arr_tao โพสต์ 2014-3-13 16:37:47

ในแสงจันทร์


ดิฉันไม่ใช่คนกลัวผีหรอกค่ะ ผีอาจมีจริงก็ได้ แต่เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา โลกนี้เป็นโลกมนุษย์นี่คะ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่โลกของภูตผีปีศาจอย่างแน่นอน!

ถ้าจะพูดเอาเท่ก็ต้องบอกว่า

"ฉันเองก็มีธุระเต็มมืออยู่แล้ว ไม่มีเวลาจะมาเทกแคร์พวกภูตผีปีศาจหรอกย่ะ! ขอโทษนะ อย่ามายุ่งกับฉันดีกว่า"

บางคืนอยู่ที่เปลี่ยวหรือมืดๆ ก็เคยนึกกลัวเหมือนกัน แต่ไม่ใช่กลัวผีนะคะ...คือรู้ทันจิตใจตัวเองว่าเรากลัวความเปลี่ยว กับความมืดมากกว่า เพราะไม่รู้ว่าอาจจะมีคนร้ายหรืออันตรายในรูปแบบต่างๆ คอยจ้องมองเราเงียบเชียบ ไม่ผิดกับเสือมองเหยื่อก็เป็นได้

แม้แต่กรุงเทพฯ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวง เป็นสุดยอดของความเจริญ ก็ยังมีที่เปลี่ยวและมืด เป็นจุดอ่อนให้คนชั่วหลบซ่อน คอยก่อกรรมทำเข็ญให้สุจริตชนตลอดมา!

เมื่อต้นปีที่แล้วนี่เอง ลมหนาวยังไม่จางหาย ดิฉันก็ได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้ขนหัวลุก จะเรียกว่าภูตผีหรือไม่ ขอให้ท่านผู้อ่านเป็นผู้พิจารณาเองค่ะ ย่านดินแดงที่ดิฉันอยู่มาตั้งแต่เด็ก ช่วงสิบกว่าปีต่อมาถนนรัชดาภิเษกกลายเป็นทำเลเงินทำเลทอง เป็นชุมทางนักท่องราตรีที่นับวันก็ยิ่งคึกคัก ขยายวงกว้างออกไปทุกที คอนโดฯ ผุดโผล่ปานดอกเห็ด แต่ก็แทบจะไม่พอต้อนรับผู้คนที่มาซื้อมาเช่าอยู่กันคับคั่ง หลากหลายอาชีพ

ลึกเข้าไปมีทางแยกมากมายคล้ายใยแมงมุม ไหนจะมีซอกเล็กซอยน้อย ต้นไม้ร่มครึ้ม ค่ำคืนค่อนข้างเปล่าเปลี่ยว มีแต่แสงไฟวูบวาบของรถราที่แล่นผ่านไปมา

เมื่อราว 4-5 ปีก่อนเคยเกิดเรื่องสลดใจขึ้นค่ะ!

นั่นคือ เด็กหญิงอ้อยถูกลากไปข่มขืนฆ่าด้วยการบีบคอตายคาที่ จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นฆาตกร?

อ้อยอายุราว 7-8 ขวบ ตอนเย็นๆ มักมาวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันในทางแยกค่อนข้างเปลี่ยว ส่วนมากชอบเล่นกระโดดเชือกอยู่ใต้ร่มหูกวางที่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มครึ้ม ใกล้ๆ บ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด เรียงรายกันไปจนถึงด้านในที่เป็นป่าละเมาะ คนแถวนั้นมองเห็นจนกลายเป็นภาพคุ้นตาไปแล้ว

จู่ๆ แม่ของพวกแกก็ออกมาตามเข้าบ้านเพราะใกล้ค่ำแล้ว แต่เด็กหญิงอ้อยหายไปตอนไหนไม่รู้เพื่อนๆ ก็ไม่มีใครสังเกต บอกตรงกันทั้งนั้น...นึกว่า กลับบ้าน! จนกระทั่งช่วยกันออกติดตามไปพบศพเด็กหญิงถูกหมกอยู่ในพงหญ้ารกทึบ

ไม่ต้องพูดถึงพ่อแม่ที่ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด...แต่เมื่องานศพผ่านไปไม่นานก็มีเสียงลือว่าวิญญาณของอ้อยกลับมา!

ลุงฟื้นกับป้าเชื่อมเดินผ่านปากทางที่มีต้นหูกวางเงียบเชียบอยู่ในแสงไฟ...เสียงเด็กหัวเราะระริกคิกคัก ทำให้ลุงป้าหันไปมองก็เห็นเด็กผู้หญิงกำลังเล่นกระโดดเชือกอยู่คนเดียว ลุงฟื้นโคลงหัวบ่นว่า มืดค่ำป่านนี้พ่อแม่ไม่รู้จักตามกลับบ้านกลับช่องเสียที

ป้าเชื่อมป้องตามองก่อนจะร้องว่า...นั่นมันยัยอ้อยนี่นา ที่เราไปเผาแกมาไง!

สองผัวเมียวิ่งไม่ไหว ได้แต่เดินลากขาหนักอึ้ง ป้าเชื่อมน้ำตาไหลพรากจนกระทั่งถึงบ้านก็เป็นลมเพราะความตกใจสุดขีด

น้าอ่อนกลับจากทำงานเดินผ่านมาราวสามทุ่ม ทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัดแม้แต่น้อยนิดแต่หูกวางต้นนั้นก็สะบัดใบซู่ซ่าเกรียวกราว น้าอ่อนหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจก็พบเด็กหญิงนั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งล่างสุด จ้องมองมาอย่างเยือกเย็น เล่นเอาร้องตะโกนให้คนช่วยเสียงหลง...แต่เมื่อเพื่อนบ้านแถวนั้นออกไปดูกลับไม่พบอะไรเลย

ขี้เมา ขาไพ่ วัยรุ่น ขาโจ๋จอมซ่า ล้วนแต่เจอดีจนร้องเอะอะโวยวายเหมือนไฟไหม้ ส่วนดิฉันบ้านอยู่ริมถนนด้านขวา ตรงกับปากซอยที่ว่าผีดุอยู่ด้านซ้าย แต่ไม่เคยเจอะเจอผียัยอ้อยเลย! จนกระทั่งคืนนั้น...

สามีกับลูกชวนให้ไปดูพระจันทร์เต็มดวงที่ระเบียงชั้นบน...ขณะที่เรากำลังชื่นชมความงามของฟากฟ้ายามราตรีอยู่นั้น ก็พอดีดิฉันได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องเพลงเศร้าๆ ดังแว่วมากระทบหู...นึกวูบถึงยัยอ้อยขึ้นมาทันที แต่แกตายไปหลายปีแล้วนี่นา!

เมื่อหันขวับไปมองก็เห็นภาพเด็กหญิงในแสงจันทร์ขาวนวล เยือกเย็นไปถึงหัวใจ กำลังกระโดดเชือกอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย...ยัยอ้อยแน่นอน!

ดิฉันอ้าปากค้าง ขนลุกซ่า ก่อนที่ภาพสยองนั่นจะค่อยๆ จางหายไปต่อหน้าต่อตา

ดิฉันตาฝาดหรือโดนผีหลอกจริงๆ กันแน่...แม้ว่าจะเป็นครั้งเดียวแต่ก็ติดหูติดตามาจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ!
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ในแสงจันทร์