ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว “…” ผมไม่ดิ้นไม่ขัดขืนอะไรทั้งสิ้นเพราะรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ผมไม่เคยขัดเค้าได้เลยสักครั้งเดียวอยากทำอะไรก็ทำเถอะ ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว Lesson 23
( Kim Part )
ผมจูบกับพี่โชว์อยู่นานพอสมควรนานมากๆแต่ผมรู้สึกว่าการจูบครั้งนี้ต่างออกไปมันอ่อนโยนและโหยหา ไม่รุนแรงเหมือนครั้งก่อนๆ แล้วพี่โชว์ก็ผละออกจากตัวผมผมก็หันหน้าหนีแล้วมองออกไปทางนอกหน้าต่างรถเหมือนเดิม
“โถ่เว้ย!” พี่โชว์ทุบพวงมาลัยแล้วออกรถอย่างรวดเร็วจนรถของพี่โชว์แล่นไปจอดที่หน้าบ้าน ผมลงจากรถทันทีทั้งๆที่รถยังไม่ทันจอดสนิท
“เดี๋ยวคิม จะรีบไปไหน” พี่โชว์ตะโกนไล่หลังผมมาผมไม่ตอบกลับแล้ววิ่งขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้ามาถึงในห้องผมก็ล้มตัวนอนลงทันทีวันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมากแต่ทำไมรู้สึกเหนื่อยจริงๆเลย ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยๆสักพักก็มีคนมาเคาะประตูห้องผม
“ก๊อก ๆ คิม” มีคนเดียวนั้นแหละที่มาเคาะเรียกผมเสียงแบบนี้ผมจำได้
“…” ผมเงียบไม่ตอบ
“คิมเปิดประตูให้พี่หน่อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“…” แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ รีบๆไปสักทีเถอะ
“ถ้าคิมไม่เปิดพี่จะเปิดเองนะ”
“...” จะเปิดเข้ามายังไง เดินทะลุเข้ามาเหรอ
“แก๊ก....แอ๊ด” เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นผมทำเป็นแกล้งหลับไปซะจะได้ไม่ต้องเห็นหน้า
“อ้าวหลับเหรอ” แล้วพี่โชว์ก็มานั่งข้างตัวผม
“เมื่อไรจะหายงอนสักทีนะ พี่เหนื่อยแล้วนะ” พี่โชว์พูดแล้วเอามือมาลูบหัวผมเล่น
“หึหึ ตอนนอนยังกะแมวเชื่องๆ น่ารักจัง...ฟอด” จู่ๆพี่โชว์ก็ก้มลงมาหอมแก้มผมเห้ยเค้าจะลักหลับผมหรือเปล่า
“ฮ้าว” พี่โชว์หาววอดนึงแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างๆผมที่สำคัญ พี่โชว์กอดผมด้วย ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นนิดหน่อยแต่ต้องข่มเอาไว้ไม่งั้นอีกคนรู้แน่ๆ ว่าเรากำลังใจเต้นเพราะเค้าหลังจากนั้นไม่นานผมก็เผลอหลับไป
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ยังเจอกับพี่โชว์ที่ยังนอนกอดผมอยู่ผมจึงขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเค้า
“อื้อ อย่าพึ่งตื่นสิ นอนเป็นเพื่อนพี่ก่อน” พี่โชว์พูดด้วยเสียงงัวเงีย
“…” ผมไม่พูดอะไรด้วยทั้งสิ้นแต่สะบัดตัวออกมาแล้วไปอาบน้ำวันนี้ผมว่าจะไปหาแม่สักหน่อยคิดถึงแม่จังเลยครับไม่ได้เจอนานแล้ว
“จะไปไหนอ่ะ” พี่โชว์ถามผมเมื่อเห็นผมแต่งตัวกำลังเดินออกจากห้อง
“…” ผมก็ไม่ตอบเหมือนเดิมและเดินออกมาจากห้องแล้วไปหน้าหมู่บ้านขึ้นแท็กซี่ไปโรงพยาบาลที่แม่ผม รักษาอยู่ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลผมก็ขึ้นไปหาแม่ทันที
“แม่ครับ หวัดดีครับ” ผมกล่าวทักทายแม่อย่างร่าเริง
“ว่าไงลูก วันนี้ไม่มีเรียนหรอถึงมาหาแม่ได้”
“อาจารย์เค้าไปสัมมนากันทั้งมหาลัยน่ะแม่ หนูเลยได้หยุด” ผมโกหกแม่จริงๆแล้ววันนี้ผมมีเรียนทั้งเช้าและบ่ายเลยแต่ตอนนี้ผมต้องการกำลังใจ
“กินอะไรมาหรือยังล่ะลูกมาแต่เช้าเลย”
“ยังเลยแม่ นี่หนูซื้อโจ๊กมาให้แม่กินด้วยนะหนูว่าแม่ต้องเบื่ออาหารโรงพยาบาลแน่ๆเลย กินกับหนูนะ” ผมแอบอ้อนแม่นิดนึง
“แหม่ อ้อนจริงๆเลยลูกคนนี้ แล้วเนี่ยโตเป็นหนุ่มแล้วเลิกแทนตัวเองว่าหนูสักทีถึงมันจะน่ารักแต่เราจะยี่สิบแล้วนะลูก”
“โถ่แม่ หนูก็แทนกับแม่คนเดียวนั้นแหละ” ผมพูดพร้อมกับเทโจ๊กใส่ชามสองชาม
“อ่ะแม่ นี่โจ๊กผักไม่มีพวกมันหมูของแสลงหรอกนะครับ” จากนั้นผมกับแม่ก็นั่งกินโจ๊กกัน คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนโจ๊กหมดชาม
“อร่อยจังเลย ร้านไหนเนี่ยลูก”
“ร้านหน้ามหาลัยน่ะแม่ ทางผ่านน่ะเลยซื้อมาได้เจ้านี้อร่อยมาก”ร้านโจ๊กหน้ามหาลัยผมคนแน่นทุกวันเลยจริงๆ
“แม่ หนูมีเรื่องจะปรึกษาแม่น่ะ”
“อะไรล่ะลูก” แม่ถามผมด้วยท่าทางที่เอ็นดู
“ถ้าสมมุติว่ามีคนมาทำไม่ดีกับแม่ไว้มากๆแล้ววันนึงเค้ากลับมาคอยตามเอาใจแม่ แม่จะทำยังไง” ผมตันแล้วจริงๆเลยตัดสินใจถามแม่
“แม่ก็จะดูก่อนว่าเค้าทำเพื่ออะไร และทำทำไมถามแม่แบบนี้มีอะไรหรือเปล่าลูก”
“เปล่าครับแม่” ผมตอบแม่แล้วเสหน้าไปทางอื่น
“คิมก็โกหกไม่เนียนเหมือนเดิมเลยนะลูก แม่เป็นแม่นะทำไมจะไม่รู้ว่าลูกแม่กำลังหนักใจกับอะไรสักอย่าง แต่อยู่ที่ลูกจะพูดมันหรือเปล่า”
“แม่ ถ้าหนูเป็นเกย์แม่จะเสียใจไหม” ผมพูดแล้วก็น้ำตาไหลทันทีเหมือนสั่งได้เลย
“ไม่เอาลูกไม่ร้อง ทำไมแม่ต้องเสียใจล่ะ แม่รักในตัวลูกรักลูกที่เป็นลูก แม่ไม่สนใจหรอกว่าลูกแม่จะเป็นอะไรขอแค่ลูกแม่เป็นคนดีก็พอเข้าใจไหมลูก”แม่ดึงผมเข้าไปกอด ผมจึงปล่อยน้ำตาออกมามากมายเป็นช่วงหนึ่ง ที่ผมต้องอ่อนแอบ้าง
“ขอบคุณครับแม่ที่เข้าใจหนู” ผมหยุดสะอึกสะอื้นแล้วพูดกับแม่
“ว่าแต่ ใครล่ะคนที่ลูกรักน่ะ” แม่ผมถาม
“หนูยังไม่แน่ใจว่าเป็นเค้าหรือเปล่า ไว้หนูแน่ใจก่อนนะแล้วจะบอกแม่”
“ทำไมล่ะลูก” แม่ถามผม
“ก็เค้าทำกับผมไว้เยอะตอนแรกทำผมสารพัด ด่า ว่าที่เลวร้ายที่สุดคือเค้าข่มขืนหนู” ผมเล่าให้แม่ฟังทุกเรื่องเพราะผมไม่ชอบมีความลับกับแม่อย่างน้อยผมก็สบายใจ
“...” แม่ดูตกใจมากและเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก ผมจึงเล่าต่อ
“แล้วจากนั้นเค้าก็คอยเอาใจผม ตามผมทุกฝีก้าวเวลาผมคุยกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นเค้าก็จะโมโหแล้วก็จะอารมณ์ขึ้นมาเฉยๆเลยแม่หนูควรทำยังไง”
“ทำตามใจตัวเองสิลูก ถ้าเค้ารักเราจริงเราก็ควรให้อภัยกับสิ่งที่เค้าทำกับเราไว้นะลูก แล้วเริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สายเรื่องแบบนี้อยู่ที่ตัวลูกเองนะลูก” แม่ผมพูดแล้วลูบหัวปลอบผม
“ครับแม่ หนูรักแม่นะ”
“แม่ก็รักลูกจ๊ะ” ผมกอดกับอยู่นานจากนั้นผมก็กลับมาที่บ้านในตอนเย็นเมื่อผมกลับมาถึงบ้านก็เจอกับคนเดิมนั่งอยู่ที่โซฟา
“ไปไหนมาคิม มหาลัยก็ไม่เข้า พี่เป็นห่วงนะ”
“ทำธุระ” ผมยอมพูดด้วยนิดนึง
“ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ พี่จะได้พาไป”
“ไม่รบกวนคุณหรอก” ผมเดินขึ้นห้องตัวทันที
“เมื่อไหร่จะหายโกรธพี่สักที” พี่โชว์ตะโกนไล่หลังผมขึ้นมาผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
หลังจากวันนั้นผมก็คุยกับพี่โชว์บ้างแต่ไม่คุยมากและผมไม่ค่อยสุงสิงกับเค้าเพราะผมยังไม่แน่ใจตัวเองพี่โชว์ก็คอยไปรับส่งผมที่มหาลัยตลอด อยากไปไหนแค่บอกเค้าก็พาไปโดยไม่บ่นสักคำผมก็เริ่มรู้สึกดีกับพี่โชว์ขึ้นมาทีละนิดๆ แต่ก็ยังไม่ลืมเรื่องเก่าหรอกนะ….เรื่องที่ไม่ว่าวันไหนก็ไม่มีทางลืมมันไปได้เลยจริงๆ
Lesson 24
( Kim Part )
การใช้ชีวิตประจำวันของผมยังคงปกติมาหลายวันส่วนเรื่องของเค้าคนนั้นก็มีคุยบ้างแต่แบบถามคำตอบคำเหมือนเดิมซึ่งดูเหมือนว่าพี่โชว์จะไม่ยอมถอยจริงๆ แต่ผมขอดูไปอีกนานๆเลยละกันอยากรู้จริงๆเลยว่าจะดีแตกตอนไหน
“อุ้ย.....ขอโทษครับ” ผมเดินไปชนกับใครคนนึงเข้า
“ไม่เป็นไรครับ อ้าว คิมจะไปไหนเหรอ”เต้นั้นเองครับ ช่างบังเอิญเสียจริง
“เรากำลังจะกลับบ้านน่ะ”
“เดี๋ยวเราไปส่งไหม” เต้เสนอตัวจะไปส่งผมที่บ้านจะว่าไปแล้วผมก็ต้องขึ้นรถกลับเองอยู่แล้วถ้าให้เต้ไปส่งก็จะได้ไม่ต้องนั่งรถเอง....ดีเหมือนกันนะ
“เอางั้นเหรอ....งั้นรบกวนหน่อยแล้วกันนะ” สุดท้ายผมก็ยอมตกลงแล้วเดินตามเต้ไปที่รถ
“คิมเป็นพี่น้องแท้ๆกับพี่โชว์เหรอ” ระหว่างทางเต้ก็เอ่ยถามผมขึ้น
“ไม่หรอก แม่เราเป็นเพื่อนกันน่ะแต่ตอนนี้แม่เราป่วยเราเลยต้องมาอยู่บ้านพี่โชว์น่ะเพราะแม่เราเค้าไม่อยากกังวลเกี่ยวกับเรา” เมื่อผมเล่าเรื่องผมให้ฟังเต้ก็อ๋อ ทันที
“กริ๊ง.....กริ๊ง.....ฮัลโหล” เสียงโทรศัพท์ของเต้เข้าครับทำให้การสนทนาของผมสองคนต้องหยุดลงทันที
“ไม่ได้ว่ะ......กูกำลังไปส่งเพื่อน” แล้วปลายสายก็พูดอะไรมาอีกมากมายเสียงมันอื้อๆ
“เออๆ ไว้กูถามเพื่อนกูก่อน” พูดจบเต้ก็หันหน้ามาหาผม
“มีอะไรหรือเปล่าเต้”
“เพื่อนเต้มันชวนไปเที่ยวน่ะ คิมสนใจจะไปหรือเปล่าเพื่อนเต้มันก็เร่งอยู่เนี่ย บอกให้ลากเพื่อนไปด้วย....คิมว่าไงอ่ะ” เมื่อเต้พูดจบผมก็ใช้ความคิดทันทีว่าจะเอายังไง จะไปดีไหมแต่ว่าผมไม่เคยเที่ยวแบบนี้น่ะสิ
“คิมไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นไม่อยากไปก็พูดมาเถอะเราดูก็รู้ว่าคิมเที่ยวที่แบบนี้ไม่เป็นหรอก...เดี๋ยวเราโทรบอกเพื่อนแปปนึง”เต้เตรียมยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหาเพื่อนแต่ผมก็เบรกไว้ก่อน
“ไม่ต้องๆเต้ โอเคเราไปด้วยก็ได้จะได้ไม่เสียเวลา” ผมดึงโทรศัพท์ออกจากหูเต้
“แน่ใจนะคิม ไม่ต้องเกรงใจเรานะไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป” เต้ถามย้ำผมอีกครั้ง
“อื้อๆ ไปเถอะ” ผมบอกเต้เต้ก็เลี้ยวรถกลับทันที ในใจก็แอบหวิวๆเพราะผมไม่เคยเที่ยวกลางคืนนี่นาว่าแล้วก็โทรบอกที่บ้านหน่อยดีกว่าเดี๋ยวป้าน้อยจะเป็นห่วงแต่พอดึงโทรศัพท์ออกมาปรากฏว่า....แบตฯหมด เฮ้อ เมื่อคืนก็ชาร์จจนเต็มแล้วนะ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคิม”
“อ๋อ เปล่าน่ะ” ผมตอบเต้แล้วเก็บมือถือตัวเองลงทันที
เมื่อรถของเต้จอดสนิทผมก็เดินลงจากรถยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยแต่ว่า...ที่นี่มันต่างจากที่ผมคิดลิบลับเลยแฮะผมนึกว่ามันจะเป็นแบบอึกทึกคึมโครม มั่วกันไปหมด
“ไปเข้าไปข้างในกันเถอะ” พูดจบเต้ก็จูงมือผมเข้ามาข้างในซึ่งบรรยากาศก็ถือว่าโอเค ท่าทางจะเป็นผับ ชั้นไฮโซหน่อยๆ เห็นแต่คนท่าทางผู้ดีทั้งนั้นเลย
“เอ่อ...คือ....เต้”
“หือ มีอะไรเหรอคิม”
“บรรยากาศมันก็ไม่ได้เลวร้ายนะแต่เราไม่ชอบการเป็นเป้าสายตาแบบนี้เลย” ผมบอกเต้เพราะว่าตอนนี้สายตาหลายสิบคู่กำลังจ้องมองมายังตัวผมแบบไม่เกรงใจกันเลย
“นิดนึงนะคิมเดี๋ยวก็ถึงโต๊ะแล้ว” พูดจบเต้ก็จูงมือผมไปเรื่อยๆจนถึงโต๊ะครับที่โต๊ะก็มีคนนั่งอยู่เกือบๆ สิบคนครับ
“ไงมึงมาจนได้นะ” เพื่อนของเต้พูดทักขึ้น
“หมามันโทรไปตาม” โอ้ว ตรอกกลับได้เจ็บจี๊ดจริงๆ
“หมาพ่อมึงจะหล่อปานโดม ปกรณ์ ลัม เลยเหรอวะ......แล้วนี้ใครเนี่ยไม่คิดจะแนะนำเลยหรอ” เค้าคนนั้นพูดแล้วก็หันมามองผมตาเป็นมันเลยครับให้ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ
“นี่คิมเป็นเพื่อนกูเอง” เมื่อเต้แนะนำผมให้เพื่อนๆรู้จักเต้ก็แนะนำเพื่อนให้ผมรู้จักเช่นกันซึ่งแต่ละคนก็ดูจะเป็นมิตรมากเลยครับ
“นี่แล้วคิมมีแฟนหรือยังอ่ะ”
“อ๋อ ยังหรอก ยังไม่มี.....ไม่เคยมีด้วย”
“อุ้ย.......แม่งรอดมาได้ยังไงวะ” แคปพูดเสียงอ่อน
“ห๊ะ อะไรนะ” ผมได้ยินไม่ถนัดอ่ะ
“เปล่าหรอก....ถ้ายังไม่มีแฟนจะจีบนะ” เฮ้ยจีบไรวะผู้ชายเหมือนกันเว้ย
“เฮ้ย! อย่ามาแทงข้างหลังกูคนนี้กูจีบอยู่เว้ย” เต้พูดขึ้นกลางโต๊ะเลยครับ แม่งใช่เรื่องไหมเนี่ยคนมองเต็มร้านหมดแล้วเพราะเสียงพวกเค้าดังกันมาก
“อ้าว ไม่รู้เว้ย ของแบบเนี่ยใครดีใครได้อีกอย่างมาก่อนมาหลังไม่เกี่ยวเว้ย ของแบบนี้อยู่ที่ใจล้วนๆ” แคปพูดแล้วยักไหล่ใส่เต้
“สัด!” สั้นๆง่ายๆ แต่ความหมายตรงตัว
จากนั้นเราก็นั่งคุย นั่งดื่มกันไปเรื่อยๆโดยที่ผมก็โดนบังคับให้กินเหล้าเข้าไปด้วยทั้งๆที่ผมไม่กิน และไม่ชอบ ที่จะกินด้วยกลิ่นมันค่อนข้างแรงแถมกินไปแล้วยังทำให้ขาดสติอีกไม่รู้ว่ามันมีอะไรดีคนเค้าถึงชอบกินกันนัก
“อือ เต้เราไม่ไหวแล้ว” ผมบอกเต้ไปพร้อมๆกับจอภาพของผมที่ค่อยๆมืดลงไปอย่างช้าๆ
( Show Part )
เมื่อผมเลิกเรียนช่วงบ่ายผมก็มุ่งหน้าไปตามหาคิมเลยครับแต่พอไปถึงปรากฏว่าคิมไม่อยู่ สงสัยจะกลับบ้านไปแล้วผมก็เลยรีบกลับบ้านทันทีเพื่อจะได้พบหน้าใครบางคน
“ป้าน้อยครับ คิมล่ะ” ผมกลับมาถึงบ้านก็ถามหาคิมจากป้าน้อยเลยครับ
“อ้าว ยังไม่กลับมานี่คะ ป้านึกว่าจะกลับมาพร้อมกันซะอีก”
“ไม่ได้กลับด้วยกันหรอกครับป้า แต่อีกเดี๋ยวคงกลับมาแล้วมั้ง”พูดจบผมก็ม้วนตัวออกจากห้องครัวแล้วเดินขึ้นห้องเลยครับ พอเข้ามาในห้องเห็นเตียงแล้วก็รู้สึกง่วงของีบเอาแรงหน่อยละกันนะ
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดหมดแล้วครับผมมองนาฬิกาที่ผนังห้องบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้วผมก็ลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปอีกห้องนึงครับ
“ก๊อก ๆ คิมเปิดประตูให้พี่หน่อย”
“…” สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ
“คิมพี่เข้าไปนะ” พูดจบผมก็หมุนลูกบิดประตูเข้าไปในห้องเลยครับแต่เอ๊ะ ทำไมห้องมันมืดล่ะ นอนแล้วเหรอ พอผมเปิดไฟให้สว่างก็พบว่าคิมยังไม่กลับมา
“ไปไหนวะ” ผมเริ่มอยู่ไม่สุขละครับคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคิม....มันก็ติดนะแต่ว่าไม่มีคนรับ ผมโทรซ้ำอีกหลายครั้งแต่มันก็เป็นเหมือนเดิมผมเลยโทรหาไอ้วินครับ
“ฮัลโหลไอ้วิน คิมอยู่กับพวกมึงหรือเปล่าวะ” ผมถามมันด้วยความร้อนรนและผมก็ภาวนาขอให้อยู่กับมัน แต่เหมือนว่าผมจะบุญน้อยเพราะว่าคำขอของผมไม่เป็นจริง
“เปล่านี่....มีไรวะ” ไอ้วินถามกลับ
“ก็คิมยังไม่กลับบ้านอ่ะดิมึง...ไปไหนไม่รู้” ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับวินอยู่ก็มีสายซ้อนเข้ามาพอผมดูเบอร์ ผมก็แทบจะวางสายไอ้วินไม่ทัน “เฮ้ยๆแค่นี้ก่อนคิมโทรกลับละ......ฮัลโหลคิมอยู่ไหนครับดึกป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก รู้ไหมคนอื่นเค้าเป็นห่วงน่ะ”ผมใส่เป็นชุดเลยครับแต่เสียงที่ตอบกลับผมมาทำให้ผมอารมณ์ร้อนขึ้นในบัดดล
“ผมเต้นะครับ”
|