วิญญาณในตึกคณะพยาบาลศาสตร์
เจอกันอีกครั้ง กับเรื่อง ผี ผี หรือ วิญญาณอันลี้ลับที่มิอาจพิสูจน์หาความจริงได้ เป็นปํญญหาโลกแตกคู่กับสังคมโลกมนุษย์มาช้านาน เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานาน โดยหาข้อยุติไม่ได้ ว่า ผีมีจริงหรือไม่ ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร มาฟัง เรื่องเล่าต่อไปนี้ กันเถอะ มาในครั้งนี้ตามคำเรียกร้อง เป็นการเล่าเรื่อง ผีและวิญญาณจากประสบการณ์จริง..ก่อนที่ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน จะได้พบกับประสบการณ์จริงอันน่าสะพรึงกลัว ผู้เขียนขอเล่าเรื่องส่วนตัวสักนิดหนึ่งก่อนนะคะ ในคราวก่อนที่ผู้เขียนเขียนเรื่องเกี่ยวกับ ผี ผี ของไทยนั้น
ขณะที่เขียนไปได้สักพักหนึ่ง อยู่ๆ ไฟเจ้ากรรมก็ดับ พรึ่บ!ลง ซึ่งในวันนั้นผู้เขียนอยู่บ้านคนเดียวด้วยสิ ผู้เขียนรู้สึกกลัว และตกใจมองซ้ายมองขวา มองไม่เห็นอะไร มันมืดสนิท มืดมากเพราะสายตาเรายังไม่ชินกับความมืดผู้เขียนคิดในใจว่าเอาแล้วสิ!เขียนเรื่องผี ผี และวิญญาณ เราจะเจอผีเล่นงานซะแล้วสิ ผู้เขียนชะงักไปครู่หนึ่ง พอตั้งสติได้ กำลังจะลุกจากโต๊ะคอมพิวเตอร์ เพื่อไปหาเทียนซักเล่มหนึ่งจุดให้ความสว่าง ทันใดไฟก็ สว่างขึ้น เฮ้อ!โล่งอกไปทีเมื่อไฟสว่างขึ้นความกลัวก็หายเป็นปิดทิ้งทั้งๆที่อยู่บริเวณเดียวกัน ถ้าตกอยู่ในความมืดมันช่างน่าสะพรึงกลัวซะเหลือเกิน ผู้เขียนจึงพอสรุปได้ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้คนเรากลัว ผี และวิญญาณมันจะมีความมืดเข้ามาประกอบอยู่ในเหตุการนั้นด้วย
แต่ก็ไม่เสมอไป
อารัมภบทมาซะยืดยาว มาเข้าเรื่อง เล่าเรื่องผีจากประสบการณ์จริงของเราดีกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริงของผู้เขียน แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริงของคนใกล้ตัว
ผู้เขียนซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เขียนนั่นเอง เขาได้นำเรื่องมาเล่าให้ผู้เขียนฟังอีกทีหนึ่งมาฟังเรื่องของเขากันเถอะ
ไม่มีใครอธิบายได้ว่า เสียงที่เกิดขึ้นในห้องเรียนบนตึกของคณะพยาบาลในคืนวันนั้น เป็นเสียงของใครและมาทำอะไรในห้องที่มืดสนิท ในยามวิกาล เช่นนั้น สิ่งนี้ยังเป็นคำถามคาใจ ของผู้คนที่ได้รับฟังเรี่องราวที่เกิดขึ้นจากปากน้องสาวของผู้เขียนและเพื่อนของเขาซึ่งเขาทั้งสองมิอาจจะลืมเหตุการณ์ในคืนวันนั้นได้
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น เมื่อคืนวันอาทิตย์ พ.ศ. 2529น้องสาวของผู้เขียนศึกษาอยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งในขณะนั้นอยู่ชั้นปีที่ 3ของคณะทันตแพทย์ศาสตร์
ใครจะรู้ว่าในคืนวันที่เกิดเหตุ อันน่าขนลุกคืนนั้นจะกลายเป็นคืนที่ทำให้น้องสาวของผู้เขียนซึ่งเรียนทางด้านการแพทย์หันมาเชื่อเรื่อง ภูติผี วิญญาณ อย่างจริงๆ จังๆ
คืนวันนั้น เป็นช่วงใกล้สอบปลายปีนักศึกษาส่วนมากจะหาจับจองที่ ที่สงบเงียบ
ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เป็นที่อ่านหนังสือ เพื่อจะได้มีสมาธิในการอ่านหนังสือในคืนวันที่เกิดเหตุ
ประมาณ2 ทุ่มเศษๆ น้องสาวของผู้เขียนเขาได้ตระเตรียมหนังสือใส่กระเป๋าแล้วเดินออกมารอเพื่อน (เพื่อนที่รู้ใจ) ที่นัดกันไว้เพื่อที่จะไปหาที่อ่านหนังสือด้วยกัน เมื่อถึงเวลานัดหมาย เพื่อนของเขาได้ขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ ซึ่งอยู่ในสภาพไม่ค่อยจะดีนักมารับเขาที่หน้าหอหญิง(สมัยนั้นนักศึกษายังไม่ค่อยมีรถคันสวยๆรุ่นใหม่ๆใช้เหมือนสมัยปัจจุบันนี้)จากนั้นทั้งคู่ก็ขับรถตระเวนหาที่อ่านหนังสือจะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของทั้งคู่ก็ไม่รู้ทั้งคู่ก็มาเจอที่เหมาะๆที่จะอ่านหนังสือได้อย่างมีสมาธิ โดยไม่มีใครรบกวน มันเป็นศาลาไม้หลังเล็กๆ ยกพื้นสูงจากระดับพื้นดินนิดหน่อย มีที่นั่งสำหรับอ่านหนังสือมีแสงไฟเปิดสว่างไว้อยู่ติดกับข้างๆตึกของคณะพยาบาลนั่นเอง บรรยากาศรอบๆ ถูกขนาบข้างด้วยต้นไม้ร่มครึ้มซึ่งเขาเล่าว่าปกติแล้วศาลาแห่งนี้จะไม่ค่อยว่างเลย ในวันอื่นๆที่ผ่านมาเขาเคยขับรถแวะเวียนมาหลายครั้งไม่เคยได้นั่งสักทีจะมีคนนั่งอยู่ก่อนเสมอเพราะบรรยากาศดี สงบเงียบเหมาะแก่การอ่านหนังสือเป็นอย่างดีเมื่อทั้งคู่มาถึงศาลาก็จอดรถไว้ใต้ต้นหูกวางข้างถนนแล้วก็เดินขึ้นไปบนศาลาพร้อมกับพูดคุยกันว่า " วันนี้โชคดีจังไม่มีใครมานั่งที่ศาลาก่อนเรา"เมื่อหาที่นั่งเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ ต่างก็นั่งอ่านหนังสือของแต่และคนโดยไม่พูดคุยกัน จะมีนานๆครั้งที่พูดคุยกันซักถามกันในเนื้อหาบทเรียนของหนังสือที่อ่าน บางครั้งเขาก็ละสายตาจากหนังสือมองไปรอบๆเขาก็เห็นนักศึกษาอีกคู่หนึ่งนั่งอ่านหนังสือ อยู่อีกมุมหนึ่งข้างๆ ตึกคณะพยาบาลซึ่งอยู่ไม่ห่างจากพวกเขานักเขาก็ใจชื้นขึ้นมาว่า ยังพอมีเพื่อนอยู่บ้าง
ทั้งคู่นั่งอ่านหนังสือจนเวลาผ่านไปนานพอสมควร ขณะนั้นเขามองดูนาฬิกาในข้อมือ
เป็นเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษๆ ทั้งคู่ไม่นึกเฉลียวใจเลยว่า จะเกิดเหตุการณ์อันน่า ขวัญผวาขึ้นกับพวกเขา ทันใดนั่นเองทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าคน ทีใส่รองเท้าส้นสูง เดินดัง ก๊อก!ก๊อก!ไปมาหลายครั้งในห้องเรียนที่มืดสนิท บนตึกคณะพยาบาลซึ่งอยู่ข้างๆศาลาที่เขานั่งนั่นเอง ทั้งคู่มองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย แล้วต่างคนต่างก็ก้มหน้าฝืนอ่านหนังสือต่อไปซึ่งเริ่มจะไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือแล้วเสียงจากบนตึกไม่หยุดเพียงเท่านั้น จากเสียงคนเดิน เริ่มมีเสียงลากเก้าอี้ ดังแกรก กราก ครืดคราด
ไปมา ดังขึ้น! ดังขึ้น! และดังขึ้น! ทั้งคู่มองหน้ากันอีกครั้ง แต่มิกล้าแม้จะเอ่ยปากพูดคุยกันบรรยากาศตอนนั้น น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก มันเย็นยะเยือกหนาวสั่นสะท้านจับขั้วหัวใจ ขึ้นมาทันที
ทำให้ทั้งคู่ขนลุก ซู่! ขึ้นมาพร้อมๆกัน ต่างคนต่างเก็บหนังสือของตัวใส่กระเป๋า โดยไม่มีการพูดคุยกัน
และขณะที่ทั้งคู่เก็บหนังสืออยู่นั้น เสียงลากเก้าอี้ยังไม่หายไปเลย ทันใด!นั้นก็มีเสียงเพลงดังแว่วมาจากห้องเดียวกันนั่นเอง ทั้งคู่ได้ยินเหมือนกันเป็นเสียงเพลง ของใหม่เจริญปุระ ร้องออกมาด้วยเสียงอันโหยหวน เยือกเย็นและลากเสียงยาวๆ ผิดจากเสียงของคนธรรมดา ว่า"บอกว่า...ฉานนน...
เสียจาย.....ด้าย....ยีน.....หมายยยย..."ชวนให้ขนลุก ขนพองยิ่งนักทั้งคู่ทวีความกลัวขึ้นอย่างสุดขีด โดยไม่มีการรอช้าอีกต่อไปแล้วทั้งคู่หยิบกระเป๋าหนังสือได้ แทบจะกระโดดลงจากศาลา
ทั้งคู่ยังวางฟอร์ม ไม่กล้าวิ่งแต่ในใจอยากจะวิ่งเต็มทนแล้วขณะที่ทั้งคู่เดินโกยแนบมาที่จอดรถเสียงเพลงนั้นยังดังไล่หลังอยู่เรื่อยๆและก็ร้องอยู่แต่วรรคเดิมวรรคเดียวกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้นตลอด
ทั้งคู่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่รถ ในใจก็ภวันนาให้รถสตาร์ทติดง่ายๆด้วยเถิด..ปกติแล้วรถเขาจะสตาร์ทติดยากดังที่ผู้เขียนได้บอกแต่แรกแล้วว่า รถเขาอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยจะดีนักทั้งคู่คิดในใจว่าถ้ารถไม่ติดก็จะทิ้งรถไว้ตรงนั้นและก็จะออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเลย แต่ด้วยเดชะบุญรถคู่ชีพมันช่วยชีวิตเขาในยามคับขันหรือจะเป็นด้วยความกลัวทำให้เขารวบรวมพลัง สตาร์ทรถ เพียงครั้งเดียวเครื่องก็ติดขึ้นมาทันที
ทั้งคู่กระโดดขึ้นรถ และบิดคันเร่งอย่างสุด สุด เพื่อออกจากที่ตรงนั้นอย่างขวัญหนี ดีฝ่อ
โดยไม่หันกลับมามองข้างหลังเลย..
เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะคะ วันรุ่งขึ้น ของคืนวันนั้น ตอนเวลาประมาณ 3โมงเช้า เขาก็ได้รับข่าวร้ายจากทางมหาวิทยาลัยว่า มีนักศึกษารุ่นน้องชั้นปีที่ 2 ของคณะพยาบาลได้เกิดอุบัติเหตุ รถมอเตอร์
ไซค์ชนวัว ระหว่างทางจากบ้านมามหาวิทยาลัย และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ1 คน คือคนขับ
ส่วนคนซ้อนท้าย บาดเจ็บสาหัส รักษาตัวที่โรงพยาบาล
ทราบเรื่องภายหลังว่าน้องนักศึกษาพยาบาลปีที่ 2 พร้อมกับเพื่อน 1 คนซึ่งพักอยู่ในหอของทางมหาวิทยาลัยได้เดินทางกลับบ้านในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ในวันที่เกิดเเหตุ คือวันอาทิตย์
ผู้เป็นพ่อและแม่ ได้พาลูกสาวไปซื้อรถมอเตอร์ไซค์ใหม่เอี่ยมเพื่อจะให้ลูกสาวนำไปใช้ในมหาวิทยาลัย
กว่าจะทำเรื่องซื้อ-ขายกันเสร็จ ก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว พ่อได้บอกกับลูกสาวว่า พรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันจันทร์
พ่อจะเอารถมอเตอร์ไซค์ ใส่รถกระบะ แล้วขับไปส่งลูกที่มหาวิทยาลัย แต่ลูกสาวกำลังเห่อรถคันใหม่
ประกอบกับไม่อยากกลับในวันจันทร์ เพราะจะไม่ทันเข้าเรียน จึงไม่เชื่อฟังพ่อและขอพ่อกับแม่ว่าจะกลับในวันอาทิตย์ให้ได้ โดยจะขับมอเตอร์ไซค์คันใหม่พร้อมกับเพื่อนไปมหาวิทยาลัยเอง ผู้เป็นพ่อกับแม่ก็มิอาจจะทนคำขอของลูกสาวได้ จึงปล่อยให้ลูกสาวขับรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ออกจากบ้านพร้อมกับเพื่อน เดินทางกลับมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว หรือเราเรียกว่า เวลาโพล้เพล้ นั่นเอง
ในระหว่างทาง ก็ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อมีวัววิ่งตัดหน้ารถอย่างกระชั้นชิด และรถได้พุ่งชนวัวเข้าอย่างจังทำให้รถเสียหลัก น้องนักศึกษาซึ่งเป็นคนขับกระเด็นตกข้างทางคอหักและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุส่วนเพื่อนก็บาดเจ็บสาหัสดังที่กล่าวมาแล้วเมื่อผู้เป็นพ่อกับแม่ได้รับข่าวร้ายที่เกิดขึ้น หัวใจแทบแตกสลาย เป็นลมล้มพับไปตามกัน
ท่านผู้อ่านที่เคารพคะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของผู้เขียน และเพื่อนของเขาในคืนวันนั้นมันจะเกี่ยวโยงกันกับน้องนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2ที่ได้รับอุบัติเหตุในวันเดียวกันนี้หรือไม่ก็มิอาจจะพิสูจน์ได้แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ทั้งสอง ขวัญผวาและไม่กล้าที่จะไปอ่านหนังสือตรงศาลาข้างตึกนั้นอีกเลย..
หลายวันผ่านไป ทั้งคู่ก็มักจะนำเรื่องเหตุการณ์ในคืนวันนั้นไปเล่าให้เพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยฟังวันหนึ่งขณะที่เขากำลังเล่าอยู่นั้น ก็มีเพื่อนอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นว่าเขาก็เจอ
เหตุการณ์นั้นเหมือนกัน เหมือนกันไม่มีผิดเลย มีเสียงคนเดินบนตึก มีเสียงลากเก้าอี้ มีเสียงร้องเพลง
และก็เป็นเพลงเดียวกัน ในคืนวันเดียวกันด้วย
สรุปแล้วในคืนวันนั้น เจอเหตุการณ์ ขวัญผวา ไป สองคู่ สี่ คนท่านผู้อ่านจำสองคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ห่างจากคู่ของน้องสาวผู้เขียนได้ไหมคะคู่นั้นแหล่ค่ะ ก็โดนเหมือนกัน ทั้งคู่ก็วิ่งหนีอย่าง ขวัญหนี ดีฝ่อในเวลาไล่เลี่ยกัน
เขาทั้ง สี่ คนคิดว่า เสียงต่างๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้นมันกี่ยวโยงกันกับน้องนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2ที่เสียชิวิตจากอุบัติเหตุคนนั้นคงเป็นวิญญาณของน้องมาวนเวียนอยู่บนตึกที่เคยเรียนและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะไม่เชื่อฟังพ่อกับแม่แต่ก็ไม่สามารถพิสูจได้
แล้วท่านผู้อ่านล่ะคะ คิดว่าเสียงบนตึกคณะพยาบาลนั้นเป็น เสียง..ของใคร? ขอบคุนคราฟ ตอบกระทู้ pukkome ตั้งกระทู้
ขอบคุนคราบ ขอบคุณครับผมที่แบ่งปัน ขอบคุณครับผมที่แบ่งปัน ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]