จากเด็กติดแม่สู่ฆาตรกรวิปลาส
เอ็ดเวิร์ด กีน (Edward Theodore Gein) เกิดในปี ค.ศ.๑๙๐๖ อาศัยอยู่หมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อเพลนฟิลด์ รัฐวิสคอนซิล อเมริกา ครอบครัวของเอ็ดประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งมีด้วยกัน ๔ คน คือ ตัวเขา พ่อ - ปีศาจสุราที่จะแสดงความโหดร้ายทุกครั้งที่ขาดสติ และเป็นภาระของครอบครัว แม่ - แม่บ้านที่งมงายในศาสนา หน้าไม่รับแขกและเป็นใหญ่ในบ้าน มักจะตะโกนด่าลั่นตลอดเวลา ถ้ามีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิมในบ้าน และเฮนรี่พี่ชายของเขา
เอ็ด เป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดาแบบชายอเมริกันบ้านนอกทั่วไป ไม่มีอะไรเด่น เว้นแต่ดวงตาของเขาที่สุกใสและดูลึกลับต่อผู้พบเห็น เขาเป็นคนขี้อายและชอบเก็บตัว ชีวิตในวัยเด็กจึงเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว มีเพียงแม่ของเขาเท่านั้นที่เปรียบเป็นทั้งเพื่อน และครู (เอ็ดออกมาจากโรงเรียนกลางคัน) แต่ทว่าวิธีการเลี้ยงของแม่เขานั้น ออกจะผิดแปลกไปสักหน่อย เธอเลี้ยงดูเอ็ดอย่างเด็กผู้หญิง เพราะเธอหวังว่าลูกคนที่สองเป็นหญิง และกิจกรรมที่เธอมักทำร่วมกับเอ็ดอยู่บ่อยๆ คือ การพาเขาไปดูการชำแหละซากสัตว์ คำสอนที่เธอมักสอนเอ็ดอยู่บ่อยๆ เธอมักสอนว่า “ผู้หญิงทุกคน (ยกเว้นแม่) ล้วนบาปหนา” และ “แกไม่สามารถมีเพื่อนได้ ยกเว้นแม่” เขาเชื่อคำสอนนี้ และเขามองแม่เหมือนเป็นพระเจ้า แม้จนสิ้นอายุขัย จนกระทั่งพ่อของเขาตายเมื่ออายุยี่สิบกว่าๆ กิจการทั้งหมดทั้งสามคนที่เหลือจึงเป็นผู้รับผิดชอบ ถึงแม้เอ็ดและพี่ชายจะถึงวัยหนุ่ม แต่เขาก็ยังเป็นโสด ผิดจากวัยรุ่นทั่วไป เนื่องจากไม่มีหญิงสาวคนไหน ทนคำพูดของแม่ได้ เธอบอกว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นบาปยิ่ง เมื่อเอ็ดอายุ ๔๐ ฟาร์มของเขาอยู่ในช่วงวิกฤต ผลผลิตภายในฟาร์มไม่ดี ขาดทุนมากมาย พี่ชายของเอ็ดต้องทำงานอื่นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งช่วงนี้เองพี่ชายเขามักปากกล้าโต้เถียงแม่เป็นประจำ แต่เอ็ดก็ยังเข้าข้างแม่ แม้เรื่องที่โต้เถียงกันแม่จะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม สำหรับเขาแม่คือพระเจ้า และมันผู้ใดที่ต่อต้านพระเจ้ามันต้องได้รับบทลงโทษ ในปี ๑๙๔๔ เฮนรี่พี่ชายของเอ็ดก็เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอก ในขณะที่เกิดแพลิงไหม้ในแปลงข้าวโพด มีหลายคนเห็นพี่ชายของเอ็ดอยู่กับเอ็ดในแปลงข้าวโพดก่อนเกิดเหตุไม่นานนัก ปีถัดมาแม่ของเขาล้มป่วยอัมพาธ และเสียชีวิตไปจากการเกิดอุบัติเหตุ ปัญหาต่างๆ ทั้งงานฟาร์มและปัญหาครอบครัวล้วนมีส่วนให้เขาเปลี่ยนแปลงไป กระทั่งเอ็ด กีน วัย ๕๑ ปี เขาเป็นชายที่สุภาพ อ่อนโยน และสันโดษ แต่สำหรับชาวบ้าน เขาดูเป็นคนน่ารังเกียจ เป็นคนผิดปกติ ออกกระตุ้งกระติ้งแบบผู้หญิง จึงไม่ค่อยมีใครสุงสิง หรือพยายามสนิทเท่าใดนัก
เมื่อปราศจากแม่ เขาก็เป็นอิสระ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องการให้แม่กลับคืนมา... จุดเริ่มตำนานจอมถลก
เขา เริ่มสนใจในร่างกายของเพศหญิงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เป็นการสนใจที่แปลกประหลาด สับสน แยกไม่ออกว่ามันเป็นความต้องการทางเพศ หรือความต้องการเรือนร่างของสตรี เขาหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรือนร่างของสตรีเพศมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ สาระนุกรม หรือแม้กระทั่งทดลองของนาซีในสงครามโลกครั้งที่สอง ข้อมูลเหล่านี้กระตุ้นความปรารถนาในจิตใจให้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาปิดตายห้องต่างๆ ในบ้านตัวเองยกเว้นห้องครัว และห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเอ็ดได้ฆ่าเหยื่อไปกี่ คนกันแน่ แต่จากสืบสวนของตำรวจเขาว่าเอ็ดฆ่าเหยื่อ ๒ ราย เหยื่อรายแรกที่เขาลงมือคือ นางมารี โฮแกน วัย ๕๕ ปี ในปี ๑๙๕๔ แม่หม้ายเจ้าของร้านอาหารและบาร์เล็กๆ ชื่อโฮแกน ทราเวิร์น ที่หมู่บ้านไพน์โกรฟ ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างเธออยู่กับเอ็ดตามลำพัง จนกระทั่งมีลูกค้าคนหนึ่ง เข้าไปที่นั่น แต่ก็ไม่พบคนขาย ตรงกันข้ามสิ่งที่ปรากฏกลับเป็นเลือดกองใหญ่บนพื้นตรงประตูด้านหลังร้าน กับกระสุนปืนพกขนาด ๓๒ หนึ่งปลอก รอยเลือดปรากฏเป็นระยะๆ ไปจนถึงที่จอดรถและหายไป เข้าใจว่านางมารีคงถูกนำไปขึ้นรถจากตรงนั้น ตำรวจไม่สามารถตามหาตัวเธอได้ แต่ในบันทึกการสอบปากคำพยานของตำรวจ นายเอลโม เจ้าของโรงเลื้อยได้ให้การกับตำรวจว่า เขาเคยคุยกับเอ็ดเรื่องการหายตัวของมารี เอ็ดตอบเขาว่าเธออยู่ที่ฟาร์มของเขานั่นแหละไม่ได้หายไปไหนหรอก ตอนนั้นเอลโมคิดว่าเอ็ดพูดเล่น จึงไม่ใส่ใจ และถามอะไรเพิ่มเติม ซึ่งนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ สามปีให้หลังจากการ เสียชีวิตของมารี เอ็ดเริ่มหาเหยื่อรายใหม่ ความซวยหนนี้ตกไปอยู่ที่ นางเบอร์นิซ วอร์เดน หญิงหม้ายวัย ๖๐ ปี เจ้าของร้านขายอุปกรณ์ในเมืองเพลนฟิลด์ วันนั้นเป็นวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๑๙๕๗ แน่นอนว่าเอ็ดเข้ามาในร้านตอนที่ไม่มีคนอยู่ เขาใช้ปืนขนาด .๒๒ ที่นำมาเองใส่เข้าไปในปืนไรเฟิล และยิงเธอโดยไม่ทันรู้ตัว จากนั้นจึงนำร่างของเธอขึ้นรถบรรทุกสำหรับส่งของ แล้วขับกลับบ้านเขาในเวลาต่อมา แฟรงค์ลูกชายของเบอร์นิชที่เพิ่งกลับมาจากการล่าสัตว์ เขาเห็นประตูร้านของแม่เขาล็อคเอาไว้ แต่มีไฟเปิดอยู่ด้านในซึ่งมันผิดปกติ เพราะนี่เป็นเวลาที่ร้านควรปิดได้แล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน ก็พบเครื่องคิดเงินหายไปและมีกองเลือดกระจายอยู่เต็มพื้น แฟรงค์รีบโทรแจ้งตำรวจทันที จากการสอบปากคำของคนในพื้นที่ใกล้เคียง มีผู้พบเห็นรถส่งของของร้านแล่นผ่านไปเมื่อเวลาประมาณ ๙.๓๐ น.
ในขณะ ที่ตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ แฟรงค์และเจ้าหน้าที่ก็ได้พบหลักฐานชิ้นสำคัญอย่างหนึ่งเข้า นั่นก็คือใบเสร็จรับเงินว่าร้านได้ขายของให้ใครบ้าง แฟรงค์จึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า เมื่อวานมีลูกค้าประจำของร้านรายหนึ่งได้ถามกับเขาว่า พรุ่งนี้เขาจะอยู่ร้านหรือเปล่า และลูกค้าประจำคนนั้นก็คือ เอ็ดเวิร์ด กีน
แฟรงค์ และตำรวจรีบรุดไปที่ฟาร์มของเอ็ดทันที เนื่องจากกลัวว่าเอ็ดจะรู้ตัว และหลบหนี แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบตัวของเอ็ด เจ้าหน้าที่จึงยังไม่สามารถเข้าตรวจค้นภายในบ้านได้ พวกเขาจึงขับรถออกค้นหาแถวเวสต์เพลนฟิลด์ อันเป็นสถานที่ที่เอ็ดชอบไปซื้อของใช้ พอไปถึงก็พบกับเอ็ดพอดี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว และทันใดนั้นเอง เอ็ดก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที เพราะเขาเอ่ยปากบอกแก่เจ้าหน้าที่ว่า เขาเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่านางวอร์เดน ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครเอ่ยถาม
เปิดบ้านเอ็ดเวิร์ด กีน พิพิธภัณฑ์มนุษย์หรือบ้านผีสิง เย็นวันนั้น ตำรวจชุดเดิมพร้อมอาวุธครบมือกลับไปที่บ้านของเอ็ดอีกครั้งเพื่อหาหลักฐาน เพิ่มเติม ทันทีที่ก้าวออกจากรถ ทุกคนในที่นั้นต่างได้กลิ่นเน่าโชยจากตัวบ้านของเขา เด็กๆ แถวนั้นเรียกมันว่าบ้านผีสิง เขาเปิดประตูที่ด้านข้าง เพราะประตูหน้าล็อค เวลาที่ไปค้นนั้นเป็นเวลาหัวค่ำ ตัวบ้านนั้นมืดเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ ภายในบ้านมีน้ำขัง ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แม่เขามีชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้ไฟฉายสาด และตามเข้าเอ็ดเข้าไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำเอาทุกคนหัวใจแทบหยุดเต้นด้วยความสยดสยอง มันคือร่างเปลือยเปล่า ซีดขาวโพลน ร่างหนึ่งถูกแขวนห้อยหัวอยู่กับคานของโครงหลังคา ขาทั้งสองข้างแยกออกกว้าง เห็นชัดว่าร่างนั้นถูกอะไรบางอย่างผ่านด้านหน้า ตั้งแต่หว่างขายาวไปถึงลำคอ ดูจากร่างแล้วเป็นผู้หญิง เพียงแต่ไม่รู้ว่าใคร เพราะร่างนั้นปราศจากหัว...
ท่ามกลางกลิ่น เหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้านของพวกเขา สำรวจต่อก็พบว่าทั้งบ้านแทบจะเหมือนกองขยะ ที่ไม่เคยเก็บกวาดเลย และ เจ้าหน้าที่ก็แทบช็อกกันอีกครั้ง เพราะบ้านหลังนี้คล้ายพิพิธภัณฑ์เก็บซาก..พ และอวัยวะ..พ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกจากหลายๆ ส่วนของมนุษย์ มีจมูกที่ตัดออกจากใบหน้าคนจำนวน ๔ จมูก กระป๋องใส่อาหารที่ขึงด้วยหนังมนุษย์ที่ทำเป็นกลอง
ถ้วยที่ทำจากกะโหลกของมนุษย์ โดยตัดส่วนบนของกะโหลกออก หน้ากากที่เฉือนออกมาจากใบหน้าของผู้หญิง จำนวน ๙ ชิ้น หัวของผู้หญิงที่ถูกเลื่อยส่วนบนตั้งแต่โหนกคิ้วออกไปจำนวนสิบหัว เก้าอี้ถูกเปลี่ยนจากเบาะธรรมดาเป็นเบาะหนังมนุษย์ ในตู้เต็มไปด้วยอวัยวะมนุษย์ มีกำไลมือ กระเป๋าหิ้ว ปลอกมีด สนับแข้ง โคมไฟ เสื้อที่ทำจากหนังมนุษย์ เข็มขัดที่ประดับด้วยปลายถันของสตรีสี่ชิ้น นอกจากนี้ยังมีอวัยวะหลายส่วนที่ใช้ประดับบ้าน เช่น หัวคน ริมฝีปาก อวัยวะเพศของผู้หญิง หัวกะโหลกที่ติดไว้ข้างเตียงที่เคยเป็นของแม่ของเอ็ดเอง กับหนังร่างกายของผู้หญิงแบบเต็มตัวตั้งแต่ใบหน้าลงไป ว่ากันว่า เมื่อถึงพระจันทร์เต็มดวง เอ็ดจะออกมาเต้นรำโดยใช้หน้ากากเป็นผู้หญิงใส่วิก และเสื้อกั๊กเต็มยศ ส่วนอวัยวะเพศถูกใส่ไว้ในกางเกงใน (นี่อาจเป็นที่มาของชื่อภาพยนตร์เรื่อง In the Light of the Moon) ในที่สุด พวกเจ้าหน้าที่ก็พบศีรษะของนางวอร์เดน และไส้ของเธออยู่กระทะบนเตา แต่เอ็ดปฏิเสธว่าเขาไม่กินเนื้อคน แต่จากการสอบถามเพื่อนบ้าน หลายคนบอกว่าเคยได้รับเนื้อเป็นของขวัญ เขาบอกว่าเป็นเนื้อกวางที่ล่ามาได้ ทั้งๆ ที่เอ็ดเองบอกว่าไม่เคยเข้าป่าล่าสัตว์เลย ถึงตอนนี้เจ้าหนี้ที่ก็รู้แล้วว่ามันคือเนื้ออะไรจากการชันสูตรศพ และอวัยวะทั้งหมดภายในบ้าน พบว่าจำนวนศพที่อยู่ในบ้านมีทั้งหมดถึงสิบห้าศพด้วยกัน และชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ไม่เข้ากับร่างใดอีกมากมายในบ้านเขา บทสรุปของบุรุษวิปลาส ความตายอันนำไปสู่การเกิดใหม่ ถึง อย่างไรตำรวจสามารถตั้งข้อหาฆ่าคนตายให้แก่เอ็ดได้แค่สองกระทง นั่นคือนางมารี โฮแกน และนางเบอร์นิซ วอร์เดน ซึ่งทั้งสองมีหน้าตาคล้ายแม่ของเขา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสงสัยว่าเขาอาจเป็นคน...หารพี่ชายของเขา คนงานสองคนที่ทำงานในฟาร์ม และเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวสองคน แต่เนื่องจากไม่พบหลักฐานใดที่สามารถมัดตัวเขาได้ เอ็ดจึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบ้า ชื่อ เซ็นทรัล สเตท (Central State Hospital) หลังจากแพทย์วินิจฉัยพบว่าเขาเป็นคนผิดปกติทางจิตอย่างรุนแรง ต่อมาถูกย้ายตัวไปรักษาตัวที่สถาบันวิจัย และดูแลผู้ป่วยทางจิตแมนโดด้า (Mendota State Hospital) ทั้งที่เขาก่อคดีฆาตกรรมที่โหด-เอี้ย-ม และน่ากลัวอย่างที่ไม่มีใครทำมาก่อน ในบันทึกคำให้การของคนที่ดูแลเขาได้เขียนไว้ว่า เอ็ดเป็นคนเรียบร้อย สุภาพ ไม่ก้าวร้าวกับคนอื่น แต่เขามักพูดถึงความสุขที่เขาได้ฆ่าเหยื่อบ่อยๆ เวลา ผ่านไป ๑๐ ปี ศาลได้ตำสินคดีของเขา ซึ่งผลคือ เอ็ดผิดจริง แต่ทำไปเพราะอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรงเพราะบ้า ดังนั้น เขาจึงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เมนโดด้า จนวาระสุดท้ายของเขาในปี ค.ศ.๑๙๘๔ ด้วยโรคหัวใจ ในวัย ๗๗ ปี ในระหว่างที่เขาติดคุกบ้านสยองขวัญของเขาก็ถูกไฟไหม้
เหมือน ทุกอย่างจะจบ แต่ตำนานบทใหม่ที่ถูกเล่าขานกำลังเพิ่งเริ่มต้น ในปี ค.ศ.๑๙๖๐ นิตยสารไลฟ์และไทม์ลงข่าวเกี่ยวกับตัวเขา และบ้านสยองขวัญ เรื่องของเอ็ดกับโด่งดังไปทั่ว กลายเป็นตำนานของวิสคอนซิล จนนักเขียน โรเบิร์ต บลอซ นำเรื่องราวของเขาไปเขียนเป็นนวนิยายในปี และนิยายดังกล่าวถูกนำไปสร้างเป็นหนังสยองขวัญต่างๆ มากมายที่กล่าวถึง และได้รับรางวัลมากมาย เพราะเนื้อเรื่องแปลกใหม่ และโด่งดังจนเป็นต้นแบบภาพยนตร์แนวนี้ต่อมาอีกนับไม่ถ้วน และเอ็ดเวิร์ด กีนก็กลายเป็นฆาตกรที่มีแฟนคลับมากที่สุดในโลก และมีร้านขายสินค้าแนวนี้อีกนับไม่ถ้วนในอเมริกา ดินแดนที่มีการก่ออาชญากรรมมากที่สุดในโลก แต่เอ็ดไม่รับรู้อะไรแล้ว ร่างกายของเขาสงบนิ่งในสุสาน เหลือไว้แต่ตำนานที่ถูกนำมาเล่าขานอย่างไม่รู้จบ เปิดบันทึกสยอง Ed Gien ฆาตกรจิตวิปริต ของนายอำเภอ Arthur schley
๑๗ พฤศจิกายน ๑๙๕๗ นาย arthur schley นายอำเภอจากเมือง painfield กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการสืบหาการหายตัวไปอย่างลึกลับของนาง Bernic Worden วัย ๕๘ ปี เจ้าของร้านชำย่าน painfield จากการตรวจสอบภายในร้านของเธอพบใบเสร็จรับเงินตกอยู่ที่พื้นใกล้กองเลือดที่ ไหลเป็นทางยาวและเงิดสดบนโต๊ะที่หายไปจำนวนหนึ่ง จากหลักฐานนี่เองที่นำทางให้นายอำเภอ Schley พบกับประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมเลือนตลอดชีวิต
จากการหายตัวไปอย่างลึกลับของนาง Bernic Worden ทำให้เย็นวันหนึ่งในปี ๑๙๕๗ นายอำเภอ Schley เดินทางมาที่ไร่แห่งหนึ่งในรัฐ Wisconsin ซึ่งอยู่ห่างไกลจากผู้คน นายอำเภอ Schley ยืนมองทุ่งแห่งนี้ด้วยความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ในมือของเขามีเอกสารฉบับหนึ่งซึ่งมันคือเอกสิทธ์ในการเข้าตรวจค้นบ้านและไร่ แห่งนี้ซึ่งนาย Ed Gien อายุ ๕๑ ปีเป็นเจ้าของและยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการหายตัวไปของนาง Worden ด้วยเพราะพฤติกรรมเยือกเย็นและไม่เคยสุงสิงกับใคร Gien จึงตกอยู่ในสถานะเช่นนี้
นายอำเภอ Schley เดินตรงไปยังบ้านที่มีสภาพเก่าและทรุดโทรมหน้าบ้านถูกตกแต่งด้วยเขาสัตว์และ เศษกระดูกที่ถูกห้อยเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน นายอำเภอ Schley เดินสำรวจอยู่รอบบริเวณบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วย ซากรถยนต์ สิ่งของเหลือใช้และเสื้อผ้าของผู้หญิง ระหว่างที่เดินสำรวจเขาก็พบกับประตูบานหนึ่งซึ่งมันไม่ได้ถูกปิดล็อคไว้ มองจากทางด้านนอก เขาพอเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นประตูห้องครัว นายอำเภอ Schley ตัดสินใจเดินตรงเข้าไปยังประตูนั้น ด้านในมืดสนิทแสงสว่างจากด้านนอกไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ เขาคว้ากระบอกไฟฉายที่ติดอยู่กับเข็มขัดข้างเอวส่องมองดูรอบๆ เขาก้าวเดินอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวัง ในห้องครัวที่มืดมิด กลิ่นเหม็นเน่าสัมผัสกับจมูกของเขาอย่างจัง Schley พยายามมองหาต้นตอของกลิ่น จนพบกับถังขยะ ๑ ใบในมุมหนึ่งของห้องครัว ระหว่างที่เขาสำรวจถังขยะใบนั้น มือข้างหนึ่งของเขาก็เหวี่ยงไปกระทบกับวัตถุบางอย่างเขากลับหลังหันทันที แล้วสาดแสงไฟจากกระบอกไฟฉายไปยังสิ่งนั้น เบื้องหน้าของ นายอำเภอ Schley ตอนนี้คือร่างกายมนุษย์!!!!! มันถูกห้อยลงมาจากเพดานด้านบน ไร้หัว ท้องถูกกรีดแหวกเป็นทางยาวแล้วเอาเครื่องในออกแขวนกับคานด้านบน ตอนนี้บริเวณพื้นห้องเนืองนองไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ความรู้สึกของเขาตอนนี้คล้ายดั่งยืนอยู่กลางทะเลเลือดเพียงลำพัง นายอำเภอ Schley ยืนตะลึงกับภาพเบื้องหน้า เขาตั้งสติอยู่ครู่ใหญ่ก่อนพิจารณาดูซาก..พนั้น นายอำเภอ Schley รู้ทันทีว่า นี่คือคำตอบที่ทำให้เขามายังบ้านหลังนี้ ร่างที่ถูกห้อยลงมาคือร่างของนาง Worden หญิงวัย ๕๘ ปีที่เขากำลังตามหา ไม่ห่างจากบริเวณนั้นสักเท่าไร คำตอบของนายอำเภอ Schley ก็ชัดเจนขึ้นอีกเมื่อข้างเท้าของเขาคือ ศรีษะของนาง Worden ที่ถูกประดับประดาไปด้วยตะปูนับร้อยตัว มันทิ่มในรูหู ดวงตา และทั่วทั้งใบหน้าของเธอ ราวกับสิ่งของที่เตรียมไว้เพื่อโชว์หรือ ตกแต่ง นายอำเภอ Schley เริ่มรู้สึกหวั่นในการตรวจค้นครั้งนี้แต่นั้นยิ่งทำให้เขาตั้งคำถามขึ้นในใจ ว่านาย Ed Gien เจ้าของบ้านไร่แห่งนี้คือมนุษย์หรือ นายอำเภอ Schley เดินตามทางจนมาถึงบริเวณห้องโถงใหญ่ของบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ถูกวางทิ้งกระจัดกระจาย เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าๆที่ผุพังถูกตั้งเป็นสัดส่วน บนโต๊ะมีตะเกียงและถ้วยชามตั้งวางอยู่ นายอำเภอ Schley เดินตรงไปยังที่โต๊ะทันที เขาหยิบไฟแช็คจากในกระเป๋า คว้าตะเกียงที่อยู่บนโต๊ะนำมาจุดไฟ แสงสว่างจากตะเกียงกระทบกับวัตถุรอบๆห้อง นายอำเภอ Schley มองไปรอบๆ แล้วสายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับอะไรหลายๆ อย่าง เป็นครั้งแรกที่เขาไม่คิดอยากเชื่อสายตาตัวเอง เพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันคือ ใบหน้าของสตรี ๙ คนที่ถูกตรึงติดแน่นไว้กับกำแพง มันถูกตกแต่งราวกับเป็นงานปฎิมากรรมชั้นสูง ผ้าม่านที่ประดับประดาไปด้วยริมฝีปากของผู้หญิง เก้าอี้ที่ถูกขึงจากผิวหนังของมนุษย์ และข้างตัวของเขาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะคือชามซุปที่ทำจากกะโหลกศรีษะด้านบนของ มนุษย์ และจานที่ใส่หัวใจสีแดงสดพร้อมรับประทาน นายอำเภอ Schley ตกอยู่ในสภาพจิตที่เลวร้าย เขาหวาดกลัวและหวาดหวั่นชายชื่อ Ed Gien ขึ้นมาทันที หัวใจเต้นระรัว กลางฝ่ามือ ใบหน้า เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาคว้าวิทยุสื่อสารขอกำลังเสริมเป็นการด่วน ในสมองคิดเพียงว่าภาพเหล่านี้มันเคยเกิดขึ้นเพียงในนิยายสยองขวัญ เขาไม่เชื่อ เพราะไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อกำลังเสริมมาถึงการค้นอย่างละเอียดจึงเริ่มขึ้น บ้านหลังนี้คล้ายกับพิธภัณฑ์สะสมชิ้นส่วนมนุษย์ แขนขาและอวัยวะบางส่วนกระจัดกระจายกลาดเกลื่อนทั่วบ้าน บ้างถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามแต่สยดสยองราวกับเป็นคอลเล็คชั่นมนุษย์ จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบกับตู้เสื้อผ้า ซึ่งในตู้แขวนเสื้อเชิ้ตนับสิบตัว ที่ตัดเย็บจากหนังของมนุษย์ ใก้ลกันนั้นยังพบกล่องที่ถูกเก็บไว้อย่างระมัดระวัง ในกล่องมันถูกบรรจุแน่นไปด้วยจมูกและอวัยวะเพศหญิงที่แห้งแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและนาย อำเภอ Schley ไม่รอช้าเร่งติดตามค้นหานาย Ed Gien ทันที ตำรวจวิทยุให้ตั้งด่านสกัดทุกทางที่คิดว่าเขาจะไปแต่ นาย อำเภอ Schley และตำรวจก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อ Ed Gien หายตัวไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอย สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงแค่ความหวาดกลัวในจิตใจของตำรวจและนายอำเภอ Schley
หลังจากข่าวของ Ed Gien แพร่หลายออกไป ไม่นานนัก ทางการก็ออกตามล่าตัว Ed Gien จนเป็นผลสำร็จ เขาถูกส่งตัวไปในคุกเขต Wautoma , จากการสอบสวน Ed Gien รับสารภาพทุกข้อกล่าวหาด้วยใบหน้าที่ราบเรียบไร้ความรู้สึก เขาเล่าให้ตำรวจฟังว่า.........
ผมระเบิดสมองของเธอ (นาง Worden) ด้วยปืนไรเฟิลขนาด.๒๒ จากนั้นจึงลากเธอกลับมาที่โรงนา จากคำให้การนี่เองที่ทำให้ตำรวจพบหลักฐานที่สำคัญอีกหลายชิ้นซึ่งเป็น เครื่องยืนยันว่า Ed Gien เป็นฆาตกรจิตวิปลาสที่สุดในยุคสมัย จาการตรวจค้นโรงนาและบ้านของเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง ตำรวจก็ต้องตะลึงงันเมื่อสิ่งที่พวกเขาพบคือ ..พผู้หญิงจำนวนนับสิบถูกตัดแขนตัดขา และส่วนสำคัญในร่างกายถูกเฉือนออกไม่ว่าจะเป็น หน้าอก จมูก หู หรือแม้แต่อวัยวะเพศ นอกจากนั้นภายในบ้านยังพบ ใบหน้าพร้อมเส้นผมที่ถูกลอกออกมาแช่ไว้ในขวดโหล ดองด้วยเกลือดูคล้ายเพื่อสวมใส่เป็นหน้ากาก นอกจากนั้น Ed Gien ยังเล่าให้ตำรวจฟังด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า ....
“เกือบทุกคืนผมมักจะใส่หน้ากากเหล่านั้น สวมใส่เสื้อที่ตัดเย็บจากผิวหนังของพวกหล่อน และหนีบอวัยวะเพศนั้นไว้ที่หว่างขา พร้อมกระโดดโลดเต้นไปมากลางท้องทุ่งใต้แสงจันทร์ ผมมีความสุขที่ทำเช่นนั้น ผมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเธอ”
เรื่องราวของ Ed gien เป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้กำกับมากมายถ่ายทอดออกมาในรูปแบบเฉพาะตัวไม่ว่าจะเป็น Psycho, The Silence Of The Lambs, ไม่เว้นแม้แต่ภาพยนตร์สยองขวัญสุดคลาสสิค The Texas Chainsaw Massacre ซึ่งเหล่าบรรดาฆาตกรในภาพยนตร์ต่างก็ได้ Ed Gien เป็นต้นแบบแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีหนังสือชีวประวัติของ Ed Gien ที่ชื่อ Deviant: The Shocking True Story of Ed Gein, the Original Psycho โดย Harold Schechter แต่ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือภาพยนตร์ก็คงไม่อาจทัดเทียมความเป็นหนึ่งในตำนาน ฆาตรกรต่อเนื่อง จิตวิปริต วิปลาส แห่งยุคสมัยอย่าง Ed Gien ได้อย่างแน่นอน
|