ค่านิยมของคนเล่นของ "น้ำมันพราย"
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย athit เมื่อ 2013-2-20 13:44สวัสดีครับเพื่อน ๆ ผมคิดว่าคนที่เข้ามาเล่นในเว็ปนี้ไม่มากก็น้อยย่อมเล่นของบางคนเล่นเป็นค่านิยมบางคนเล่นเพราะความเชื่อ บางคนเล่นตามเพื่อนๆและหลายคนเล่นเพราะชอบคนที่เล่นเพราะความเชื่อและความชอบ ผมไม่ค่อยห่วงเท่าไรครับ เพราะคนที่จะเล่นกลุ่มนี้ต้องมีการศึกษาสิ่งที่ตัวเองจะเล่นเป็นอย่างดีและปฎิบัติอย่างถูกต้องซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ใช้ ส่วนคนที่เช่นเพราะค่านิยมและตามเพื่อน ๆ กลุ่มนี้น่าเป็นห่วงมากเพราะหลายคนไม่รู้จริงไม่รู้ลึกแล้วนำสิ่งที่เรามองไม่เห็นมาไว้กับตัวเพราะคนกลุ่มนี้จะไม่ปฎิบัติเป็นประจำซึ่งจะส่งผลเสียต่อคนที่เล่น ครั้งนี้ผมจะนำเสนอเรื่อง น้ำมันพรายน้ำมันอาถรรพณ์ซึ่งหลายคนไม่ได้เรียนรู้แล้วหาซื้อมาเล่นหามานำติดตัวแล้วใช้แบบผิด ๆ รู้หรือไม่ว่าวิธีการทำนั้นมาจากไหนข้อห้ามต่าง ๆ มีอะไรบ้างเพื่อที่เป็นการศึกษาเพราะผมเองก็มีไว้เหมือนกันแต่ส่วนของผมนั้นทำถูกต้องตามพิธีการในทางที่เป็นมงคลต่อผู้ใช้ เอาละครับเรามาเข้าวิธีการทำกันซึ่งข้อความที่จะอ่านนี้เป็นเรื่องสรุปจากผู้มีประสบณ์การจริง ๆ และมีหลายเว็ปนำไปแอบอ้างแล้วประกาศขายเพื่อให้คนหลงเชื่อก่อนที่ท่านจะเชื่อให้ศึกษาให้ดี เรื่องนี้ครั้งแรกผมก็ไม่อยากเชื่อมากเท่าไรผมต้องศึกษาประวัติความเป็นมาของอาจารย์ที่เราจะเข้าหาของนี้ผมได้มาโดยอาจาย์เต็มใจให้เพื่อให้ดูแลรักษาผมผมนำเข้าบ้านก็ได้ทำพิธีกรรมต่าง ๆ ตามที่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์และผู้รู้ต่าง ๆ คืนแรกผมก็เห็นและรู้สึกได้เลยว่าท่านมาอยู่กับเราแล้วผมจะถวายของที่ห้องเพราะทุกเย็นและตอนหัวค่ำวันนั้นผมก็กล่าวคำถวายของที่หิ้งเทพแล้วรู้สึกเหมือนมีคนขึ้นมาชั้นบนซึ่งผมเองก็คิดว่าเป็นแม่เพราะได้ยินเสียเปิดปิดประตูห้องนอนผมซึ่งติดกับห้องพระพอผมกล่าวคำถวายเสร็จก็หันไปดูเพราะรู้ว่ามีคนมองอยู่ผมคิดว่าเป็นแม่เห็นแต่เงาดำ ๆ แวบหายไปแล้วเสียงประตูก็ปิดผมนึกว่าแม่มีอะไรหรือเปล่าก็ไปดูสิ่งที่ผมเห็นคือแม่อยู่ชั้นล่างกับพ่อกำลังทำอะไรกันอยู่ไม่รู้แล้วใครเข้าไปในห้องนอนเรา(ผมนำที่รับมาตอนเช้าไว้ที่ห้องนอนเพราะว่าอาจารย์ห้ามเอาไว้ที่ห้องพระเนื่องจากเป็นพรายและแนะนำให้ไว้ที่ห้องนอน)ผมก็เข้าไปดูที่ห้องนอนพบว่าไม่มีอะไรเลยผมก็ยกมือไหว้แม่พรายและผมได้ตั้งชื่อให้ท่านเพื่อใช้เรียกเวลาถวายของพรุ่งนี้ผมจะนำของมาถวายสิ่งต่าง ๆ ก็เป็นปกติดีอีกวันตอนบ่ายผมก็ไปซื้อของมาไหว้ซึ่งเป็นอาหารดิบลาบ และข้าวน้ำดื่มกล่าวคำถวายผมก็รู้สึกสบายใจและดูเหมือนท่านจะรู้และชอบของที่ผมนำมาบูชาเรื่องนี้ผมไปเล่าให้เพื่อนที่ไปรับของด้วยกันฟังทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่ากูไม่เอาแล้วทีแรกเพื่อนผมว่าอยากได้เพราะมันแรงดีแต่พวกมันขวัญอ่านผมเลยบอกว่าอยากได้อีกไหมแต่ผมก็เล่นเพราะความเชื่อพร้อมกับชอบด้วยเป็นของแรงอีกอย่างหนึ่งที่ผมรับเข้ามาไว้ "เอาครับเรามาดูขั้นตอนการทำกันดีกว่าเนอะเพราะผมเชื่อว่าหลายคนอ่านแล้วไม่อยากมีเลยก็ได้และหลายคนก็อยากจะมีไว้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน" แต่เรื่องนี้ถ้าอย่างไรผมยินดีที่จะให้คำแนะนำเท่าที่จะทำได้นะครับ
เมื่อหมอผีรู้รายละเอียดดีแล้ว จึงเตรียมสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบพิธีไปเอาน้ำมันพรายครบ ครัน รอจนถึงคืนที่ 3 หลังจากฝังศพ ก็เดินทางไปยังป่าช้าแห่งนั้นอย่างเงียบๆ ในตอนดึกสงัด
เมื่อเข้าเขตป่าช้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ขออนุญาตนายป่าช้าก่อน นายป่าช้านี้เรียกว่า "ยายกะลาตากะลี" การขอนุญาตนายป่าช้าจะมีเครื่องเซ่นใส่กระทงสามเหลี่ยมทำด้วยกาบกล้วย เครื่องเซ่นมี
ข้าวสวย 3 ปั้น ไข่ต้ม 3 ลูก ปลา 3 หัว
หางปลา 3 หาง บุหรี่ 3 มวน เหล้าขาว 1 ขวด
จากนั้นก็จุดธูป 1 ดอก บริกรรมเรียกวิญญาณนายป่าช้ามารับเครื่องเซ่นสังเวย แล้วขอนุญาตนายป่าช้าว่าจะมารนเอาน้ำมันพรายจากศพหญิงตายทั้งกลมชื่อนั้น ชื่อนี้(ระบุให้ชัดเจน) หากนายป่าช้าอนุญาตก้อขอให้ธูปดับทันที ถ้าไม่อนุญาตก้อขอให้ธูปลามต่อไปจนหมดดอก
หลังจากอธิษฐานบอกกล่าวแล้วหมอผีก้อจะสังเกตดูว่าธูปที่จุดไว้เป็นอย่าง ไร หากธูปที่ส่องแสงเรืองๆนั้น ได้ดับสนิทลงในเวลาไม่ถึงอึดใจ แสดงว่านายป่าช้าไม่ขัดข้อง เมื่อเป็นเช่นนั้นการรนน้ำมันพรานก้อถือว่าด่านแรกได้ผ่านไปด้วยดี แต่ถ้านายป่าช้าไม่อนุญาต หมอผีจำเป็นต้องล้มเลิกการรนเอาน้ำมันพรายแต่เพียงเท่านี้
ขืนยังดื้อดึงจะรนเอาน้ำมันพรายให้ได้ นายป่าช้าจะคุมผีทั้งป่าช้ามาทำร้ายจนถึงขั้นตาย แม้จะมีวิชาอาคมขลังแค่ไหน ก็ยากที่จะต้านทานวิญญาณอันแก่กล้าจำนวนมากมายเป็นกองทัพได้
เมื่อผ่านขั้นแรกแล้ว คณะหมอผีก้อพากันไปที่หลุมศพหญิงตายทั้งกลมคนนั้น ซึ่งจะสังเกตได้ง่าย เพราะเหนือมูลดินหลุมศพ มีหนามพุทราวางเกลี่ยไว้ตลอดหลุม หนามเหล่านี้มีไว้มิใช่ป้องกันสุนัขหรือสัตว์อื่นมาคุ้ยหลุมศพ แต่เป็นการกระทำของสัปเหร่อที่มีอาคม วางหนามพุทราสะกดเพื่อไม่ให้วิญญาณผีตายทั้งกลมออกมาอาละวาด
หมอผีจะสั่งรื้อเอาหนามพุทราออกให้หมดระหว่างที่รื้อหนามออก จะต้องบริกรรมคาถาถอน หรือคลายมนต์สะกดไปด้วย
เมื่อหนามพุทราถูกกวาดออกไปหมดเกลี้ยง หมอผีจะต้องหาหินสะกด 3 ก้อน ซึ่งวางเรียงไว้ด้านศีรษะผีตายทั้งหลม ถ้าได้หิน 3 ก้อนแล้ว หมอผีจะต้องใช้อาคมตรวจดูว่าหินก้อนใดที่สัปเหร่อลงอาคมสะกดไว้ จากนั้นก็ต้องถอนคาถาสะกดออก
การป้องกันไม่ให้วิญญาณผีตายทั้งกลมอาละวาดเป็นวิชาไสยศาสตร์แขนงหนึ่ง ที่สัปเหร่อจะ
ต้องเรียนรู้คาถาสะกดหรือตรึงวิญญาณให้อยู่แต่ในหลุมศพ หลังจากถอนมนต์สะกดจากหินออกไปแล้ว หมอผีจะใช้มีดหมอปักดินแล้วงัดเปิดขึ้นมารอบๆ หลุมศพทั้ง 8 ทิศ เป็นการเบิกธรณีก่อนที่จะให้ผู้ติดตามขุดเอาดินปากหลุมออกจนถึงฝาโลง เมื่องัดฝาโลงให้ตะปูถอนเขยื้อนขึ้นมาหมดทุกตัว แต่ยังไม่เปิดฝาโลงออก หมอผีจะให้ผู้ที่ติดตามถอยอยู่ห่างๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
ผู้เปิดฝาโลงก็คือหมอผี ทันทีที่ฝาโลงถูกเปิดออกกลิ่นเน่าเหม็นของศากอศุภะ ซึ่งกำลังขึ้นอืด เพราะไม่ได้ฉีดยารักษาศพ จะกระจายตลบไปทั่วอาณาบริเวณ และในเสี้ยวเวลาที่ฝาโลงถูกพลิกเปิดถือกันว่าเป็นห้วงเวลาอันตรายสำหรับหมอ ผี
เพราะผีตายทั้งกลมที่วิญญาณ-เอี้ย-นจริงๆจะแผลงฤทธิ์ในจังหวะนี้ เนื่องจากมนต์ที่สะกดถูกถอนออกจนหมด
ในรายที่ผี-เอี้ย-นมันจะหวีดร้องเสียงยะเยือกแล้วร่างจะทะลึ่งพรวดเหยียด ยาวสูงลิบลิ่ว เป็นการหลอกหลอนซึ่งๆ หน้า ถ้าหมอผีไม่ได้เคี่ยวกำกับวิญญาณร้ายมาอย่างโชกโชน มีหวังพิธีแตกเอาง่ายๆ
แต่หมอผีที่สมาธิแก่กล้าก้อจะบริกรรมคาถาไปเรื่อยๆ จนกำราบวิญญาณร้ายให้อ่อนกำลังลงจนกว่าร่างที่ยืดยาวจะหดตัวต่ำลงมากระทั่ง มานั่งประจัญหน้ากัน
คราวนี้หมอผีจะทำการตัดด้ายตราสังที่มัดข้อมือออก แล้วบอกกล่าวให้ผีรู้ว่าจะมาขอเอาน้ำมันพราย จะให้หรือไม่? ถ้าให้จะให้ตรงไหน? ถ้าผียินยอม ผีก้อจะบอกไปว่าบริเวณใดที่จะให้ใช้ไฟรนได้
เทียนที่จะใช้รนเอาน้ำมันพรายต้องทำจากขี้ผึ้งแท้ ยาวเท่า 1 ศอกของหมอผี ไส้เทียนใช้ด้าย 80 เส้นมาฝั้น ระหว่างฝั้นก็ต้องบริกรรมคาถาสะกดวิญญาณไปด้วย และจะต้องบริกรรมไม่ให้ขาดตอน จนกว่าการทำเทียนจะสิ้นสุด
เมื่อใช้เทียนรนจนน้ำเหลืองหรือน้ำมันละลายหยด ให้ใช้ชามโคม หรือถ้วยกระเบื้องไปรองรับ ซึ่งจะได้น้ำมันจากศพอย่างมากก็ไม่เกิน 10 หยด เมื่อได้น้ำมันมาแล้วก็เทรวมกับน้ำมันซึ่งเตรียมใส่ขวดปากกว้าง น้ำมันที่เตรียมมานี้ไม่ใช่น้ำมันธรรมดา เป็นน้ำมันที่ได้มาโดยการผสมผสาน ระหว่างน้ำมันมะพร้าวซึ่งเคี่ยวจากมะพร้าวล้างหน้าศพ 7 ศพ และขี้ผึ้งปิดากผีอีก 7 ศพ
มะพร้าวล้างหน้าศพก็คือมะพร้าวที่สัปเหร่อผ่าเอาน้ำมาล้างหน้าศพก่อนเผา หลังจากผ่ามะพร้าวแล้วจะต้องไม่ให้มะพร้าวถูกพื้นดินให้เก็บไว้ในที่สูง แล้วขูดเอาเนื้อมะพร้าวทั้ง 7 ลูก ไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมัน แล้วเอาขี้ผึ้งที่ใช้ปาก จมูก ตา หู ศพ 7 ศพ นำไปเคี่ยวรวมกับน้ำมันมะพร้าวจนเข้ากันดี แล้วจึงเทใส่ขวดรวมไว้ หลังจากรนเอาน้ำมันพรายเสร็จแล้ว ก้อให้มัดด้ายตราสังที่ข้อมือของศพไว้ดังเดิม
การได้น้ำมันพรายจากผีตายทั้งกลมขั้นแรกมาแล้ว ยังใช่ไม่ได้ทันที จะต้องนำมาทำพิธีหุงต่อไปอีกจึงจะใช้ได้ การหุงหรือเคี่ยวน้ำมันพรายในขั้นตอนต่อไปให้เอาถ่านเผาผีที่หัวกองฟอนมา 7 แห่ง เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเคี่ยวน้ำมันพราย
สถานที่เคี่ยวน้ำมันพรายให้ผสมผสานกลมกลืนกับน้ำมันมะพร้าวและขี้ผึ้งปิด ปากผีคือทางสามแพร่ง ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวส่วนไม้พายที่ใช้คนต้องใช้กิ่งพุทราตายพรายชี้ไทางทิศ ตะวันออกมาเหลาทำเป็นไม้พายเท่านั้น ระหว่างที่เคี่ยวหมอผีต้องบริกรรมคาถากำกับตลอดเวลา
เมื่อหุงหรือเคี่ยวน้ำมันพรายได้ดีแล้วต้องเอาไปเสกต่อในโบสถ์อีก ตำแหน่งที่วางขวดใส่น้ำมันพรายบนโบสถ์จะต้องดูว่าสายตาของพระประธานซึ่งทอด พระเนตรลงมาตกกระทบพื้น ณ ที่ใด ให้เอาขวดน้ำมันพรายวางตรงตำแหน่งนั้น แล้วบริกรรมเสกคาถาลงไป โดยเริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาที่แสงพระอาทิตย์สาดเข้ามาในโบสถ์ ได้ระดับกับพระเนตรของพระประธานแล้ว จึงหยุดบริกรรมคาถา ให้กระทำแบบนี้ในโบสถ์ทั้งหมด 7 โบสถ์ จึงถือว่าสิ้นสุดพิธีกรรม น้ำพรายที่ได้ถือว่านำไปใช้งานได้แล้ว
การมีน้ำมันพรายไว้ครอบครองจะวางทิ้งไว้เฉยๆ ก้อไม่ได้ ทุกๆ วันจะต้องนำอาหารคาวหวานมาเซ่นเป็นประจำ เพราะของสิ่งนี้มีวิญญาณของผีตายทั้งกลมสิงอยู่ด้วย
น้ำมันพราย คนธรรมดาคุมไม่เป็น ไม่มีคาถากำกับ ใช้แล้วอันตราย ทั้งคนใช้ทั้งคนโดนของ ใครโดนของสติจะวิปลาส รักษาไม่หายครับแต่หากนำมาหุงใหม่กับสีผึ้งผสมว่านอาถรรพ์ทำเชื้อให้อ่อนลงโดยเกจิผู้มีวิชา อาคมแก่กล้า คุมวิญญานพรายได้ถาวร
จะส่งผลดีช่วยเหลือเราได้ ใช้ในทางที่ถูกต้อง ไม่ผิดศีล ไม่ผิดเมียใคร ได้ผลแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขาจะส่งผลบุญให้เขาได้บุญพ้นจากวิบากกรรมนี้ได้เร็วขึ้น หากใช้ทางที่ผิดอาจเกิดผลเสียหายภายหลัง ของแบบนี้ครูบาอาจารย์ท่านสาปแช่งไว้ครับ
เพิ่มเติมนะครับ
คนถือครอง แม่พราย.....ขอไม่บอกชื่อแม่พลายก่อนนะครับผม
น้ำมัน พรายแท้ 100%ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวเชื้อหายากมากครับสำหรับน้ำมันพรายนี้ ห้ามไม่ให้แต้มทาตัวเองเป็นอันขาดนะครับ และต้องเซ่นเลี้ยงให้ดี เนื่องจากมีพรายสถิตอยู่ด้วยครับ เลี้ยงดีมีแต่คุณอนันต์
ก็มาต่อกันเรื่อง ตำราการใช้พราย เลยดีกว่า วันนี้จะว่าด้วยเรื่องการเลี้ยงพรายละกันครับ ช่วงนี้มีพี่ๆน้องๆ หน้าใหม่ที่มาใช้สายพราย กันเยอะขึ้น และก็มีคำถามยอดฮิตหลายๆคำถาม วันนี้ก็จะมา แนะนำให้เข้าใจโดยทั่วกันครับผมอันดับแรกก็อยากบอกให้เข้าใจโดยทั่วกัน ว่า สายพรายที่ ทำถูกต้องตามตำราแล้วทุกประการ โดยมีการปัดอาถรรพณ์ ปัดเสนียร ปัด*อะไรออกหมด ถึงจะนำมาเป็นมวลสารหรือเครื่องรางได้นะครับของเหล่านี้เกจิ อาจารย์บางท่านทำออกมาไม่ถูกวิธี ที่มันแรงๆเนี่ยมันแรงเพราะอาถรรพณ์ของมัน ใช้ไปก็จะมีผลกับผู้ใช้ ที่พี่ๆน้องๆบางท่านบอกว่าใช้พรายแล้วหน้าดำก็เพราะอาถรรพณ์ของมันนี่ละครับ บอกจากประสบการณ์การใช้เอง..ไม่มีอิงกระแส กล่าวข้างต้นเรียบร้อย สำหรับพี่ๆน้องๆมือใหม่ มาเริ่มการเลี้ยงพรายกันเลยครับผม อันดับแรกเราก็ต้องขออนุญาติเจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิในบ้านของเราก่อนครับ เป็นการบอกกล่าวผู้ใหญ่ที่เรานับถือบูชาให้ท่านทราบว่าเราได้นำพรายเข้าบ้าน เพื่อการใดก็บอกกล่าวไป จุดธุปหรือไม่จุดนั้น อันนี้แล้วแต่ความสบายใจครับ ถ้าทำแล้วสบายใจก็จัดโล้ดเลย หลังจากบอกกล่าวเรียบร้อย ก็หาที่บูชาครับ อาจจะเป็นห้องนอนเราหรือที่ไหนที่เราคิดว่าสะดวก ควรเป็นที่สูงซะหน่อยก็ดีครับ เป็นการให้เกียรติพรายของเราด้วยต่อมา เป็นการเซ่นพรายครับ อันนี้มีถามกันมาบ่อยครับ ผมก็จะบอกไปเหมือนๆกันว่า ไม่อยากให้ยึดติดมากให้ใช้ไปอย่างสบายๆ เพราะยิ่งคิดมากก็จะไม่เป็นสมาธิ ฉะนั้นสบายๆครับอย่าซีเรียส อิอิ ว่างเมื่อไหร่ก็เซ่นเค้าบ้าง อาจจะ อาทิตย์ละครั้ง เดือนละครั้ง ก็ตามสะดวกเลย แต่ห้ามเซ่นวันพระครับส่วนวันไหนมีอะไรให้พรายช่วยก็บอกกล่าวไปถ้าสำเร็จจะให้ อะไรก็บอกเค้าไปครับ เป็นการแลกเปลี่ยนกัน ส่วนวันไหนว่างก็ไปทำบุญให้พรายบ้าง เป็นบุญกุศลทั้งเราและพรายด้วยซึ้งถูกต้องตามเจตนาคือพรายมาอยู่กับเราเพื่อ รับบุญเพื่อสร้างบุญครับ ง่ายๆสบายๆครับ ก็หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับพี่ๆน้องๆ ทั้งมือใหม่และมือโปรนะครับ
เต้จ๋าผมกลัวจัง :'( เล่นกันงี้เลยเหรอ น่ากลัวจัง มีไว้ต้องรักษาอย่างดีด้วย วิธีทำยากมากครับ ต้องมีวิชาพอตัวเลย
หน้า:
[1]