อาการเล็กๆ ของร่างกาย...ก็เตือนภัยโรคร้ายได้
อาการเล็กๆ ของร่างกาย...ก็เตือนภัยโรคร้ายได้บ่อยครั้งที่เรามองข้ามอาการผิดปกติเล็กๆในร่างกาย จนกว่าจะรู้ทันโรคร้าย ก็สายเกินเยียวยาไปซะแล้ว เพราะฉะนั้น ลองมาจับผิดเจ้าอาการเล็กๆที่ว่า ก่อนสายเกินแก้กันซักหน่อย ดีมั้ยคะ
1. ปวดหัว
ลองสังเกตุอาการร่วมอื่นๆ เช่นคลื่นไส้ ตาพร่า อาการปวดหัวบางครั้ง เกิดจากเรื่องที่ถูกมองข้ามอย่าง โรคไซนัส งูสวัด เส้นเลือดอักเสบและปัญหาจากเส้นประสาท วิธีสังเกตปวดหัวไม่ธรรมดาคือ ปวดตอนเช้า ปวดกลางดึกต้องลุกขึ้นมา ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ มีคลื่นไส้อาเจียนจนเพลียกระทบการงาน ควรต้องรีบตรวจเพิ่ม
2. มึนหัว
อาจไม่ใช่แค่“นอนน้อย” หรือ “น้ำในหูไม่เท่ากัน” อาการมึนหัวมีรากเหง้าได้จากหลายสาเหตุ เช่น เริ่มเป็นความดันสูง สายตามีปัญหา หรือ ผลข้างเคียงจากยาบางอย่างก็ได้ อาจอันตรายเพิ่มขึ้นอีก ถ้าคุณต้องขับรถเอง หรือทำงานที่มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติ เช่น ควบคุมเครื่องจักร เป็นต้น
3. ตาลาย
อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นแค่ “สายตา” เพราะโรคที่ทำให้ตามัวมีมากอย่าง เบาหวานขึ้นตา ต้อกระจก ต้อหิน ความดันขึ้นตาไปจนถึงโรคร้ายอย่าง “เนื้องอกในสมอง” ต้องคอยสังเกตุอาการ ว่าเป็นมากขึ้น และถี่มากแค่ไหนด้วยนะคะ
4. นอนไม่หลับ
อาจเป็นแค่อาการเครียด วัยทอง แม้แต่โรคทางเดินอาหารก็อาจเป็นสาเหตุ เช่น กรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน ท้องอืด หรือหากมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ก็ทำให้เกิดอาการหลับ “ไม่เต็มตา” ได้ ซึ่งอาจเป็นบ่อเกิดของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไทรอยด์เป็นพิษ ตามมา
5. เป็นไข้
หลายๆคน พอเป็นไข้ก็ไปนึกถึงแต่โรคหวัดธรรมดา ทั้งที่จริงวิธีสังเกตอาการไข้ไม่ธรรมดานั้นไม่ยากเลย เช่น มีไข้สูง กินยาก็ลดชั่วขณะ และกลับมีไข้อีก ซึมลง กินอาหารไม่ได้เป็นนานหลายวันไม่มีช่วงที่ดีขึ้น อย่างไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ ไข้ที่เกิดจากการติดเชื้อรุนแรงหรือไข้ที่เป็นส่วนหนึ่งของโรคแพ้ภูมิตัวเอง
6. ผื่นคันตามตัว
อาจไม่ได้มาจากอาการ “แพ้” เสมอไป แต่อาจเกิดได้จากไวรัสบางชนิด ไข้ออกผื่น โรคเอสแอลอี โรคผิวหนังเซ็ปเดิร์ม และผลจากการใช้ยาได้ ผื่นตามตัวที่ว่าเป็นเรื่องที่ต้องหาเหตุเป็นอย่างแรก เพราะแสดงถึงความผิดปกติภายใน โดยที่บางครั้งผื่นนั้นเป็นเพียง “ปลายเหตุ” ที่ห่มคลุมโรคใหญ่ภายในไว้เท่านั้น
7. เหน็บชาตามตัว
หรือตามปลายมือปลาย เท้า อาจเป็นอาการแรกเริ่มของโรคเบาหวาน แคลเซียมต่ำ ความดันสูง ขาดวิตามินบี โลหิตจาง พังผืดรัดเส้นประสาท ถ้าชาไม่เท่ากันมีด้านหนึ่งชาและอ่อนแรงมากกว่าอาจต้องระวังเรื่องอัมพฤกษ์ อัมพาตอีกด้วย
8. ใจสั่น
วิเคราะห์ได้หลายกรณี เช่น อาจบอกได้ถึงโรคไทรอยด์เป็นพิษ หัวใจเต้นผิดจังหวะ การนำไฟฟ้าในหัวใจผิดปกติหรือแม้แต่อาการทางจิตเวชอย่าง “แพนิก" (Panic disorder) ก็ได้ หมั่นสังเกตุความรุนแรง หรืออาการร่วมอื่นๆ เป็นข้อมูลที่สำคัญเพื่อการรักษาอย่างถูกต้องนะคะ
รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าเพิ่งวิตกจนเกินเหตุ แค่หมั่นสังเกตุ ก็จะแก้ไขได้ทันท่วงทีค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจhttps://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/p480x480/999880_700964349930441_1605076804_n.jpg
ผมมีอาการใจสั่นอ่ะ วินจ๋ามาช่วยดูหน่อยซิหัวใจผมมัน
เรียกร้องอยากได้วินเป็นแฟนอ่ะ****{:4_93:}
**ขอบคุณครับสุดหล่อสำหรับข้อมูลเยี่ยมมาก** ขอบคุณครับ ผมเป็นปวดหัวบ่อยครับ คงมาจากหวัด เราะอีกวันก็หายล่ะ
แต่ที่ไม่หายคือ ปวดหัว. . . ปวดทุกเช้าเลยอ่ะ ไม่มีคนมานวดให้ เจ้าของกระทู้แซวเก่งเหมือนกันน่ะเนี่ย
คริคริ
หน้า:
[1]