เจ้าสาวในเรือนหอ
เหตุการณ์แปลกๆ มันเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เราขนย้ายข้าวของมาเข้าบ้านหลังนี้แล้วล่ะค่ะ! เป็นบ้านที่เราเพิ่งซื้อ เจ้าของเก่าเขาติดป้ายประกาศขาย ดิฉันกับสามีเผอิญผ่านไปเห็นเข้า ตอนที่แวะไปหาเพื่อนแถวคลองจั่น จากนั้นก็มีการติดต่อตกลงซื้อขายกันเป็นที่เรียบร้อย
ดิฉันชอบใจบ้านหลังนี้มาก นอกจากจะดูน่าอยู่น่าสบายแล้ว ยังมีเนื้อที่พอเหมาะสำหรับดิฉันกับสามีและลูกเล็กๆ สองคน คนใช้คนหนึ่งกับหมาชิวาว่าอีกหนึ่งตัว
ในวันแรกที่ย้ายเข้าบ้านนั้น มันชุลมุนวุ่นวายและสนุกสนานไม่น้อยเลย เพื่อนๆ มาช่วยเราขนของด้วย...ตอนนั้นเป็นยามบ่ายที่สดใส ลูกๆ ตื่นเต้นวิ่งขึ้นวิ่งลง บรรยากาศเหมือนเรามาเที่ยวพักตากอากาศยังไงยังงั้น เรามีปาร์ตี้เล็กๆ กันด้วยค่ะ
ขณะที่ทุกคนยังอยู่ในห้องรับแขก ดิฉันเดินมาหยิบของในรถ และเมื่อเงยหน้าก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปทางหลังบ้าน เธอเดินสบายๆ ดูท่าทางยังสาวและค่อนข้างสวย คือรูปร่างผอมบาง ผมยาวดัดหยิก นุ่งกางเกงชาวเลสีน้ำเงิน เสื้อยืดสีขาว ดิฉันเห็นหน้าเธอไม่ชัด เพราะเห็นแต่ด้านข้างเท่านั้น เธอก็เดินลับมุมตึกไปแล้ว ได้แต่สงสัยว่าใครกันนะ? ก็เลยตามไปดู
หลังบ้านมีแต่น้อยสาวใช้เท่านั้น และน้อยก็บอกว่าไม่เห็นใครเข้ามาเลย!
มันแปลกดี จะว่าตัวเองตาฝาดก็ไม่ใช่ มันกลางวันแสกๆ แดดแจ๋และเห็นเธอชัดเจนมาก แต่ประหลาดที่ตอนนั้นดิฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องผีสางนางไม้อะไรแม้แต่นิดเดียว
สัปดาห์ต่อมาหลังจากสามีไปทำงาน ลูกๆ ไปโรงเรียน และดิฉันจ่ายตลาดมาเรียบร้อยแล้ว...หลังจากอาบน้ำแล้วลงมาดูทีวีในห้องรับแขก กำลังดูเพลินๆ ก็เห็นอะไรแว่บๆ ทางหางตา เลยหันไปดู...ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วค่ะ!
คราวนี้เธอยืนอยู่นอกหน้าต่างและยิ้มให้ ดิฉันยิ้มตอบพร้อมขยับตัวลุกขึ้นเพื่อจะถามว่าเธอต้องการอะไร? เธออาจจะเป็นเพื่อนบ้านมาทักทายก็ได้ แต่รู้สึกว่าจะละลาบละล้วงไปหน่อย เพราะจู่ๆ ก็มาถึงตัวเลย ไม่กดออดหน้าประตูด้วยแน่ะ
ตอนนั้นดิฉันยังนึกโกรธน้อยด้วยซ้ำ ว่าไม่รู้จักล็อกประตูรั้ว
ดิฉันวางรีโมตลงบนโต๊ะกระจก พอหันกลับมาเธอหายไปแล้ว...เดือดร้อนต้องเดินตามหาทั่วบ้าน แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีใคร นอกจากน้อยที่ยืนรีดผ้าอยู่หน้าห้อง
คืนหนึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วัน ราวห้าทุ่มกว่าๆ ลูกๆ นอนหลับแล้ว พวกแกนอนข้างๆ ห้องนอนดิฉันกับสามี โดยมีน้อยนอนเป็นเพื่อน สามีดิฉันยังไม่กลับเข้าบ้าน แต่เขาไม่ได้ไปไหนไกลหรอกค่ะ อยู่บ้านเพื่อนใกล้ๆ นี่เอง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ดิฉันรู้สึกเพลียๆ ขี้เกียจดูทีวีเลยเข้าห้องนอน หยิบนิตยสารมานอนตะแคงอ่านบนเตียง แสงไฟกลางห้องก็เปิดสว่างจ้า ทันใดนั้น ดิฉันได้ยินเสียงน้ำหยดแหมะ...แหมะ...จากทางด้านหลัง พอหันไปดูก็ต้องใจหายวาบ...
ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาจากตู้เสื้อผ้า เธออยู่ในลักษณะเดิม คือนุ่งกางเกงชาวเลสีน้ำเงิน สวมเสื้อยืดสีขาว ผมยาวหยิกเป็นลอนเกือบถึงเอว ใบหน้าสวย แต่ซีดจนเขียว ริมฝีปากดำ เสียงน้ำหยดนั้นความจริงไม่ใช่น้ำหรอกค่ะ แต่เป็นเลือดที่ไหลจากผมของเธอ...เมื่อมองนานๆ ถึงเห็นว่าผมเผ้าเธอเปียกโชกด้วยเลือดที่ชโลมจากกลางศีรษะ!
เธอยิ้มและเดินช้าๆ มาที่เตียง ทรุดตัวนั่งลงและเอามือวางบนสะโพกของดิฉันซึ่งกำลังนอนตะแคง และเหลียวหลังมองเธออย่างตะลึงพรึงเพริด
จะว่าฝันก็ไม่ใช่ เพราะดิฉันมีสติทุกประการ หนังสือยังอยู่ในมือ และหมาชิวาว่าก็เห่ามาจากห้องของลูกๆ
ผู้หญิงที่ดิฉันแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่คน ยังนั่งยิ้มอยู่ติดตัวดิฉัน และมีเลือดชุ่มศีรษะมันเหลือเชื่อเกินไปใช่ไหมคะ? ดิฉันก็คิดอย่างนั้น ทุกอย่างมันนิ่งงันเหมือนเวลาหยุดนิ่งลงชั่วขณะ และแล้ว...ดิฉันก็ค่อยๆ กระถดลงจากเตียงทั้งๆ ที่ตายังประสานอยู่กับผีผู้หญิง...
โบราณสอนว่า ถ้าเจอผีอย่าวิ่ง! ดิฉันวิ่งไม่ออกค่ะ แข้งขาเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง มันหนักอึ้ง และค่อยๆ ขยับอย่างยากเย็น พาดิฉันไปที่ประตู...จากนั้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้แน่ เพราะรู้สึกชาไปทั้งตัวและมืดวูบ...ลงไปกองกับพื้น!
สามีกลับมาเห็นดิฉันในสภาพนั้น แล้วเรื่องราวต่างๆ ก็กระจ่างขึ้น...
เพื่อนเล่าว่า บ้านหลังนี้เดิมเป็นเรือนหอของบ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ แต่น่าสงสารที่เจ้าสาวไปประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตายที่ต่างจังหวัด บ้านนี้จึงทิ้งร้างอยู่หลายเดือน จนกระทั่งมีคนมาซื้อก่อนหน้าดิฉัน พวกเขาอยู่มาปีกว่าๆ ก็ประกาศขาย แต่ไม่ได้มีใครถูกผีหลอกเลยนะคะ แจ๊กพอตมาตกที่ตัวดิฉันนี่แหละ
สามีถามว่าดิฉันอยู่ต่อได้ไหม หรือจะขายบ้าน?
แหม...เสียดาย! ดิฉันเลือกอยู่ต่อแต่ต้องทำบุญใหญ่ และเขาต้องสัญญาว่าจะไม่ทิ้งให้ดิฉันอยู่คนเดียว ถ้าเจออีกทีล่ะก็...ดิฉันต้องขายบ้านนี้แน่ๆ ค่ะ!
ผีไม่น่ามาหลอกเนาะ สงสารคน อิอิ{:5_134:}
หน้า:
[1]