เตียงอุบาทว์
ถ้าเหตุการณ์น่าสยดสยองเรื่องนี้เกิดขึ้นกับสามี ดิฉันอาจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ค่อนไปทางไม่เชื่อมากกว่า...ไม่ใช่เพราะคิดว่าเขาตาฝาดหรือกุเรื่องขึ้นมาเล่าตามประสาคนขี้เล่น แต่คงเกิดจากพิษสุราอย่างแน่นอน
อันที่จริงสามีไม่ใช่นักดื่มหรอกค่ะ นอกจากพบเพื่อนฝูงกับไปการงานต่างๆ และก็ไม่ได้ดื่มมากมาย จนครองสติไม่อยู่ อ้อ! เขามีนิสัยชอบดื่มตอนที่เรา ออกไปท่องเที่ยวเดินทางไกลไปต่างจังหวัดกัน โดยเฉพาะตอนเดินทางโดยรถไฟ
คราวนี้ก็เช่นกัน!
เรานั่งรถด่วนจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมลูกชายที่เรียนหนังสืออยู่ชั้นม.ปลาย โดยพักอยู่กับพี่สาวดิฉันที่สามย่าน แม้ว่าจะมีญาติๆ ท้วงติงว่าบ้านเราก็มีโรงเรียนดีๆ ถมไป แถมตัวเองก็คิดถึงลูก...แต่เหตุผลสำคัญคือพี่สาวดิฉันเป็นโสดและรักหลานคนนี้มากๆ จนขอไปอยู่ด้วยตั้งแต่จบม.ต้นแล้วค่ะ
บังเอิญลูกชายก็รักป้าเหมือนแม่ อาจจะอยากอยู่กรุงเทพฯ ด้วยก็ได้ เต็มอกเต็มใจมาอยู่ด้วย เราพ่อแม่ก็ตัดใจได้ คิดถึงมากๆ เมื่อไหร่ก็มาเยี่ยมลูกเสียที
สรุปว่าเรามาถึงกรุงเทพฯ เช้าวันเสาร์ ได้พบปะพูดคุยกันจนถึงค่ำวันอาทิตย์ก็ได้เวลากลับ ลูกมาส่งพ่อแม่ถึงหัวลำโพง ขึ้นรถไปพูดคุยกันต่อให้ชื่นใจจนกระทั่งหมดเวลา
สามีชวนดิฉันไปที่ตู้เสบียงตามฟอร์ม โชคดีที่เหลือโต๊ะว่างตัวสุดท้ายพอดี!
หลังจากเริ่มต้นเบียร์ขวดที่สอง ดิฉันอิ่มหนำเรียบร้อยว่าจะขอตัวกลับที่นั่งก่อน สามีก็บอกว่ารอให้เขาปูที่นอนให้เรียบร้อย จนเขาเริ่มขวดที่สาม...ตอนนั้นสองทุ่มกว่าแล้วดิฉันขอกลับไปเตรียมตัวเข้านอนที่เตียงก่อน สามีก็พยักหน้า...หมดขวดนี้จะตามไป
หลังจากเข้านอนได้ไม่นาน จวนจะเคลิ้มๆ อยู่แล้ว สามีก็แหวกม่านเข้ามาหาดิฉันเตือนว่าขึ้นบันไดระวังหน่อยนะ ขนาดมีราวลูกกรงริมเตียงยังเคยมีคนนอนดิ้นจนตกลงมาแล้ว เขาก็หัวเราะ...ปีนขึ้นไปที่เตียงชั้นบนเรียบร้อย
ไม่นานนัก ดิฉันก็รู้สึกเคลิ้มเข้าสู่ความหลับใหล ด้วยนิสัยหลับง่าย ไม่ต้องพึ่งยาคลายเครียดหรือยาระงับประสาทเหมือนเพื่อนบางคนที่อยู่ในวัยใกล้สี่สิบเหมือนกัน อาจเป็นเพราะไม่มีปัญหายุ่งยากรกสมองก็เป็นได้
เสียงล้อเหล็กบดรางราวกับจะช่วยขับกล่อมจนไม่ได้ยินเสียงกรนของสามี แถมยังช่วยให้จมดิ่งไปสู่ความหลับใหลได้รวดเร็วด้วยซ้ำไป!
ไม่แน่ใจว่าหลับสนิทไปนานแค่ไหน มารู้สึกตัวอีกครั้งก็คือการกอดรัดด้านหลังดิฉันนอนตะแคงหันหน้าสู่ทางเดิน...คิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในความฝัน แต่เมื่ออ้อมแขนรัดแน่น พร้อมกับการคลึงเคล้าแถวหน้าอกจนรู้สึกเจ็บแปลบ...สามีน่ะเอง!
นี่เกิดอะไรขึ้นมานะ? เขาไม่เคยอุตริวิตถารแบบนี้มาก่อนนี่นา
หรือว่าฤทธิ์เบียร์ที่ดื่มเร็วเกินไป อาจจะเป็น 4-5 ขวดก็ได้ ที่ทำให้เกิดอารมณ์ห่ามบ้าๆ ตะกายลงบันไดมานอนร่วมเตียงด้วย ถ้าใครเกิดตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำแล้วเหลือบเห็นหรือได้ยินสุ้มเสียงเข้าล่ะ...
"ปล่อย! อย่าบ้าน่าคุณ เมามากหรือคะ? ขึ้นไปเตียงบนเดี๋ยวนี้ อย่าทำน่าเกลียด"
ไร้ผล! เสียงหอบหืดกับการคลึงคลำกลายเป็นขยำขยี้จนดิฉันเจ็บจริงๆ พร้อมกับเอะใจวูบ...สามีไม่เคยเมามายขนาดนี้ กับไม่เคยทำอะไรให้เจ็บปวดมาก่อน...ลมหายใจเหม็นๆ นั่นไม่ใช่ของสามีแน่ๆ
ใช้ศอกกระทุ้งเข้าใส่พร้อมกับดิ้นสุดแรงจนหลุด หันขวับไปมองร่างที่ผงะหงายไปติดข้างเตียง...ดิฉันคิดว่าตัวเองกรีดร้องสุดเสียง แต่มันกลับมาจุกแน่นอยู่ที่ลำคอจนไม่มีอะไรดังลอดออกมาเลย นอกจากเสียงล้อเหล็กบดรางกระหึ่มตลอดเวลาเท่านั้นเอง
ในแสงสลัวที่ส่องผ่านเข้ามา ดิฉันจะไม่มีวันลืมภาพอันน่าสยดสยอง ทำให้ขนลุกขนพองสุดขีดไปจนชั่วชีวิต!
นรกเป็นพยาน! ชายแก่ผมขาวโพลน ร่างอ้วนฉุเปล่าเปลือย หน้ากลมอูมไม่ผิดกับซาลาเปา นัยน์ตาลุกพอง ปากหนาๆ แสยะยิ้มน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนภาพในคืนฝันร้ายที่กลายเป็นความจริง
"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย..." ดิฉันตะโกนลั่น เผ่นพรวดออกมาจากเตียงนั่นได้ยังไงก็สุดรู้ แต่ทำให้ผู้คนใกล้ๆ กันทั้งสองฟากแหวกม่านออกมามอง หน้าตาเลิ่กลั่กไปตามๆ กัน...รวมทั้งสามีที่ร่ำร้องแต่ว่า...อะไร? เป็นอะไร? ใครทำ...ดิฉันร้องไห้โฮ โผเข้ากอดสามีแน่น...
เมื่อแหวกม่านดูก็ไม่เห็นร่างอุบาทว์นั่นเสีย แล้ว...ดิฉันอาจจะฝันร้ายหรือตาฝาดไปเองก็ได้ สามีปลอบ...แต่ขอมอบให้คุณผู้อ่านช่วยพิจารณาเอาเองเถอะค่ะ!
หน้า:
[1]