นศ.เกาหลี
มันอาจจะยาวจนน่ารำคาญแต่ก็อยากให้ได้อ่าน กันครับ เพราะหน้าที่การงานทำให้ผมต้องรักษาสถานภาพทางสังคม หาที่แสดงออกไม่ได้จริงๆนอกจากเพื่อน2-3คน กับเขียนเล่าในเน็ต
3เดือนที่แล้ว ผมบังเอิญได้รู้จักคนเกาหลีคนหนึ่งชื่อยุนซิก รู้จักได้เพราะผมเข้าร้านยาตั้งใจจะไปซื้อแค่ยาดมหลอดเดียว
แต่ไปเจอยุนซิกยืน เถียงด้วยภาษามือกับคุณป้าเจ้าของร้าน ผมยืนรอตั้ง 3 นาทียังตกลงกันไม่รู้เรื่อง เลยเดินเข้าไปช่วยเป็นล่ามภาษาอังกฤษให้ สรุปคือ
อีตานี่ท้องเสียแต่เจ้าของร้านคิดว่าปวดท้องจุกเสียด ก็เลยได้ยามาถูกขนานซะที พอผมออกจากร้านเค้าก็เข้ามาขอบคุณ แล้วก็แนะนำตัวว่าชื่อยุนซิก (ชื่อพิลึกดี)
เค้าได้การบ้านวิชา Photography ที่เรียนอยู่ แต่ด้วยความที่เค้าชอบการถ่ายรูป และโชวพาวเพื่อนในห้องว่างานของเค้าต้องไม่ธรรมดาและต้องได้ A ทุกชิ้น
เค้าเลยลงทุนใช้ทั้งเงินเก็บตัวเองและทางบ้านออกให้ส่วนหนึ่ง แล้วก็ Backpack
คนเดียวมาถ่ายรูปการบ้านที่ประเทศไทยซึ่งเค้าอยากมาตั้งนานแล้ว ในใจผมคิดว่า ไอ้เด็กคนนี้แม่งโคตรบ้าดีเดือด
ตรงกันข้ามกับหน้าตาเลยนะ คือเค้าจะออกแนวเคป๊อป เหมือนพวกดงบัง จูเนียร์ อะไรทำนองนี้ แต่ความใจกล้าเนี่ยจาพนมยังต้องยกนิ้วให้
ทั้งเนื้อทั้งตัวมันมีแค่เป้ใบเดียว กล้องถ่ายรูปแขวนคอ ดิคสำหรับนักท่องเที่ยว แล้วก็หนังสือนำเที่ยว แค่นั้นเอง
เค้าบอกว่ามีคนหลายคนเล่าให้เค้าฟังว่าคนไทยนิสัยต้อนรับขับสู้คนต่างชาติ และก็เป็น Land of Smile เค้าเลยรู้สึกอบอุ่นไว้ใจเป็นพิเศษ
แต่ผม แย้งไปว่าจะชาติไหนๆ มันก็มีทั้งคนดีคนเลวปะปนกันไป อย่าทำตัวพเนจรมากนักเดี๋ยวเจออันตราย ยิ่งเค้าเป็นคนต่างชาติตัวคนเดียวด้วยยิ่งน่าเป็นห่วง
เค้าก็เปลี่ยนเรื่องคุย คือมันดูเป็นเด็กดื้อมาก เวลาพูดประเด็นที่เค้าไม่ชอบใจเค้าจะเบี่ยงประเด็นทันที เป็นพวกดื้อตาใสน่ะครับ หน้ามันหวานๆ
ผมซอยทรงบอยแบนด์เกาหลี แต่เวลาจ้องตารู้เลยว่าเป็นคนหัวแข็งทีเดียว
สุดท้ายเลยให้นามบัตรเค้าไปแล้วบอกว่าถ้าอยากได้เพื่อนเที่ยวหรือมีปัญหาก็โทรหาผมได้ ถ้าผมไม่ติดงานอยู่ ผมยินดีช่วย และยุนซิกก็ โทรมาจริงๆ
เย็นวันนั้น มาชวนไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนแล้วเค้าก็ขอปรึกษาเรื่องที่พักว่ามีที่ ไหนราคาถูกและสะอาดบ้าง ผมเห็นว่าเค้าเป็นนักศึกษาแล้วก็ดูๆ
แล้วท่าทางไม่มีพิษภัย เลยเสนอว่าช่วง 1 สัปดาห์ที่เค้าจะอยู่ที่ไทยจะนอนพักคอนโดผมก็ได้ ผมอยู่คนเดียว จะได้เซฟค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง
แต่มีข้อแม้ว่าทุกวันเค้าจะต้องกลับถึงห้องก่อนเที่ยงคืน (เพราะผมมักจะนอนแล้วและไม่ชอบให้ใครมาเคาะประตูเรียก) เค้าดีใจยกมือไหว้แล้วพูดภาษาไทยออกมาเลยว่า
“ขอบ-คุณ-ครับ” พูดไม่ชัดแต่เห็นเจตนาเลยว่าเค้าพูดออกมาจากใจจริง แล้วก็ให้มือถือเค้ายืมในขณะที่พักกับผม เผื่อมีอะไรจะได้โทรบอกได้ ช่วงที่อยู่ด้วยกันผมคิดว่าผมหลงรักยุนซิกไป แล้วแหละครับ ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนผิวขาวละเอียดแบบนี้มาก่อน หน้าตามันน่ารักด้วยแหละ แต่ก็พยายามข่มใจว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องวางตัวให้ดูดีสมกับวุฒิภาวะ ผมทำงานเอเยนซี่โฆษณาซึ่งมันก็เป็นงานที่รับผิดชอบสูงและหนักหน่วงมากที เดียว แต่ทุกวันผมจะพยายามเคลียร์งานให้เสร็จเร็วและทำออกมาให้เนี๊ยบที่สุด เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาตามแก้งานและทำให้เลิกงานได้เร็วขึ้น จะได้มีเวลาตระเวนขับรถพายุนซิกไปถ่ายรูปทั่วกรุงเทพ ค่ำๆ ก็กินข้าวด้วยกัน ส่วนตอนเที่ยงถ้าหาเรื่องแว่บออกไปได้ ก็ต้องออกไปกินกับยุนซิกทุกครั้ง
เคย อยู่ครั้งนึงผมไม่รู้เรื่อง จะพาเค้าไปกินฟูจิ แล้วเค้าหน้าบึ้งเลย บอกว่าถ้าจะให้เค้ากินที่นี่เค้าให้ยอมอดตายดีกว่า แล้วก็เดินสะบัดหันหลังให้ผมเข้าห้องน้ำไปเลย ผมก็ตามเข้าไปถามเค้าดีๆว่า
“What’s wrong with you, Yun-Sik?”**** Hidden Message *****
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
กำลังสนุกเชียว ขอบคุณมากครับผม ขอบคุนนะครับฒ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณคราบบบ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุฯครับ ขอบคุนน่ะคับ{:5_119:}{:5_119:}{:5_119:}{:5_119:} ขอบคุนมากคราบ ขอบคุณครับ ขอบคุณนะครับผม ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ