ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 770|ตอบกลับ: 20

เพราะรัก..จึงเปลี่ยนได้ ? 46 - 47 ?

 มาแรง [คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ

ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

เรื่องนี้ดังไปทั่วจนถึงขั้นคณะบดีเรียกไปเคลียร์และลงทัณฑ์บนไว้ทั้งสองฝ่ายเพราะถือว่ามีความผิด
ทั้งคู่ เหตุการณ์นี้เพื่อนๆในกลุ่มจึงกลัวลูกบ้ากลสิทธิ์ เพราะเห็นกันมากับตาแล้วว่างั้น แต่ผมไม่รู้เรื่องมาก่อน มารู้เอาทีหลังเพราะเกิดความสงสัย ที่ต้น พิริยะมันกลัวกลสิทธิ์จนขี้ขึ้นหัว..ตอนวิ่งไปหลบหลังประตูตู้เสื้อผ้านั่นแหละถึงได้ถามจากมันจนได้คำตอบเอาทีหลัง ว่าที่มันไม่กล้าสู้กลสิทธิ์เพราะอะไร
Part  46
ครอบครัวกล..

               ตั้งแต่แม่เตือนสติ ผมเริ่มทำจิตใจให้เข้มแข็ง นั่งทานข้าวกับแม่ ถึงจะกินได้ไม่มากแต่ก็กินไปไม่น้อยทีเดียว   
                  แย่งหน้าที่พี่พยาบาลเช็ดตัวให้กลมันอีก เปลี่ยนชุดคนไข้ให้เรียบร้อย ทุกสัมผัสที่ทำ..ผมใส่ใจสุดๆยังกะดูแลเด็กเล็กเลย ไม่เว้นแม้แต่จุดซ่อนเร้น ทำให้ซะสะอาดสะอ้านทาแป้งเด็กอีกตะหาก คิดว่าคงสบายตัวเลยทีเดียว ขณะที่ผมดูแลกลนั้น..แม่ปล่อยผมไว้ตามลำพัง ท่านไม่เคยทำให้ ผมรู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย ประเสริฐจริงๆแม่ของผม  
                   หลังจากรู้เรื่องผม..แม่ไม่เคยเซ้าซี้ถามไรอีกเลย กับเล่าให้ฟังว่าบอกพี่ๆน้องๆทุกคน ในครอบครัวผมรับรู้หมดแล้ว แต่ไม่ได้พูดให้ฟังว่าใครคิดเห็นกันอย่างไร ผมเชื่อว่า..ถ้าลองแม่เป็นคนพูด ทุกคนคงยอมรับได้แน่ เพราะพวกเรารักเคารพแม่มาก อะไรก็ตามที่แม่จัดการให้..เราเคารพการตัดสินใจ ของแม่อยู่แล้ว
เพราะเราเชื่อเสมอ...แม่ไม่เคยทำให้ลูกผิดหวัง ผมรู้สึกสบายใจไปเรื่องแล้วคงเหลือแค่รอการยอมรับและให้อภัย..จากครอบครัวของกลมันเท่านั้น   
                   แม่ของกล ผมคิดว่าท่านคงทำใจได้ในระดับหนึ่ง ส่วนพ่อแล้วผมไม่กล้าคาดหวัง เหตุการณ์เพิ่งผ่านมาสองอาทิตย์กว่า ยากเกินจะหวังว่าพ่อกลจะยอมรับได้...เรื่องนี้อย่าเพิ่งคิดดีกว่า   เอาเรื่องตรงหน้าก่อน เมื่อไหร่กลสิทธิ์ของผมจะตื่นสักที  
                    ผมนั่งเฝ้ากลมัน..ในใจภาวนาอยากให้มันลืมตามาจัง..ผ่านมาทั้งวันแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง แม่กลับบ้านไปตอนบ่ายแก่ๆ..ท่านห่วงน้องปล่อยให้อยู่ลำพังกันสองคนคงกลับไปดูความเรียบร้อยก่อน   
                     สองทุ่ม..แม่กับทุกคนมากันพร้อมหน้า เอาข้าวมื้อเย็นมาให้ผม พร้อมเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนด้วย ทุกคนมาเยี่ยมกลมัน แต่ที่อึ้งคือกุศโลบายที่แม่ให้วิวกับวุ้นหิ้วท้องมาทานข้าว เป็นเพื่อนผมที่โรงบาล โดยแม่กับพี่ๆ กินมาก่อนแล้วที่บ้าน อาจเพราะพี่ทำงานมาเหนื่อย จะให้หิ้วท้องรอคงไม่ไหว
                   ผมรู้ว่าแม่ทำแบบนี้ แค่ไม่อยากให้ผมกินข้าวคนเดียว มีน้องๆเป็นเพื่อน..คงช่วยให้ผม กินได้
เยอะขึ้น มันก็ได้ผลนะครับ เพราะผมกินได้มากกว่าเดิม คงเพราะเจ้าวิวกับเจ้าวุ้นกินเป็นเพื่อนละมั้ง วิวมันอยู่
ม.4 วุ้นม.1 วัยกำลังกินกำลังโตกันเลย
                   ท่ากินก็เอร็ดอร่อยซะคนมองพลอยหิวตาม กอปรกับมีคำถาม..ให้ต้องคอยตอบไปด้วยทำเอาเพลินไปเหมือนกัน คำถามส่วนใหญ่ก็เรื่องที่กรุงเทพฯชีวิตความเป็นอยู่ สังคมเพื่อนฝูงไรประมาณนี้วัยกำลังอยากรู้อยากเห็น  
                   ผมคิดไว้เหมือนกันหากเรียนจบมีงานทำ คงจังหวะที่วิวมันเอ็นฯเข้ามหาลัยพอดี ผมจะให้มันเรียน
ที่กรุงเทพฯ ชีวิตเด็กเมืองกรุงช่วยให้เกิดความกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะการแข่งขันสูง วิสัยทัศน์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตโตขึ้น ไม่เฉื่อยแฉะเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ดูอย่างถมเพื่อนกลมัน จากเด็กปีหนึ่ง ซื่อๆ บื้อๆ ตอนนี้คล่องปร๋อเลยหละ นี่แหละเค้าถึงว่า...คนเราลองมีโอกาสเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยสัมผัส  เพื่อหาประสบการณ์ให้กับตนเอง
ก็ย่อมทำให้พัฒนารู้เท่าทันโลกได้มากกว่าเดิม  
                      ที่คิดว่าได้แน่ๆ หากใครได้มาใช้ชีวิตนักศึกษาในเมืองกรุง นั่นคือ ‘รู้อะไรไม่สู้ รู้เก่งคน’  
เพราะการที่ได้มาเจอคนมากมายในกรุงเทพฯ..ล้วนแตกต่างกันไปทั้งดีทั้งเลวทั้งกล้าและเก่ง..หรือบางคนก็กร้านจนร่านไปเลยก็มี สิ่งเหล่านี้..จะช่วยให้น้องผมรู้มากขึ้นดีกว่าเป็นเด็กซื่อๆไม่ทันคน
                       เด็กต่างจังหวัดส่วนใหญ่ขาดความมั่นใจขี้อาย กลายเป็นคนไม่กล้าแสดงออก  สมัยนั้นส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นจริงๆ เลยทำให้เด็กที่มาเรียนหาประสบการณ์ในกรุงเทพฯ ได้เปรียบพวกที่ไม่มีโอกาสได้มาสัมผัสสิ่งเหล่านี้
                       แต่ใช่จะได้ดีกันทุกราย มีเหมือนกันที่เรียนไม่จบ กลับหลงแสงสีเสียผู้เสียคนไปก็เยอะแยะ
จนคนเค้าเอามาแต่งเป็นเพลงเตือนสติก็หลายเพลง     
                       หลังจากกินข้าวเรียบร้อย พี่ๆถามความคืบหน้าอาการกลมัน ผมบอกไปตามที่หมอมาเช็คร่างกายครั้งล่าสุด ทุกอย่างปกติรอแต่ให้ฟื้นเพียงอย่างเดียว   
                       ส่วนเรื่องที่พี่ผมไปเรียกร้องเอากับเจ้าของบ้าน เค้ายินยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ให้ทั้งหมด ถือว่าเบาใจไป..ไม่ต้องกลายเป็นภาระให้พี่ๆอีก ไม่งั้นคงต้องนำเงินรายได้จากการสร้างบ้าน..มาจ่ายค่ารักษาพยาบาลกลมันตามหน้าที่ เพราะมันบาดเจ็บเนื่องจากไปช่วยงานของพี่ผม นอกจากนี้ เจ้าของบ้านยังมีน้ำใจจ่ายค่า
ทำขวัญให้อีกสองพัน ซึ่งพี่ผมตั้งใจให้มันเพิ่มอีกสามพัน สรุปกลสิทธิ์ ได้รับเงินห้าพันกับการเจ็บตัวครั้งนี้
ถือว่าไม่น้อยเลย เงินห้าพันเท่ากับเงินห้าหมื่นเชียวหละ เทียบกับทองคำในสมัยนั้น ทองรูปพรรณบาทละสามพันกว่า แต่เดี๋ยวนี้บาทละสองหมื่นกว่า พอจะมองมูลค่าเงินที่แตกต่างออกใช่ไหม?
                        ทุกคนอยู่เป็นเพื่อนผมประมาณสี่ทุ่มก็พากันกลับ เพราะพรุ่งนี้พี่ต้องไปเก็บรายละเอียด
บ้านที่สร้าง..ก่อนส่งมอบให้เจ้าของ..ต้องเร่งให้จบภายในอาทิตย์นี้ เพื่อเบิกเงินงวดสุดท้ายมาเคลียร์ค่าแรงคนงาน หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือกำไรประมาณเกือบสามหมื่น เค้าถึงค่อยแบ่งกันและไม่ลืมแบ่งให้แม่เก็บไว้อีกต่างหาก นี่แหละพี่ชายผมหละ...
                        จากนั้นผมอยู่กับกลสิทธิ์เพียงลำพัง คืนนี้จิตใจผมสงบขึ้น ไม่ร้อนรนกระวนกระวายเหมือนคืนที่ผ่านมา คิดว่าคงหลับได้ เพราะรู้สึกสบายใจขึ้นมาก คงเพราะมีสติควบคุมตนเองได้แล้ว
                        หลังห้าทุ่มกว่า ตรวจความเรียบร้อยกลมันอีกครั้ง..เตรียมตัวนอน แต่พอออกจากห้องน้ำ..
เพิ่งแปรงฟันเสร็จ ประตูห้องถูกผลักเปิดพร้อมด้วยครอบครัวของกลเดินเรียงกันเข้ามา มีแม่ พ่อ คุณยาย
กลอยน้องสาวมัน น้าก้องน้องของแม่ รวมห้าคน   
                        ผมรีบยกมือไหว้ เพราะทุกคนผมรู้จักคุ้นเคยดี พวกเค้ารับไหว้ผมเสร็จตรงเข้าหา กลมันทันที
แม่น้ำตาไหลเมื่อเห็นมันนอนบนเตียงคนป่วย แขนมีสายน้ำเกลือโยงติดอยู่ แกถึงกับร้องไห้สะอื้น ผมเข้าใจ
หัวอกคนเป็นแม่ที่มาเห็นสภาพลูกชายนอนป่วยไม่ฟื้นแบบนี้..ย่อมใจเสียเป็นธรรมดา   
                        สำหรับแม่ผมไม่แปลกใจ แต่ที่ต้องอึ้ง..คือผมเห็นพ่อกลตาแดงก่ำ..เหมือนกลั้นน้ำตา ไม่ให้ร้องเต็มที่ ท่านยังเอามือลูบหัวมันเบาๆอีกต่างหาก น้องกลอยก็ยืนร้องไห้ข้างแม่ น้องสาวกลคนนี้ รักพี่ชายมาก เพราะเค้ามีกันสองคนพี่น้อง ซึ่งโตมาด้วยกันตั้งแต่ตายายเอาไปเลี้ยง  
                       ส่วนน้าก้องกับยายต่างยืนดูนิ่งๆ เห็นหน้ายายท่านอิ่มบุญมาก ยอมรับว่าผมไม่แปลกใจ ที่ท่าน
ไม่ทุกข์ร้อนแสดงอาการเศร้าโศรก เพราะเคยสัมผัสคำพูดที่ให้แง่คิดตอนงานศพคุณตามาแล้ว  ยายเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นภาพแม่ของผมอีกสิบปีข้างหน้าเลยก็ว่าได้ เป็นผู้หญิงแกร่งใจดีมีเมตตา  ยายมีส่วนอย่างมากที่ทำให้พ่อกลยอมลดทิฐิมาเยี่ยมมัน   
                       ผมเพียงแต่คาดเดา พ่อกลเคยพูดตัดขาด..ตัดเป็นตัดตายกับกลมาก่อน แต่พอเกิดเรื่องกลับ
ไม่ทิ้งมัน แม้ผมจะแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าพ่ออาจจะมา เพราะถ้าท่านมาแสดง ว่าให้อภัยกลมันแล้ว  ในที่สุดพ่อก็มาจริงๆ   
                       สรุปที่ผมคิดไม่ผิด เมื่อมารู้ทีหลัง..แม่กลเล่าให้ยายฟังอย่างไม่ปิดบัง และยายเป็นคนพูดให้พ่อกลได้คิด อย่าลืมกลคือหลานรักของยาย ซึ่งท่านเลี้ยงมากับมือ มีหรือที่จะไม่รู้จักนิสัยหลานท่าน ดังนั้นยายย่อมรู้จักกลสิทธิ์ดี ผมคงไม่ยกรายละเอียดมาเล่าว่ายายพูดอะไรกับพ่อ เพราะผมเองไม่ได้รู้ลึกขนาดนั้น รู้แค่ประมาณนี้เหมือนกัน
                      ทุกคนเยี่ยมกลกันเสร็จแล้ว พากันสอบถามเรื่องราวกับผมอย่างละเอียด ยกเว้นพ่อกลท่านยังไม่เอ่ยปากพูดกับผมสักคำ ผมก็เล่าให้ฟังตามที่รู้มาทั้งหมด บอกแม้กระทั่งเรื่อง คนจ่ายค่ารักษา และค่าทำขวัญ..ตามข้อมูลล่าสุดที่ฟังจากพี่อย่างไม่ปิดบัง เพราะครอบครัวกลสิทธิ์ สามารถตัดสินใจทุกอย่าง ขณะที่มันยังนอนไม่ได้สติอยู่นี่ ตามที่แม่บอกผมไว้..ถึงยังไง ผมยังคงเป็นคนนอกอยู่ดี  
                       สรุปครอบครัวกลจองโรงแรม..ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงบาลไว้คืนเดียว พรุ่งนี้เช้า จะมาคุยกับหมอหากกลยังไม่ฟื้น พวกท่านจะย้ายมันเข้ากรุงเทพฯ จุดมุ่งหมายที่มา เพื่อย้ายมัน ไปรักษาที่ศิริราช เพราะใกล้บ้านและสะดวกทันสมัย..พวกผู้ใหญ่เค้าคิดกันอย่างงั้น   
                       อีกอย่างอาลพรู้จักกับหมอที่นั้น แกประสานงานจัดการให้เสร็จสรรพ คงถือโอกาส ไถ่โทษที่
กุ้งนางทำกลมันไว้เยอะ แกคงคิดได้ที่แกเองก็บันดาลโทสะลงมือกับมันก่อน จะว่ามันไม่เห็นหัวแกก็ไม่ได้ ถึงแม้มันดูไม่ดีที่ดันชกแกไป อย่างน้อยแกอาวุโสและอยู่ในฐานะพ่อเลี้ยงของมันด้วย
                       แต่ก็พูดยากอีก เพราะฐานะพ่อเลี้ยงที่เข้าข้างลูกสาว จนกลายเป็นเรื่องราว ลุกลามใหญ่โต..กลมันคงจิตหลุดเหมือนกัน..เพราะถูกกดดันบีบคั้นไปซะทุกทาง พูดอะไรไป ก็ไม่มีใครเชื่อ ไม่งั้นคงไม่หลุดเรื่อง
ผมกับมันหรอก
                       เพราะแบบนี้แกคงอยากชดเชยให้ อย่างน้อยกลก็เป็นลูกของเมียแก ยากที่จะทำเป็นใจดำอยู่ได้
ไม่งั้นแกเองอาจติดลบในสายตาแม่และญาติทางแม่ ที่ต่างรักแกกันทุกคน ดูจากงานศพตาซึ่งแกตามไปทีหลัง  ญาติพี่น้องรวมทั้งยายต่างต้อนรับแกอย่างอบอุ่น   
                       กอปรกับมันสมองระดับวิศวะ..คงช่วยให้แกคิดได้เร็วขึ้นด้วย....พื้นฐานอาลพไม่ใช่คน
ที่จิตใจเลวร้าย ออกจะเป็นผู้ใหญ่ใจดีและอบอุ่นเสียด้วยซ้ำ   
                       เพราะรักลูกมากจนความรักบังตาทำให้เห็นผิดเป็นชอบ ใช่มีแต่ความรักของหนุ่มสาว เท่านั้น
ที่รักกันจนหน้ามืดตามัว บางทีความรักของพ่อแม่ที่รักลูกมากจนเกินไปอาจเกิดผลเสียได้ในที่สุด  ใช่ว่าลูก
จะเป็นคนดีเสมอไป กลับเป็นคนนิสัยเสียเหมือนกุ้งนางก็มีออกเยอะแยะ เหมือนที่เค้ากล่าวว่า
‘พ่อแม่รังแกฉัน’ นั่นแหละ   
                       แต่ผมเข้าใจอาลพนะ ที่แกเป็นแบบนั้น คงต้องการชดเชยที่ลูกสาวกำพร้าแม่ แล้วตัวแกยังแต่งงานใหม่อีก ผมคิดว่าแกคงไม่ต้องการให้ลูกรู้สึกขาดและต้องการให้ครอบครัวอบอุ่น เลยตามใจลูกซะงั้น แต่ไม่มีเวลาที่จะสอนหรือให้การอบรมที่ดีตามไปด้วย ผลที่ได้จึงเป็นอย่างที่เห็น  
                      กุ้งนางคือกระจกสะท้อนตัวตนกลสิทธิ์ในมุมหนึ่งของสังคมเช่นกัน หากกลสิทธิ์เป็นคน
ที่ขาดคนรักคนเข้าใจ กุ้งนางคงเป็นเหมือนกัน ต่างกันก็ตรงที่กลสิทธิ์กล้าทำแล้วกล้ารับ ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะชั่วช้าเลวทรามแค่ไหน มันไม่เคยปัดความรับผิดชอบ คิดโยนความผิดให้คนอื่นแต่กุ้งนางไม่ใช่ สองคนนี้ต่างกันก็ตรงนี้แหละ  นอกนั้นแทบจะเหมือนกันซะด้วยซ้ำ
                     เพราะต่างแสวงหาการยอมรับ..แสวงหาความรักในทางที่ผิดทั้งคู่ บังเอิญกุ้งนางเป็นผู้หญิงเลยแย่กว่ากลสิทธิ์ และได้รับผลกระทบเลวร้ายมากกว่านักจากการกระทำ ของตนเอง..ถึงกับท้องไม่มีพ่อ หากเธอเป็นผู้ชาย ไม่รู้เหมือนกันจะทำระยำเลวทรามได้มากแค่ไหน   แล้วจะมีโอกาสกลับตัวเป็นคนดีเหมือนกลสิทธิ์มันหรือเปล่า นี่ก็ยากจะคาดเดาอีกเหมือนกัน
                     มาถึงตรงนี้ คงเริ่มมองเห็นมุมแต่ละคนกันแล้ว...ว่าที่พวกเค้าเป็นแบบนั้นเพราะอะไรทำไมถึงเป็นแบบนั้น พวกเราอาจเป็นคนนอกจึงวิจารณ์ไปตามที่เห็น แต่เราไม่ได้รู้ลึกถึงจิตใจเค้าเหล่านั้นไม่ได้รู้ภูมิหลัง ไม่ได้รู้ว่าพวกเค้าซ่อนอะไรไว้ในใจกันอยู่บ้าง ที่เค้าทำ..ทำไปเพื่ออะไร?..แล้วได้อะไร?  
                    เหมือนพวกนักโทษที่ทำผิดกฎหมายก่อคดีร้ายแรง...หลายคนพื้นฐานไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เราคิด..เพราะเราเสพข่าวเพียงด้านเดียว อีกอย่างพวกเค้าเหล่านั้นไม่มีโอกาสแก้ตัวด้วยเราวัดจากการกระทำและได้ตัดสินผิดถูกไปแล้ว  ที่พูดตรงนี้ใช่ว่านักโทษจะดีกันทุกคนบางคนก็เลวด้วยกมลสันดาน เลือดเย็นใจทรามและชั่วร้าย ทำเพื่อสนองตัณหา..มากกว่าแสวงหาเหตุผลก็มีมากมาย   
                     แต่ถึงยังไง ก่อนตัดสินว่าใครดีใครเลว เราควรแน่ใจเสียก่อน ที่สำคัญที่สุดในการตัดสินคนอื่น ‘อย่าเอาบรรทัดฐานของตนเองเป็นที่ตั้ง’  เพราะการตัดสินผู้อื่นโดยเอาบรรทัดฐานตัวเราเป็นที่ตั้งแล้ว
เมื่อนั้นเราจะเห็นว่าเค้าผิดเค้าถูกตามทัศนคติของเราทันที
                    หลังจากครอบครัวกลสิทธิ์พากันกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมแล้ว คืนนี้พวกท่านฝากให้ผมดูแล
กลสิทธิ์เหมือนเดิม เพราะทุกคนเดินทางกันมาเหนื่อย กว่าจะมาถึงก็อาศัยน้าก้องกับพ่อของกล เปลี่ยนกันขับรถคงเพลียไม่น้อย จึงลงความเห็นว่ากลับไปนอนพักเอาแรงกันก่อน แล้วพรุ่งนี้สายๆ จะพากันมาพบหมอ คาดว่าคงราวสิบโมงเช้า เพราะผมบอกไปว่าหมอเวรลงตรวจเวลานี้ พวกท่านก็พยักหน้ารับ กลับกันไปราวตีหนึ่งเห็นจะได้   
                    ความตั้งใจเดิมที่ว่าจะนอนหลับคืนนี้ กลับไม่เสียแล้ว เมื่อประสาทตาผมแข็งขึ้นมาซะงั้น
เพราะหลังจากรู้ว่า..ถ้าหากพรุ่งนี้กลสิทธิ์ยังไม่ยอมฟื้น ครอบครัวมันจะย้ายไปรักษาที่ศิริราช ผมเองยังคิดไม่ตกว่าจะเอาไง จะตามไปดูแลก็ไม่แน่ใจว่าพวกเค้าจะยอมกันหรือเปล่า หรืออาจใช่โอกาสนี้แยกเราจากกันเลยก็ได้ เพราะไม่รู้ว่ากลสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไหม?   คำถามเหล่านี้มันวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอด จนนอนหลับไม่ได้แน่
                    ตัดสินใจลากเก้าอี้ มานั่งข้างเตียง เอื้อมมือไปกุมมือกลมันเอาไว้ ความรู้สึกสัมผัสผ่านร่างกายที่อุ่นไปด้วยเลือดเนื้อของมัน ทำให้รู้ว่ามันไม่ได้จากผมไปไหน คงสามารถรับรู้สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ ผมตั้งใจถ่ายทอดคำพูด ตามความรู้สึกให้มันฟัง   
                  “กล..มึงได้ยินกูไหม...พ่อแม่..น้ามึง..น้องกับยาย....ครอบครัวมึง พวกเค้าพากันมาเยี่ยมมึงแล้ว...กูคิดว่าพ่อมึงคงหายโกรธมึงแล้วหละ...ไม่งั้นท่านคงไม่ลงทุนมาหามึง ถึงนี่แน่ๆ..กูดีใจแทนด้วยนะ..แต่..พวกเค้าบอกว่าถ้าพรุ่งนี้มึงยังไม่ยอมตื่น เค้าจะย้ายมึงเข้ากรุงเทพฯ ไปรักษาต่อที่ศิริราช....กูไม่รู้ว่าเค้าจะยอมให้กูตามไปดูแลมึงหรือเปล่า...เพราะกูยังไม่กล้าขอ...แม้ใจกูตามมึงไปตั้งแต่ที่ได้ยินแล้วก็เถอะ....
                    มันก็อีกแหละ....พ่อมึงยังไม่พูดกับกูสักคำเลย ยังดีหน่อยที่ท่านยังยักหน้ารับไหว้กู..ไม่ถึงกับเมินเสียทีเดียว...กูไม่มั่นใจว่าท่านจะยอมให้กูเข้าใกล้มึงหรือไม่ พวกท่านอาจจะแยกพวกเราจากกันก็ได้ ตราบใด
ที่มึงนอนไม่ยอมตื่นซักที กูคงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปขอร้องให้พวกท่านเมตตาสงสารหรอกนะกล.....ตอนนี้กูอยากร้องไห้ว่ะ!....แต่กูรับปากกับแม่เอาไว้...เพื่อไม่ให้มึงกังวล. กูต้องไม่ร้องและต้องเข้มแข็งให้ได้อย่างที่แม่พูด...ทั้งที่ใจกูร้องไปแล้ว..คงไม่ผิดใช่ไหม...อยากน้อยกูก็ร้องในใจนิ...หึหึหึ!....มึงจะหัวเราะก็ได้นะ....กูไม่ว่า
มึงหรอก...ที่มานั่งพูดงี่เง่าให้มึงฟัง
                      กูแค่ต้องการ....ให้มึงตื่นขึ้นมาสักที....อย่างน้อยตื่นมาก่อนที่พวกท่านจะตัดสินใจทำอะไร.....
กูกับมึงอาจช่วยกันขอร้องให้กูไปดูแลมึงได้จริงไหม?....ตอนนี้กูเหมือนตัวคนเดียว...หัวเดียวกระเทียมลีบ...
พูดอะไรไปคงไม่มีใครเค้าฟังกูหรอก...ดีไม่ดี...จะพาลทำให้พ่อมึงเกลียดกูเข้าไปใหญ่  กูไม่อยากให้ท่านเกลียดกูไปมากกว่านี้แล้วว่ะกล....แค่ที่ท่านเย็นชาใส่กูก็รู้สึกแย่ ยิ่งกว่าอะไรแล้ว....ขืนท่านเกลียดกูไปมากกว่านี้...ความหวังที่จะได้อยู่กับมึงยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปอีก
                       กล...กูไม่อยากปล่อยมือมึงเลยนะ....กูไม่ได้ต้องการผิดสัญญากับมึง...กะ..กู....กูขอสูดหายใจสักแป๊ป...ฮืดๆ!...เอาหละ...กูไหวแล้ว...หึหึหึ!..ถ้าไม่หยุด...กูต้องร้องแน่เลยว่ะ!...กูไม่พูดต่อดีกว่า...ขืนพูดต่อ
กูร้องจริงๆ ด้วย...เดี๋ยวผิดคำพูดที่รับปากกับแม่อีก กูอยากเข้มแข็งให้ได้อย่างแม่...กูต้องทำให้ได้สิจริงไหม?.....มึงรีบตื่นมานะกล....พรุ่งนี้เช้าเลยยิ่งดี...ตื่นก่อนที่เค้าจะพามึงไปจากกู...ขอร้องหละกล...กูรอมึงอยู่นะ...พรุ่งนี้นะกล...สัญญา..ตื่นมาอรุณสวัสดิ์กัน...ตกลงไหม?...เจ็ดโมงเช้า..ตามนี้นะโว้ย!...กูถือว่ามึงรับปากกูแล้ว..
ถ้าไม่ตื่น..ถ้ามึงไม่ยอมตื่น..กู..จะ..จะ...กูไปนอนเอาแรงดีกว่า...เจอกันพรุ่งนี้กล....”
                         ผมวางมือมันไว้ที่เดิม หันหลังพุ่งฟุบหน้าลงหมอนนอนคว่ำหน้าบนโซฟานั่นแหละ  
ปล่อยน้ำตาไหลลงเรื่อยๆ ไม่ไหว..ผมกลั้นไม่อยู่จริงๆ...ทรมานอึดอัดหัวใจอย่างมาก หากครอบครัวมัน
ย้ายมันเข้ากรุงเทพฯ แล้วถือโอกาสนี้แยกเราจากกัน...ผมไม่อยากคิดเลย...ว่าผมจะอยู่ยังไง...ถ้ารู้ว่าต่อไปนี้ไม่มีมันอีกแล้ว...ผมรักมันไปแล้ว..รักมากด้วย...ผมจะทนได้เหรอ..?
Part  47
ฟื้น!.

              ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาตอนเช้า ลุกห้อยขาตรงโซฟา บิดขี้เกียจขับไล่ความเมื่อยขบไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกลสิทธิ์บนเตียงคนป่วย  ...!...
              “กะ..กล..มะ..มึง..ฟื้นแล้ว..ฟื้นแล้ว..กลฟื้นแล้ว”ใช่แล้วครับ จังหวะผมเงยหน้า  สบเข้ากับตาคม
ของมันที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว แม้แววตาจะดูอิดโรยอยู่บ้าง แต่ตาคมเข้มที่มองผมอยู่ตอนนี้ ก็ไหวระริกมีชีวิตชีวายิ่งนัก
                  มันยักหน้า..ยกยิ้มมุมปากมาให้ แค่นั้นแหละ..ผมดีดตัวผลุงพุ่งเปิดประตูออกห้อง วิ่งตรงไปเคาเตอร์พยาบาลทันที โดยไม่สนใจฟังไรเลย
                  “พยาบาลครับ...พี่พยาบาล..เพื่อนผมฟื้นแล้ว..กลฟื้นแล้ว..มันฟื้นแล้ว..พี่ช่วยไปดูหน่อย...ไปตอนนี้เลยครับ...ด่วนเลยนะครับ”  มาถึงผมรีบรายงานพยาบาลเวรเร็วจี๋ เร่งเขายิกๆให้ไปดูกลสิทธิ์มัน พี่เค้ามองผมยิ้มๆก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงใจดีว่า
                    “ใจเย็นๆค่ะคุณ ไม่ต้องตื่นเต้นนะค่ะ พยาบาลจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ความจริงคุณไม่ต้องมาถึงนี่ก็ได้..กดอ๊อดที่หัวเตียงเรียกก็ได้นี่ค่ะ กลายเป็นว่าทิ้งคนไข้มาซะงั้น”  พี่เค้าพูดมียิ้มล้อผมตะหากผมเพิ่งนึกขึ้นได้จริงด้วยอ่า..ลืมไปสนิทเลย ทำแกล้งเกาหัวแก้เขินเดินตามหลังพยาบาลกลับเข้าห้องไปต้อยๆ
                      เคยไหมจิตหลุดตอนเสียใจสุดๆ และจิตหลุดตอนดีใจสุดๆ ผมเป็นเหมือนกัน ถึงใครเคยบอกว่าผมดูสุขุมเรียบร้อย แต่นั้นในภาวะปกติ พอรู้สึกดีใจยังกะถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ก็ลืมตัวได้เหมือนกันนิ
เพิ่งงัวเงียตื่นเห็นมันฟื้นนอนลืมตาแป๋ว..เลยกลายเป็นวิ่งมาตามพยาบาลตาลีตาเหลือกซะงั้น   
                      ขี้หูขี้ตาหัวเหอไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าอยู่ในสภาพไหน อารามดีใจมากไงครับ..ตื่นมาเจอมันนอนลืมตามองผมอยู่ ไม่รออะไรแล้ว..ขอบอกผมดีใจมาก..ดีใจจนพูดไม่ถูกคือมันดีใจอะ..ดีใจ..ดีใจ..เข้าใจกัน
ใช่ไหม?...ผมภาวนาให้มันฟื้น....เฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ ผ่านมาสองวันกะอีกสองคืน..พอเห็นมันฟื้นเท่านั้นแหละ....โอ้ย!..มันดีใจ...ดีใจโว้ย!..เยส!..กลสิทธิ์ของผมฟื้นแล้ว
                 กลับเข้ามาในห้อง พยาบาลเอาปรอทสอดใต้ลิ้นวัดไข้ พร้อมรัดแขนวัดความดันไปด้วย ก่อนจะถามมันด้วยบ้างเล็กน้อย ว่ามันเป็นไงบ้าง รู้สึกมึนหัววิงเวียน อยากอาเจียนอยากอ๊วกไรไหม? มันก็ตอบเค้าไป..จากนั้นพยาบาลก็หันมาพูดกับผมว่า
                   “เท่าที่ตรวจอาการคราวๆ ทุกอย่างดูปกติค่ะ แต่ต้องรอหมอเวรลงตรวจยืนยันผลอีกที ตอนสิบโมงนะค่ะ..ตอนนี้พยาบาลจะปลดน้ำเกลือออกให้ก่อน คนไข้สามารถดื่มน้ำ ทานข้าวหรือจะอาบน้ำก็ได้..เพราะไข้ไม่มีไม่น่ามีปัญหาอะไร เสร็จเรียบร้อยแล้วขอตัวเลยนะค่ะ...อ๋อ..มีอีกเรื่องหนึ่ง..คราวหลังหากต้องการเรียกพยาบาลกดออดหัวเตียงได้เลยค่ะ ไม่ต้องไปตามถึงเคาเตอร์หรอกนะค่ะ”
พูดจบหน้าผมร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ก็พี่แกเล่นยิ้มล้อผมด้วยนิ...เห่อ..เห่อ!....เขินเหมือนกันเหว้ย!...คล้อยหลังพี่พยาบาล กลสิทธิ์เอ่ยปากพูดกับผมเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา
                  “วี..คิดถึงมึงจัง..” อร๊ายๆ!...อายเว้ย!..แต่ผมก็รีบตอบมันไปแบบไม่ต้องคิด
                  “กูคิดถึงมึงมากยิ่งกว่า” ตาย..ตาย...ดันเกทับมันซะงั้น..พูดไปแล้วอ่า....
                  “หึ..หึ!...กูรู้...ดูมึงวิ่งหน้าตั้งไปตามพยาบาลโดยไม่ฟังกูสักคำ ขนาดร้องตาม คอแทบแตกจะบอกให้กดกริ่งเอา..มึงยังไม่ได้ยินเลย เชื่อแล้วว่าคิดถึงกูมาก”  หวาย..หวาย..มันแซวอะ..ฟื้นมาทำปากดีทันที..
นี่แหละกลสิทธิ์ ต้องแบบนี้เลย..ยี่ห้อเค้าหละ....เขินสาดเลยกู...ปล่อยไก่ตัวเบอเร่อ...
                   “มึงฟื้นนานยัง กูหมายถึงก่อนกูตื่นนะ...แล้วหิวน้ำไหม?”  มันยักหน้าให้ ผมรีบกุลีกุจอรินน้ำหยิบหลอดใส่แก้วให้มันไวว่อง ก่อนจะหันมาหมุนปรับเตียงให้ส่วนหัวขยับสูงขึ้นเป็นกึ่งนั่งกึ่งนอนหยิบแก้วน้ำจ่อหลอดดูดบริการถึงปากทันที มันก็ก้มดูดช้าๆจนเกือบหมดแก้ว วางแก้วเสร็จหันกลับมา..มันจ้องผมอีกแล้ว..
ยิ้มให้ด้วยก่อนพูดกับผมว่า
                    “กูลืมตามา..นึกถึงมึงคนแรกเลย มองหาเห็นมึงหลับอยู่กูไม่อยากปลุก หน้ามึงดูเครียดๆ คิ้วขมวดตลอด รอจนมึงตื่นมานั่นแหละ”  มันบอกผม   
                    “ห่า!..ทำไมไม่เรียกว่ะ!...รู้ไหมกูรอมึงมาสองวันกะสองคืน ไม่เห็นต้องรอให้กูตื่นเลย   กูดันนอนดึกไปหน่อยเลยหลับเพลิน นี่กี่โมงแล้วหว่า?” ผมรีบหันไปดูนาฬิกาบนผนัง แปดโมงสิบห้า   อ่าหะ!...ผมนัด
กลสิทธิ์ไว้นี่...ใช่แล้ว...ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่คืนกลสิทธิ์กลับมาให้ผม
                    “อรุณสวัสดิ์กล...”  พูดจบ..ผมก้มหน้าจุ๊บปากมันทันที เล่นเอามันหน้าเหว่อไปเลย เพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน อยู่กันมาสองปีกว่าผมไม่เคยเริ่ม อย่างที่ทำตะกี้ ทำเอากลสิทธิ์ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว พร้อมพูดมาว่า
                    “กูยังไม่ได้อรุณสวัสดิ์ตอบมึงเลย ตากูมั้งดิ”  อึม!...เชื่อแล้วว่ามันไม่เป็นไรมาก อย่างที่พยาบาลพูด ลองเล่นลิ้นได้แบบนี้ มันคือกลสิทธิ์ตัวจริงเสียงจริง ยี่ห้อนี้เค้ามีคนเดียว ผมก็ไม่ปฏิเสธก้มไปประกบจูบมัน
อีกครั้ง แต่ไม่ได้มีการสอดลิ้นกันหรอก แค่ริมฝีปากแตะเท่านั้น ก็นะ...ต่างคนต่างน้ำลายบูดเพิ่งตื่นนอน ฟันยังไม่ได้แปรงหน้ายังไม่ได้ล้าง คงจะดีพคริสรสชาติดีพิลึก แค่นี้ก็เล่นเอาหน้าผมร้อนยังกะไรดี ส่วนกลสิทธิ์นะเหรอใช่มันจะหน้าหนาซะหน่อย มีขึ้นสีเหมือนกัน แต่กลับทำให้หน้าตามันดูมีชีวิตชีวาไม่ซีดเซียวเหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้ เพิ่งรู้..ยาดีต้องกวีนี่เอง ฮ่าๆ!..ยี่ห้อนี้ก็มีหนึ่งเดียวเหมือนก่านนๆๆ..เอิ๊กๆ!
                        จากนั้นผมค่อยพยุงกลสิทธิ์ลงจากเตียง มันต้องการทำธุระส่วนตัว ดีหน่อยที่ไม่มีสายน้ำเกลือเกะกะ เพราะพยาบาลถอดออกตอนที่มาตรวจนั่นแหละ มันเลยถือโอกาส อาบน้ำเสร็จสรรพ ผมก็ปล่อยให้อาบจะได้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นจัดการเตรียมชุดใหม่ให้มันเปลี่ยนด้วย พวกของใช้ก็ของผมที่เอามานั่นแหละ ทั้งสบู่แชมพู ยาสีฟัน
                        พอเสร็จเรียบร้อย ได้เวลาโรงบาลเค้าเอาอาหารเช้ามาให้ ผมก็ให้มันนั่งกิน ตรงโซฟานั่นแหละ มันกำลังหิวพอดีก็เล่นไม่ได้กินมาถึงสองวันเต็มๆ ซัดซะเกลี้ยง หลังจากกินอิ่ม..เอายาบำรุงที่เค้าจัดให้เป็นยาหลังอาหารจัดการให้มันกินเรียบร้อยเลยทีเดียว ดื่มน้ำไรเสร็จ ผมก็พยุงมันขึ้นนั่งพิงหลังบนเตียง  
                       ส่วนผมก็ขอเข้าไปจัดการกับตัวเองบ้าง มีอารมณ์ฮัมเพลงได้อีก...อย่างว่า คนมันมีความสุข
อะ...ขอบคุณสวรรค์ที่ฟังคำอธิฐานผม ให้กลสิทธิ์ฟื้นมาก่อนที่จะย้ายโรงบาล ที่เหลือขึ้นอยู่กับมันแล้ว ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องย้ายแล้วด้วยซ้ำ เพราะมันดูแข็งแรงไม่มีไรมากแค่เพลีย..คงรอหมอเวรมาตรวจอีกที
                     แต่งตัวเรียบร้อย..เปิดประตูห้องน้ำออกมา อาห่ะ!...อยู่ครบเซ็ทล้อมหน้าล้อมหลัง เต็มเตียงกลสิทธิ์กันหมด ซักถามอาการมันกันใหญ่ มีชะงักหันมามองผมแป๊ปหนึ่ง หลังจากได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด ผมรีบยกมือไหว้ทันที พ่อ แม่ ยาย น้าก้อง น้องกลอย มากันแต่เช้า นี่เพิ่งเก้าโมงเอง คงกะมารอหมอเวร พอรับไหว้
ผมแล้ว ทุกคนก็หันไปคุยกับกลมันต่อ..ก็สอบถามอาการมัน ส่วนใหญ่ก็เรื่องทั่วๆ ไป  สุดท้ายพ่อมันก็พูด
ขึ้นมาว่า
                    “เดี๋ยวรอคุยกับหมอ...ถ้าไม่มีไรมาก...พ่อจะพากลับบ่ายนี้เลย”  ผมชะงักยืนฟังนิ่งๆ ใจนี่ไม่ต้องเดา..ลุ้นระทึกไม่รู้ว่ากลมันจะตอบว่าไง เงียบกันไปนิดหนึ่ง ก่อนมันจะพูดขึ้นว่า
                     “ผมอยากกลับไปพักฟื้นที่บ้านวีก่อน...ยังไม่อยากกลับ”  โอ้!..กลสิทธิ์ของผม...นายเยี่ยมมาก..
ผมแอบถอนหายใจด้วยพอได้ยินมันพูดแบบนี้ ยอมรับว่าลุ้นตัวโก่ง
                     “ทำไม...ถึงกับนอนเจ็บสลบเข้าโรงบาลขนาดนี้ ยังจะดื้ออยู่อีก...แกคิดว่าทำถูกแล้วหรือ
เจ้ากล”  พ่อเริ่มพูดเสียงห้วน น้ำเสียงเริ่มมีอารมณ์แหละ เอาละสิ..งานนี้จะจบไม่สวยอีกหรือเปล่าเนี่ยะ....
เฮ้อ!...ทำไมเหนื่อยใจจัง
                      “นั่นมันเพราะผมทำตัวเอง ไม่เกี่ยวกับใคร” มันก็ย้อนทันที แถมไม่มีหลบตาอีกตะหาก
ช่างนิ่งและแน่วแน่ได้อีก...แฟนใครว่ะ?..นายยอดมาก ผมแอบเชียร์มันใจขาดดิ้น ไม่ได้เชียร์ให้พ่อลูกเค้าทะเลาะกันหรอกนะ..อย่าเข้าใจผิด ที่เชียร์คือให้มันพักผ่อนที่บ้านผมตะหากผมอยากดูแลมัน ที่สำคัญผมยังไม่มีโอกาสสารภาพรักมันเลยรอให้ได้พูดความในใจก่อนค่อยแยกมันไปได้ไหม?
                        “พ่อไม่อนุญาติ...แค่นี้ก็เดือดร้อนไปหมดแล้ว....เอาเป็นว่าทำตามที่พ่อบอกนี่แหละ ยังไงถ้าไม่มีใครปรามแกได้ พ่อจะให้แกไปอยู่ชัยนาทสักระยะหนึ่ง แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” พ่อพูดจบ..ทั้งยายทั้งแม่เริ่มหน้าเสียทันที เพราะกลสิทธิ์ตอนนี้..ตาแดงก่ำน้ำตาร่วงหยดแหม่ะๆ ไม่มีเสียงสะอื้นเลย จากที่ทุกคนกำลังอึ้งที่เห็นน้ำตามันไหลอาบแก้ม จู่ๆมันก็พูดขึ้นมาว่า
                        “พ่อไม่เคยเข้าใจผมยังไง วันนี้พ่อก็ยังไม่เข้าใจผมเหมือนเดิม ยี่สิบปีแล้ว ที่ผมได้แต่หวังว่า..
พ่อจะเข้าใจผมบ้าง รับรู้ในสิ่งที่ผมต้องการ สุดท้ายผมก็ได้แต่รอ วันนี้ผมรู้แล้วว่า..ผมหมดหวังที่จะรออีกแล้ว ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี พ่อก็ไม่มีวันเข้าใจผมอยู่ดี พ่อไม่เคยถามสักคำ ว่าผมต้องการอะไร ผมมีความสุขบ้างไหม อยากได้อะไร อยากทำอะไร..ไม่เคยเลย   
                    พ่อทำตามความต้องการตัวเอง สั่งให้ผมทำสั่งให้ผมเป็น เหมือนที่พ่อกำลังทำอยู่ ผมขอบอกไว้
เลยนะ ผมไม่สามารถทำในสิ่งที่พ่อต้องการได้ทุกอย่างหรอก เพราะสิ่งที่พ่อต้องการ มันไปคนละทางกับความสุขของผม ในเมื่อพ่อเลือกทำในสิ่งที่พ่อเองมีความสุข ผมยังไม่เคยก้าวก่าย   ผมไม่เคยร้องขอ ไม่เคยต่อว่าพ่อสักครั้ง ทั้งที่ผมอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้   
                          พอถึงคราวผมขอพ่อบ้างหละ...ให้ผมได้ไหม?....ถึงพ่อจะให้ผมตรงๆไม่ได้ แต่พ่อก็ไม่จำเป็นต้องคัดค้านนี่ แค่ยอมรับและเปิดใจให้ผมบ้าง ผมไม่ขอไปมากกว่านี้หรอกครับ ขอผมเถอะครับพ่อ
‘ขอคนที่ผมรักให้ได้อยู่กับผม ขอให้เราได้รักกัน’ ผมขอได้ไหมครับ”
                           ตอนนี้ผมไม่รู้ไรอีกแล้ว..น้ำตาไหลอาบแก้ม เดินเข้าไปคุกเข่าช้าๆ ก้มหัวอยู่ข้างพ่อแม่กล  
พูดขึ้นมาบ้างว่า
                           “ผมอาจไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ ไม่ใช่หลานของยายกับน้า และก็ไม่ใช่พี่ของน้องกลอยมาก่อน แต่ขอโอกาสให้ผมได้ไหมครับ ผมสัญญา..ถ้าได้โอกาสครั้งนี้ ผมจะทำหน้าที่ให้ดี..จะไม่ให้พ่อกับแม่ผิดหวัง จะเป็นหลานที่ดีของยายกับน้า เป็นพี่ที่ดีของน้องกลอย ขอแค่ให้ผมได้พิสูจน์ตัวเอง ให้ผมคบกันเถอะนะครับ
ผมสัญญาว่าจะไม่พากลทำสิ่งไม่ดี เราสองคนจะตั้งใจเรียน เอาปริญญามาให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ จะทำงานดูแลกันและกัน ขอแค่เปิดใจรับพวกผมสักนิดก็ยังดี อย่าเพิ่งตัดสินพวกเรากันเลย...ขอร้องเถอะนะครับ..อย่าแยกเราจากกันเลย..ผมขอร้องหละ”  พูดจบยายตรงเข้ามาลูบหัวผม ก่อนจะก้มโอบไหล่ดึงให้ผมลุกขึ้น  ผมก็ขืนไว้
ไม่ยอมลุก เพราะผมจะคุกเข่าอยู่แบบนี้..ถ้ายังไม่มีใครรับปากเรื่องที่ผมขอ ยายก็พูดขึ้นมาว่า
                        “ลุกขึ้นก่อนลูก...อย่าทำอย่างนี้ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คงรับปากกับหนูตอนนี้ไม่ได้หรอกลูก ลูกเองยังเด็กกันอยู่..ผู้ใหญ่เองก็ยังไม่เข้าใจ..ว่าสิ่งที่ลูกขอร้องและต้องการกันอยู่นี่...มันความรักหรือความหลงจะเป็นไปได้แค่ไหน เอาเป็นว่าเราค่อยคุยกัน ตอนนี้หนูลุกขึ้นมาก่อนลูก อย่าเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ดูสิหน้าตาหล่อๆหมดหล่อกันพอดี...มาเถอะลูกเชื่อยายนะ”  ท่านพูดเสียงนุ่มใจเย็นอย่างผู้ใหญ่ใจบุญ..ผมก็ไม่อยากดื้อเพ่งอีกต่อไป
                         จริงของยายผมจะมาบังคับพวกท่านให้ตกปากรับคำตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยทุกคนต้องมีเวลาคิด ผมจึงค่อยลุกขึ้นยืน เงยหน้าสบตากลมันที่มองตอบอยู่ก่อนแล้ว เราต่างใช้สายตาสื่อความหมายรู้โดยไม่ต้องพูดไรกันเลย ทุกคนต่างนิ่งเงียบบรรยากาศอึดอัดบีบคั้นน่าดู
                        จู่ๆประตูห้องก็เปิดเข้ามา แม่ผมครับ..ท่านหิ้วปิ่นโตอาหารเช้า..คงเอามาให้ผม ดูท่านชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่ในห้อง ชำเลืองมองหน้าผมสลับกับกลมันด้วย แต่ท่านก็ไม่ได้ออกอาการอะไร คงดูสถานการณ์ออก เมื่อเห็นคราบน้ำตาของเราทั้งคู่แบบนี้  ท่านกลับพูดขึ้นมาว่า
                      “ต้องขอโทษจริงๆค่ะ ที่เข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูก่อน ปกติเข้าใจว่าวีอยู่คนเดียว   
ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสเจอกับครอบครัวลูกกลได้ ดิฉันเป็นแม่ของกวีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ
ถ้าเดาไม่ผิดท่านนี้คงเป็นคุณพ่อคุณแม่และคุณยาย แล้วอีกสองท่านไม่ทราบว่าเป็นใครกันบ้างค่ะ”
แม่ผมไหลรื่นจนทำให้บรรยากาศตอนนี้เบาบางลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะน้ำเสียงที่ดูอบอุ่น กับรอยยิ้มที่เป็นมิตรของแม่ผม ใครต่อใครลองได้เห็นต่างก็ต้องผ่อนคลายด้วยกันทั้งนั้น ก่อนที่น้าก้องจะพูดขึ้นว่า
                     “ผมเป็นน้านะครับ ส่วนนี่หลานสาวน้องกลมัน ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
พอน้าก้องพูดจบ แม่ผมก็ยิ้มให้ ผมรีบเดินไปรับเอาปิ่นโตในมือกับกระเป๋าสะพายของแม่ มาวางไว้ที่โต๊ะ
หัวเตียงก่อน จากนั้นแม่ก็พูดอีกว่า
                       “ในห้องมันคับแคบไปไหมค่ะ?   คิดว่าลูกกลเพิ่งฟื้นได้ไม่นาน พวกเราออกไป นั่งหน้าห้องกันก่อนดีไหม?   ทานอะไรมากันหรือยัง?  รอหมอเวรตรวจ ค่อยว่ากันอีกทีจะเอาไงต่อ  ตอนนี้ปล่อยให้คนป่วยพักผ่อนสักหน่อยเถอะค่ะ พวกเราผู้ใหญ่ออกไปทำความคุ้นเคย กันด้านนอกก่อน เห็นด้วยไหมค่ะ?”  แม่พูดจบเหมือนยายจะเข้าใจความหมายที่แม่แฝงมาในนั่นยายจึงพูดขึ้นว่า

                       “ก็ดีเหมือนกัน  พวกเราทั้งหมดออกไปคุยกับแม่ของวีข้างนอกรอหมอไปพลางๆก่อนก็ดี

ปล่อยให้เด็กๆเค้าดูแลกันไปก่อนเจ้ากลมันเพิ่งฟื้น..ให้มันได้พักผ่อนดีแล้ว ตกลงตามนี้แหละ...คุณแม่ลูกวีนำทางไปเลยค่ะ”  พูดจบแม่ผมก็เข้ามาพยุงยายพาเดินนำออกไปก่อน แม่กลเข้าไปลูบหัวมันบนเตียงช้าๆก่อนจะเดินตามออกไป น้าก้อง น้องกลอยก็ทยอยตามออกไป พ่อกลหันมามองผมกับกลมันนิ่งๆไม่พูดไม่จา แล้วก็หันหลังออกไปจากห้องเป็นคนสุดท้าย..?

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
24560
Zenny
38467
ออนไลน์
2328 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-25 18:21:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-27 13:32:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
21
พลังน้ำใจ
16927
Zenny
6571
ออนไลน์
3026 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-28 17:05:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ขอบคุนครับ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
679
Zenny
156
ออนไลน์
324 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-29 23:29:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณคับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
3195
Zenny
1734
ออนไลน์
988 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-30 15:14:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-11-24 06:09:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
1612
Zenny
6474
ออนไลน์
812 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-11-24 18:12:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
574
Zenny
-139
ออนไลน์
359 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-11-24 21:13:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-1-16 19:36:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-11-17 21:48:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
31212
Zenny
947
ออนไลน์
4177 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-11-23 21:47:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
83747
Zenny
75689
ออนไลน์
6898 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-11-24 09:25:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
31212
Zenny
947
ออนไลน์
4177 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-11-24 18:12:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากๆ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14088
Zenny
42724
ออนไลน์
1088 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-4-25 19:25:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ทันเวลาพอดี

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
25772
Zenny
21604
ออนไลน์
1006 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-8-24 23:54:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณนะครับ

นายกสโมสร

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
159541
Zenny
289708
ออนไลน์
46421 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-8-26 02:50:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณ ครับผม

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
34370
Zenny
27552
ออนไลน์
1783 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-1-19 03:23:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โสด สุดดดด

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
65832
Zenny
23628
ออนไลน์
10652 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-1-19 23:30:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แม่มามันเวลาพอดี อย่างกับรุ้ใจ ^^
Every cloud has a silver l

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
35268
Zenny
18694
ออนไลน์
3852 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-1-21 22:46:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 16:06 , Processed in 0.108689 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้