nokky โพสต์ 2013-3-20 20:39:32

ยายสู้ชีวิต ขายเศษไม้มัดล่ะบาท เลี้ยงชีพ


        http://board.postjung.com/data/665/665183-img-1363748436-1.jpg




http://board.postjung.com/data/665/665183-img-1363748436-2.jpg


"สับเศษไม้ขายมัดละบาท" ยาย 85 ป่วยหนักสู้ชีวิตลำพัง (คมชัดลึก)

          เปิดชีวิต "ยายทองโคราช" หญิงชราวัย 85 ปี คนสู้ชีวิต ขายเศษไม้ก่อไฟมัดละบาทหาเลี้ยงชีพ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมชัดเกิดป่วยหนัก ตาเป็นต้อกระจกเริ่มมองไม่เห็น หูตึงไม่ได้ยิน คนใจบุญพาส่งหมอผ่าต้อกระจกให้ อาการดีขึ้นกลับพักฟื้นที่บ้าน ยังต้องฝืนลุกนั่งผ่าไม้มัดไว้เตรียมไปขายที่มุมตึกข้างถนน เผยชีวิตรันทดไม่มีญาติลูกหลานทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนหายเกลี้ยง หมดโอกาสรับสิทธิสงเคราะห์ทุกอย่าง ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ

          ชีวิตรันทดของคุณยายวัย 85 ปีรายนี้ ที่ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า หรือแม้แต่สารถีสามล้อก็คุ้นชินตากับภาพของ "ยายขายฟืน" หรือ "ยายขายเศษไม้ก่อไฟมัดละบาท" หญิงชราที่นั่งกับพื้น หน้าร้านทองวัชร หัวมุมตลาดกิมเฮง ริมถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ด้านหน้าปูผ้าพลาสติกหรือกระดาษวางขายเศษไม้ที่มัดด้วยหนังยางเป็นกำ กำละ 1 บาท เพื่อหาเลี้ยงชีวิตไปวันๆ

http://board.postjung.com/data/665/665183-img-1363748436-3.jpg

http://board.postjung.com/data/665/665183-img-1363748436-4.jpg

          แม้ว่าอากาศจะร้อน หนาวหรือฝนตก หากฝืนสังขารมาได้ หญิงชราผู้นี้ก็จะมานั่งขายเศษไม้ที่ดูเหมือนไม่มีค่าอะไร แต่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของยายในตอนนี้ เพราะนั่นหมายถึงค่าอาหาร น้ำดื่ม และค่ารถที่ต้องจ่ายในแต่ละวัน แต่ระยะหลายวันมานี้ กลับไม่มีใครพบเห็นหญิงชราขายเศษไม้หัวมุมตลาด จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า "ยายหายไปไหน" ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ไปสอบถามสารถีสามล้อที่บริเวณนั้น ได้รับคำตอบว่า "ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว" สอบถามต่อจนรู้ว่ายายอาศัยอยู่ที่ชุมชนหนองโสน ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ยายมานั่งขายเศษไม้ประมาณ 5 กิโลเมตร

          เมื่อไปถึงชุมชนหนองโสน สอบถามชาวบ้านถึงยายขายเศษไม้ ชาวบ้านต่างรู้จักกันดี และพาไปที่บ้านเลขที่ 342 ในชุมชนหนองโสน พบ คุณยายทอง หรือ น.ส.ทอง ขอปล้องกลาง อายุ 85 ปี สวมเสื้อคอกระเช้าสีแดง นุ่งผ้าถุงกลางเก่ากลางใหม่ ที่ตาด้านซ้ายถูกปิด กำลังสาละวนกับการตัดเศษไม้มัดเป็นกำเพื่อนำไปขาย



จากสภาพบ้านที่ดูเก่าทรุดโทรม หลังคามุงสังกะสี ฝาบ้านเป็นสังกะสีเก่าปิดทึบทั้งสี่ด้าน ไม่มีหน้าต่าง ลักษณะเป็นกระท่อมเล็กๆ ปูพื้นไม้ ภายในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใด ไม่มีแม้น้ำประปา ไฟฟ้า มีเพียงเทียนไข 1 เล่ม ตั้งอยู่เพื่อจุดให้แสงสว่างยามลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงค่ำคืน ถ้วยชามที่มีเศษอาหารแห้งกรัง ในหม้อไหไม่มีข้าวสารเหลืออยู่ น้ำก็มีเพียงถังเดียวเท่านั้น ส่วนที่นอนมีเพียงมุ้งสีชมพู ผ้าห่ม หมอน 1 ใบ ไม่มีแม้ที่นอนรองหลัง ข้างบ้านมีแผ่นไม้กระดานกองอยู่ประมาณ 20 แผ่น ซึ่งยายทองจะนำไม้เหล่านี้มาผ่าให้เป็นเศษไม้เอาไปมัดขาย

          ยายทอง ปัจจุบันหูตึงมาก เวลาสื่อสารต้องตะโกนเสียงดังๆ และทำท่าทางประกอบจึงจะพูดกันรู้เรื่อง โดยยายทองบอกว่า ที่ไม่ได้ออกไปขายฟืนเพราะไปผ่าตัดต้อกระจกตาซ้าย ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมีผู้ใจบุญแถวบ้านพาไป และหมอให้พักฟื้นอย่างน้อย 5 วัน

          ยายทอง เล่าว่า ไม่เคยแต่งงานมีครอบครัว มีเพียงลูกเลี้ยงผู้ชาย 1 คนเท่านั้น แต่ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 9 เดือนก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทำงานตัดฟืนและรับจ้างทั่วไป กระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน อาชีพสุดท้ายคือทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา แต่เมื่อร้านอาหารที่ทำอยู่ปิดลงก็ไม่รู้จะไปทำอะไรเพราะแก่มากแล้ว และไม่มีความรู้อะไร จึงไปยึดอาชีพเก็บของเก่าขาย แต่ทำไม่นานก็เลิกเพราะร่างกายไม่แข็งแรง จากนั้นจึงหันมาเหลาเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟขายเลี้ยงปากท้องตัวเอง

          แต่ละวันต้องหาเก็บเศษไม้เก่าตามสถานที่ต่างๆ นำมาผ่าเป็นไม้ชิ้นเล็ก ตัดแบ่งให้เป็นเศษไม้ขนาดความยาวประมาณ 1 คืบ ต่อ 1 ชิ้น ให้ได้ 8-10 อัน จึงมัดรวมกันเป็นมัด แล้วนำมาขายในราคามัดละ 1 บาท ซึ่งต้องทำเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟให้ได้วันละประมาณ 50-100 มัด จากนั้นนำไปวางขายริมฟุตบาท หน้าร้านทองวัชร หากขายหมดจะมีรายได้ประมาณวันละ 100 บาท แต่วันไหนมีผู้ใจบุญมาซื้อแล้วไม่เอาเงินทอน ก็ถือว่าโชคดี ส่วนค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน นอกจากมีค่าข้าวสาร อาหารและน้ำดื่มแล้ว ยังต้องจ่ายค่ารถเดินทางไปกลับในการขายเศษไม้ที่ตลาด ประมาณวันละ 40 บาทอีกด้วย




    "ยายเป็นคนไม่มีญาติพี่น้องหรือลูกหลาน จึงต้องต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง และด้วยสภาพร่างกายและอายุที่มากขึ้น ประกอบกับเพิ่งไปผ่าตัดต้อกระจกมองไม่ถนัด หูก็ดึง เลยไม่ได้ออกไปขายเศษไม้มา 3 วันแล้ว ทำให้ไม่มีรายได้ อาหารที่พอมีเหลืออยู่ก็หมดแล้ว ถ้าหมอให้ไปทำงานได้เมื่อไหร่ จะรีบออกไปขายเศษไม้หาเงินมาซื้อข้าวกิน" ยายทอง กล่าว

          ยายทอง เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง ส่วนบ้านปัจจุบันก็ขออาศัยจากผู้ใจบุญอยู่ ทำให้หลักฐานเอกสารต่างๆ ทั้งบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หายไปหมด ไม่สามารถดำเนินการขอรับสิทธิประโยชน์อะไรได้เลย ทั้งการทำบัตร 30 บาท รักษาทุกโรค รวมทั้งการขอเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท ก็ขอไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานไปยื่นขอรับสิทธิประโยชน์

          "ที่ผ่านมารู้สึกท้อแท้กับชีวิต แต่ก็ต้องสู้ต่อและอดทนจนกว่าจะหมดเรี่ยวแรง สิ่งที่อยากได้ตอนนี้ เป็นเพียงอาหารและน้ำประทังชีวิตเท่านั้นไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองอะไรมากมาย เพราะไม่รู้จะร่ำรวยไปทำไม ขอเพียงมีชีวิตรอดไปวันๆ ก็พอ แต่ยายยึดคติว่า ชีวิตทุกคน ถึงแม้จะยากจนหรือมั่งมีแค่ไหน ก็ต้องสู้ จะมานั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้" ยายทอง กล่าว

หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ยายสู้ชีวิต ขายเศษไม้มัดล่ะบาท เลี้ยงชีพ