รักกันนิรันดร
ผมกำลังจับจ้องรูปถ่ายในมือด้วยอารมณ์อันหลากหลายริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวความหลังต่างๆกว่าผมจะได้ถือมันไว้เช่นนี้ ภาพถ่ายในคอนโดธรรมดาๆรูปหนึ่ง แต่เป็นดั่งลมหายใจทั้งชีวิตของผมฉากหลังยังคงเหมือนกับที่ที่ผมอยู่ ไม่มีเครื่องเรือนชิ้นไหนถูกจัดวางเปลี่ยนไปจากในรูปนั้นเลยแม้แต่น้อย ผมนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันกับที่ผมนั่งในรูป ตอนนั้นผมยิ้มอย่างมีความสุข ก็คงเป็นความสุขเดียวกันกับที่ผมรู้สึกในเวลานี้แม้ในรูปใบนั้นจะเห็นผมนั่งอยู่คนเดียวในห้องที่กว้างขวาง แต่ผมรู้ว่าตัวผมในภาพไม่ได้เหงาหรืออ้างว้างเลยสักนิด กลับเป็นความอบอุ่นและชุ่มชื่นหัวใจที่ยังคงอยู่กับผมเรื่อยมา
ผมค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟามาหยุดยืนพิงประตูกระจกริมระเบียง รูปใบนั้นยังอยู่ในมือ ผมยกมันขึ้นมาทาบไว้ที่อกให้มันรับรู้ว่าผมรักมันมากเพียงใด สายตาของผมมองทอดยาวออกไปอย่างไร้จุดหมายกับทิวทัศน์กรุงเทพมหานครยามค่ำคืน
ผมค่อยๆเลื่อนประตูกระจกแล้วเดินออกไปรับลมยามราตรีภายนอก ความสูงของชั้นที่ผมอยู่ช่วยให้ผมหลีกหนีจากเสียงวุ่นวายของถนนเบื้องล่างได้ดีระดับหนึ่ง ลมเย็นพัดเอื่อยช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติกแทนที่แสงจันทร์อันงดงามที่ถูกแสงนีออนจอมปลอมกลบไปจนหมดสิ้น
.............ถ้ายืนอยู่ตรงนี้กับใครสักคนก็คงดี.....................
เร็วดังใจคิด สายลมวูบใหญ่ไร้ที่มาก็พัดวนรอบตัวของผม สายลมอันแสนอบอุ่นหอบเอารูปใบนั้นปลิวหลุดจากมือไปในอากาศอันว่างเปล่าเบื้องหน้ามันล่องลอยไร้ทิศทางหยอกล้อกับสายลมออกห่างจากตัวผมไปเรื่อยๆแต่ผมไม่คิดที่จะไขว่คว้ามันกลับมา ผมยังคงจ้องมองรูปใบนั้นพร้อมกับรอยยิ้ม ผมไม่รู้ว่าผมยิ้มกว้างแค่ไหน แต่ภาพที่อยู่ในสายตาตอนนั้นทำให้ผมมีความสุขเหลือเกิน
ในไม่ช้าสายลมก็นำพารูปถ่ายที่ควรตกลงสู่เบื้องล่างลอยกลับเข้ามาในมือผม สายลมอบอุ่นกลับมาพัดวนรอบตัวผมอีกครั้ง แต่คราวนี้มันพัดอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล เสียดสีลูบไล้ผมไปทั่วทั้งร่าง ผมหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดแห่งสายลมที่กำลังมอบความสุขมาให้ ร่างกายของผมผ่อนคลายแต่เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ สายลมกำลังเริ่มประพรมรอยจูบบนตัวผม จากกลางหน้าผาก ปลายจมูก ริมฝีปาก ปลายคาง ไล้ลงมาตามคอ สู่แผ่นอก หน้าท้อง ท้องน้อย จนถึงแก่นกลางของร่างกายของผม
ผมเริ่มหายใจติดขัดไม่เป็นจังหวะ หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเหงื่อไหลซึมทั่วแผ่นหลัง กล้ามเนื้อเกร็งทั่วร่างโดยไม่อาจบังคับได้ ผมทนเก็บเสียงอืออาไว้เพียงในลำคอไม่ไหวแล้ว เสียงครางอันแหบพร่าถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับร่างกายที่ยืนโอนเอนไร้การทรงตัวตามแรงหยอกล้อของสายลม มือทั้งสองของผมกวัดแกว่งสะเปะสะปะหาที่ยึดเหนี่ยวไปทั่ว
ราวกับเจ้าตัวดีรู้ทัน สายลมจึงหยุดแกล้งแล้วค่อยๆพัดวนย้ายมาประคองด้านหลังผมไว้ ผมเริ่มกลับมาหายใจเป็นจังหวะเดิมอีกครั้ง แต่ทว่ายังไม่อาจหยุดลมหายใจอันหอบหนักได้ สายลมบีบนวดผ่อนคลายผมไปตามไหล่ทั้งสองข้าง จุมพิตอันแผ่วเบากลางศีรษะเพื่อปลอบประโลมเรียกขวัญ ผมเริ่มรับรู้ถึงตัวตนของสายลมมากขึ้น ในไม่ช้ามือหนาหยาบกร้านก็ปรากฏอยู่ที่ไหล่ทั้งสอง ร่างที่สูงและแข็งแกร่ง แนบชิดด้านหลังให้ผมเอนกายพิงไว้
เมื่อผมกลับมาหายใจเป็นปกติ มือทั้งสองก็เลื่อนลงมากอดเอวผมจากด้านหลังราวกับไม่อยากจะไม่ปล่อยให้ผมหนีจากเขาไปไหน เขาลดคางลงมาวางที่ไหล่ด้านหนึ่งของผมอย่างนุ่มนวล ไม่รู้ว่าผมยืนหลับตาอยู่ในอ้อมกอดของเขาไปนานเท่าไหร่ เขาเลื่อนมือมายกมือข้างหนึ่งของผมขึ้นช้าๆ มือข้างที่ยังคงถือรูปใบนั้นไว้แน่น ผมลืมตามองรูปใบนั้นอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
“รักรูปนี้มากใช่มั้ย”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบโดยไม่ละสายตาออกจากรูปใบนั้น
“เหมือนกันเลย แต่เรารักคนในรูปมากกว่านะ”
แม้จะได้ยินอะไรทำนองนี้มาหลายครั้ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องอายหน้าแดง ยิ้มแก้มปริไปเสียทุกที
“แล้วคนในรูปนี้จะรักเราบ้างมั้ยน๊า”
รู้อยู่แล้วว่าจะต้องได้ยินคำถามนี้ ผมได้แต่แกล้งถอนใจในความขี้เล่นที่เขาจะมีให้ผมเพียงคนเดียว ผมละความสนใจจากรูปถ่ายแสนรักมาที่ใบหน้าบนไหล่ของผม เขาเป็นชายผิวขาว ดวงตาสีนิลคู่นั้นดูอ่อนโยน จมูกโด่งได้รูปรับกับโครงหน้าอันหล่อเหลาปานเทพบุตร ผมหยักศกดกดำของเขาปรกลงมาบนใบหน้าบางส่วน แต่ผมก็ยังเห็นริมฝีปากสีชมพูที่กำลังคลี่ยิ้มอันแสนอบอุ่นมาให้
แทนคำตอบที่เขาต้องการจะได้ยิน ผมค่อยๆเลื่อนใบหน้าไปใกล้เขา ริมฝีปากของเราประกบกันอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนช่วงเวลาจะหยุดหมุนไปอีกครั้ง และเป็นเขาที่ถอนริมฝีปากออกไปก่อนสร้างความประหลาดใจให้แก่ผม เขาพลิกตัวผมให้หันหน้าเข้าหา กัน ดวงตาของเราทั้งสองสบกันไม่กะพริบ
“ตอบแบบนี้แปลว่า จะรักกันนิรันดรเลยใช่มั้ย”
ใบหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว ผมยิ้มและพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่นราวกับไม่เคยมั่นใจอะไรขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ผมเริ่มรู้สึกถึงความร้อนผ่าวในดวงตา น้ำตาแห่งความปีติเอ่อคลออยู่ในนั้น เขาเลื่อนมือมาซับมันออกอย่างนุ่มนวล
“ขี้แยอีกแล้ว แล้ววันนี้จะไม่พูดกันซักคำเลยสินะ”
ผมหลุดเสียงหัวเราะในแบบของผมออกมา แบบที่เขามักบอกอยู่เสมอว่าเป็นเสียงหัวเราะของเด็กน้อยไร้เดียงสาที่จะเป็นที่รักของเขาเพียงผู้ด้วย เขาส่งยิ้มที่แสนอบอุ่นให้ผม ก่อนจะประคองใบหน้าของผมและประทับรอยจูบอีกครั้ง จูบอันหอมหวานดื่มด่ำอย่างเคย
และแล้วผมก็ปลดปล่อยอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงล่องลอยไปในค่ำคืนพิเศษอีกคืนของผม.....กับเขา
ขอบคุณครับ
ธนธรรม กรุณานำ ขอบคุนมากๆน่ะคราบ ขอบคุณนะค่ะ
หน้า:
[1]