1 มัทเดินกลับบ้านพร้อมเพื่อนสนิทอย่างสินเพื่อนที่สนิทที่สุดและไว้วางใจมากที่สุดในบรรดาเพื่อนทั้งหมดสินถือกระเป๋าของมัทที่แบบราบที่ภายใจมีแค่สมุด 1 เล่ม ปากกา 1 ด้าม และลิกควิก 1แท่ง ส่วนอีกข้างสินก็ถือกระเป๋าตัวเองที่ไม่แตกต่างจากมัทเลย “ทำไมวันนี้กระเป๋ามันหนักจังวะ”สิน หรือโกสินทร์บ่นขึ้น “หนักบ้าอะไรอย่าบ่นมาก อาสาถือกระเป๋ากูเองไม่ใช่หรือไง” หลังจากที่มัทตัดสินใจยืมหนังสือจากห้องสมุดเป็นครั้งแรกในการเข้าเรียนกระเป๋าของมัทก็ดูเหมือนจะเป็นกระเป๋านักเรียนขึ้นมานิดหนึ่งสินได้แค่บ่นอย่างหมั่นไส้อย่างเงียบๆ สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ทั้งสองคนจนสินหงุดหงิด “คนมันจะมองอะไรเราหนักหนาว่ะไอ้มัท” “ก็ใครเล่นไปประกาศว่ามึงกับกูเป็นแฟนกันล่ะว่ะ” “เออกูผิดเอง” ‘เฮ้ย กูให้มึงตอบกูน่ะ ไม่ใช่ให้มาถามต่อ’ สินได้แค่คิดในใจเรื่องที่มัทกลับสินเป็นแฟนกันเป็นแค่เรื่องที่พนันแล้วแพ้ก็แค่ทำตามข้อตกลงแต่มัทก็ไม่ได้ปฏิเศษอะไรทำให้เรื่องล้อเล่นกลายเป็นข่าวลือที่จริงโดยเหล่าสาววาย มัทเดินมาเรื่อยๆก็ได้กลิ่นกุหลาบโดยสายลมเย็นในเดือนมกราคมพัดผ่านกลิ่นเหล่านั้นมาแทบไม่ต้องคิดมากมัทเปลี่ยนจุดมุ่งหมายจากบ้านเป็นสวนกุหลาบหลังโรงเรียนทันทีไม่นานขายาวๆของมัทก็พาร่างของตัวเองมาที่สวยหลังโรงเรียน สินเดินถามเพื่อนมาก็เห็นมัทยืนหลับตานิ่งสินก็ไปนั่งรอที่ต้นไม้ใหญ่เพราะความเป็นเพื่อนกันมาหลายปีทำไมสินจะไม่รู้ว่าเวลามัทเจอดอกกุหลาบที่ไรหรือมีปัญหาอะไรมัทก็จะมายืนหลับตานิ่งและไม่ยอมไปไหนจนว่ามัทจะพอใจเอง “มัทมันเย็นมากแล้วนะ กลับบ้านเถอะ” “...” “มัทมัท” “...” “เฮ้ยมัท”สินถอนหายใจเพราะรู้ว่าเพื่อนตนเองอยู่ได้โลกส่วนตัวเรียบร้อยแล้วสินเดินไปแตะไหล่มัทแล้วมัทก็ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหันและจ้องมาที่สินอย่างกินเลือดกินเนื้อราวกับมาขัดขวางความสุข “เฮ้ย มัทนี่กูเองนะ สินเองนะ”สินพูดเตือนสติมัทมัทก็หลับตาลงสักพักก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแต่คราวนี้ดวงตาก็เป็นเหมือนเดิม “มึงอ่ะอย่าทำแบบนี้บ่อยๆสิวะ กูไม่ชินนะโว๊ย” “เออๆจะพยายามล่ะกัน” “ถ้าวันหนึ่งมึงเผลอทำร้ายกูเพราะสายตานั่นกูไม่ตายเหรอว่ะ กูยิ่งอ่อนแอ บอบบาง น่าถนุถนอม และร่างเล็กอยู่นะโว๊ย” “อย่างมึงมันบอบบาง ร่างเล็กแต่ไอ้ความอ่อนแอและน่าถนุถนอมน่ะน้องฟ้าเข้าโน้น” “ฮึ่ยมึงอยู่พูดถึงมันสิวะ ฟังแล้วเสนียดหูกู พูดแล้วอารมณ์ขึ้น” “อารมณ์อยากเหรอ” “เอออยากเตะปากคน” “เหอะๆถ้าขามึงถึงล่ะก็มาเลย” “ถึงกูจะเตี้ยแต่ขากูเตะปากมึงได้แน่ ไอ้มัท”ไม่พูดเปล่าสินก็โยนกระเป๋าของมัทให้มัทและวิ่งไล่เตะกันจนมาถึงทางแยกที่จะต้องแยกกันไปคนล่ะทางสินก็ใช้จังหวะที่มัทเผลอเตะก้นมัทลงไปแล้ววิ่งหนีกลับบ้านทันทีมัทลุกขึ้นมาก็ไม่เห็นร่างของสินแล้วก็ปัดฝุ่นและเดินกลับบ้านแสงแดดยามเย็นในช่วงฤดูหนาวไม่ร้อนมากนัก มัทเดินแกว่งกระเป๋าไปมาก็มีเด็กผู้หญิงเดินเข้ามาหา “พี่ค่ะพี่ค่ะ ดอกกุหลาบไหมค่ะ ช่อล่ะ 10 บาทเองนะค่ะ” มัทลงไปนั่งดูดอกกุหลาบในมือของเด็กน้อย “งั้นพี่เอาหมดเลย” “เหรอค่ะขอบคุณมากเลยค่ะ ทั้งหมด 200 บาทค่ะ”มัทหยิบเงินให้เด็กน้อยเด็กน้อยยิ้มดีใจแล้วหันหลังกลับไปแต่มัทเรียกไว้ก่อน “เดี๋ยวน้อง” “ค่ะ” “น้องมาขายกุหลาบทุกวันเลยหรือเปล่า” “ค่ะ” “งั้นน้องไปส่งที่บ้านพี่ทุกวันเลยน่ะวันละ200บาท บ้านพี่อยู่ในหมู่บ้านนรินทร์นะ หลังท้ายหมู่บ้านเลย” “ขอบคุณมากนะค่ะ” “ไม่เป็นไรพี่ชอบกุหลาบอยู่แล้ว แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ” “น้ำค่ะ” “งั้นกลับบ้านดีๆนะน้ำ” “เช่นกันค่ะ”เด็กน้อยวิ่งจากไป มัทก็เดินกลับบ้านไม่นานท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีครามร้านค้าตามถนนเปิดไฟหลากหลายสีสันในคืนวันสุดท้ายของปีมัทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาฟังเพลงแล้วเดินต่อไปก็ถึงบ้าน “กลับมาแล้วเหรอค่ะคุณมัท” “ครับป้านมครับผมหิวมาเลย” “ค่านมเตรียมอาหารนานแล้ว เดี๋ยวนมไปอุ่นก่อนนะค่ะ” “คร๊าบ”มัทเดินมารอที่โต๊ะอาหารแล้ววางกุหลาบที่ซื้อมาวางบนโต๊ะอาหารก็ค่อยมาเสริฟ์ เมื่อทานเสร็จแม่บ้านก็มาเก็บจานโดยมีป้านมคอยยืนอยู่ห่างๆ “ป้านมครับ” “คะคุณมัท” “ต่อไปนี้จะมีเด็กน้อยมาส่งดอกกุหลาบที่บ้านเราตอนเย็นทุกวันนะครับฝากจัดการเรื่องเงินด้วยนะครับ” “คุณมัทจะสั่งดอกกุหลาบอีกทำไมล่ะค่ะสวนบ้านเรามีตั้งเยอะแยะ” “ผมสงสารน้องเขานะครับแล้วกุหลาบพวกนั้นก็เอามาวางที่หัวเตียงผมเลยนะครับ” “ค่ะ” มัทเดินขึ้นห้องไปก็อาบน้ำแล้วก็ลงมาที่ห้องโถงทรงกลมของบ้านที่มีแผ่นกระจกหนาใสเป็นผนังบ้านทำให้สามารถมองเห็นภานนอกได้พลันสายตาก็เห็นกระเป๋านักเรียนที่มีบางอย่างอยู่ในนั้นมัทเดินไปหยิบหนังสือนางในวรรณคดีมาอ่านเรื่องมัทนะพาธาจนถึงครึ่งเล่ม หนังตาก็ค่อยๆปิดลงแล้วมัทก็หลับคาหนังสือ ในห้วงความฝันของมัทมัทตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในทุ่งกุหลาบมีลำต้นกุหลาบที่มีหนามแหลมเป็นแผ่นรองร่างของมัทไว้แต่หนามกุหลาบกลับไม่สร้างบาดแผลให้กับมัทและเสื้อผ้าของตัวเองก็เป็นแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมกับกางเกงขาสั้น ทางข้างหน้าเป็นโพร่งต้นกุหลาบที่ดูเหมือนจะเป็นทางออกทางเดียวของทุ่งกุหลาบนี้ มัทมุดเข้าไปในโพร่งภายในโพร่งมีกุหลาบดอกเล็กดอกน้อยที่ยังไม่แบ่งบาน แสงสว่างส่องมาจากต้นกุหลาบเป็นแสงนำทางไปสู่ปลายโพร่งมัทก็พบกับเหล่าภูตน้อยที่มีปีกคล้ายใบกุหลาบแต่มีหลากสีบินวนเวียนรายล้อมดอกกุหลาบใหญ่ที่มีอยู่ดอกเดียวในที่แห่งนี่ภูตตนหนึ่งบินมากระซิบที่ข้างหูของมัทเป็นภาษาที่แปลกประหลาดแต่มัทกลับเข้าใจภูตน้อยบอกเขาว่าให้ไปที่ต้นกุหลาบมัทหยุดมองต้นกุหลาบใหญ่ตรงหน้าและสัมผัสเบาๆที่ปลายกลีบพลันดอกไม้งามก็เหี่ยวเฉาและยืนตายคาต้น เหล่าภูตน้อยมองมาที่มัทอย่างโกธรแค้น เหล่าภูตน้อยกลายเป็นปีศาจน้อยแล้วเข้ามารุมทำร้ายมัทลำต้นสีดำของต้นกุหลาบมาพันร่างกายของมัทไว้ หนามกุหลาบขีดข่วนสร้างรอยแผลความเจ็บปวดทั้งร่างกายเจ็บละนิดกลับสร้างความทรมาณมัทรู้สึกว่าเลือดในร่างกายค่อยๆหายไป ลำต้นสีดำกลับกลายเป็นสีแดงเหมือนมันดูดเลือดเพิ่มหล่อเลี้ยงดอกกุหลาบแล้วดอกกุหลายที่เหี่ยวเฉาก็กลับมามีชีวิตเหมือนเดิม มัทมองภาพเหล่านั้นแล้วความรู้สึกเศร้า เสียใจ ก็เข้ามาในห้วงความคิด น้ำตาไหลรินเป็นเลือดแล้วมัทก็รู้ว่าสติของตนเองกำลังหายไป ภาพตรงหน้าเบลอมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสติของมัทก็หมดลง ลำต้นกุหลาบค่อยปล่อยร่างของมัทให้นอนสลบดอกกุหลาบใหญ่กลับกลายเป็นร่างของหญิงสาวครึ่งตัวมองร่างไร้สติของมัทของเศร้าสลด เฮือก! มัทตื่นมาจากความฝันที่แปลกประหลายหัวใจที่เต้นรั่ว และเหงื่อที่ผุดตามไรผมและใบหน้า มัทเปิดโคมไฟที่หัวเตียงนั่งนิ่งๆสักพักอาการหัวใจเต้นรั่วก็ค่อยๆหายไปร่างกายกลับเป็นปกติมัทลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วกลับมานอนต่อ ในมุมหนึ่งในห้องมัทร่างหนึ่งค่อยๆปรากฏ ชายหนุ่มรูปงามในเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามเดินไปที่ข้างเตียงมัท มือใหญ่ปัดป่อยผมที่ลงมาปรกหน้ามัทแล้วบรรจงจูบที่แก้มเนียมก่อนจะไปกระซิบที่ข้างหู “อีกไม่นานหรอกมัทนา เราจะได้พบกัน”
|