาภ
3.องุ่น ชาวจีนเรียกว่าผู่ท้อ หมายถึงความเจริญ งอกงาม
4.สัปปะรด ชาวจีนเรียกว่า อั่งไล้ หมายถึง โชคลาภวิ่งเข้ามาหา
5.กล้วย ชาวจีนเรียกว่า เฮียงเจีย หมายถึงมีทายาทสืบสกุล
6.ท้อ ชาวจีนเรียก ท้อ ถือว่าเป็นผลไม้สวรรค์ กินแล้วอายุยืน
7.ทับทิม ชาวจีนเรียกว่าเสียะลิ้วเป็นผลไม้สวรรค์เช่นกันหมายถึงความสมบูรณ์พูลสุข

มุมความรักเสริมตำแหน่งความรัก

การตั้งเทพปี่เซียะกระตุ้นพลังความรัก ตำแหน่งดาวความรัก (วัดจากกึ่งกลางสถานที่เป็นหลัก)
1.คนที่เกิดปีชวด,ปีมะโรง,และปีวอก ดาวความรักอยู่ที่ทิศตะวันตก
2.คนที่เกิดปีฉลู,ปีมะเส็ง,และปีระกา ดาวความรักอยู่ที่ทิศใต้
3.คนที่เกิดปีขาล,ปีมะเมีย,ปีจอ ดาวความรักอยู่ที่ทิศตะวันออก
4.คนที่เกิดปีเถาะ,ปีมะแม,และปีกุน ดาวความรักอยู่ที่ทิศเหนือ

การตั้งเทพปี่เซียะ

การตั้งเทพปี่เซียะให้ตั้งในลักษณะต้อนรับแขก เทพพิทักษ์ (พิทักษ์เจ้านาย) ตั้งหน้าหิ้งพระ หรือหน้าเจ้าที่ (ตี่จูเอี้ยะ) ตั้งลักษณะเดียวกัน สำหรับปี่เซียะคู่ ( ตัวใหญ่แบบตั้งโต๊ะ ) ต้องตั้งให้เด่น มองเห็นชัด หันหน้าไปที่ประตู

เจ้าของควรเอาใจใส่ด้วยวิธีทำความสะอาดพูดคุยด้วยบ่อยๆ ลูบหัวและลูบบั้นท้ายคล้ายสัตว์เลี้ยง

-การอธิษฐานนั้นให้ใช้มือลูบเป็นสื่อในการสื่อสารกับปี่เซียะ หากตั้งไว้เฉยๆจะได้ ประโยชน์น้อย ดังนั้นผู้ที่มีปี่เซียะต้องหมั่นสัมผัสปี่เซียะเพื่อทำการขอพร
- การสัมผัสปี่เซียะนั้น ถ้าทำการลูบที่ท้อง จะเกิดอานิสงส์ทางด้านความสมบูรณ์ พูนสุข
- ลูบหัว ทำให้บารมีดี ปัญญาผ่องใส
-ลูบหลัง ทำให้มีโชควาสนา ห้ามลูบปาก เพราะจะเก็บทรัพย์ไม่อยู่

คนจีนเชื่อว่าเซียนปี่เซียะจะลงมาจากสวรรค์พร้อมเทพกวนอู มาดูแลโลกมนุษย์ นำโชคลาภมาให้ในช่วงตั้งแต่ปีพ.ศ.2547-2566 รวม 20 ปี ตามหลักฮวงจุ้ย 20 ปีนี้คือยุค 8 ความหมาย

ปี่เซียะ (ที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษก ) ควรปฏิบัติดังนี้

ในวันพระ (ขึ้น 15 ค่ำ) ให้นำปี่เซี๊ยะ วางไว้หน้าพระพุทธรูปเพื่อเป็นการรับพลังพุทธานุภาพ จากพระพุทธรูป อย่างน้อย 1 คืน (หรือทุกวันพระ) ให้จุดธูป 9 ดอก เพื่อบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มหาเทพ บิดามารดา ครูอาจารย์ สวดพระคาถาชินบัญชร และจบด้วยคาถาปี่เซียะ

คาถาปี่เซียะ

นะโม 3 จบ

" อุอากาสะ ปี่เซียะ อนุภาโว เมตตาจิต ประสิทธิเม"

ให้นั่งสมาธิอธิษฐานจิตอย่างน้อย 5 นาที กรวดน้ำแผ่เมตตา ส่วนบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยิ่งปฏิบัติได้มากเท่าไหร่เทพปี่เซียะ ก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้น

ครั้งแรกก่อนนำเข้าบ้าน

จุดธูป 5 ดอก บอกพระ-เทพเจ้า-เจ้าที่เจ้าทาง ว่า ลูกขอนำปี่เซียะเข้ามาในบ้านเพื่อนำโชคลาภ เงินทอง มาให้กับเราและช่วยขับไล่สิ่งไม่ดีออกไป และให้ลูกค้าขายมีโชคลาภ แคล้วคลาด และเน้นให้ขอปี่เซียะได้เลยไม่ต้องจุดธูป พกติดตัวโดยห้อยที่คอหรือที่เอว ต้องอยู่ต่ำกว่าพระ

แบบคู่ตั้งโต๊ะให้ตั้งไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน หันหน้ามองไปที่ประตูเข้าบ้าน

เวลาจะไปเสี่ยงโชคก็ไหว้ อธิษฐานลูกขออัญเชิญปี่เซียะมาช่วย ลูกจะไปเสี่ยงโชค ขอให้โชคดีมีโชค ก่อนหรือหลังหรือกำลังเสี่ยงโชค ถ้ามีอาการหงุดหงิด ปวดศีรษะ ให้หยุดเสี่ยง เราไม่มีโชค ท่านไม่สามารถช่วยเราได้จริงๆ คราวหลังค่อยมาเสี่ยงใหม่ ข้อควรระวังเมื่อเข้าไปในบ่อนคาสิโน ถ้าหน้าบ่อนมีปี่เซียะตั้งอยู่ ห้ามเดินเข้าด้านหน้าเข้าไปเล่น อาจหมดตัวได้

ปี่เซียะนั้นจัดเป็นเครื่องรางที่เก่าแก่และเป็นที่ รู้จักกันมาแล้วกว่า 5,000 ปีตามคติความเชื่อของชาวจีนโบราณนั้น ปี่เซียะ
เป็นสัตว์มงคลที่มีฤทธิ์และอานุภาพมากไม่แพ้พญามังกรและ มากกว่าสัตว์มงคลประเภทอื่นๆ เช่น สิงห์โต แต่การเรียกชื่อปี่เซียะนั้น จะมีการเรียก
ที่แตกต่างกันไปตามสำเนียงภาษาจีนโดยภาษาจีนกลางนั้น จะเรียกว่า “ ปี่เซียะ ”คนแต้จิ๋วเรียก “ ผีซิ่ว ” คนกวางตุ้งเรียก “ เพเย้า ”
นอกจากนั้นยังมีชื่ออื่น ๆ แต่ไม่เป็นที่นิยมคือ " เถาปก " และ " ผูปอ "ในบ้านเรานิยมเรียกกันอีกอย่างว่า " กวางสวรรค์ "
แต่ ก็ไม่เป็นนิยมเหมือน " ปี่เซียะ "

หากพิจารณาวิชาดาว 9 ยุค หรือการเดินพลังทั้ง 9 อีกนัยหนึ่งเรียก “ เก้าอิม ” หรือ “ เก้าเอี๊ยง ”
ตามหลักวิชาฮวงจุ้ย กำเนิดมาจากสำนักเฮี่ยงคงนับการ เดินของดาวแต่ละยุคกินระยะเวลา 20 ปี
ปัจจุบันเดินเข้าสู่ดาวยุค 8 ซึ่งเริ่มก่อตัวครั้งแรกเมื่อปี 2539 เดินพลังจนสมบูรณ์ในตัวเอง เปิดเผยตนครั้งแรก
ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547 เวลา 19.46 น. พลัง สมบูรณ์ที่ว่านี้คือ มีอำนาจในการคำนวณพลังทุกอย่างในจักรวาล
เรียกว่า " ระบบไซที (ฟ้าต้น) " เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์โลกและบ้านเมือง ตลอดจน ทั้งฮวงจุ้ยคนเป็น และฮวงซุ้ยคนตาย

ปัจจุบันการเดินถึงดาวยุค 8 (ธาตุดิน) เป็นทั้งบารมีและลาภประจำยุคซึ่งจะต่อเนื่องยาวนานจนถึงปี 2566
โดยสัตว์ 2 ชนิดที่ถูกระบุให้เป็น “ สัตว์ประจำยุค ” คือ สุนัข และ ปี่เซียะ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนในยุคนี้หันมาเลี้ยงสุนัข
และ หันมาบูชาปี่เซียะกันมากขึ้น

ตามตำนานสัตว์มงคลในเทพนิยายของจีนนั้นมี อยู่หลายประเภทคือ สิงโต กิเลน เต่า มังกร คางคก และปี่เซียะ
โดยเฉพาะ " ปี่เซียะ " นั้นจะมีลักษณะโดดเด่นกว่าสัตว์มงคลประเภทอื่น คือ หัว มังกร ตัวกวาง เล็บสิงโต ปีกนก หางแมว ไม่มีรูทวาร
เป็นพาหนะของ เทพ

ตำนานกล่าวถึงการกำเนิดของปี่เซียะไว้ว่า ปี่เซียะเป็นลูก ตัวที่ 9 ของพญามังกร มีชื่อเดิมว่า "เทียนลก"
จะกินเฉพาะเงินและทอง เป็นอาหารเท่านั้น ประหนึ่ง " ทรัพย์มีแต่เข้าไม่มีออก " นิสัยใจคอ นั้นจะห้าวหาญ เปิดเผย ตรงไปตรงมา จงรักภักดี
มีความซื่อสัตย์ และยังมีอานุภาพในทางกำจัดสิ่งชั่วร้ายรวมทั้งป้องกันคุณไสย มนต์ดำและผีร้ายต่าง ๆ อีกด้วย
คนจีนสมัยก่อนจึงมักเขียนภาพหรือตั้งปติ มากรรมรูปปี่เซี๊ยะไว้ตามประตูบ้าน วัดและสุสานทั่วไป รวมถึงบน หลังคาพระราชวังหรือพระตำหนักต่าง ๆ
เช่น วัดเส้าหลิน พระราชวังกู้กง พระตำหนักไท่เหอ ในบ้านเราที่โดดเด่นที่สุดก็ต้องที่วิหารเซียน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ในตำราสมัยฮั่นและถังต่างเขียนถึงปี่เซียะว่าเป็น สัตว์มงคลที่สามารถขจัดความชั่วร้าย ซึ่งพบมากในสถาปัตยกรรมสมัยฮั่น (ก่อน ค.ศ. 206-ค.ศ. 220)
เว่ย (ค.ศ. 220-280) จนถึงราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) และในปัจจุบันกลายเป็นตราสัญลักษณ์ของหนันจิง
เมือง หลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหนือใต้

อย่างไรก็ตามในจดหมายเหตุสมัยฮั่น ได้ระบุว่า ผีซิ่วเป็นรูปลักษณ์ของสัตว์มงคลที่ชาวจีนได้รับอิทธิพลมา จากเปอร์เซีย
ทั้งนี้เนื่องด้วยผีซิ่วเป็นเสียงเรียกทับศัพท์ของคำว่า " Parthia " ซึ่งเป็นชื่อของราชวงศ์หนึ่งในสมัยอาณาจักรเปอร์เซีย
หมาย ถึงสัตว์มงคลชนิดหนึ่งที่มีปีกนอกจากนั้นในภาคที่ว่าด้วยดินแดนทาง ประจิมทิศ มีข้อความที่พูดถึงผีซิ่ว ระบุไว้ว่า
ในแคว้นหลีแถบเขาอูเก อซาน นั้นมีสัตว์ตระกูลนี้ปรากฏอยู่แต่ลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อยนั่น คือ
หากมีเขาเดียวเรียกว่า " เทียนลู่ " หมายถึง กวางสวรรค์ หากมี สองเขาเรียกว่า " ปี่เซียะ " หรือ " ผีซิ่ว "
โดยคำว่า " ปี่ " หรือ " ผี " นั้น แปลว่า ปิด เร้นลับ หลบซ่อน คำว่า " ปี่เซียะ " หรือ "ซิ่ว" คือ อาถรรพณ์ สิ่งไม่ดี คุณไสย ภูติปีศาจ
คำว่าปี่เซี๊ยะ หรือ ผี่ชิว จึงแปลได้ว่า ขจัดอาถรรพณ์ต่าง ๆ

ในการบูชาปี่เซี๊ยะ จะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ   " บูชาแบบเดี่ยว " และ " บูชาเป็นคู่ "

ลักษณะของปี่เซียะ ที่บูชาเดี่ยว ตามตำราโบราณกล่าวว่า   ปี่เซียะที่ถูกต้องตามลักษณะนั้น จะต้องมีลักษณะ 9 ประการคือ

1. อ้าปาก (รับทรัพย์)
2. หางยาว (กวักโชคลาภ)
3. ยกหัว (ข่มศัตรู)
4. เท้าตะปบเงิน (รักษาทรัพย์)
5. ก้าวขา (ก้าวหน้า)
6. ลิ้นยาว (ตวัดโชคลาภเงินทอง)
7. องอาจ (น่าเกรงขาม)
8. ไม่มีรูทวาร (ทรัพย์มีแต่เข้าไม่มีออก)
9. บั้นท้ายใหญ่ (เก็บทรัพย์ได้มาก)



ส่วนปี่ เซี๊ยะที่บูชาเป็นคู่   จะมีลักษณะที่เป็นมงคลของปี่เซียะไว้ 12 ประการ คือ
1. หน้าดุ เขี้ยวแหลม หมายถึง การป้องกันสิ่งอัปมงคลต่างๆ   ไม่ให้มาแผ้วพานต่อทรัพย์สินของผู้ที่มีไว้บูชา
2. ตัวคล้ายกวาง (ส่วนหลัง) หมายถึง ความแคล่วคล่องว่องไวเจริญรุ่งเรือง มีคุณธรรม
3. เท้าเหมือนราชสีห์ ก้าวไปข้างหน้าอย่างองอาจ หมายถึงความมีอำนาจ หนักแน่น มั่นคง
4. กำยำล่ำสัน หมายถึง ความมีสุขภาพแข็งแรง ทรงพลัง
5. ตามองฟ้า หมายถึง มองการณ์ไกล มุ่งมั่น ที่จะไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และความกระตือรือร้นในการทำมาหากิน
6. ปีกสองข้าง หมายถึง ความสง่างามมีเสน่ห์ โดดเด่นกว่าผู้อื่น
7. เขาลักษณะงอเป็นตาขอ หมายถึง ความน่าเกรงขาม
8. เคราสองข้าง หมายถึง อายุยืน
9. หูสองข้างกลมปลายเรียว หมายถึง ความหนักแน่นไม่หูเบาไม่หวั่นไหวต่อการนินทาว่าร้าย
10. หางพวงเหมือนหางแมว หมายถึง ความอ่อนโยน มีเสน่ห์ สามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์
11. เอวคอด สะโพกใหญ่ หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย
12. ยืนย่อตัวเล็กน้อย หมายถึง ความอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่เย่อหยิ่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่พร้อมจะโลดแล่นไปข้างหน้า เพื่อที่จะทะยานสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

ปี่เซียะตัวผู้ >> ก้าวขาซ้าย มีลักษณะตัวเล็กและเพรียว เขาสั้นเพราะตัวผู้มีหน้าที่หาทรัพย์ จึงต้องมีลักษณะปราดเปรียวว่องไว จึงจะหาทรัพย์ได้มาก

ปี่เซียะตัวเมีย >> ก้าวขาขวา มีลักษณะตัวอวบใหญ่เพราะตัวเมียมีหน้าที่ให้กำเนิดบุตร และเฝ้าทรัพย์จึงต้องมีรูปร่างที่ใหญ่
เขายาวน่าเกรงขามเพื่อพิทักษ์ทรัพย์ ทั้งยังแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่งอีกด้วย

การนำเทพปี่เซียะไปบูชาวัน แรกควรปฏิบัติดังนี้
o ไหว้พระพุทธรูปในบ้าน บอกกล่าวว่าจะนำเทพปี่เซียะเข้ามาบูชาเพื่อเรียกโชคลาภ ดูแลทรัพย์สิน
o ไหว้พระภูมิเจ้าที่ หรือ ตี่จู๋เอี๊ย บอกกล่าวว่า จะนำเทพปี่เซียะเข้ามาบูชาเพื่อเรียกโชคลาภ ดูแลทรัพย์สิน
o จุดธูปกลางแจ้ง 7 ดอก บอกกล่าวเทพปี่เซียะ    อัญเชิญให้มาอยู่ในเคหะสถานของเรา ช่วยเรียกโชคลาภ
ทรัพย์สิน เงินทอง ขอให้มีอำนาจบารมี เป็นที่เคารพยำเกรง และมีเสน่ห์ เป็นที่เมตตา เอ็นดูจากผู้หลักผู้ใหญ่
ให้อำนวยความสะดวกราบรื่นในหน้าที่การงาน ครอบครัวมีความสมบูรณ์พูนสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ พ้นจากสิ่งไม่ดีทั้งปวง
o เมื่อนำเทพปี่เซียะตั้งในตำแหน่งที่เป็นมงคล และไหว้ด้วยส้ม 4 ผล
o กลางคืนผู้บูชาสวดมนต์ (บทที่สวดได้) หน้าพระพุทธรูป นั่งสมาธิ   (ทำจิตให้สงบ) ทำติดต่อกัน 3 คืน หลังจากนั้นไหว้พระสวดมนต์
นั่งสมาธิ และปล่อยสัตว์ บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยอนาถา ตามโรงพยาบาล ตามโอกาส

อานิสงส์ ของการบูชา กล่าวโดยสรุปแล้วความเชื่อในการบูชาปี่เซียะมีดังนี้
1. ทรัพย์มีแต่เข้า ไม่มีออก
2. ขจัดอาถรรพ์ กำจัดปีศาจ และป้องกันสิ่งชั่วร้าย
3. การค้าก้าวหน้า ธุรกิจร่ำรวย รายได้ดี
4. โชคดี มีโชคลาภ เงินทอง
5. สุขภาพร่างกายแข็งแรง
6. นำมาซึ่งเกียรติยศชื่อเสียง
7. ครอบครัวมีแต่ความสุข
8. รุ่งเรืองในทุกๆด้าน โดยเฉพาะการเสี่ยงโชค และค้าขาย

ประเด็นสุดท้าย ที่ขอกล่าวไว้ ณ ที่นี้    สำหรับผู้ที่จะบูชาปี่เซียะก็คือปี่เซียะ เป็นสัตว์มงคลที่ได้รับความเคารพเยี่ยงเทพองค์หนึ่งเช่นกัน
และเป็นของ เฉพาะบุคคล (ผู้บูชา) เท่านั้นดังนั้นเมื่อบูชาแล้วห้ามยกให้ใครเป็น อันขาด

         ปี่เซียะ คือ เทพลก กวางสวรรค์มี 1 เขา มีปากไม่มีทวาร เชื่อกันว่าทรัพย์มีแต่เข้าไม่มีออก รูปลักษณะของปี่เซี๊ยะตามตำราเดิมเป็นสัตว์สี่เท้า ตัวเป็นกวาง แต่หางเป็นแมว มีเขา และปีก แต่บางแบบก็ไม่มีปีก เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคำว่า ปี่เซียะ เป็นสำเนียงจีนกลาง ถ้าจีนแต้จิ๋วเรียกว่า "ผี่ชิว" กวางตุ้งเรียกเพเย้า หรืออาจเรียกในชื่ออื่นๆ เช่น เถาปก หรือ ฝูปอ นี้เป็นคำเรียกรวมๆ ของ สิ่งซิ้ว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหนึ่ง

         ปี่เซียะ ปี่คือตัวผู้ ส่วนเซียะคือตัวเมีย สองเขาจะเรียกว่าปี่เซียะ ส่วนเขาเดียวจะเรียกว่าเทียนลก ทางเหนือของจีนจะเรียกว่าปี่เซียะ ส่วนทางใต้จะเรียกว่าเทียนลก ถ้าเป็นตัวเดียวจะเป็นตัวเสี่ยงโชค แต่ถ้าเป็นคู่สำหรับวัตุถุมงคล สำหรับขจัดสิ่งชั่วร้าย

         ในจดหมายเหตุฮั่นชุในภาคที่ว่าด้วยดินแดนทางประจิมทิศ มีข้อความระบุไว้ว่าในแคว้นหลีแถบเขาอูเกอซาน นั้นมีสัตว์ตระกูลนี้ปรากฏอยู่ลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย นั้นคือ เทียจนลก เทียนหลู่ ตัวคล้ายกวาง หางยาว มีเขาเดียว คำว่าเทียนลู่นั้นแปลตรงตัวว่า กวางสวรรค์ ครั้นต่อมาคำว่า ปี่เซียะ หรือ ผี่ชิว กลายเป็นคำที่คนทั่วไปคุ้นเคยกว่า เทียนลู่แล้วจึงให้เรียกรวมกันไปในทางมายาศาสตร์จีน

         แต่เดิมปี่เซียะเป็นสัตว์มงคลที่มีอนุภาพในทางกำจัดปีศาจ และสิ่งชั่วร้ายรวมทั้งปกป้องจากคุณไสย และมนต์ดำต่างๆ กล่าวคือคำว่าปี่ หรือ ผี่ นั้น แปลว่า ปิด เร้นลับหลบซ่อน คำว่า ปี่เซี๊ยะ หรือ ชิว คือ อาถรรพณ์ สิ่งไม่ดี คุณไสย ภูติปีศาจ คำว่าปี่เซียะ หรือ ผี่ชิว จึงแปลได้ว่า ขจัดอาถรรพณ์

         คนจีนสมัยก่อนจึงมักเขียนภาพ หรือตั้งปติมากรรม รูปปี่เซียะไว้ตามประตูบ้าน และสุสานทั่วไป บางทีก็ประดับไว้บนหลังคาพระราชวังต่างๆ เพื่อให้มันช่วยขจัดสิ่งอัปมงคลทั้งหลายนั้นเอง ว่ากันว่ามีพลังในการกำราบสิ่งชั่วร้าย

ลักษณะ 8 ประการของปี่เซียะ

         1. อ้าปากรับทรัพย์
         2. หางยาวกวักโชคลาภ
         3. ยกหัวข่มศัตรูคู่แข่ง
         4. เท้าตะปบเงิน (หาเงินเก่ง รักษาทรัพย์ให้งอกงาม)
         5. ก้าวขา-ก้าวหน้า
         6. ลิ้นยาว ตวัดโชคลาภเงินทอง
         7. องอาจน่าเกรงขาม
         8. ไม่มีรูทวาร (รูตูด) เงินทองเข้าอย่างเดียวไม่ไหลออก

เบญจ ธาตุของปี่เซียะ   ปี่เซียะเป็นสัตว์มงคลลูกผสม 5 ชนิด คือ มังกร (หลง) - ธาตุไม้, พญาราชสีห์หรือสิงโต (ชีจื่อ) - ธาตุทอง, อินทรี (อิง) - ธาตุไฟ, กวาง (ลู่) - ธาตุน้ำ, แมว (มาว) - ธาตุดิน

อานุภาพ พิเศษสัมผัสกลิ่นของโชคลาภได้รวดเร็ว ชัดเจนและแม่นยำ

คุณสมบัติ ของปี่เซียะคู่กับปี่เซียะเดี่ยว

* เทพปี่เซียะแบบเดี่ยว (ขุนพล) ใช้เรียกทรัพย์ สำหรับคนที่ทำอาชีพค้าขาย ธุรกิจ หรือต้องการให้เงินเข้า ไม่เป็นหนี้
* เทพปี่เซียะแบบคู่ (เทพพิทักษ์) ใช้เฝ้าทรัพย์ สำหรับคนที่หาเงินมาได้แต่ไม่ต้องการให้เงินไหลออก (เก็บเงินไม่อยู่
* การที่จะใช้ปี่เซียะคู่หรือปี่เซียะเดี่ยว ให้ดูหลัก ธรรมชาติ หลักความสมดุล หรือความสวยงามเป็นหลัก

ข้อควรปฏิบัติ
         จุดธูปเทียนบอกกล่าวพระ เทพเจ้าเจ้าที่เจ้าทางในบ้านว่า ขอนำปี่เซียะเข้ามาในบ้านเพื่อนำโชคลาภ เงินทองมาให้กับเรา แสดงความรักเหมือนเป็นสัตว์คู่กาย เช่น อาบน้ำเกลือ ลูบตามลำตัว อก หลังจรดหาง บอกประมาณว่า เราเป็นเจ้าของให้ช่วยหาทรัพย์สินเงินทองมาให้ด้วย และควรจัดภาชนะใส่น้ำ (ถ้วยแก้ว) ใส่น้ำสะอาดเปลี่ยนทุกวัน (หรือทุกอาทิตย์) วางไว้ไกล้ๆ ข้อสำคัญ ปี่เซียะที่ผ่านการประสิทธิมงคลแล้ว ไม่ควรวางไว้ที่ต่ำ ที่ใกล้ห้องน้ำ ใต้บันใด หรือเดินข้าม ทั้งนี้ ห้ามยุ่งเกี่ยวใดๆ กับปากและลิ้นของปี่เซียะเป็นอันขาด และห้ามนำไปงานอวมงคลด้วย

การจัดวาง ปี่เซียะวางปี่เซียะไว้คู่กัน โดยให้เพศเมียที่ก้าวเท้าขวาอยู่ด้านขวา เพศผู้ที่ก้าวเท้าซ้ายอยู่ด้านซ้าย หันหน้าไปทางประตู หรือหน้าต่าง วางไว้ในที่สูงพอสมควร (ไม่ควรวางไว้บนหิ้งพระหรือปะปนกับเครื่องรางสัตว์มงคลอื่นๆ)

ของบูชาปี่เซียะ    ขนมจันอับ ชาวจีนเรียก โหงวเส็กทึ้งแต่เหลียง แปลว่าขนม 5 สี (แทนเบญจธาตุ)
ผลไม้มงคล อาทิ- ส้ม ชาวจีนเรียกว่า กา หรือไต้กิก หมายถึง เป็นมงคลยิ่ง โชคดี - องุ่น ชาวจีนเรียกว่า ผู่ท้อ หมายถึง งอกงาม เจริญ - สัปปะรด ชาวจีนเรียกว่า อั่งไล้ หมายถึง มีโชคมาหา - กล้วย ชาวจีนเรียกว่า เฮียงเจีย หมายถึง มีลูกหลานสีบสกุล - ลูกท้อ ชาวจีนเรียกว่า ท้อ หมายถึง ผลไม้สวรรค์ อายุยืน - ทับทิม ชาวจีนเรียกว่า เสียะลิ้ว หมายถึง ผลไม้สวรรค์ มีความอุดมสมบูรณ์

คาถาบูชา
         อุ อา กะ สะ หรือ อุ อา กะ สะ ปี่เซี๊ยะ อานุภาโว เมตตาจิต ประสิทธิเม

คุณสมบัติเศรษฐี
         * อุ อา กะ สะ คือ คาถาหัวใจมหาเศรษฐี
         * อุ หมายถึง อุฎฐานสัมปทา หมายถึง ความขยันหมั่นเพียรในการประกอบสัมมาอาชีพ
         * อา หมายถึง อารักขสัมปทา หมายถึง การเก็บรักษาทรัพย์สินที่ได้มา โดยชอบธรรม
         * กะ หมายถึง กัลยาณมิตตา หมายถึง การคบหาสมาคมกับคนดีมีคุณธรรมและน้ำใจ
         * สะ หมายถึง สมชีวิตา หมายถึง การใช้จ่ายอย่างประหยัดพอเพียงไม่ฟุ่มเฟือย



Jaruwat696 โพสต์ 2013-2-15 23:09:45

ข้อมูลเยอะมากเลยครับ ไว้มีเวลาจะเข้ามาอ่านนะครับ
ขอบคุณสาระความรู้ที่นำมาแบ่งปันครับ {:sm-25:}
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ตำนานของสัตย์มงคล "ปี่เซี้ยะ"