ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว “คิม! อึก” ไอ้เต้มันดึงคิมให้ล้มไปทับตัวมันครับเห็นแบบนี้ผมเริ่มมีอารมณ์แล้วครับ ได้มึงอยากประกาศสงครามกับกูใช่ไหม....เดี๋ยวกูจัดให้! Lesson 27
( Kim Part )
ผมรู้สึกว่าช่วงนี้เต้กับพี่โชว์แปลกๆยังไงก็ไม่รู้คอยแต่จะนัวเนียอยู่รอบๆผมตลอดเลย แถมทั้งสองคนยังคอยส่งสายตาอาฆาตให้กันอีกต่างหาก เค้ามีเรื่องอะไรกันเปล่าเนี่ย
“คิมครับไปกินข้าวกันนะครับ” เสียงจากคนหน้าหล่อจอมโหดนั้นเองครับเดินตัวปลิวออกมาจากครัวเพื่อเรียกผมไปกินข้าว
“คิมครับไปกินข้าวกัน” เสียงจากหนุ่มหล่อแนวเกาหลีครับกำลังลากผมเข้าห้องครัวเหมือนกันและแล้วสงครามก็เกิดขึ้น
“อะไรมึง กูชวนคิมมึงเสือกไรด้วย”
“อะไรพี่ แล้วใครบอกว่าผมไปตามคำชวนพี่ล่ะ ผมเห็นมันได้เวลาแล้วก็เลยจะให้คิมไปกินข้าว”
“แต่กูจะพาคิมไปเอง...หมับ” พี่โชว์คว้าแขนของผมไว้ข้างนึง ในขณะที่เต้ก็ไม่ยอมปล่อยผมเช่นกันทำให้ตอนนี้ผมเหมือนถูกฉุดกระชากแล้วลากไปข่มขืนจากผู้ชายหน้าหล่อสองคน (เวอร์ไปละมึง)
“พอแล้ว! ทั้งสองคนเลย เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย ผมเดินไปเองได้” แล้วผมก็สะบัดมือออกจากคนทั้งสองคนแล้วเดินเข้าห้องครัวไปแบบไม่สนใจใครทั้งนั้น แต่มันไม่จบแค่นั้นสิครับ
“ตึก ตึก ตึก...ครืด...คิมนั่งเลยครับ” พี่โชว์ครับวิ่งมาลากเก้าอี้ให้ผมนั่ง
“คิมมาเดี๋ยวเราตักข้าวให้” แล้วเต้ก็เดินถือโถข้าวมาจะตักใส่จานผม
“…” ไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำของคนทั้งสองคน จนกระทั่งเริ่มลงมือกินกัน
“คิมกินนี่หน่อยนะ อร่อยมากเลยครับ” พี่โชว์ตักกระเพราปลาหมึกใส่จานผม
“อันนั้นคอเรสเตอรอลมันสูงกินผัดผักดีกว่านะคิมอร่อยมากเหมือนกัน มีประโยชน์ด้วย”
“คิมครับ กินผักทอดชุบไข่ดีกว่าครับ ได้ทั้งเกลือแร่ได้ทั้งโปรตีน” ทางด้านพี่โชว์เองก็ยังไม่ยอมหยุด โอยผม
ล่ะอ่อนใจ
“พอสักที ทั้งคู่เลย! เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย มาคอยตามนัวเนียผมทำไมทำเป็นสุนัขติดสัตว์ไปได้” ขอเหวี่ยงหน่อยเถอะไม่ไหวแล้วครับตามติดทุกฝีก้าวแบบนี้บอกตามตรงว่าโคตรจะอึดอัด
“…” ตอนนี้ทุกคนถึงกับเงียบครับ เฮ้อ หมดอารมณ์ไม่กงไม่กินมันแล้วข้าวปลา ขึ้นห้องดีกว่า พอขึ้นห้องมาแล้วผมก็ต่อสายหาเฟียร์ทันที
“ฮัลโหลนั้นเฟียร์หรือเปล่า”
“อื้อ....ฮ๊ะ” เฮ้ย เสียงไรวะ ผมเอาโทรศัพท์มาดูใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าโทรถูกเบอร์หรือเปล่า แต่หน้าจอมันก็ขึ้นว่าเฟียร์นะ ไม่ผิดนิ
“ฮัลโหล นั้นเฟียร์ใช่ไหม” ผมถามเสียงดังกว่าเดิม
“อ่า ใช่ๆ แปปนะ….พี่วินหยุดก่อน เดี๋ยวดิ...อื้อ” ตายห่าแล้วทำอะไรกันอยู่วะนั้นน่ะ คิดแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเฉยๆ เลยครับ
“เอ่อ เฟียร์เราว่าเอาไว้ทีหลังก็ได้นะไว้ค่อยคุยกัน”
“เดี๋ยวๆคิม…ตื้ด” ผมรีบวางสายอย่างไว ดันโทรไปไม่ถูกจังหวะซะได้
จากนั้นผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็นอนเล่นกลิ้งเกลือกอยู่ในห้องคนเดียวนั้นแหละครับ ลุกขึ้นมาเล่นโน้ตบุ๊กบ้าง
ดูการ์ตูนบ้าง ฮ่าๆ ถึงผมจะโตแล้วแต่ผมก็ยังชอบดูการ์ตูนอยู่นะครับ โดยเฉพาะเรื่อง อาราเล่ ผมช๊อบชอบ
“กริ๊ง...กริ๊ง....ฮัลโหล” โทรศัพท์ผมเข้าครับ
“เอ้อ คิมมีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ เสร็จธุระแล้วเหรอ” ผมถามแบบเขินๆ เหอๆ
“ก็เรียบร้อยแล้วแหละ” เฟียร์ตอบเสียงนิ่งๆ
“คือเรามีเรื่องรบกวนหน่อยสิ”
“มีอะไรว่ามาเลย เราช่วยได้เราจะช่วยนะ” อ่า รับรองไม่ยากเกินความสามารถของเฟียร์แน่นอนครับ
“คือเราเหงา”
“แล้ว?”
“เราไปนอนด้วยได้ไหม”
“…” การสนทนาตกอยู่ในความเงียบทันทีครับ เฟียร์ต้องไม่สะดวกแน่เลยอ่ะ
“เอ่อ ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไรนะ ขอโทษที่รบกวน” ผมก็เตรียมจะวางสายแล้วแต่...
“หยุด! เดี๋ยวนี้ ห้ามวางสายนะ” เฟียร์ตะโกนใส่สายมาเลยครับ
“มาเดี๋ยวนี้เลย แต่เราคงไปรับไม่ได้ คืนนี้เดี๋ยวเรานอนกับคิมด้วย ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อนนอนด้วย” เฮ้อ
โล่งอกนึกว่าอะไรซะอีก
“งั้นเดี๋ยวเราเก็บของแล้วไปหาเลยนะ”
“เราจะรอละกันนะ” พอวางสายผมก็รีบเก็งของปานสายฟ้าแล่บเพื่อหนีพวกหมาบ้าที่ตอนนี้จะไปอยู่กันตรงไหนก็ไม่รู้ ผมกำลังนั่งอยู่บนแท็กซี่ครับตอนลงมาจากห้องก็ไม่เห็นใครเลย ผมเลยถือโอกาสตอนนี้แหลีบเดินออกมาหน้าหมู่บ้าน หาแท็กซี่มาบ้านพี่วิน เพราะขืนเจอใครในบ้านผมได้ตอบคำถามยาวแน่ๆเลย
“อ้าว คิมมาสักทีนั่งรอตั้งนานแล้วเนี่ย” เฟียร์เดินอกมารับผมครับ
“โห นี่ก็แทบจะเหาะมาแล้วนะเนี่ย” ผมตอบกลับแบบกวนๆ
“ถ้าเหาะมาจริงจะขอหวยให้ดู”
“ฮ่าๆ” นี่แหละๆไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว มีเฟียร์เป็นเพื่อนเป็นอะไรที่อเมซิ่งมากมายครับ คุยด้วยแล้ว
ไม่เครียดดี
“ไปขึ้นไปบนห้อง เอาของไปเก็บก่อน” พูดจบเฟียร์ก็ลากผมขึ้นไปชั้นบนของบ้านครับ แต่พอขึ้นมาผมก็เจอกับ
“อ้าวคิมมายังไงเนี่ย....แล้วนี่กระเป๋า....” พี่วินชี้กระเป๋าผมแล้วทำหน้าสงสัยผมก็เลยยิ้มส่งกลับไป
“ผมจะมานอนนี่ครับ”
“เอากระเป๋าไปเก็บในห้องเถอะ”
“เดี๋ยว เฟียร์” เฟียร์ไม่รอให้พี่วินได้พูดอะไรต่อ แล้วดันผมเข้าห้องพร้อมกับตัวเองแล้วก็ล็อคประตูด้วย
“มีอะไรหรือเปล่าเฟียร์” ผมถามด้วยความเป็นห่วง ต้องทะเลาะกับพี่วินแน่ๆเลย
“เปล่าหรอก” แค่นั้น....เฟียร์พูดออกมาแค่นั้นจริงๆ
“ปัง ปัง ปัง!” เสียงทุบประตูห้องก็ดังขึ้น เล่นเอาผมสะดุ้งเลย
“เฟียร์เปิดประตูให้พี่หน่อยนะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“เฟียร์ไม่มี!” นุ่มๆนิ่มๆ แต่น้ำเสียงทรงพลังจริงๆฟังแล้วให้ความรู้สึกเด็ดขาดแฮะ
“โถ่ เฟียร์ พี่ขอโทษไงครับทำไปเพราะรักนะ” พี่วินพูดเสียงน่าสงสารมากเลยครับ เห็นใจนะเนี่ย เสียงก็เงียบลงในเวลา ไม่นานผมก็คุยเล่นกันในห้องนั่นแหละครับแต่สักพักพี่วินก็กลับมาอีกครั้ง เฟียร์ก็ยังไม่ยอมเปิดผมเลยจะลุกไปเปิดให้แต่....
“ปัง ปัง ปัง! คิมเปิดประตูให้พี่หน่อย” เสียงพี่โชว์!
Lesson 28
( Kim Part )
“ปัง ปัง ปัง! คิมเปิดประตูให้พี่หน่อย”
“…” กึก...ผมหันหลังกลับทันทีครับแล้วกลับมานั่งลงที่เตียงข้างเฟียร์เหมือนเดิม
“ไงล่ะ..ว่าแต่เรา คิมเองก็ทะเลาะกับพี่โชว์มาเหมือนกันล่ะสิ” เฟียร์พูดท่าทางเยาะเย้ยผมครับ เชอะ
“ชิ เปล่าสักหน่อยเราจะไปทะเลาะกับเค้าเรื่องอะไร” ผมตอบเลี่ยงๆ
“อืม เราจะเชื่อก็ได้” เหอะๆ ไม่เชื่อก็เรื่องของเฟียร์สิ
“เล่นคอมฯกันเถอะ” ผมเอ่ยปากชวนเพราะนี่ผมกับเฟียร์นั่งกันนิ่งๆมาสักพักแล้วครับ แต่เสียงเอะอ่ะข้างนอกก็ยังคอยกวนใจมาเป็นระลอกและดูเหมือนว่าเค้าจะนั่งเฝ้าหน้าห้องกันทั้งสองคนเลยครับ
“อือ เปิดเอาสิ” เฟียร์พูดแล้วก็ลุกขึ้นมาครับ แล้วเราสองคนก็เล่นด้วยกัน ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยครับจนเวลาร่วงเลยมาจนค่ำๆ ท้องก็เริ่มร้องครับ
“คิมหิวหรือเปล่า” เฟียร์ถามผม
“อือ หิวหน่อยๆนะ ไปหาไรกินกันเถอะ”
“ไปกินร้านคุณแม่ดีกว่าอร่อยดีเหมือนกัน...ถึงจะสู้เราทำเองไม่ได้ก็เถอะ” ยกหางตัวเองซะงั้น
“อ้าว แล้วไม่ไม่ทำกินเองเลยอ่ะ”
“เอาตรงๆเลยปะล่ะ” ผมก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วครับ
“คือเราขี้เกียจแล้วอีกอย่างถ้าทำกินที่บ้านรำคาญสองคนนั้นด้วย” ห๊ะ สองคนหรอก็พี่วินคนเดียวนิ แล้วอีก
คนใคร?
“มีพี่วินคนเดียวไม่ใช่เหรอ” ผมถามซื่อๆเลยครับ
“ก็พี่โชว์ไง”
“บ้า ป่านนี้กลับบ้านไปแล้ว”
“คิดอะไรตื้นๆ พนันกับเราไหมล่ะว่าพี่โชว์จะมานอนนี่” ผมไม่เชื่อหรอกเค้ามานอนด้วยเรื่องอะไรบ้านตัวเอง
ก็มีนอน
“เค้าจะมานอนด้วยเรื่องอะไร” ผมตอบไม่ทันขาดคำเฟียร์ก็สวนขึ้นทันทีเลยครับ
“ก็เพราะคิมอยู่นี่ไง”
“เกี่ยวอะไรกับเรา” ผมบอกแล้วก็เมินหน้าหนีครับ
“เกี่ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้สิ” เฟียร์พูดแบบไม่สนใจแล้วก็มาลากผมออกจากห้องครับ
“ไปแท็กซี่แล้วกันเนอะ” เฟียร์พูดขึ้น
“ก็ต้องแบบนั้นแหละ เราคงไม่สามารถเดินไปได้ไหว” ขอกวนคืนบ้างเถอะ
“กวนเหรอ เดี๋ยวจะให้คลานไป” แล้วผมกับเฟียร์ก็แหย่กันจนถึงหน้าหมู่บ้านน่ะครับ พอเรียกแท๊กซี่ได้ก็บอกจุดหมาย ปลายทางทันทีซึ่งมันก็ไม่ได้ไกลจากบ้านพี่วินมากเท่าไหร่
“ถึงละ ร้านนี้แหละ” เฟียร์ชี้ไปที่ร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งค่อนข้างหรูมากเลยครับ เป็นร้านอาหารไทยแน่นอนเพราะร้านตกแต่งออกมาเป็นแนวไทยๆ
“ดูบรรยากาศดีจังเลยอ่ะเฟียร์” ผมชอบครับ ถึงร้านจะอยู่หน้าถนนใหญ่แต่ก็ตกแต่งให้ได้บรรยากาศธรรมชาติได้มากครับ
“จริงเหรอ เราเป็นคนแต่งเองกับมือเลยนะ” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“จริงๆเหรอ เราว่าเฟียร์เรียนสถาปัตย์ได้เลยนะเนี่ย” ผมเอ่ยชมเฟียร์
“เรียนคหกรรมเนี่ยแหละดีแล้ว...อีกอย่างเป็นเพราะคหกรรมเนี่ยทำให้เราแต่งร้านออกมาได้แบบนี้” ผมถึงกับงงเลยครับ แต่งร้านกับคหกรรมมันเกี่ยวอะไรกัน
“มันเกี่ยวไรกันอ่ะเฟียร์”
“ก็เพราะเรามองว่าร้านเป็นอาหารจานนึงที่เราต้องจัดให้ออกมาได้ในแบบธรรมชาติไง” อือความคิดเฟียร์เข้าท่าดีแฮะ
“เข้าไปในร้านกันดีกว่า” พูดจบเฟียร์ก็เดินนำผมเข้าไปในร้านครับ และเมื่อเข้าไปถึงในร้านพนักงานแทบทั้งร้านก็หันมา มองเฟียร์และแสดงสีหน้ายิ้มอย่างดีใจครับ ไม่ใช่แค่พนักงานนะครับลูกค้ายังมองเลย ก็แหม
เฟียร์ออกจะหน้าตาน่ารักขนาดนี้
“น้องเฟียร์...หูย พี่คิดถึงแทบแย่ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปเลยนะคะ รู้ไหมคนทั้งร้านรอน้องเฟียร์กันแทบทุกวัน”
“แหม พี่เกดก็พูดไปนั่น แล้วร้านเป็นยังไงบ้างครับเนี่ยลูกค้าแน่นขนาดนี้”
“แหม ก็ดีแบบนี้ทุกวันแหละค่ะ...เอ่อ แล้วนี่เพื่อนน้องเฟียร์เหรอคะ” พี่เกดหันมามองทางผม
“อ่อ ใช่ครับชื่อคิมน่ะ” คิมแนะนำผมให้พี่เกดรู้จัก
“สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้พี่เกด
“ตายแล้ว! ไม่ต้องไหว้ค่ะ แหม มาเป็นคู่แฝดเหมือนกันเลยนะคะบอกว่าไม่ต้องไหว้ พี่ยังไม่แก่นะคะ” พี่เกดแกดูจะเครียดมากที่ผมยกมือไหว้พี่แก
“ยังไม่แก่จริงๆเหรอ” เสียงเด็กเสิร์ฟคนอื่นแซวครับ
“ฉันก็แค่สามสิบกลางๆย่ะ!” พี่เกดตอบกลับพร้อมกับสะบัดหน้าใส่ เห็นแล้วดูอบอุ่นดีครับรู้สึกเป็นกันเอง
“พี่เกดวันนี้ผมจะมาขอเป็นลูกค้านะครับ”
“เชิญค่ะน้องเฟียร์ น้องคิม เดี๋ยวพี่พาไปนั่งที่โต๊ะนะคะ” พูดจบเธอก็เดินนำผมไปที่โต๊ะๆนึงขนาดนั่งได้ประมาณสี่คนครับ แล้วจากนั้นผมกับเฟียร์ก็สั่งอาหารกันครับ รอได้สักพักนึงอาหารทั้งหมดที่สั่งก็มากองกันอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ แถมพี่เกดแอบกระซิบด้วยว่าลัดคิวให้อย่างเร่งด่วน ช่างอภิสิทธิ์เหลือเกินเลยครับ ผมนั่งกินไปได้สักพักก็มีคนมานั่งข้างผมกับเฟียร์ครับ
“ไปไหนทำไมไม่บอกพี่ พี่เป็นห่วงรู้ไหม!” พี่วินมาถึงก็ใส่เฟียร์เลยครับ
“ทำไมต้องมานอนบ้านเฟียร์ กลับไปนอนบ้านเราสิครับ” อันนี้พี่โชว์ครับมาแบบนิ่มๆ ซึ่งมันผิดคาดมากๆเลยครับผมคิดว่าจะมาโวยวายอะไรเป็นการใหญ่อีก
“คิมเราอิ่มแล้วนะ” เฟียร์หันมาบอกผมพร้อมกับยกแก้วน้ำดื่มตามไป
“เราก็อิ่มแล้วเหมือนกัน” ผมเตรียมลุกขึ้นแต่ก็โดนมือของใครอีกคนรั้งไว้ และดูเหมือนว่าเฟียร์ก็จะโดนเหมือนกัน
“โถ่ เฟียร์ครับ พี่ผิดไปแล้วยกโทษให้พี่เถอะ งอนนานแบบเนี่ยพี่ใจจะขาดแล้วนะครับ” เยอะไปไหมพี่วิน
“กลับบ้านเรานะครับ” พี่โชว์พูดกับผมพร้อมกับส่งตาหวานซึ้งมาให้ผมกับเฟียร์ก็มองหน้ากันครับแล้วเหมือนเรามีโทรจิต ที่สามารถสื่อสารกันได้เฟียร์กับผมพยักหน้าให้กันแล้วก็พูดพร้อมกันว่า....
“ไม่!” พูดจบผมกับเฟียร์ก็สะบัดตัวออกจากทั้งคู่แล้วพากันวิ่งไปขึ้นแท๊กซี่เพื่อกลับบ้านครับ
เมื่อมาถึงบ้านผมกับเฟียร์ก็พากันเข้าห้องนอนทันที เรานั่งดูหนังกันไปสักพักก็ผัดกันไปอาบน้ำเพราะว่าจะดูคนอวดผี ด้วยกัน ผมอ่ะเป็นคนที่กลัวผีมากๆไม่กล้าดูคนเดียวเลยขออาบก่อนแต่ระหว่างอาบน้ำเหมือนได้ยินเสียงก๊อกแก๊กอะไร ข้างนอกแต่ก็ไม่ได้สนใจจนผมอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาเห็นเฟียร์นอนคุมโปรงแถมปิดไฟห้องซะมืดเลย “เฟียร์ไปอาบน้ำสิ” ผมบอกและนอนลงข้างๆเฟียร์
“หมับ..เฟียร์เล่นไรเนี่ย......เฮ้ย พี่โชว์!
|