รู้ทันมะเร็งลูกอัณฑะ
โรคมะเร็งของลูกอัณฑะ (testicular cancer)
http://www.bangkokhealth.com/cimages/testicular06.jpgโรคมะเร็งของลูกอัณฑะ (testicular cancer) พบได้น้อยโดยส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยวัยอายุไม่มาก แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 15-35 ปี จะพบว่าโรคมะเร็งอัณฑะเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับผู้ชายช่วงอายุนี้
ข้อมูลในประเทศสหรัฐอเมริกา พบผู้ป่วยโรคมะเร็งอัณฑะร้อยละ 1 ของผู้ป่วยชายที่เป็นโรคมะเร็งทั้งหมด แต่ละปีมีผู้ป่วยประมาณ 7,400 ราย พบได้บ่อยในผู้ชายผิวขาว ระยะหลังพบผู้ป่วยโรคมะเร็งอัณฑะมากขึ้น โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
สาเหตุ
[*]ปัจจัยทางพันธุกรรม
[*]ประวัติการเป็นมะเร็งที่อัณฑะข้างหนึ่ง จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะตรวจพบมะเร็งที่ลูกอัณฑะอีกข้าง
[*]ภาวะที่ลูกอัณฑะไม่เคลื่อนลงสู่ถุงอัณฑะ เรียกว่า
[*]เกี่ยวข้องกับยาฆ่าแมลง พบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งอัณฑะตรวจพบระดับ DDE สูงกว่าปกติ โดย DDE เป็นสารที่เปลี่ยนแปลงมาจาก DDT ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาได้สั่งระงับการใช้ไปแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 ผลการศึกษาพบว่าโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า
[*]รายงานผลการวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าพนักงานดับเพลิงมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งอัณฑะ สูงกว่าคนธรรมดาหนึ่งเท่าตัว จากการคลุกคลีกับสารเบนซิน โคโรฟอร์ม และเขม่า และยังมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เสี่ยงกับการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและเนื้องอกไขกระดูกเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับผู้ประกอบอาชีพอื่นและพลเมืองทั่วไป
ประวัติการมีคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งอัณฑะ undescended testicle (cryptorchidism)
http://www.bangkokhealth.com/cimages/testicular08.jpgอาการ<ahttp://upload.sodazaa.com/image.php?id=2B4A_5260AC30&jpg
เกมส์ เกมส์ทำอาหาร border=0 />
[*]อาการแสดงของมะเร็งลูกอัณฑะ นอกจากจะ
[*]การคลำพบก้อนผิดปกติด้วยตนเองซึ่งอาจจะยังไม่มีอาการเจ็บปวด ทำให้ผู้นั้นอาจมองข้ามไปก็ได้ หากผิดปกติควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยืนยันและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป
[*]สิ่งที่จะช่วยในการตรวจพบได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มมีอาการผิดปกติ คือการตรวจลูกอัณฑะด้วยตนเอง
การวินิจฉัย
[*]http://www.bangkokhealth.com/cimages/testicular07.jpgการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ภายหลังจากคลำก้อนที่ลูกอัณฑะได้ คือ
[*]มะเร็งลูกอัณฑะส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยก้อนที่ไม่เจ็บ ตรวจพบได้จากการคลำลูกอัณฑะด้วยตนเอง บางครั้งอาจรู้สึกเจ็บที่ลูกอัณฑะ ในรายที่โรคเป็นมากแล้ว อาจจะมีอาการไอ ปวดท้อง และน้ำหนักลด
[*]การตรวจอัลตราซาวน์มีประโยชน์อย่างยิ่งในการวินิจฉัยโรค ส่วนการตรวจเลือดเพื่อหาสารมะเร็ง พิจารณาส่งตรวจ alpha fetoprotein (AFP)และ beta HCG การตรวจภาพรังสีทรวงอกและภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ช่วยในการแบ่งระยะของโรค และดูว่ามะเร็งมีการกระจายไปที่ใดหรือไม่การตรวจคลำความผิดปกติที่ลูกอัณฑะให้เป็นประจำ จะสามารถบอกความผิดปกติได้ทันที เมื่อเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
การรักษา
http://www.bangkokhealth.com/cimages/testicular03.jpgถ้าพิสูจน์แล้วว่าเป็นมะเร็งลูกอัณฑะ แพทย์ผู้รักษาอาจพิจารณาตัดลูกอัณฑะข้างนั้นออกไป และบางรายอาจต้องการ การฉายแสงและให้ยาเคมีบำบัด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายไปสู่ส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
การป้องกัน
ผู้ชายทุกคนควรคลำความผิดปกติที่ลูกอัณฑะให้เป็นประจำ จะสามารถบอกความผิดปกติได้ทันที เมื่อเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
การตรวจลูกอัณฑะด้วยตนเอง การตรวจจะใช้เวลา ผู้ชายทุกคนควรตรวจลูกอัณฑะด้วยตนเองโดยการคลำเพื่อตรวจหาความผิดปกติบริเวณลูกอัณฑะ ซึ่งถือเป็นการตรวจร่างกายด้วยตนเองอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง ประมาณ 1-2 นาทีเท่านั้น เวลาที่เหมาะสมในการตรวจคือ เวลาหลังอาบน้ำ เพราะผิวหนังบริเวณลูกอัณฑะจะหย่อนและคลำได้ง่าย ตรวจลูกอัณฑะทีละข้าง โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ค่อยๆ คลำเลื่อนไปเรื่อยๆ คลำดูว่ามีก้อนหรือการอักเสบเกิดขึ้นหรือไม่ บริเวณด้านหลังของลูกอัณฑะจะคลำได้ส่วนหยุ่นๆ ขนาดเล็ก ซึ่งถือว่าเป็นปกติ ถ้าคลำได้ก้อนหรือส่วนใดผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ ความผิดปกตินั้นอาจเป็นถุงน้ำหรือเส้นเลือดขอดบริเวณลูกอัณฑะซึ่งพบได้บ่อยกว่าเนื้องอกหรือมะเร็งลูกอัณฑะ
ที่มา : ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
การผ่าตัดเรียกว่า radical inguinal orchiectomy โดยผ่าตัดเอาลูกอัณฑะและ spermatic cord ออกไป แผลผ่าตัดที่ขาหนีบ อาจดมยาสลบหรือให้ยาเฉพาะที่ การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในกรณีที่ตรวจพบว่ามะเร็งกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง ต้องทำการผ่าตัด retroperitoneal lymph node dissection เพิ่มเติม การฉายแสง อาจพิจารณาใช้ลำแสงจากภายนอกร่างกาย โดยฉายแสงภายหลังการผ่าตัด ปริมาณของรังสีที่ใช้จะน้อยเมื่อเทียบกับการฉายแสงรักษามะเร็งชนิดอื่นๆ ผลข้างเคียงที่อาจพบ ได้แก่ ท้องเสีย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และระคายผิวหนัง เคมีบำบัด นิยมใช้ตามหลังการผ่าตัดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่ ยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งอัณฑะ ได้แก่ Cisplatin (Platinol®), Vinblastine (Velban®), Bleomycin (Blenoxane®), Cyclophosphamide (Neosar®), Etoposide (Etopophos®), Ifosfamide (Ifex®) การผ่าตัดเล็กเอาชิ้นเนื้อไปตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ คลำก้อนหรือมีอาการบวมของลูกอัณฑะแล้ว ยังอาจจะมีอาการปวดและกดเจ็บ และคนไข้จะรู้สึกตึงหนักๆ บริเวณลูกอัณฑะ
เข้าชม : 8616
ขอบคุณนะครับ ต้องไปคล่ำของตัวเองแล้วอ่ะ ต้นฉบับโพสต์โดย platong เมื่อ 2013-10-19 14:35 static/image/common/back.gif
ขอบคุณนะครับ ต้องไปคล่ำของตัวเองแล้วอ่ะ ...
คลำแล้วเป็นยังไงบ้านอย่าลืมมาบอกต่อกันนะคับ คลำจนแตกครับ
หน้า:
[1]