arr_tao โพสต์ 2014-3-13 15:21:48

ลางตาย


สมัยหนุ่มผมเป็นแขกขาประจำของคาเฟ่ย่านสะพานควาย จนรู้จักกับเจ้าของ กัปตัน นักร้อง และสาวเสิร์ฟทุกคน บางวันก็แวะไปตั้งแต่ตอนเย็น ได้พบกับเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นก่อนคาเฟ่เปิดรับแขกที่ทยอยกันเข้ามาราวสองทุ่มเศษ

ช่วงนั้นจะมีคนมาสมัครงานกันหนาตา ที่โต๊ะหินหน้าบาร์น้ำ ติดๆ กับสนามโล่งกว้างเป็นที่ตั้งโต๊ะใต้เต็นท์ มีเวทีติดกับกำแพงรั้วด้านขวามือ

เรื่องน่าขนหัวลุกที่ผมประสบมาเกิดขึ้นที่นั่นเองครับ!

นักร้องกับสาวเสิร์ฟมาสมัครงาน สาวเสิร์ฟมักหมุนเวียนเข้าออกกันอยู่เสมอ พวกดาวตลกกับนักแสดงกลโนเนมก็ทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ รวมทั้งรถส่งเครื่องดื่มเหล้าเบียร์และโซดา...ผมรู้จักอ๋อยตอนแรกก็ที่คาเฟ่แห่งนั้นเอง

ตอนแรกนึกว่าสมัครนักร้อง เพราะอ๋อยสะสวย ผิวขาว หุ่นดี แต่เธอกลับขอสมัครเป็นสาวเสิร์ฟ บอกว่าไม่เคยทำงานมาก่อน เห็นติดป้ายรับสมัครก็เลยแวะเข้ามา

ทางร้านอยากให้เป็นนักร้องโดยมีครูสอนให้ แต่อ๋อยบอกว่าร้องเพลงไม่เป็นและไม่ชอบเป็นนักร้อง...ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมยังไงเธอก็ปฏิเสธท่าเดียว ในที่สุดก็รับไว้เป็นผู้ช่วยติ๋มที่บาร์น้ำแถวหน้าห้องครัว ใกล้ๆ กับโต๊ะแขกที่เป็นม้าหินล้วนๆ ริมกำแพง

อ๋อยเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ มีแขกสนใจหลายคน แต่เธอไม่แยแสใครเลย

เย็นหนึ่ง สาวเสิร์ฟทยอยกันมา อ๋อยตระเตรียมโซดา น้ำแข็งและผลไม้เรียบร้อยแล้ว เห็นผมนั่งดื่มเบียร์คนเดียวก็เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะม้าหินใกล้ประตูรั้วและศาลพระภูมิ...เธอไดรับทิปจากผมบ่อยๆ เพราะเห็นใจที่มีแต่สาวเสิร์ฟเท่านั้นได้ทิปจากแขก

อ๋อยเล่าว่าอีก 2-3 วันจะไปทอดผ้าป่ากับเพื่อนๆ ที่ศรีสะเกษ รถออกจากสะพานควายตอนดึกไปสว่างที่โน่น เสร็จแล้วได้พบปะคนบ้านเดียวกัน บ่ายๆ ก็จะกลับมาถึงนี่ตอนค่ำ ไม่เสียงานอีกด้วย

พอดีนักร้องทยอยกันเข้ามา บางคนแวะคุยก่อนจะเข้าห้องแต่งตัวเปลี่ยนชุดนักร้อง บางคนแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จก็มาคุยด้วย แต่บางคนก็หอบอาหารที่แวะซื้อใส่จานมานั่งกิน...พูดจาหยอกล้อกันจนแขกเริ่มเข้า...

อีกราว 3-4 วันต่อมา ผมก็แวะไปที่คาเฟ่แห่งนั้นราวหกโมงเย็น

ฤดูหนาวทำให้ค่ำเร็ว เห็นอ๋อยนั่งเหม่ออยู่คนเดียวที่ม้าหินโต๊ะแรก ตอนนั้นยังไม่เปิดไฟเพราะแขกยังไม่เข้า ผมสั่งเบียร์แล้วนั่งโต๊ะเดียวกับอ๋อย แต่เธอทำหน้าเหมือนมองไม่เห็น จนสังเกตเห็นกระเป๋าใบเล็กๆ วางอยู่บนโต๊ะ...ไม่รู้ว่าไปทอดผ้าป่ามาหรือยัง?

อ๋อยยิ้มนิดๆ เห็นแล้วเอะใจชอบกล...เป็นรอยยิ้มเศร้าๆ หน้าตาซีดเซียว ดูหม่นหมองผิดกว่าที่เคยเห็น

"คืนนี้แหละพี่! คืนนี้อ๋อยจะไป..."

สุ้มเสียงเลื่อนลอย ดังวู่หวิวคล้ายสายลมพัดมาไกลๆ ผมขนลุกซ่าไปทั้งตัวเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรเธอเลยแม้แต่คำเดียว

"อ๋อยเป็นอะไรไปหรือเปล่า?" ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย เธอก็ส่ายหน้ายิ้มเศร้าๆ ตามเดิม

"เปล่านี่ อ๋อยไม่ได้เป็นอะไร" รอยยิ้มดูฝืดฝืนเต็มที ใบหน้าขาวซีดผิดปกติจนดูเด่นชัดในความสลัว ผมรินเบียร์ดื่มพลางมองหน้าเธอ แต่บางครั้งใบหน้านั้นก็เลือนรางไปราวกับไม่มีอ๋อยนั่งอยู่ที่นั่นเลย

ค่ำนี้เธอไม่ค่อยพูดจาเหมือนวันก่อนๆ เอาแต่นั่งเหม่อคล้ายหมกมุ่นครุ่นคิดอะไรอยู่ก็เหลือเดา...นักร้องทยอยกันมา ไม่มีใครทักทายอ๋อย เธอเองก็ไม่ทักทายใครเช่นกัน

ผมสั่งกับแกล้ม 2-3 อย่างแล้วขอตัวเข้าห้องน้ำ...เมื่อกลับออกมาก็ไม่เห็นอ๋อยเสียแล้ว เธอคงเข้าไปคุยกับเพื่อนๆ หรือเริ่มต้นทำงานแล้วก็ได้ เพราะกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆ บนโต๊ะก็หายไปด้วย

ทุ่มเศษ ดนตรีเริ่มโหมโรง ผมหันไปทางบาร์น้ำก็ไม่เห็นอ๋อย ถามสาวเสิร์ฟที่สนิทกันทุกคนก็บอกว่าคืนนี้ยังไม่เห็นอ๋อยเลย

ผมรู้สึกไม่สบายใจชอบกล นึกห่วงกังวลถึงอ๋อยอย่างไม่คิดเป็นมาก่อนจนหมดสนุก สั่งเบียร์มาดื่มอีกขวดแล้วตัดสินใจกลับบ้าน

วันรุ่งขึ้น ผมไปถึงคาเฟ่แห่งนั้นราวสี่ทุ่ม...ได้ข่าวว่าคืนที่แล้วอ๋อยเดินทางไปทอดผ้าป่ากับเพื่อนๆ เลยวังน้อยไปไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุชนท้ายรถกระบะ ได้รับบาดเจ็บกันระนาว ส่วนอ๋อยกระเด็นออกไปนอกรถ...คอหักตายคาที่เพียงคนเดียว!
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ลางตาย