ราตรีอุบาทว์
ราตรีอุบาทว์
http://www.creditonhand.com/images/Ghost/2013251021131.jpg
"สัมฤทธิ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซอยราชครูในอดีต
คุณเคยเดินเข้าซอยเปลี่ยวคนเดียวในยามดึกไหมครับ? ต่อให้เป็นซอยที่คุ้นเคยก็ตาม คุณจะรู้สึกหวาดระแวงไปสารพัด ไหนจะกลัวถูกจี้ ไหนจะโดนขี้เมาระราน ข้อสำคัญคือ...กลัวผี!!
ความกลัวที่ว่าอาจจะทำให้คนเมาสร่างเมาได้ง่ายๆ หรือไม่ก็อยากได้เหล้าแรงๆ มาช่วยทำให้ใจกล้าขึ้น...อย่าล้อเล่นกับความหวั่นหวาดที่ซ่อนอยู่ล้ำลึกในหัวใจของมนุษย์ทุกคนไปเชียว
ต่อให้มีบ้านช่องสองข้างทางก็เถอะ แต่ทุกบ้านมีรั้วรอบขอบชิด ปิดประตูเงียบเชียบ ส่วนมากก็ดับไฟนอนกันเกือบหมด...เหลือแต่ไฟถนนที่ส่องสว่างเยือกเย็น บางทีฝูงหมาเจ้ากรรมยังเห่าหอนโหยหวน แถมไม่เห็นผู้คนที่จะเดินผ่านพอให้อุ่นใจมั่งเลย...
และแล้ว คุณก็มองเห็นเด็กทารกอายุไม่เกินสองขวบกำลังเดินใกล้เข้ามา!
วูบแรก คุณอาจจะนึกว่าเป็นเด็กที่ไหน ทำไมพ่อแม่ปล่อยให้ออกมาเดินคนเดียวในยามดึกเปลี่ยวแบบนี้? วูบต่อมา คุณก็เกิดฉุกใจวาบ...เด็กที่ไหนจะมาปรากฏให้เห็น นอกจากเด็กผีเด็กอสุรกายที่ผุดโผล่มาหลอกหลอนให้คุณขวัญหนีดีฝ่อตายน่ะซี!
ยังครับ ผมยังไม่เจอเหตุการณ์ร้ายกาจขนาดนั้น แต่ประสบการณ์สยองของผมก็ทำให้ขนหัวลุกมาจนถึงวันนี้ แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วก็ตาม แต่มันยังฝังจิตฝังใจ และจดจำไม่รู้ลืมเลือน
ช่วงนั้นผมเช่าห้องอยู่ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 1 เข้าซอยราชครูไปแล้วเลี้ยวซ้ายก่อนจะเลี้ยวขวาอีกครั้ง ซอยที่ว่าจะอยู่ซ้ายมือนั่นเอง
ปกติผมจะโหนรถเมล์จากอนุสาวรีย์ชัยฯ มาลงที่ปากซอย แล้วเดินย่ำต๊อกเข้าไป แม้ว่าด้านซ้ายจะเป็นโรงพยาบาลร้างก็ไม่มีอะไรน่ากลัว รถราและผู้คนคึ่กๆ หายห่วง แต่คืนเกิดเหตุเพื่อนๆ ชวนไปเที่ยวบาร์บัวขาวแถวสนามเป้า
กว่าจะแยกย้ายกันกลับก็ปาเข้าไปสองยามแล้ว...ยอมรับว่ามึนๆ กำลังดี เรียกตุ๊กตุ๊กให้ไปส่งที่ซอยราชครูทันใด!
ดูๆ แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เมื่อรถเลี้ยวเข้าซอยไปหน่อยเดียวคนขับก็เบรกตัวโก่ง เล่นเอาผมหวิดลงไปนั่งพับเพียบที่พื้นรถ พอตั้งหลักได้ก็ร้องถามด้วยความโมโหว่าจะเบรกหัวทิ่มหัวตำไปหาพระแสงอะไรวะ?
คนขับตุ๊กตุ๊กวัยกลางคนหันไปมองทางซ้ายมือ อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ หงักๆ ผมเอะใจวูบ...แต่เมื่อหันไปมองก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
โรงพยาบาลร้างตั้งทะมึนอยู่ในราตรี ด้านหน้ามีไม้ล้มลุกขึ้นรกไปหมด...ดูๆ ก็ชวนให้วังเวงใจเอาเรื่อง ผมถามคนขับรถว่าเห็นอะไรเหรอ? พี่แกก็ตอบเสียงสั่นๆ ว่าเห็นผู้ชายในชุดคนไข้กลุ่มหนึ่งยืนอยู่บนชั้นสอง! ผมเถียงว่าเป็นโรงพยาบาลร้างจะมีคนไข้ได้ยังไง? แกก็ยืนยันด้วยเสียงสั่นเครือ
"ผมก็รู้เหมือนกัน เขาลือว่าผีดุ...แต่ตะกี๊ผมเห็นเต็มตาจริงๆ เพราะไฟเปิดโร่ ไม่ใช่มืดๆ อย่างตอนนี้! โอย...ผีดุอะไรขนาดนี้ไม่เคยเจอะเคยเจอ"
"เอ้า! ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วนี่ ไปกันเถอะ ผมชักง่วงแล้ว..."
"ไม่ไหวแล้วคุณ ขากลับบ้านต้องออกมาคนเดียว ขอส่งคุณแค่นี้แหละครับ ผมไหว้ละเอ้า...กลัวจับไข้หัวโกร๋นจริงๆ"
ผมอ้อนวอนให้แกไปส่ง แถมอธิบายว่าขาออกไม่ต้องผ่านที่นี่หรอก บึ่งไปทางถนนพระรามหกก็ได้ หรือออกมาแล้วจะเลี้ยวไปทางซอยอารีย์ก็ได้ แต่แกไม่ยอมท่าเดียว...หันมายกมือไหว้บอกว่าไม่คิดค่าโดยสารล่ะ แต่แกมืออ่อนตีนอ่อนไปหมดแล้ว
เป็นอันว่าผมต้องจำใจลงจากรถอย่างสุดเซ็ง ตุ๊กตุ๊กคันนั้นเลี้ยวขวับออกจากซอยราชครูไปเพราะคนขับกลัวผีหวิดสติแตกซะให้ได้ ส่วนผมก็สองจิตสองใจว่าจะเดินไปหรือย้อนกลับไปหารถที่ปากซอย...หรือว่าจะปักหลักยืนรอให้รถรับจ้างผ่านมา
ยังไม่ทันตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้นทางเบื้องหลัง เล่นเอาต้องหันขวับเหมือนถูกจับกระชาก
นรกเป็นพยาน! ที่ตึกร้างตระหง่านทะมึนอยู่ในราตรี มีไฟเหลืองๆ สว่างโร่อยู่ที่ชั้นสอง...คนไข้กลุ่มหนึ่งกำลังยืนเกาะหน้าต่างมองมาอย่างเงียบเชียบเยือกเย็น แถมหนึ่งในนั้นยังโบกมือให้ผมอีกต่างหาก!
ตอนนั้นรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ม่านตาพร่าพราย แก้วหูลั่นเปรี๊ยะราวกับมีอะไรระเบิดตูมตามอยู่ข้างใน พอตั้งสติได้ผมก็เผ่นอ้าวเป็นลมพัด...รวดเดียวถึงห้องพัก เหน็ดเหนื่อยจนแทบจะขาดใจตายไปจริงๆ
ไม่จับไข้หัวโกร๋นก็บุญโขแล้วครับ! บรื๋ออออ...
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ http://www.creditonhand.com/images/ks.gif ข่าวสด
ขอบคุณครับสิ่งที่มาให้กันอ่าน
หน้า:
[1]