เกย์กบฎ2
เกย์กบฎตอนที่ 2เทพบุตรกบฎรัก
วันเวลาที่ผันผ่าน
ช่วยสมานแผลใจให้ฉันสามารถกลับมาสู้ชีวิต
กลับมาพบหน้าและเข้าหาสังคม
ฉันแข็งแรงพอที่จะสานต่อความฝันแห่งชีวิตที่ฉันวาดหวังไว้
ฉันต้องเรียนให้จบปริญญาตรี
ฉันต้องมีงานทำที่สมเกียรติสมศักด์ศรีให้จงได้
ฉันได้รับคัดเลือกให้เป็นพนักงานการเงินในห้างดังย่านรัชดา
พี่ๆที่ทำงานล้วนน่ารักและเอาใจใส่ฉันเป็นอย่างดี
ทำให้ฉันคลายความเหงา
ความเศร้าความขมขื่นใจไปได้มาก
“แน่ะ
มาแอบดูน้องฉันหรือพวกเธอน่ะ” พี่ปลาพี่เลี้ยงของฉันแซวพี่ๆแคชเชียร์กะดึก“มานี่
ฉันแนะนำให้ นี่น้องที
น้องฉันเอง
น่ารักเหมือนพี่สาวใช่ไหมล่ะ” พี่ปลาโอ้อวด
“หวัดดีครับ
พี่ชื่อ......”
“หวัดดีครับ
พี่ชื่อ......”
“หวัดดีครับ
พี่ชื่อ......”
“หวัดดีครับ
พี่ชื่อ......”พี่ๆต่างมาทำความรู้จักจนฉัน จำชื่อ จำหน้าค่าตาได้ไม่หมด
“ระวังนะ
อีพวกนี้มันชอบกินเด็กผู้ชาย หน้าตาดีๆน่ะ” พอคล้อยหลังรุ่นพี่กลุ่มนั้น พี่ปลาแกล้งกระเซ้าฉัน
เป็นปกติทุกวัน
พี่ๆกะดึกจะแวะมาทักทาย
กระเซ้าเย้าแหย่ ทีเล่นทีจริง
แต่ฉันก็พยายาม ระมัดระวังตัวด้วยเชื่อคำพี่เลี้ยงที่สั่งสอนไว้แม้ตอนนี้ฉันจะนั่งเดี่ยวแล้วก็ตาม แต่ลึกๆในใจพิษรักยังสำแดงเดชไม่หายต่างหากล่ะ
ถ้ามีเวลาว่างๆ
ฉันเป็นต้องนั่งซึม
เหม่อลอย
ฉันคอยรักษากริยาอาการ
เก็บเนื้อหวงตัวจนพี่ๆส่วนใหญ่
ยอมล่าถอยไป
แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ยอมแพ้
พี่เขาตัวสูงบึกบึน
ผิวสองสีค่อนไปทางคล้ำ
ชื่อพี่ตั้ม
พี่ตั้มจะแวะเวียนมาหาฉันเป็นประจำ
แถมมีของฝากติดไม้ติดมือมาตลอดด้วย
“เกรงใจน่า
พี่ตั้มไม่ต้องซื้อมาฝากผมก็ได้ครับ” ฉันพูดประโยคนี้แทบจะทุกครั้งที่พี่เขาซื้อของมาฝาก
“เหอะน่า
ไม่ต้องคิดอะไรมาก
พี่ไม่ได้ใส่เสน่ห์หรอก” พี่ตั้มพูดตัดบท
“น่ารักจริงๆ
ชายในฝันของฉันเลยล่ะ
แกรู้ไหม” เสียงยัยนกพร่ำเพ้อทุกคราวที่พี่ตั้มแวะเวียนมา
“แกช่วยฉันหน่อยนะที”
ยัยนกขอร้องซึ่งหน้า
ที่จริงฉันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรพี่ตั้มหรอก
แกออกจะคมเข้ม
สุภาพ
โดนตื้อบ่อยๆเข้าฉันก็ชักจะเขวอยู่เหมือนกัน
แต่โดนเพื่อนสาวขอร้องซะขนาดนั้น
ฉันก็คงไม่ใจดำพอ
ด้วยฉันเคยรับรู้พิษสงของความรักมาแล้ว
“นะ ทีเพื่อนรัก” ยัยนกขอร้องต่อ
“เออน่า” ฉันรับปาก
ยัยนกยิ้มหน้าบาน
ขอบอกขอบใจฉันล่วงหน้า
“ทีพรุ่งนี้
พี่จัดงานวันเกิดหลังเลิกงานเดี๋ยวพี่มารับนะ” พี่ตั้มสั่งฉันก่อนไปทำงานที่แผนก
“นกเขามาแสดงความยินดี
ด้วยครับ”
ฉันบอกพี่ตั้ม ที่ทำหน้าตาแปลกใจที่เจอนก
“อ้อ
ยินดีต้อนรับครับ เชิญๆๆ”
ตลอดเวลา
พี่ตั้มคอยเทคแคร์
คอยมองสบตาฉัน อย่างมีนัย
“ทีครับ
พี่ชอบเรานะ” พี่ตั้มสารภาพเมื่อมีโอกาส
“พี่ตั้มครับ”
ฉันมองจ้องหน้าพี่ตั้ม
“ผมรักพี่แบบพี่ชาย .... เราเป็นพี่เป็นน้องกันนครับ”
ฉันบอกความในใจ
“ไม่เป็นไรครับ
พี่ไม่ได้รวบรัด
เราดูๆกันไปก่อน”
พี่ตั้มยังไม่ยอมแพ้
ส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น
อ่อนโยนเช่นเคย
“มีคนๆหนึ่ง
เขาแอบรักพี่
เขาให้ผมเป็นพ่อสื่อให้นะครับ”
“นกเหรอ” ฉันพยักหน้า
“พี่ดูออก
แต่................................” ฉันเข้าใจความรู้สึกของพี่ตั้มดี
นกตัวขาวอวบ
ค่อนไปทางอ้วน
แต่นั่นไม่สำคัญเท่า................... เพราะพวกเราเป็นเกย์ต่างหากล่ะ
พี่ตั้มรักผู้ชายฉันรู้ดี
“พี่ตั้ม
ขอให้เราเป็นพี่น้องกัน
คอยดูนะฉันจะเอาชนะใจเขาให้ได้เลย”
ยัยนกพูดด้วยตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
เมื่อฉันเห็นว่า
เพื่อนสาวเอาจริงฉันจึงพยายาม อยู่ห่างๆพี่ตั้มไว้กลัวเพื่อนจะเข้าใจผิด
“เพราะนกใช่ไหม
เราถึงได้คอยหลบหน้าพี่” พี่ตั้มต่อว่าฉันในเย็นวันหนึ่ง
“เออ................” ฉันพูดไม่ออก พี่ตั้มจ้องมองลึกเข้าไปในตาฉัน
แล้วยิ้มเศร้า
“พี่เข้าใจแล้ว
พี่เข้าใจ
พี่จะพยายามเป็น...............ตามที่ทีต้องการ
แต่ให้เวลาพี่หน่อยนะ”
หลังจากวันนั้นพี่ตั้มก็หายไปนานมาก
“พี่ตั้มไม่สบายมาก
แกรู้หรือเปล่า
นี่ฉันต้องคอยไปดูแลเขาเช้าเย็น
หลายวันแล้ว”
“พี่เขาเป็นอะไร
เดี๋ยวเย็นนี้ ฉันไปด้วยนะ”
ฉันบอกนก
“พี่ตั้มต้องทานเยอะๆนะครับ”
“พี่ไม่เป็นอะไรมาก
พอพี่ทำใจได้เดี๋ยวมันก็หาย ” พี่ตั้มยิ้มเศร้า
“ผมขอโทษ
ผมไม่อยากทำร้ายพี่
ผมไม่อยากทำร้ายเพื่อน...........”
“ไม่เป็นไรน้องรัก...........
ไม่เป็นไร” พี่ตั้มกุมมือฉัน บีบแน่น
“เราเป็นพี่น้องกัน
พี่ก็ดีใจมากแล้ว”
แล้วพี่ตั้มก็ดึงตัวฉันเข้าไปกอด
ปากก็พร่ำบอกตลอดว่า
“ไม่เป็นไรนะ
พี่เข้าใจ.....................พี่เข้าใจดี”
“ฮัลโหล
ทีเย็นนี้แวะมาทานข้าวที่ห้องฉันนะ” ยัยนกโทรมานัดแนะ หลังจากไม่ได้สังสรรค์กันหลายเดือน
เมื่ออิ่มหนำ
สำราญ ยัยนกก็เริ่มทำหน้าตาแปลกๆ
ที่จริงแปลกๆตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
“เมื่อคืน
ฉันไปนอนค้างที่ห้องพี่ตั้มมา............” ยัยนกพูดค้างไว้แค่นั้น
แล้วทำท่ากระอักกระอ่วนชอบกล
“ก็ดีแล้วนี่ ............... มันเป็นข่าวดีใช่ไหม ” ฉันซักด้วยความตื่นเต้น
“อืม...........” ยัยนกดูท่าทางอึดอัด
ดึงทิชชูมานั่งเช็ดเศษอาหารในจานที่ใช้แล้วซะงั้น
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ........” ฉันพยายามพูดให้เพื่อนคลายความกังวล
“ที......ที..........ที........ฮือๆๆๆ” นกพูดได้แค่นั้นแล้วเริ่มร้องไห้
มือไม้ก็ไม่ยอมหยุดเช็ดถ้วย ชามที่ใช้ทานอาหารเมื่อครู่ไปเรื่อย
“ใจเย็นเพื่อน
พี่ตั้มเป็นคนดี ทำอะไรลงไปแกต้องรับผิดชอบสิ” ฉันปลอบเพื่อนสาว
“ไม่ใช่อย่างที่แกเข้าใจ ฮือๆๆๆๆ” นกนั่งเช็ดจานแล้วร้องไห้ต่อไป
................................................... ฉันไม่พูดอะไรอีก
ปล่อยยัยนกมันร้องซะจนพอ
“พี่ตั้มให้ฉันนอนบนเตียง.......แล้วแกเอาผ้านวมไปปูนอนที่พื้นห้อง” ยัยนกเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
ฉันชักจะงงๆ
นี่มันไม่ได้ร้องเสียใจเพราะเสียตัว
แต่มันร้องเพราะไม่เกิดอะไรขึ้นกับมัน กันเหรอนี่
คิดได้เช่นนั้น ฉันก็เริ่มนั่งอมยิ้ม
“ป๊าบ” ยัยนกเอาฝ่ามือฟาดเข้าที่ต้นแขนฉันอย่างแรง “ไม่ใช่อย่างที่แกคิด” ยัยนกค้อนกระเง้ากระงอด
“ก็ยังไงหล่ะ
ปล่อยให้ฉันคิดเองเรื่องเปื่อย แหม..............” ฉันตอบกลับด้วยความหมั่นไส้
“ฮือๆๆๆ...............โฮๆๆๆ” ยัยนกร้องหนักกว่าเดิม
แต่มันก็ไม่ยอมหยุดเช็ดถ้วยจานอยู่นั่นแหละ
จนสะอาดเหมือนล้างแล้วซะทุกใบเชียว
ฉันเลยจัดแจงเก็บถ้วยจานไปวางที่ซิงค์น้ำ
“พี่ตั้ม.....นอนกอดพี่เอ....อยู่ที่พื้นห้องทั้งคืนเลย
ฮือๆๆๆๆ” นกพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
แล้วร้องไห้ไม่ยอมหยุด
“โอ คุณพระ
คุณเจ้า....แกเจอกับ........... แกเจออะไรมานี่ยัยนก”
ฉันจ้องมองเพื่อนด้วยความสงสารอย่างสุดหัวใจ
แล้วดึงรั้งให้มันมาซบอยู่กับหัวไหล่
“แกรู้ไหม
ฉันนอนตะแคงหันหลังให้เขาทั้งคู่
แต่ประสาทฉันก็ยังรับรู้ว่า
เขาทำอะไรกัน......... เขาทำ.........กัน...........ทั้งคืน
ฉันนอนน้ำตาไหลทั้งคืน...........................”
นกร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
“โธ่.....นก” ฉันกอดเพื่อนสาวให้แน่นยิ่งขึ้น “แล้วทำไม แกไม่กลับห้อง..............ทนรับรู้
ทนดูภาพทิ่มแทง ใจอยู่ได้”
“พี่เอเขามาหลังเที่ยงคืนแล้ว.............รถเมล์หมดแล้ว.............ฉันไม่กล้านั่งแท็กซี่ตอนกลางคืนคนเดียวหรอก” นกร้องไห้ไปพูดไป ....................... ถึงตอนนี้ หน้านกแดงก่ำ
ตาบวม อิดโรย
“ใจเย็นๆ เพื่อนรัก ใจเย็นๆ
แกยังมีฉันนะ.............แกยังมีฉันนะ” ฉันพยายามปลอบนก
แล้วฉันเองก็เริ่มเจ็บ ปลาบแปลบ ที่หัวใจ
เพราะว่า
เรื่องราวของนกมันสะกิดแผลใจของฉันอย่างโดนๆเข้าให้
“ไม่นะ
เราต้องไม่ร้องไห้....เราต้องเข้มแข็ง
นกต้องการใครซักคนคอยดูแล”
ฉันบอกกับตัวเอง
ไม่ให้ยอมแพ้กับความรู้สึกเดิมๆ
ที่เริ่มถาโถม……………………
“อาหารอยู่ในตู้เย็นนะ..............หิวก็เข้าเวฟ
ฉันไปทำงานล่ะหยุดนานเกินเดี่ยวพี่เขาตำหนิเอา
ฉันบอกนก หลังจากที่อยู่ดูแล จนมั่นใจว่า นกคงไม่ทำร้ายตัวเอง แน่ๆแล้ว
“พี่เอ
เขาก็ดีนะ
เขาพูดกับฉันดี๊ดี.....................เขาเรียกฉันน้องทุกคำเลย” นกพูดหลังจากทานอาหารเย็นเรียบร้อย
ทำให้ฉันมั่นใจยิ่งขึ้นว่า
นกทำใจได้แล้ว
“แต่ฉันว่า เสียพี่ตั้มให้เขาน่ะ
สู้ยกให้แกซะดีกว่า” ยัยนกยังพูดเคืองๆ
“อะไรกัน
พี่ตั้มเขาเป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงนะดีแล้ว” ฉันออกความคิดเห็น
“หญิง
เหยิง
ที่ไหนกัน
เหมือนแกนะแหละ
แต่ตัวเล็กนิดนึง
หน้าตาก็งั้นๆ
ถ้าได้ครึ่งของแก ฉันจะไม่เสียใจเลย
พี่ตั้มนะพี่ตั้ม
ตาถั่ว..........” ยัยนก ต่อว่าคู่แค้นต่อไป
“เออนะ..........ไปก่อนนะ
เดี๋ยวสาย” ฉันพูดตัดบท เมื่อเห็นนกเริ่มมีอารมณ์ ฉุนเฉียว
“ไอ้ที แกดูรูป ฉันสิ........ห่วงยาง สองวงเบ้อเร่อเลย
ฮ้า ฮ่าๆๆๆ”
หลายเดือนผ่านไป
ฉันก็ได้เพื่อนคนเดิมกลับมา ยัยนกหัวเราะร่วน ขณะที่เรียกให้ฉันดูรูป ตัวเองในชุดว่ายน้ำ
“ที
เย็นนี้ สี่ทุ่มออกมารอพี่ที่หน้าห้างนะ” พี่ตั้มสั่งมาจากปลายสาย
“จะไปไหนกันครับ” ฉันถามด้วยความแปลกใจ
“เออน่ะ..........ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” แล้วพี่ตั้มก็ตัดสายไป
“พี่ตั้ม.....ดื่มมากไปแล้วครับ
ช้าๆ บ้างก็ได้” ฉันปราม เมื่อเห็น พี่ตั้มกระดกเอาๆ หมดไปครึ่งกลมแล้ว
ตั้งแต่เข้ามาถึงผับ ชาวเรา ย่านสีลม
ในขณะที่ฉันเพิ่ง จิบไป แก้วเดียวเอง
“ขอพี่เมาซักวันเถอะนะ................”
“เออๆ.....งั้นก็ตามใจ
เต็มที่เลยเดี๋ยวผมพากลับเอง”
แล้วพี่ตั้มก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
เอาแต่นั่งดื่มๆๆๆๆ จุดบุหรี่สูบมวนต่อมวน
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันต้องมาเป็นเพื่อนพี่ตั้ม
ประมาณสัปดาห์ละสอง สามวันได้
“ทำไมไม่เห็นพี่เคยพา พี่เอมาด้วยเลย.............” ฉันถามด้วยความแปลกใจ
พี่ตั้มจ้องตาฉันดุๆๆ
“ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านี่” ฉันตั้งคำถามกับตัวเอง
“เอ..........เขาทิ้งพี่
หนีตามไอ้หน้าหล่อไปแล้วล่ะ”
พี่ตั้มตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
ตาแดงก่ำเริ่มมีน้ำเอ่อแทบจะล้นออกมา
แล้วรีบกระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้วเช่นเคย
“แก..... อย่าทิ้งพี่อีกคนหล่ะ
เข้าใจไหม” พี่ตั้ม สั่งฉันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
เอาแต่นั่งสูบบุหรี่และดื่มๆๆ
ฉันต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่ตั้ม
สายตาก็มองและสังเกตผู้คนในผับไปเรื่อย
“ผู้ชายคนนั้น เท่ห์จังเลย”
ฉันบอกกับตัวเอง
และคอยแอบมองเขาด้วยความชื่นชม
ขอเชิญแขกทุกท่าน มาร่วมกันแดนซ์ให้กระจายเลยนะครับ
“ปะพี่ตั้ม
ไปดิ้นกัน” ฉันลากพี่ตั้ม ไปร่วมแดนซ์ หลังจากดูคาบาเร่ห์จบลง
พี่ตั้มคงเมามากเต้นสะเปะสะปะ เปลี่ยนคู่ไปเรื่อย แต่ดูไม่มีใครถือสา
ฉันเลยปล่อยแกไปตามเรื่องตามราว
“สวัสดีครับ” ฉันหันกลับตามเสียง
เทพบุตรสุดหล่อคนนั้นเอง
“สวัสดีครับ”
“ผมชื่อชาติ” เขาแนะนำตัว พร้อมทั้งส่งรอยยิ้ม มากระชากใจฉัน
“หล่อเหลือเกิน” ฉันบอกกับตัวเอง
“แล้วคุณล่ะครับ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม อย่างรู้ทัน ขณะที่ฉันตกอยู่ในภวังค์
“....ทีครับ” ฉันละล่ำละลักประหม่า
“มากับแฟนเหรอครับ”
“เปล่าครับ
พี่ที่ทำงาน”
“เพลงจบพอดี
เชิญที่โต๊ะผมนะ” ชาติดึงแขนฉันให้เดินตาม
ขณะที่ดีเจเปิดเพลงรักหวานซึ้ง
คู่รักหลายคู่ ต่างกอดกันเต้นรำอยู่กลางฟลอร์
“นี่……………
นี่…………… นี่……………นี่…………… นี่……………”
“สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ..................................”
ฉันทำความรู้จักกับเพื่อนๆเขารอบโต๊ะ
แต่ด้วยความประหม่า เลยไม่ได้พูดอะไรอีก ชาตินั่งเบียดฉันเข้ามาอีกและคอยชวนคุย จนรู้ว่าเขาทำงานโรงแรม
เขาคอยเทคแคร์ฉัน จับขา
จับมือฉันเมื่อมีโอกาส
ขณะที่ฉันนั่งเหม่อๆ เขาเอาจมูกมาไล้ที่แก้มฉัน และจุมพิตอย่างแผ่วเบา ฉันรู้สึกขนลุกเกรียวไปทั่วตัว
เลือดสูบฉีดไปทั่วใบหน้า
“เดี๋ยวผมไปส่งนะ”
“พี่เขาเมามาก ผมต้องดูแลน่ะครับ” ผมเป็นห่วงพี่ตั้ม
………………………………………………………………………………………..
“งั้น ผมขอเบอร์โทร นะครับ จะได้นัดเจอกันวันหลัง”
“ขอเบอร์คุณดีกว่านะครับ
เดี๋ยวผมจะติดต่อมา”
“ผมไม่มีเบอร์................” ชาติตอบ
ทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังนิดๆ รู้สึกเหมือนเขาไม่จริงใจ
เผอิญ ฉันเหลือบไปเห็นพี่ตั้ม
พยักหน้าเรียก
“ผมขอตัวนะครับ.....” ฉันบอกลาชาติ
“เดี๋ยวหมดช่วง คาราโอเกะร้านก็ปิด.......ไว้กลับตอนนั้นละกัน” พี่ตั้มบอกและขอตัวไปห้องน้ำ
“ขอมอบเพลงนี้ให้คนที่มานั่งคุยกับผม
เมื่อสักครู่นะครับ.............................”
“ความรักเอย
เจ้าลอยลมมาหรือไร
มาดลจิตมาดลใจเสน่หา.....................” ร้องเพราะจังฉันจึงมองหาคนร้อง....................
ชาตินั่นเอง
“รักนี้จริงจากใจหรือเปล่า
หรือเย้าเราให้เฝ้าร่ำหา...............................หรือแสร้งเพียงแต่แลตา
ยั่วอุราให้หลงลำพอง
ฮืมๆๆๆๆๆ”
ฉันอินไปกับบทเพลง
และชาติเองก็ส่งสายตามาที่ฉันตลอด เหมือนกับต้องการบอกความในใจตามเนื้อเพลง
“สงสารใจฉันบ้าง
วานอย่าสร้างรอยช้ำ ซ้ำเป็นรอยสอง
รักแรกช้ำน้ำตานองถ้าเป็นสองฉันคงต้องขาดใจตาย
ฮืมๆๆๆๆๆ” ชาติร้องเพลงและมองมาที่ฉันอย่าเว้าวอน
จนฉันมั่นใจว่าเขาต้องการสื่อความตามเนื้อร้องแน่ๆ
ฉันเขียนเบอร์โทร และกำลังจะนำไปให้ชาติ
“ยังไม่กลับอีกหรือที.............” นกแก้วทักทายและนั่งคุยกับฉันเป็นตุเป็นตะอยู่ตั้งนานสองนาน
……………………………………………………………………………………
“อ้าวเพื่อนมานู่นแล้ว เรากลับก่อนนะ ” นกแก้วบอกลา
ฉันมองหาชาติ..............................
แต่เขาไม่อยู่แล้ว
“โธ่ ยัยแก้วเอ๊ย............ร้อยวันพันปีมันไม่เคยมีเรื่องคุยกับฉันยืดยาวอย่างนี้นะ” ฉันบ่นกับตนเอง
ตั้งแต่ คืนนั้นเป็นต้นมา
ทุกภาพของชาติ
สายตาที่เว้าวอน
เสียงเพลงที่เขาร้อง
ความอบอุ่นของมือที่เกาะกุมมือฉัน
ความวาบหวิวที่แก้ม
ทุกสิ่งยังคงอยู่รายล้อมตัวฉัน
ไม่ว่ายามหลับหรือตื่น
หรือว่าฉันจะกำลังทำอะไรก็ตาม
ฉันยังรู้สึกเหมือนทุกเหตุการณ์เพิ่งจะเกิดขึ้น
มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน
หรือว่า
“ชาติครับ............ผมรักคุณเข้าแล้ว ใช่ไหม” ฉันยิ้มให้กับตัวเอง
และรู้สึกเจ็บใจที่ไม่ได้ให้เบอร์โทรกับชาติ
ฉันตามพี่ตั้มไปที่ผับเดิมอีกสองสามครั้ง
และฉันไปคนเดียวอีกสองสามครั้ง
แต่..............ไม่มีวี่แววของชาติเลย
ถึงกระนั้น ฉันก็ไม่ยอมท้อ
ฉันพยามยามไปแถวๆหน้าโรงแรมที่คิดว่า ชาติน่าจะทำงานอยู่
อดเจ็บใจตัวเองไม่ได้อีกเหมือนกันที่ไม่ได้ถามว่า ทำงานอยู่โรงแรมอะไร
ฉันไม่เป็นอันกินอันนอน
คอยคิดถึงชาติ
ตามหาชาติ
แต่ไร้วี่แวว........................................................................................................................................................
แต่ก็ยังน้อยใจชาติไม่หายเหมือนกันที่เขาไม่ให้เบอร์โทร
เขาไม่ได้บอกว่า
ทำงานที่ไหน....................... สุดท้ายฉันจึงบอกกับตัวเองว่า ก็แค่คนที่ไม่จริงใจคนหนึ่ง
จะไปคิดถึงเขาทำไมกัน
คงไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้วล่ะ
“ฮัลโหล
ทีเย็นนี้เลิกงานแล้วแวะมาหาพ่อนะ
เขามาค้างที่ห้องพี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”เสียงพี่ทูสั่งมาจากปลายสาย
นี่ก็เกือบสองเดือนแล้วสินะ
“ชาติ..........เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว” ฉันรำพึงกับตัวเองขณะก้าวขึ้นรถเมล์
ไม่มีที่นั่งเช่นเคย
ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนที่ขึ้นป้ายนี้
ฉันจึงเดินไปยืนเกาะราวด้านหลังคนขับ
ด้วยเป็นเที่ยวสุดท้าย
กสักที
ะราวด้านหลังคนขับรื่องปกติของคนที่ขึ้นป้ายนี้
ขณะที่รถไม่ยอมออกสักที
ด้วยเป็นเที่ยวสุดท้ายก็รอพนักงานห้างที่ฉันทก็รอพนักงานห้างที่ฉันทำงานอยู่นะแหละ
คงอีกสักพักฉันบอกกับตัวเอง
แล้วมองไปข้างหน้าอย่างเซ็งๆ
แต่ในความรู้สึกเหมือนมีใครคอยมองฉันอยู่จากด้านหลังแถวที่นั่งข้างๆประตู
ฉันค่อยๆมองไปตามสำนึกรู้นั้น........................................
“ชาติ..................” ฉันอุทานกับตัวเอง
และรีบเดินไปหาเขา
“สวัสดีครับ” ฉันทักทายและยิ้มให้ด้วยความปลื้มปีติ
“สวัสดีครับ” ชาติ ยิ้มตอบรับ
เราถามสารทุกสุกดิบ คุยกันไปเรื่อยเปื่อย
โดยฉันเองก็ไม่กล้าแสดงอาการอะไรมากมายนัก
เพราะคนบนรถเมล์
ล้วนเป็นคนที่ทำงานของฉันนั่นเองและฉันรู้สึกว่า
ชาติเองก็ไม่กล้าพูดคุยอะไรมากมายเช่นกัน
ผิดกับวันที่อยู่ในผับ คนละเรื่องเลยทีเดียว
วันนั้นเขาเป็นคนรุกถามซะจนฉันเองที่เขินประหม่า
แต่วันนี้ดูเขาเกร็งๆ
ถามคำตอบคำซะงั้น.................. เมื่อคิดได้อย่างนั้น
ฉันจึงสังเกต..........คนที่นั่งข้างๆเขา
เป็นผู้ชายไม่ใช่สิ
เกย์สาวแน่ๆ
นั่งนิ่งๆ ติ๋มๆ
หน้าตาก็ โอเค แต่โบ๊ะหน้าซะ วอกเชียว .................
ฉันละสายตา กลับไปมองหน้าชาติ
ฉันมองลึกเข้าไปในสายตาทั้งคู่
ฉันอยากจะรู้ความจริง
ฉันอยากจะถามตรงๆ
แต่คนเยอะเหลือเกิน
คนที่ทำงานของฉันทั้งนั้น...................................ชาติดู อึดอัด
กระอักกระอ่วนใจ
“ลาก่อนนะครับ.............” ฉันบอกลาชาติ
เมื่อรู้ว่า อะไรเป็นอะไร ฉันรีบเดินไปหาเพื่อนโดยไม่รอฟังว่า ชาติจะตอบกลับว่าอย่างไร
ในขณะที่หัวใจเริ่มเจ็บปลาบๆแปลบๆ
ความรู้สึกเดิมๆที่ฉันคุ้นเคย
กลับมาหา.......................
กลับมาอยู่กับฉันเหมือนเคยๆ
“เครือ....เดี๋ยวฉันไปส่งเธอนะ” ฉันบอกเพื่อนสาว โดยพูดให้ดังกะว่าให้ชาติได้ยินชัดเจนยัยเครือมองหน้าฉันงงๆ
เพราะเมื่อกลางวันเรายังมีเรื่องงอนๆกันอยู่เลย
แล้วเพื่อนคนสวยของฉันก็มองไปที่ชาติ
แล้วมองกลับมาที่ฉัน ...............................มองไปที่ชาติ
แล้วมองกลับมาที่ฉันแล้วพูดยิ้มๆอย่างรู้ทัน
“ได้สิจ๊ะ...........” เสียงตอบอย่างประชดประชัน “ ว่าแต่ทำไมต้องเลย..............ไปลงถึงซอยคอนโดฉันหล่ะ” เครือถามด้วยความสงสัย
“พ่อมารออยู่ที่ห้องพี่ชายน่ะ” ฉันตอบ
และชวนเครือคุยไปเรื่อยๆ
พอคนสุดท้ายขึ้น
รถเริ่มเคลื่อนที่
ฉันมองสบสายตาชาติอีกครั้ง....................................ชาติมองฉันด้วยสายตาที่แสดงการตัดพ้อ.................แสดงอาการน้อยอก น้อยใจ
ฉันยิ้มให้จางๆ
ชาติส่งยิ้มเศร้าๆกลับมา..............................
พอถึงป้ายถัดไป
รถจอดรับพนักงาน อีกห้างหนึ่ง
คนขึ้นมาจนแน่นรถ
ฉันมองไม่เห็นชาติ อีกเลย
แต่ฉันก็ยังคอยสังเกตว่า
ชาติจะลงป้ายไหน
จนถึงป้ายแรกที่เข้าสู่ถนน เส้นที่คอนโดฉันตั้งอยู่
ชาติลุกขึ้นยืน
และเดินตามเขาคนนั้นไป
ชาติดูหล่อ
สมาร์ทเหลือเกิน .............
แต่
ชาติเดินตามคนนั้นไปโดยไม่มองหาฉัน.................ไม่บอกลาฉันสักคำเดียว
“ช่างเขาสิ
จะรักใครชอบใคร
จะไปนอนค้างอ้างแรมกับใคร
จะไปเป็นของๆใคร ก็เรื่องของเขา
เขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย”
ฉันบอกกับตัวเองอย่างมีทิฐิ
โกรธและไม่พอใจค่อนข้างมาก
แต่ในหัวใจรู้สึกว่า จะเจ็บแปลบหนักกว่าเดิม
ฉันกล้ำกลืนฝืนทำตัวให้เป็นปกติให้มากที่สุด
ฉันไปส่งเพื่อน..............ฉันไปหาพ่อ..............
เมื่อทำธุระทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ฉันทรุดตัวลงที่นอนอย่างอ่อนล้า......................ก้มหน้าลงซบหมอน..................................ร้องให้อย่างเดียวดาย.........................
ฉันร้องให้ อย่างเหน็ดเหนื่อยหัวใจ.......................................
“ไม่ใช่........... ไม่ใช่ อีกแล้วเหรอ”
ฉันพร่ำรำพันกับตัวเอง ด้วยความท้อแท้
ฉันร้องไห้
ฉันคร่ำครวญเพียงลำพัง
คิดถึงทุกภาพของชาติที่เคยผ่านตา.....................คิดถึงทุกที่ทุกคืนวันที่ฉันออกตามหาเขา............................. คิดถึงความอบอุ่นที่เขาเคยเกาะกุมมือ .................... คิดถึงความวาบหวิว ที่แก้มของฉัน.................แล้วก็
ภาพสุดท้ายภาพที่เขาไปกับ............ใครคนนั้น
ฉันร้องไห้...........................ร้องไห้จนหมดแรง
ฉันลาหยุดงานสองสามวัน
เฝ้าครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา
“นี่ถ้าฉันยอมให้เขามาส่งที่ห้องตั้งแต่แรก
เรื่องคงไม่ลงเอยเช่นนี้”
“และ
ถ้า ฉันให้เบอร์โทรแก่เขา
เขาคงไม่ไปกับใครคนนั้น”…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“แม้กระทั่ง ตอนที่เจอกันครั้งหลังสุด
ถ้าฉันชวนเขาลงจากรถมาคุยกัน
อาจจะลงเอย ด้วยดี”
“หรือในวินาทีสุดท้าย
ถ้าฉันลงรถตามเขาไป
และกล้าหาญพอที่จะทวงเขาคืนจากใครคนนั้น
ฉันคงไม่ต้องมานั่งเหงา
ซึมเศร้า
ครวญครางเช่นนี้” …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“ชาติครับ...........ผมขอโทษ”
ฉันบอกกับตัวเองทุกครั้ง
ที่นึกถึงสายตาที่แสดงการตัดพ้อสายตาที่แสดงอาการน้อยอก น้อยใจ.........................
และภาพรอยยิ้มเศร้าๆ
ของเขา
“ที่รัก............คุณไม่เหมือนใคร
ผมยังรู้สึกดีๆ ต่อคุณเสมอ
แม้ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว
คุณยังอยู่ดีใช่ไหมครับ..................”
ฉันพร่ำบอกและตั้งคำถามฝากไปกับลมฟ้า
ด้วยความคิดถึงคนึงหา
ฉันให้สัญญา............
“ผมจะสารภาพทุกความรู้สึกที่มีต่อคุณ ...................... ในครั้งต่อไปที่เจอกัน”
“ชาติครับ
ผมรู้สึกทุกข์ทรมานและเจ็บปวดที่หัวใจเหลือเกิน”
...........................................................................................................................................................................................................................................
ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ {:5_136:}ขอบคุณครับ{:5_136:} ขอบคุนครับ ขอบคุนคับ{:5_130:} ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากคับ ชอบมากครับ ชอบมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ทำไมเศร้าจังเลย ขิบคุณ
หน้า:
[1]