แนะวิธีกินบร็อกโคลี่ เพิ่มคุณค่าสูง
แนะวิธีกินบร็อกโคลี่ เพิ่มคุณค่าสูงบร็อกโคลี่เป็นผักที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน (betacarotene) เส้นใยอาหาร วิตามินซี รวมไปถึงสารอาหารต่างๆ อีกหลากหลายชนิด มีสารซัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งเป็นตัวช่วยทำให้ตับขับสารพิษ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการเจริญของเนื้องอก อีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษในการต่อต้านมะเร็ง คือ สามารถป้องกันอนุมูลอิสระที่เข้าไปทำลายเซลล์และทำลาย ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้
โดยกลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ของสหรัฐอเมริกา ทราบเรื่องนี้ดี และพบด้วยว่ามันมีสารที่ต้านมะเร็งด้วย อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวเสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ก่อนที่ผักจะไปวางขายถึงมือผู้บริโภค นักวิจัยจึงค้นหาวิธีรักษาสารตัวนี้เพื่อให้บร็อกโคลี่ยังมีคุณสมบัติต้านมะเร็งได้ดังเดิม
รายงานระบุว่า บร็อกโคลี่ที่วางขาย ไม่ใช่บร็อกโคลี่สด เพราะทางโรงงานอุตสาหกรรม จะลวกผักที่อุณหภูมิ 86 องศาเซลเซียสก่อนเสมอ เพื่อยับยั้งไม่ให้เอนไซม์ในผักทำงานจนส่งผลต่อสี กลิ่น และรสชาติขณะที่ขนส่งผักไปยังร้านค้า
อลิซาเบธ เจฟเฟอรี ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการและทีมวิจัย พบว่า กระบวนการนี้จะทำลายเอนไซม์ "ไมโรซีเนส" (myrosinase)ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับสารอีกตัว ชื่อ "กลูโคราฟานิน"(glucoraphanin) เมื่อมันถูกสับหรือเคี้ยว ซึ่งจะทำ ให้เกิดสารต้านมะเร็ง "ซัลโฟราเฟน"
ด้าน เอ็ดเวิร์ด ดอสซ์ นักศึกษาในคณะทดลอง กล่าวว่า จากการนำตัวอย่างบร็อกโคลี่แช่เย็นที่วางขายมาตรวจสอบไม่พบเอนไซม์สำคัญตัวนี้เลยทั้งก่อนและหลังการทำให้สุก
จากการศึกษาต่อมา ทีมวิจัยทดลองลวกผักด้วยอุณหภูมิที่ต่ำลงที่ 76 องศาเซลเซียส และนำไปแช่เย็นพบว่า เอนไซม์ไมโรซีเนสยังเหลืออยู่ร้อยละ 82 เมื่อทดลองฉีดพรมน้ำที่ผสมเศษหัวไช้เท้าซึ่งเป็นผักอีกชนิดที่มีเอนไซม์ไมโรซีเนส พบว่า ช่วยรักษาสารต้านมะเร็งในบร็อกโคลี่ไว้ได้ แม้บร็อกโคลี่จะผ่านการปรุงอาหาร เมื่อทดลองให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 49 องศาเซลเซียสนาน 10 นาที
ทั้งนี้พบว่าหน่อหรือต้นอ่อนของบร็อกโคลี่มีเอนไซม์ไมโรซีเนส และมีปริมาณที่มากกว่าบร็อกโคลี่ต้นที่โตแล้ว
ดังนั้นการกินทั้งบร็อกโคลี่และต้นอ่อนของมันจะให้ประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าการกินอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว
การรับประทานบร็อกโคลี่เพื่อให้ได้ประโยชน์ในการช่วยต้านมะเร็งมากที่สุดนั้น จะต้องไม่ผ่านกรรมวิธีการปรุงอาหารที่มีระยะเวลานานเกินไป
อย่างไรก็ตามควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ พอดีกับร่างกาย ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป อีกทั้งควรรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ควบคู่ไปด้วย เพื่อสุขภาพที่ดี
ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/35974
https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/p480x480/1094843_703186096374933_2011621519_n.jpg
{:5_119:} แต่อย่าลืมล้างขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ และที่สำคัญคือสารพิษจากยาฆ่าแมลงด้วยครับ
หน้า:
[1]