สองแม่ลูก
สองแม่ลูก
http://www.creditonhand.com/images/Ghost/2013281012251.jpg
"แจน" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากสุโขทัยในอดีต
หนูชื่อแจน อายุ 23 แล้วล่ะค่ะ เรียนจบแล้วและได้งานทำในบริษัทแห่งหนึ่งแถวถนนพระราม 2 แจนเป็นคนชอบเรื่องผีมาก และติดตามอ่าน "ขนหัวลุก" มาตั้งแต่เด็กๆ แน่ะ
แจนสะสมหนังสือเรื่องผีไว้มากมายและยังชอบตัดข่าวเรื่องผีๆ ที่นานๆ จะมีสักครั้งเก็บไว้ด้วยค่ะ
มีอยู่เรื่องหนึ่งแจนประทับใจมากเลย!
มันเป็นข่าวหน้าหนึ่งของน.ส.พ.ข่าวสดเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน แจนอยากเขียนมาเล่าในคอลัมน์ขนหัวลุก...เป็นเรื่องแม่กับลูกที่ถูกฆ่าตายคาบ้านอย่างน่าสงสาร แล้ววิญญาณของทั้งคู่ก็เฮี้ยนมาก ถึงกับทำให้เพื่อนบ้านขวัญผวาขนาดอยู่ไม่ได้กันเลยค่ะ
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 ที่จังหวัดสุโขทัย นางแวว อายุ 48 ปี ถูกผู้ร้ายบุกเข้าไปในบ้าน ฆ่าตายพร้อมกับลูกสาวอายุแค่ 8 ขวบเท่านั้นเอง!
ตัวนางแววถูกอีโต้ฟันที่ใบหูและกลางศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์
ส่วนลูกสาวก็ถูกฟันที่ศีรษะอย่างรุนแรงจนกะโหลกแยก มันสมองไหลปนกับเลือด
เด็กน้อยคงจะป้องกันตัวเองอย่างสุดฤทธิ์ เพราะที่ข้อมือและหลังมือก็ถูกคมอีโต้ฟาดฟันจนเหวอะ หวะ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางและนิ้วก้อยห้อยร่องแร่งเกือบหลุดขาด!
ขณะเกิดเหตุเป็นตอนกลางคืนค่ะ...
พวกเพื่อนบ้านไม่มีใครสักคนที่ได้ยินเสียงร้อง แต่น่าแปลกมากๆ ที่ครูซึ่งพักอยู่ที่บ้านพักในโรงเรียนศรีอินทราทิตย์กลับได้ยิน ทั้งๆ ที่อยู่ไกลออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุสยดสยอง
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่คนร้ายไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย นอกจากเส้นผมสีดำและสีขาวที่นางแววกำไว้แน่นในมือขวา แสดงว่าเธอสู้จนผมคนร้ายหลุดติดมือออกมา ตำรวจบอกว่าฆาตกรไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์สินของผู้ตาย และพบร่องรอยของการหลบหนีเพราะมีรอยเลือดหยดเป็นทาง
มันหนีออกทางหลังบ้านแล้วเดินเลาะกำแพงของโรงเรียนศรีอินทราทิตย์ออกมาถึงถนนในหมู่บ้าน รอยเลือดนั้นก็หายไป
ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นจุดที่คนร้ายจอดรถทิ้งไว้ และขับหนีไปเลยก็ได้!
หลังจากนั้นไม่นาน สองแม่ลูกก็กลับมา...
เพื่อนบ้านจะได้ยินเสียงนางแววและลูกสาวพูดคุยกันดังแว่วๆ ออกมาจากบ้านที่ไม่มีคนอยู่เลย เล่นเอาอกสั่นขวัญแขวน ขนลุกขนพองไปตามๆ กัน
ที่น่าสยองกว่านั้นก็คือ...ถ้าใครไม่รู้ก็นึกว่าทั้งสองยังไม่ตาย แถมกำลังมีความสุขอีกต่างหาก เพราะเป็นเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน สลับกับเสียงหัวเราะ เสียงเข้าครัวทำอาหาร เสียงเก็บผ้า เสียงสลัดผ้าห่มพึ่บพั่บ...
แต่พอตกกลางคืน กลับมีเสียงหวีดร้อง ขอความช่วยเหลือโหยหวน ดังบาดลึกลงไปถึงหัวใจของทุกคนที่ได้ยิน!
พวกเพื่อนบ้านที่รายล้อมอยู่ทุกหลังคาเรือนต้องตกอยู่ในอาการสะดุ้งผวา กลัวผีกันแทบขาดใจ พอตกเย็นก็พากันปิดบ้าน เผ่นแน่บไปนอนที่อื่นกันหมด
ลูกชายของนางแววซึ่งตอนแม่และน้องถูกฆ่าตายนั้น ตัวเองนับว่าโชคดีมากเพราะไม่ได้อยู่บ้าน ไม่งั้นคงไม่รอดจากเงื้อมมือของฆาตกรไปได้หรอกค่ะ!
เขาบอกกับนักข่าวว่าถ้าคดีจบสิ้นลงเมื่อไรก็รื้อบ้านเอาไม้ไปถวายวัด หรืออาจจะขายแล้วเอาเงินมาทำบุญให้แม่กับน้อง...แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ ว่าเจ้าหน้าที่จะจับตัวนักฆ่าจอมโหดที่ทำได้แม้แต่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ
มนุษย์เราไม่น่าจะโหดร้ายกับเพื่อนมนุษย์ตาดำๆ ด้วยกันถึงขนาดนี้เลยนะคะ เข้าตำราที่เขาว่า "รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ" จริงๆ ไม่ทราบว่าสองแม่ลูก ผู้เคราะห์ร้ายสุดขีดไปทำอะไรให้ ถึงได้ตามฆ่าฟันทารุณปานนั้น?
เชื่อว่าบาปกรรมที่ทำกับสองแม่ลูกไว้ คงจะติดตามหลอกหลอนจิตสำนึกไปตลอดกาลแน่ๆ แจนทั้งหดหู่และประทับใจเรื่องนี้มากเลยค่ะ
มีคนรู้เห็นในความเฮี้ยนกันหลายคน แสดงว่าวิญญาณมีจริง และแจนก็สงสารสองแม่ลูกคู่นี้มาก ขอให้พวกเธอไปสู่สุคติ และชาติต่อๆ ไปก็ไม่ต้องตายอย่างน่าสยดสยอง น่าสะเทือนใจเหมือนอย่างชาตินี้อีกนะคะ!
cadit:www.CreditOnHand.com
ขอบคุณครับสำหรับเรื่องเล่า ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]